ฉู่เยว่ซินเองก็ไม่ได้สนิทสนมกับชิ่งเฟยมากนัก สาวรับใช้คนนั้นรู้สึกสงสัยแต่ก็ไม่กล้าถามให้มากความ จึงเพียงแค่ก้มหัวแล้วเดินออกไปโดยไม่ลืมที่จะปิดประตูลง
“พระชายาท่าน…” ฉู่เยว่ซินเอ่ยพูดขึ้นอย่างระมัดระวัง พูดไปได้ครึ่งเดียวก็ไม่พูดอะไรต่อ
ชิ่งเฟยยิ้มขึ้นเล็กน้อย จากนั้นเปลี่ยนสีหน้ากลับมาแล้วเดินเข้าไปหาฉู่เยว่ซิน จับมืองนางขึ้นมาอย่างเอ็นดู พูดขึ้นอย่างจริงใจว่า “ท่านหญิง ก่อนหน้านี้ที่เจ้าถามถึงเรื่องของข้า เดิมทีข้าเองก็ไม่อยากปิดบังหรอกนะ แต่ข้าก็ได้รับการไหว้วานจากคนอื่นมาเหมือนกัน เลยไม่สะดวกใจที่จะเล่าให้ใครฟังน่ะ!”
ฉู่เยว่ซินระมัดระวังตัวจากอีกฝ่ายอย่างสุดฤทธิ์ และในตอนนั้นเองนางก็รู้สึกตัวได้อย่างว่องไว…
ชิ่งเฟยได้ยินว่าจะจัดงานพิธีเยี่ยมญาติของฉู่เยว่หนิงอย่างใหญ่โต นางก็เลยตั้งใจคิดจะใช้วิธีเดิม โดยใช้นางเป็นทางผ่านเพื่อให้ตนกระทำอะไรบางอย่างได้อย่างราบรื่นสินะ
ในเมื่ออีกฝ่ายมีเรื่องมาขอร้องนาง ในใจของนางมีสติมั่นคงแน่วแน่ แต่ทว่าภายนอกกลับเผยสีหน้าหวาดกลัวกังวลออกมา
ชิ่งเฟยจับมือของนางเอาไว้ ในใจก็ยังคงคิดไม่ตกว่าจะพูดเรื่องนี้ออกไปดีหรือไม่ หรือว่านางควรพูดเล็กน้อยถึงจะโน้มน้าวใจอีกฝ่ายได้ แถมยังทำให้นางหลงเชื่อโดยไม่คิดสงสัยอีก
“ท่านหญิงรองเป็นคนจิตใจดี ทั้งยังยอมช่วยเหลือข้าอีก งั้นข้าจะเล่าให้เจ้าฟังโดยไม่ปิดบัง!” ชิ่งเฟยชั่งใจอยู่นาน สุดท้ายก็กัดฟันพูดออกมา ทำท่าราวกับว่านางตัดสินใจเรื่องอะไรบางอย่างอย่างใหญ่หลวง ทันใดนั้นก็หันหลังเดินไปยืนด้านข้างแล้วพูดว่า “งั้นข้าจะไม่ปิดบังเจ้าอีกต่อไป ที่จริงแล้วการที่แม่นางหลัวซืออวี่หายตัวไปจากงานพิธีก่อนเวลาตอนนั้น เป็นฝีมือของข้าเอง!”
การที่หลัวซืออวี่ออกไปจากงานเลี้ยงก่อนเวลา เดิมทีมันก็ไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่อะไรอยู่แล้ว ฉู่เยว่ซินเองก็ไม่ได้คิดสนใจเรื่องนั้น แต่ตอนนี้จู่ๆ ชิ่งเฟยก็พูดขึ้นมา ทำให้นางตกใจเหมือนกัน
“หรือว่าแม่นางหลัวซืออวี่เขา…” ฉู่เยว่ซินหน้าขาวซีด จู่ๆ ก็รู้สึกเสียใจที่ซักไซ้ถามเรื่องนี้กับชิ่งเฟยขึ้นมา
“ไม่ใช่อยู่แล้ว!” ชิ่งเฟยหัวเราะออกมาอย่างภาคภูมิใจ “ถ้าข้าคิดไว้ไม่ผิดล่ะก็ นางไม่มีทางกลับไปจวนหลัวกั๋วกงหรอก แต่เพราะเกิดเรื่องอะไรบางอย่างขึ้น จนถูกคนในจวนของพวกเจ้าซ่อนตัวเอาไว้”
ฉู่เยว่ซินตกใจจนตัวเซ โชคดีที่ยังจับขอบโต๊ะเอาไว้ได้ทันจนไม่ได้ล้มลง
“ก่อนหน้านี้ข้าวางแผนเอาไว้ว่าจะยืมเสื้อของสาวรับใช้ในจวนเจ้า ให้หลานซีใส่แฝงตัวเป็นสาวรับใช้ของวังบูรพา เพื่อออกไปส่งข่าวให้นาง ล่อให้อีกฝ่ายเดินมาฝั่งตะวันตกของสวนตรงที่ไม่มีผู้คนอยู่ เพราะตรงนั้นข้าเตรียมการบางอย่างเอาไว้แล้ว เดิมทีเรื่องนี้มันควรจะต้องสำเร็จ นางควรจะโวยวายเสียงดัง ทว่าภายหลังกลับเกิดข้อผิดพลาดอะไรบางอย่าง จู่ๆ ก็เงียบหายไปเลยในทันที เพราะฉะนั้นข้าก็เลยตั้งใจไม่พูดถึงมันขึ้นน่ะ” ชิ่งเฟยกล่าวอย่างใจเย็น ในระหว่างที่พูดอยู่ก็เผยสีหน้าคิดไม่ตกอยู่เนืองๆ
เดิมทีแผนการวางไว้อย่างแนบเนียน ใครจะไปคิดว่าจะเกิดเรื่องวุ่นวายพวกนี้ขึ้นได้ เรื่องกำลังดำเนินไปได้อย่างเข้าด้ายเข้าเข็มแท้ๆ กลับพังขึ้นมาเสียได้
ตัวนางเองก็ถือว่าฉลาดพอสมควรที่ไม่ได้อยู่รอในเรือนฝั่งตะวันตกดูเหตุการณ์ปะทะด้วยตนเองอยู่ตรงนั้น และเมื่อเดินกลับเข้ามาในห้องโถงที่จัดงานพิธีแล้ว และรู้ว่าหลัวซืออวี่หายตัวไป นางเองก็เลือกที่จะเงียบไม่ปริปากพูดอะไรสักคำ ทำให้ตั้งแต่เริ่มจนจบงานไม่มีใครสงสัยนางเลยสักคนเดียว
ฉู่เยว่ซินเมื่อได้ฟังแผนการและการดำเนินการของนางอย่างคร่าวๆ แล้วก็ตกใจจนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว สีหน้ามึนงงเอ่ยปากพูดขึ้นอย่างสงสัยว่า “งั้นเดิมทีพระชายาท่านตั้งใจจะทำอะไรกันแน่เจ้าคะ? ท่านกับแม่นางหลัวซืออวี่…”
ชิ่งเฟยกับหลัวซืออวี่ไม่มีทางมีความแค้นต่อกันเป็นแน่ อีกอย่างหลัวซืออวี่เองก็เป็นบุตรสาวคนโตของจวนหลัวกั๋วกง จู่ๆ ทำไมชิ่งเฟยต้องจัดการนางโดยที่ไม่มีเหตุผลเยี่ยงนี้ด้วย?
“พูดแล้วก็บังเอิญมาก!” ชิ่งเฟยกล่าวแววตาเต็มไปด้วยความดุร้าย หันไปมองหลานซีอย่างโหดเหี้ยม
เบ้าตาของหลานซีตื้นรื้นขึ้นมา นางรีบลงไปคุกเข่าอ้อนวอนขอร้อง
“เป็นความผิดของข้าน้อยเองเจ้าค่ะ ข้าน้อยสมควรตาย!”
ฉู่เยว่ซินได้ยินดังนั้นก็ยิ่งมึนงง
“คนที่ข้าต้องการจะช่วยเหลือไม่ใช่แม่นางหลัวซืออวี่หรอก” ชิ่งเฟยอธิบาย ไม่ว่านางคิดอะไรอยู่ แต่แววตาของนางกลับมีความรู้สึกดีอกดีใจขึ้น นางนั่งลงมารินชาให้ตัวเองแล้วพูดขึ้นอย่างเอื่อยเฉื่อยว่า “เป็นเพราะเจ้าหลานซีคนนี้ไม่ได้เรื่อง ทำแผนไม่สำเร็จ นางจำผิดคน จนทำให้แม่นางหลัวซืออวี่ถูกหลอกล่อเข้าไปแทน เลยทำให้แผนของข้าพังน่ะ”
ฉู่เยว่ซินกลั้นหายใจแล้วก็ไม่ได้ถามซักไซ้อะไรต่อ นางเพียงแค่มองอีกฝ่ายอย่างกล้าๆ กลัวๆ
ชิ่งเฟยหยุดนิ่งไปสักพักหนึ่งจากนั้นถึงค่อยหัวเราะออกมาแล้วพูดว่า “ที่จริงแล้ว…คนที่ข้าอยากจะหลอกล่อคือแม่นางหลัวอวี่ก่วนต่างหากเล่า”
เรื่องนี้จะโทษหลานซีก็คงไม่ได้ หลัวอวี่ก่วนอยู่ในวังมานาน อย่างไรเสียหลานซีก็ย่อมรู้จักนางอยู่แล้ว ถ้าจะต้องโทษก็ต้อง โทษหลัวอวี่ก่วนต่างหากเล่า ที่ช่วงนี้นางคิดมากเศร้าโศกเสียใจจนเกินควร ทำให้นางซูบผอมกว่าปกตินัก เหตุนี้ตอนที่อยู่สวนดอกไม้เมื่อกลางวันตอนนั้น หลานซีก็ไม่ทันสังเกต ได้ยินมีคนพูดแค่ว่า ‘คุณหนูสกุลหลัว’ ขึ้น นางเห็นแค่แผ่นหลังก็เข้าใจผิดว่าหลัวซืออวี่คือหลัวอวี่ก่วนไป
ภายหลังมาดูหน้า เมื่อรู้ตัวว่าผิดคนก็ไม่ทันการณ์แล้ว นางจึงเลยตามเลยผิดคนก็ผิดคน
“หลัวอวี่ก่วนรึ?” ฉู่เยว่หนิงขมวดคิ้ว เอ่ยถามนางอย่างสงสัย “นางไปทำอะไรให้พระชายาไม่พอใจหรือเจ้าคะ?”
“ไม่หรอก!” ชิ่งเฟยยิ้มแล้วตอบว่า “นางมาขอร้องให้ข้าช่วยน่ะ ว่าเพียงให้ข้าช่วยแสดงละครให้นางหน่อย เดิมทีหลานซีจะเป็นคนไปส่งข่าวให้นาง แต่คิดไม่ถึงว่าจะจำผิดคน สุดท้ายก็เลยช่วยไม่ได้เพราะจำผิดคน สุดท้ายก็เลยหลอกล่อแม่นางหลัวซืออวี่ไปแทน”
เดิมทีฉู่เยว่หนิงคิดว่าตัวเองฟังเข้าใจแล้ว แต่ตอนนี้นางกลับยิ่งมึนงงสับสนไปหมด
ฉู่สวินหยางทำเรื่องสืบหาตรวจสอบอย่างยิ่งใหญ่เพียงนี้ เห็นได้ชัดว่าต้องเกิดเรื่องไม่เหมาะสมกับหลัวซืออวี่เป็นแน่
หากชิ่งเฟยต้องการช่วยหลัวอวี่ก่วนล่ะก็ หลัวอวี่ก่วนเองก็ไม่ถึงขั้นต้องขอความช่วยเหลือจากชิ่งเฟยหรอก ทำไมนางถึงต้องวางแผนเพื่อให้คนอื่นมาเห็นนางตกต่ำเยี่ยงนั้นด้วยเล่า?
ชิ่งเฟยเค้นความคิดออกมาอย่างสุดความสารถเพื่อแต่งเรื่องทั้งหมดนี้ออกมา คิดวิเคราะห์เรื่องทั้งหมดอยู่ชั่วครู่ จากนั้นก็หัวเราะแห้งออกมาแล้วพูดว่า “ท่านหญิงรองกับข้าเองก็สนิทกัน ข้าเลยไม่คิดจะปิดบังท่านหรอก พูดถึงแม่นางหลัวอวี่ก่วนนั่น เดิมทีข้าก็ไม่ชอบหน้านางอยู่แล้ว แต่ด้วยความที่ตอนแรกสมัยที่นางอยู่กับฮองเฮา นางเคยช่วยข้าเอาไว้ครั้งหนึ่ง แล้วครั้งนี้นางอุตส่าห์มาขอร้องข้าด้วยตนเอง ข้าเองจะไม่ตอบรับคำขอนางก็ไม่ได้ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องทดแทนบุญคุณ สุดท้ายข้าก็เลยต้องช่วยเหลือนาง ทำตามแผนของนางไปอย่างช่วยไม่ได้ จนถึงขนาดขั้นต้องมาขอร้องให้เจ้าช่วยนี่เลย”
“นั่นสิ ใครใช้ให้พระชายาใจดีเยี่ยงนี้เล่าเจ้าคะ!” ฉู่เยว่ซินพูดเห็นด้วยจากใจจริง แล้วรอให้อีกฝ่ายพูดต่อ
เพราะนางยังไม่ได้เล่าถึงรายละเอียดเบื้องลึกที่เกี่ยวข้องกับหลัวซืออวี่ออกมา ถึงแม้คำบอกเล่าของชิ่งเฟยที่พูดมาถึงตอนนี้จะยังไม่มีช่องโหว่ที่เห็นได้ชัด แต่ฉู่เยว่ซินเองก็ไม่ได้เชื่อคำพูดทั้งหมดของนาง นางเพียงแค่ฟังแต่ในใจยังคงคิดวิเคราะห์เรื่องนี้อยู่
ชิ่งเฟยอุตส่าห์พยายามพูดให้นางยอมเชื่อ จนทำท่าทำทางใหญ่โต แกล้งทำเป็นพูดไม่ออก ยากที่จะพูดออกมาแบบนั้น ทำสีหน้ากระอักกระอ่วนอยู่ชั่วครู่ จากนั้นก็ตบมือลงไปบนน่องของตนแล้วพูดว่า “ที่จริงแล้ว…นางแอบชอบคุณชายรองแห่งสกุลซูเข้าน่ะ เพราะงั้นนางเลยมาขอให้ข้าช่วยนางเพื่อให้นางทำเรื่องนี้ได้สำเร็จ!”
คุณชายรองแห่งสกุลซู? ซูอี้รึ?
หลัวอวี่ก่วนชอบซูอี้รึ? สิ่งที่ชิ่งเฟยต้องการจะบอก…
คือเรื่องนี้งั้นรึ?
แรกเริ่มฉู่เยว่ซินยังไม่รู้สึกตัว แต่ไม่นานหลังจากนั้นหูก็อื้อ ร่างกายแข็งทื่อราวกับไม่มีเลือดไปหล่อเลี้ยง ใบหน้าขาวซีด ร่างกายเซถอยหลังไปหนึ่งก้าว
—————————————————-