ตอนที่ 240 อวดดีกว่าเจ้า

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเย็นชา “เจ้าไม่เพียงแค่จะดูน่าเกลียดเพียงอย่างเดียว ทว่าน่าจะพ่ายแพ้ไปอย่างน่าเกลียดอีกด้วย”

กู่ชิว “เจ้าช่างคุยโวโอ้อวดอย่างไร้ยางอายนัก”

“จะประลองอย่างไรล่ะ ? บอกกฎกติกาข้ามาสิ” มู่เฉียนซีกล่าว

ผู้อาวุโสสามของสำนักตานซินกล่าว ใบหน้าเขาฉงนสงสัย “ตานคุน นี่เป็นศิษย์ในสำนักตานจี้ของเจ้ารึ ? ช่างไม่รู้จักมารยาทเอาเสียเลย เจ้าไม่รู้จักสั่งสอนศิษย์ของเจ้าบ้างหรืออย่างไร ?”

เจ้าสำนักตานจี้—ตานคุน กล่าวตำหนิอยู่ในใจ ‘สั่งสอนรึ ? ข้าจะไปสั่งสอนคนอย่างผู้นำตระกูลมู่ได้อย่างไรกัน ?’

ตานคุนยิ้ม  กล่าวว่า “คนวัยหนุ่มสาวมีพรสวรรค์ในการฝึกฝนสูง ย่อมอวดดีเป็นธรรมดา ขอเพียงเข้าใจก็พอแล้ว”

ใบหน้าของผู้อาวุโสสามแห่งสำนักตานซินพลันเปลี่ยนกลายเป็นยินดี “ตานคุน เจ้าช่างใจกว้างยิ่งนัก  ศิษย์เจ้าผู้นี้จะขึ้นเหยียบหัวเจ้าแล้วแท้ ๆ เจ้ายังมีหน้าบอกว่าเข้าใจอีกรึ ?”

หากศิษย์สำนักตานซินของพวกเขาอวดดีเช่นนี้ เขาคงจะตบสั่งสอนไปแล้ว

มู่เฉียนซีตะเบ็งเสียง “หยุดไร้สาระกันได้แล้ว ตกลงจะประลองอย่างไรก็รีบประลองเถอะ เสร็จการประลอง พวกเจ้าก็ไสหัวออกไปจากสำนักตานจี้ด้วย”

“จะ… จะ… เจ้าไร้มารยาทยิ่งนัก  เจ้าเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม เหตุใดถึงได้กล่าววาจาเช่นนั้นกับผู้อาวุโสกว่า” ผู้อาวุโสสามแห่งสำนักตานซินโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ

ตานคุนลอบสะใจ ‘ใครใช้ให้พวกเจ้ามาอวดดีถึงสำนักข้า เจอคนอวดดีกว่าสักหน่อยเป็นอย่างไร ?’

แม้ว่าฝีมือการปรุงยาจะสู้พวกเจ้าไม่ได้ แต่ผู้นำตระกูลมู่ก็ทำให้เจ้าโกรธจนอยากตายได้

มู่เฉียนซีกล่าวว่า “โดยปกติวาจาข้าเป็นเช่นนี้อยู่แล้ว ตอนนี้พวกเจ้าเลือกให้จดหมายเชิญการประชุมแลกเปลี่ยนทั้งสามสำนักได้ แล้วก็รีบไสหัวออกไปจากสำนักตานจี้ซะ”

ผู้อาวุโสของสำนักตานซินกล่าวด้วยความโกรธ “เจ้าตั้งใจยั่วยุจะให้ข้าโกรธ คงจะกลัวประลองแพ้ข้าใช่หรือไม่ ? หากวันนี้ประลองกันไม่จบ ข้าไม่กลับเป็นแน่ จดหมายเชิญที่พวกเจ้ารอคอย พวกเจ้าก็จะไม่ได้มันไป”

ตานคุนกล่าวถาม “ในเมื่อจะประลอง แล้วจะประลองกันอย่างไรล่ะ ?”

ผู้อาวุโสสามแห่งสำนักตานซินมองกู่ชิว  กล่าวว่า “ประลองหลอมยาระดับห้า ยาวิญญาณชิง”

ตานคุนผงะไปครู่หนึ่ง ยาวิญญาณระดับสี่ก็ว่ายุ่งยากแล้ว นี่เป็นยาวิญญาณระดับห้า จงใจแกล้งกันชัด ๆ

ดู ๆ ไปแล้วผู้อาวุโสสามผู้นี้มั่นใจในฝีมือการหลอมยาของกู่ชิวยิ่งนัก

มู่เฉียนซีกล่าว “ตกลง หลอมยาวิญญาณชิง ยาระดับห้า”

สำหรับการหลอมยาระดับห้านี้ เห็นได้ชัดว่ากู่ชิวมีความมั่นใจเป็นอย่างมาก เขาเอาเตาหลอมยาสีดำออกมาก่อนจะกล่าวว่า “เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า ข้าไม่อยากเสียเวลาอยู่ในที่สกปรก ๆ เช่นนี้นานนัก”

เป็นเพียงแค่เด็กอายุสิบหกปีกระจอก ๆ ผู้หนึ่ง ต่อให้หลอมยาเป็นมาตั้งแต่อยู่ในท้องมารดา ก็ไม่มีวันหลอมยาระดับห้าได้

มู่เฉียนซี “ข้าก็ไม่อยากเสียเวลากับเจ้ามากนักเช่นกัน”

หม้อเทพปาฮวางชิงมู่ถูกเอาออกมาปรากฏต่อหน้าของทุกคน จิตวิญญาณของมันหลับใหลไป กลิ่นอายทั้งหมดถูกเก็บซ่อนไว้ ต่อให้เป็นพลังระดับจักรพรรดิก็มิอาจดูออกว่าสิ่งนี้คือหม้อเทพปาฮวางชิงมู่

แน่นอนว่าตานคุนรู้จักหม้อเทพใบนี้  เวลานี้เขาได้แต่ภาวนาให้หม้อเทพช่วยผู้นำตระกูลเพิ่มระดับในการหลอมยา และไล่พวกสำนักตานซินออกไปจากสำนักเสียที

ผู้อาวุโสสามของสำนักตานซินยิ้มพลางกล่าว “แค่ยาวิญญาณชิง ยาระดับห้า สำนักตานจี้ของพวกเจ้าคงจะรู้สูตรยาใช่หรือไม่ ? เช่นนั้นแล้วข้าก็คงไม่มีความจำเป็นใดต้องบอกสูตรยาให้พวกเจ้าหรอกนะ”

ใบหน้าของตานคุนฉายประกายแห่งโทสะ จงใจกลั่นแกล้งกันชัด ๆ!

สูตรยาระดับสูงที่สุดที่สำนักตานจี้มี เป็นเพียงสูตรยาระดับสี่เท่านั้น จะไปเอาสูตรยาระดับห้ามาจากที่ใดกันเล่า ?

มู่เฉียนซี “สูตรยาวิญญาณชิง ยาระดับห้าข้ามีอยู่แล้ว เจ้าหยุดพูดจาไร้สาระเถอะ มาเริ่มกันเลยดีกว่า”

สูตรยาที่ได้มาจากหม้อเทพปาฮวางชิงมู่ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้บอกสูตรยาที่ครอบคลุมทั้งหมดในปฐพีนี้ แต่แน่นอนว่ามีสูตรยาระดับห้าอยู่

มู่เฉียนซีหยิบสมุนไพรวิญญาณที่ต้องใช้ในการหลอมยาวิญญาณชิงออกมา ผู้อาวุโสสามเห็นถึงกับตะลึงอึ้งงัน ไม่นึกเลยว่าสำนักตานจี้จะรู้สูตรยาวิญญาณชิง ยาระดับห้า

ในขณะเดียวกันนั้น กู่ชิวนำเอาสมุนไพรวิญญาณออกมา “เจ้าเด็กอวดดี วันนี้ข้าจะทำให้เจ้าเคารพข้าให้ได้”

กู่ชิวเริ่มจุดไฟเตาหลอม เมื่อไฟลุกโชน เขาก็เริ่มเข้าสู่การหลอมยาในทันที  ขณะที่มู่เฉียนซีไม่ได้รีบร้อนในการหลอมยาเลย นางกลับยัดยาวิญญาณกำใหญ่เข้าปากเสียก่อน  นี่คือการเพิ่มพลังวิญญาณก่อนที่จะเริ่มเข้าสู่การหลอมยา

ยาวิญญาณเหล่านี้เป็นยาวิญญาณที่จวินโม่ซีมอบไว้ให้กับนาง หากต้องการหลอมยาระดับสูง เพียงกินยาวิญญาณนี้เข้าไป ก็ไม่ต้องกลัวว่าพลังวิญญาณจะไม่เพียงพอในการหลอมยาอีกต่อไป

นั่นคือยาวิญญาณระดับเจ็ด  ผู้อาวุโสสำนักตานซินเห็นมู่เฉียนซียัดยาวิญญาณระดับเจ็ดเข้าปากมากมายเช่นนี้แล้ว ดวงตาของเขาเบิกกว้างแทบจะถลนออกมาอยู่รอมร่อ

“จะ… เจ้า…”

เจ้าสำนักตานจี้เห็นเช่นนี้จนเป็นเรื่องที่คุ้นชินไปเสียแล้ว เขาจ้องมองผู้อาวุโสสามของสำนักตานซินด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยาม ‘เหอะ! คงจะไม่เคยเห็นมาก่อนสิท่า’ เขากล่าวในใจ

“เจ้ากินยาเพิ่มพลังวิญญาณเข้าไป เช่นนี้มันผิดกติกา!” ผู้อาวุโสสามกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

มู่เฉียนซี “ก่อนการประลอง เจ้าก็ไม่ได้บอกว่ากินยาเพิ่มพลังวิญญาณไม่ได้ ถึงอย่างไรแล้วนักปรุงยาหลาย ๆ คนก็ต้องเพิ่มความมั่นใจให้ตัวเองก่อนที่จะเริ่มปรุงยาหรือหลอมยา ใช่หรือไม่ ?”

“แต่ว่าเจ้า… เจ้ากินมากเกินไป!”

ต่อให้เป็นเจ้าสำนักของพวกเขาก็ไม่กล้ากินเข้าไปเช่นนี้ นี่มันเป็นการผลาญเงินทองชัด ๆ

มู่เฉียนซีกล่าว “ในเมื่อเจ้าคิดว่ามันไม่เหมาะสม เช่นนั้นเจ้าก็ให้กู่ชิวหยุดก่อนและกินยาวิญญาณเพิ่มพลังวิญญาณแล้วค่อยเริ่มใหม่สิ”

ทว่าเวลานี้กู่ชิวกำลังอยู่ในขั้นตอนการหลอมยา ผู้ใดก็ไม่อาจรบกวนเขาได้  และต่อให้พวกเขามียาวิญญาณอยู่ในมือ ก็ไม่อาจกินอย่างสิ้นเปลืองอย่างเช่นที่มู่เฉียนซีทำ

ผู้อาวุโสสามของสำนักตานซินกล่าว “เจ้าเริ่มหลอมยาเถอะ  ต่อให้เจ้าใช้วิธีการที่ไม่เป็นธรรมเช่นนี้ ฝีมือเจ้าก็ไม่อาจเก่งกาจเท่ากู่ชิวศิษย์สำนักข้าได้หรอก ทางที่ดีเจ้าควรยอมรับความจริงนี้เสียดีกว่า”

มู่เฉียนซีไม่ต้องการจะสนใจ นางเริ่มทำการหลอมยา การหลอมยาระดับห้าในครานี้ นางไม่กลัวเลยว่าพลังวิญญาณของตนเองจะไม่เพียงพอ

พลังจิตวิญญาณถูกปลดปล่อยออกมา นางทุ่มแรงกายแรงใจในการหลอมยา  ท่าทีของนางดูผ่อนคลายเป็นอย่างมาก  อีกทั้งท่าทางการหลอมยาของนางก็ไหลลื่นดุจดั่งสายธารา นางทำตามกระบวนการวนไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำให้ทุกผู้คนมองดูได้อย่างเพลินตาเพลินใจมาก

ตานคุนตกตะลึงอย่างมาก เขาเผยสีหน้าไม่อยากจะเชื่ออกมา ท่านผู้นำตระกูลมู่ผู้นี้ ที่แท้ก็เป็นยอดฝีมือแห่งการปรุงยา

วิธีการหลอมยาของนางไม่ได้ด้อยไปกว่าผู้ที่ฝึกฝนการปรุงยามาเป็นเวลาสิบ ๆ ปีเลย น่าทึ่งยิ่งนัก!

ตานคุนนั้นมิอาจเทียบกับนางได้ ผู้นำตระกูลมู่ผู้นี้เป็นปีศาจมาจากที่ใดกันแน่ ?

เจ้าสำนักตานซินเห็นฝีมือการหลอมยาของมู่เฉียนซีถึงกับนิ่งอึ้งตะลึงงัน วิธีการเช่นนี้ไม่ใช่วิธีการของผู้ที่อายุเพียงสิบหกปีจะทำและควบคุมมันได้

แต่เจ้าหนุ่มรูปงามที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้กลับควบคุมเอาไว้ได้อย่างงดงามยิ่ง

ยาวิญญาณและหม้อยานั้น ดูราวกับเป็นของเล่นของนางที่นางสามารถควบคุมได้ตามที่ต้องการ

ผู้อาวุโสสามของสำนักตานซินตกตะลึงจนถึงขีดสุด เขาไม่เพียงแต่หลอกตนเองและหลอกผู้อื่น  ในใจของเขาลอบคิดว่า ‘บางทีเจ้าเด็กนี่อาจเพียงแค่เล่นกลเท่านั้น ท่าทางการหลอมยางดงามวิจิตรนั่น ไม่ได้หมายความว่าเขาจะหลอมยาออกมาได้’

เมื่อกลิ่มหอมของยาโชยมา ใบหน้าผู้อาวุโสสามของสำนักตานซินถึงกับแข็งทื่อไป ประเดี๋ยวก่อน… เจ้าหนุ่มกำลังจะหลอมยาได้แล้ว!

เขากำลังจะหลอมยาสำเร็จแล้ว! เป็นไปได้อย่างไรกัน ?

กู่ชิวที่กำลังหลอมยาอย่างใจจดใจจ่อ  เมื่อเขาได้กลิ่นหอมจาง ๆ ของยาวิญญาณที่โชยมาจากข้าง ๆ  พลังจิตวิญญาณของเขาเกือบจะแปรปรวนเข้าให้

เจ้าเด็กนั่นหลอมยาสำเร็จแล้วเช่นนั้นรึ ? เป็นไปไม่ได้ มันต้องเป็นภาพมายาเป็นแน่!

อายุเพียงสิบหกสิบเจ็ดปี จะเป็นไปได้อย่างไรที่ฝีมือการหลอมยาจะเก่งกาจไปกว่าเขา

ศิษย์สำนักตานจี้ที่อยู่ในแคว้นเล็ก ๆ นี้ เป็นไปได้อย่างไรที่มีพรสวรรค์ในการหลอมยาสูงกว่าเขา

ทว่าเวลานี้ มู่เฉียนซีในคราบหนุ่มน้อยรูปงามหลอมยาสำเร็จแล้วจริง ๆ  นางกวัดแกว่งมือไปมา พลันเม็ดยาวิญญาณสีเขียวอ่อนเจ็ดเม็ดก็ได้บรรจุอยู่ในขวดแก้วใสเป็นที่เรียบร้อย

มู่เฉียนซียิ้ม  กล่าวว่า “การหลอมยาระดับห้าครั้งแรกของข้า สำเร็จได้อย่างง่ายดายเช่นนี้เลยหรือนี่ ?!”

.