ตอนที่ 241 เรียกนางว่าเฉียน

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

หลอมยาระดับห้าครั้งแรกสำเร็จแล้ว!

ทันทีที่มู่เฉียนซีกล่าวจบ ไม่ว่าจะเป็นสำนักตานจี้หรือสำนักตานซินต่างตระหนกตกตื่นจนแทบกระอักเลือด

ครั้งแรก!

พวกเขาไม่เคยเห็นผู้ใดสามารถปรุงยาระดับห้าแล้วสำเร็จผลในครั้งแรกเช่นนี้มาก่อน อีกอย่าง ความแข็งแกร่งของ ‘หนุ่มน้อยรูปงาม’ ผู้นี้ก็อยู่เพียงระดับจอมภูตเท่านั้น!

แน่นอนว่าคนที่ตกใจเป็นที่สุดนั่นก็คือคู่แข่งของนาง กู่ชิว  เมื่อเขาได้ยินวาจานาง จิตใจพลันยุ่งเหยิงกระเจิงไป ไม่อาจควบคุมสติและจิตใจให้หลอมยาขั้นตอนสุดท้ายได้

— ตูม! —

เสียงระเบิดดังขึ้นพร้อมด้วยควันดำลอยขึ้นในอากาศ  หม้อหลอมยาตรงหน้ากู่ชิวระเบิดขึ้นในทันตา

โชคดีที่มู่เฉียนซีเคลื่อนไหวได้เร็วมาก มิเช่นนั้นนางคงจะรับผลกระทบไปด้วย

“แค่ก ๆ ๆ” กู่ชิวก้าวออกมาจากกลุ่มควันดำนั้น เส้นผมที่โดนระเบิดชี้ฟูแข็งทื่อไม่เป็นทรง กระเซอะกระเซิงอย่างที่สุดและทั่วทั้งใบหน้ากลายเป็นสีถ่าน

มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้มทรงเสน่ห์ “ดูเหมือนว่าสำนักตานซินของพวกเจ้าจะแพ้แล้ว”

การหลอมยาของสำนักตานซินล้มเหลวพ่ายแพ้ราบคาบเช่นนี้ ไม่จำเป็นต้องเปรียบแล้วว่ายาวิญญาณของฝ่ายใดดีกว่า ดังนั้นการประลองหลอมยาครั้งนี้นับว่าสำนักตานจี้ได้รับชัยชนะ

ทว่าผู้อาวุโสสามแห่งสำนักตานซินยังคงไม่วางใจ เขากล่าว “ถึงแม้ว่ากู่ชิวจากสำนักตานซินจะพ่ายแพ้ ข้าก็อยากตรวจสอบยาที่เจ้าหลอมออกมาอยู่ดีว่าจะใช้ได้จริง ๆ หรือไม่ ? มาให้ข้าตรวจสอบดู ข้าจะได้มั่นใจ”

มู่เฉียนซีกล่าวอย่างไม่ทุกข์ร้อน “ได้ หากใคร่จะดู ข้าก็จะให้”

ผู้อาวุโสสามของสำนักตานซินเทเม็ดยาในขวดของนางออกมาตรวจสอบดูอย่างละเอียดถี่ถ้วน ดวงตาของเขาเบิกกว้าง ปากก็อุทานว่า “มันเป็นไปได้อย่างไร ? เป็นไปได้อย่างไรกัน ?!”

ด้วยความที่ตานคุนประหลาดใจเช่นเดียวกัน ดังนั้นเขาจึงดูยาของนางด้วย แต่เมื่อดูแล้วเขาก็แทบจะเป็นลมไปอีกคน  เขากล่าว ท่าทางเก้ ๆ กัง ๆ “เจ้า… เจ้าแน่ใจรึว่านี่เป็นครั้งแรกที่เจ้าหลอมยาวิญญาณระดับห้า”

มู่เฉียนซี “ข้าแน่ใจ”

ตานคุน “เม็ดยาที่หลอมออกมานั้นสมบูรณ์แบบทุกประการ ไม่มีของแปลกปลอมใดเจือปน ต่อให้เป็นข้า… ไม่สิ ต่อให้เป็นนักปรุงยาระดับสูงก็ไม่สามารถหลอมออกมาได้ง่าย ๆ เช่นนี้!”

เดิมทีตานคุนคิดว่าหากมู่เฉียนซีหลอมยาวิญญาณระดับห้าออกมาได้ นั่นหมายความว่าน่าจะไม่ใช่มนุษย์แล้ว ช่างแปลกประหลาดเกินจินตนาการของเขาไปมาก

และตอนนี้นางไม่เพียงแต่สามารถหลอมยาออกมาได้ คุณภาพของยาวิญญาณที่นางหลอมออกมายังวิเศษจนน่าประหลาดใจยิ่งนัก นี่มัน…

ผู้อาวุโสสามแห่งสำนักตานซินมองใบหน้ามู่เฉียนซีด้วยสาตาราวกับนางเป็นสัตว์ประหลาด ในตอนนี้เขาไม่รู้จะสรรหาคำพูดใดมาพูดแล้ว

เดิมทีตอนที่ได้รับคำสั่งมาจากเจ้าสำนักก็เพื่อให้มาโจมตีสำนักตานจี้ ผู้ใดจะคิดว่าจะมีอัจฉริยะในการหลอมยาปรากฏตัวขึ้นในสำนักตานจี้เช่นนี้ เวลานี้พวกเขาแทบจะอยากเอาใบหน้ามุดแผ่นดินหนี

ผู้อาวุโสสามกล่าวขึ้น “ตานคุน ตลอดสิบปีที่ผ่านมานี้ สำนักของเจ้าบ่มเพาะศิษย์ให้เป็นอัจฉริยะเช่นนี้ได้เลยเชียวรึ ? การเดิมพันในครั้งนี้สำนักตานซินของเรายอมรับความพ่ายแพ้”

“นี่เป็นจดหมายเชื้อเชิญการแลกเปลี่ยนทั้งสามสำนัก ขอให้ไปตามเวลาที่กำหนดด้วย ในการแลกเปลี่ยนคราต่อไป สำนักตานจี้อย่าหวังว่าจะได้รับชัยชนะอย่างง่ายดายเหมือนดั่งครานี้  อัจฉริยะของสำนักตานซินข้ายังมีอีกมาก”

ตานคุนรับจดหมายเชิญมาพลางกล่าว “ข้าก็หวังว่าจะได้เห็นฝีมือหนุ่มสาวผู้เป็นอัจฉริยะของทั้งสองสำนัก”

ขณะนี้นั้น ร่างสีเขียวร่างหนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้ามู่เฉียนซี ดวงตำที่ดำสนิทนั้นจ้องมองมาที่นาง “เฉียน…”

“เฉียน… เฉียน…”

มู่เฉียนซีตกใจอย่างมาก ชิงอิ่งสามารถเรียกชื่อนางได้แล้ว ต่อให้เรียกออกมาได้เพียงคำเดียวก็ตาม

มู่เฉียนซีหยิบยาระดับห้าที่เพิ่งหลอมเมื่อครู่ออกมา “ชิงอิ่ง ยานี้ข้าให้เจ้ากิน  ข้าให้เจ้ากินยาระดับต่ำมาตลอด ลำบากเจ้าแย่ ตอนนี้ข้าหลอมยาระดับห้าออกมาได้อย่างไม่มีปัญหาอะไร เจ้ากินเสียเถอะ ประเดี๋ยวข้าจะเอาให้เจ้ากินอีก”

ชิงอิ่งยื่นมือมารับยาวิญญาณชิงและยัดเข้าปากกลืนลงคอไปทั้งหมดเจ็ดเม็ดไม่เหลือไว้แม้แต่เม็ดเดียว

ตานคุนกับผู้อาวุโสสามเห็นเช่นนี้ พลันพากันอ้าปากค้างด้วยความตกใจ “นั่น… กินเข้าไปเช่นนี้ได้อย่างไร ยาระดับห้าเลยเชียว!”

ยาระดับห้า หากนำออกมาขายราคาก็สูงเสียดฟ้า โดยเฉพาะยาระดับห้าที่มีสรรพคุณดีเช่นนี้ แต่สุดท้าย บุรุษผู้สวมหน้ากากอำพรางใบหน้าตนเองผู้นี้ กลับยัดเข้าปากทั้งหมดไม่เหลือแม้เพียงหนึ่งเม็ด

มุมปากของตานคุนกระตุกอย่างบ้าคลั่ง เดิมทีเขาคิดว่ามีเพียงแค่ผู้นำตระกูลมู่ที่สามารถกินยาวิญญาณได้อย่างฟุ่มเฟือยไม่กลัวหมด นึกไม่ถึงว่าลูกน้องของนางยังจะสามารถกินยาวิญญาณฟุ่มเฟือยได้เช่นนี้ด้วย

ร่างกายของเขาไม่ได้บาดเจ็บ ไม่ได้ลงสนามประลองหรือไปต่อสู้มาแต่อย่างใด ให้กินยาของดีมีค่าสิ้นเปลืองเช่นนี้จะดีหรือ ?

มู่เฉียนซี “ยาระดับห้า รอหลอมอีกประเดี๋ยว ไม่นานหรอก”

“อีกประเดี๋ยว! หมายความว่าเจ้ายังสามารถหลอมยาได้อีกรึ ?” ผู้อาวุโสสำนักตานซินจ้องมองมู่เฉียนซีราวกับนางเป็นสัตว์ประหลาดน่ากลัว

โดยปกติแล้วการหลอมยาระดับสูงต้องใช้เวลาสามวันในการฟื้นฟูพลังจิต แต่นางกลับบอกว่าอีกประเดี๋ยวจะหลอมยาขึ้นมาอีกครั้ง…

ตานคุนหัวเราะก่อนจะกล่าว “ฮ่า ๆ ๆ ผู้อาวุโส พวกเราสำนักตานจี้ได้เตรียมของอร่อย ๆ เอาไว้พร้อมแล้ว พวกเจ้าเดินทางมาไกลราวสามพันลี้เช่นนี้ พวกเราต้องต้อนรับอย่างดีแน่นอน”

ผู้อาวุโสสามแห่งสำนักตานซินกล่าวด้วยสีหน้าแข็งทื่อ “ไม่จำเป็น พวกข้าส่งจดหมายเชิญเสร็จจะกลับทันที ไว้พบเจอกันในวันงานแลกเปลี่ยนเถอะ”

พวกเขาโดนฉีกหน้าเช่นนี้ ไม่มีหน้าที่จะอยู่ต่อให้อับอาย และไม่อยากจะทนเห็นหน้าผู้เฒ่าตานคุนนี้อีกต่อไป

เดิมทีคนของสำนักตานซินมาเพื่อจะฉีกหน้าสำนักตานจี้ ทว่าผลสุดท้าย ฝ่ายที่ถูกฉีกหน้าจนไม่เหลือชิ้นดีนั้นกลับเป็นพวกเขาเอง

เมื่อเหล่าคนจากสำนักตานซินจากไป ตานคุณกล่าวอย่างตื่นเต้นในฉับพลัน “ผู้นำตระกูลมู่ ผู้นำตระกูลช่างยอดเยี่ยมยิ่งนัก!”

แววตาตานคุนเต็มไปด้วยความเลื่อมใสศรัทธาในตัวมู่เฉียนซีผู้นำตระกูลมู่ นึกย้อนไปถึงครั้งคราที่เขายอมจำนนให้แก่ผู้นำตระกูลมู่ในตอนนั้นแล้ว เขาคิดไม่ผิดจริง ๆ

ตามความเร็วในการฝึกฝนของผู้นำตระกูล นี่เป็นความสามารถในการฝึกหลอมยาที่รวดเร็วนัก อีกไม่นานนางคงจะสามารถเป็นนักปรุงยาระดับสูง ปรมาจารย์นักปรุงยา และปราชญ์แห่งการปรุงยา…

สำนักตานจี้ของพวกเขา มีอนาคตที่สดใสขึ้นแล้ว!

“ผู้นำตระกูลมู่ งานการแลกเปลี่ยนระหว่างสามสำนัก ทะ… ท่านเข้าร่วมได้หรือไม่ ได้โปรดช่วยสำนักตานจี้เราเอาชนะสำนักตานซินกับสำนักเย่าอู๋นั่นให้พ่ายแพ้ยับเยินด้วยเถอะ”

มู่เฉียนซีกล่าวถามขึ้น “การแลกเปลี่ยนระหว่างสามสำนัก ผู้ชนะจะได้รับรางวัลอะไรรึ ?”

ตานคุน “ในปีก่อน ๆ มีรางวัลที่แตกต่างกันไป ปีนี้ก็น่าจะมีรางวัลที่เราคาดไม่ถึงอย่างแน่นอน”

“เช่นนั้นสำนักตานซินกับสำนักเย่าอู๋คงจะรวบรวมสมุนไพรวิญญาณไว้ไม่น้อย  อืม… สมุนไพรระดับปฐพีจะมีหรือไม่ก็ไม่ทราบได้” ดวงตาของมู่เฉียนซีฉายแววเปล่งประกาย

ตานคุน “ในฐานะที่เป็นสำนักในการปรุงยา สำนักตานซินกับสำนักเย่าอู๋จะต้องมีสมุนไพรวิญญาณเก็บไว้มากมายเป็นแน่แท้ เพียงแต่สมุนไพรวิญญาณระดับปฐพีนั้นหาได้ยากนัก สองสำนักนั้นจะมีหรือไม่ ข้าไม่แน่ใจเช่นกัน”

ไม่ว่าจะมีหรือไม่ก็ตาม ถึงอย่างไรแล้วก็เป็นสำนักปรุงยา สำหรับสมุนไพรวิญญาณ คงจะต้องมีมากล้นเหลือคณานับอย่างแน่นอน

“การแลกเปลี่ยนระหว่างสามสำนักในครานี้ ข้าจะเข้าร่วม” มู่เฉียนซีกล่าวห้วน ๆ

ตานคุนลอบคิดในใจ ‘ผู้นำตระกูลมู่คงไม่จ้องจะเอาสมุนไพรวิญญาณของทั้งสองสำนักหรอกกระมัง’

หากเป็นอย่างที่เขาจินตนาการเอาไว้ เขาก็อดที่จะเหงื่อตกแทนสองสำนักนั้นไม่ได้

ถูกผู้นำตระกูลมู่จับจ้องเช่นนี้ ไม่เป็นเรื่องดีแน่

ตานคุนกล่าวด้วยความเคารพว่า “เช่นนั้นถึงเวลาที่เราจะเข้าร่วมการแลกเปลี่ยนระหว่างสามสำนัก ข้าจะส่งคนไปแจ้งกับผู้นำตระกูลที่จวน”

“ไม่มีปัญหา”

มู่เฉียนซีแกว่งมือพลางกล่าว “ชิงอิ่ง เรากลับกันเถอะ”

“เฉียน!” ชิงอิ่งพ่นคำออกมาอย่างแข็งกร้าว เขารีบตามมู่เฉียนซีไป

มู่เฉียนซีหันกลับไปมองบุรุษที่ไม่เหมือนมนุษย์ผู้นั้นพลางกล่าวว่า “ชิงอิ่ง เจ้าเป็นคนอย่างไรกันแน่ ?”

ชิงอิ่งไม่ได้เปล่งเสียงตอบนางแต่อย่างใด นางจึงกล่าวอย่างจนปัญญา “ช่างเถอะ ถามเจ้าไปก็เท่านั้น ข้ากลับไปฝึกปรุงยาเสียยังดีกว่า ฝึกฝนเพิ่มอีกสักหน่อย  การแลกเปลี่ยนของสามสำนัก ข้าจะชนะแน่นอน”

.