ตอนที่ 119 น้องสะใภ้เล็กผู้นำโชคให้สามี

เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零]

ตอนที่ 119 น้องสะใภ้เล็กผู้นำโชคให้สามี

เพียงพริบตาเดียว วันเวลาก็ผ่านพ้นไปแล้ว

หลังผ่านวันที่สิบห้าของเดือนแรก ก็หมายความว่าวันปีใหม่ได้สิ้นสุดลง สำหรับคนอื่นแล้วเรื่องนี้ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ ถึงอย่างไรก็เป็นแค่วันปีใหม่ธรรมดา

แต่สำหรับตระกูลเย่แล้วย่อมแตกต่างกัน

เพราะนี่หมายความว่าโจวหมิ่นจะต้องกลับไปยังมหาวิทยาลัยในเมืองหลวงแล้ว

เย่ฉูฉู่ไม่สะดวกกลับไปที่บ้านแม่ ดังนั้นโจวหมิ่นและเย่หมิงเป่ยจึงมาหาเธอแทน และถือโอกาสมารับแบบร่างของเย่ฉูฉู่ด้วย

“พี่สะใภ้สาม พี่จะไปแล้วเหรอคะ?” เย่ฉูฉู่เองก็มีแผนอยู่ในใจแล้ว เธอต้มน้ำตาลทรายแดงเตรียมไว้สองถ้วยแล้ว

“อื้อ ฉันจะไปพรุ่งนี้แล้ว” โจวหมิ่นกล่าวด้วยรอยยิ้ม หล่อนดูแบบร่างครู่หนึ่ง จากนั้นก็เก็บใส่กระเป๋าของตัวเองอย่างระมัดระวัง

“วันที่ 6 เดือนมีนาคมถึงจะเปิดเทอมน่ะ” เย่หมิงเป่ยกล่าว

“พี่สะใภ้สาม ทำไมไม่อยู่ต่ออีกสักสองสามวันล่ะ? ถ้ามหาวิทยาลัยเปิดวันที่ 6 มีนาคม ก็ยังเร็วอยู่นะคะ?” เย่ฉูฉู่ได้ยินคำพูดของพี่สาม เธอจึงคำนวณอยู่ครู่หนึ่งก่อนกล่าวออกมา

“อีกนานกว่าจะเปิดเทอม แต่ฉันยังมีเรื่องชุดอีก ฉันต้องกลับไปวางแผนล่วงหน้าสักหน่อย ประหยัดเวลาตอนที่เปิดเทอมจะได้ไม่ยุ่งเกินไป” โจวหมิ่นกล่าวพลางส่ายหน้า

หล่อนเองก็ไม่อยากกลับเร็วขนาดนี้หรอก ประเด็นสำคัญก็คือทำใจไม่ได้ที่จะแยกจากสามีตัวเอง

แต่ทางฝั่งนั้นมีงานกองอยู่ อีกอย่างงานแบบร่างของน้องสามีเองก็ต้องนำไปผลิตออกมาให้เร็วที่สุด ดังนั้นจึงต้องกลับไปล่วงหน้า

เย่หมิงเป่ยก็พูดเกลี้ยกล่อมไม่น้อย แต่โจวหมิ่นเด็ดขาดมาก เป็นเพราะสามีของหล่อนไม่ยินดีที่จะไปเมืองหลวงกับหล่อน เช่นนี้หล่อนจึงให้เขาอยู่คนเดียว

และทำให้เขารู้ด้วยว่าอะไรคือความคิดถึง ดูสิว่าเขาจะมาอยู่เป็นเพื่อนหล่อนหรือเปล่า

เย่หมิงเป่ยมองภรรยาของเขาด้วยความน้อยใจ

“คุณอย่าเอาแต่อยู่ที่นี่ ไปช่วยเหวินเทาเลยไป” โจวหมิ่นทำเป็นมองไม่เห็นเขา ขณะพูดไล่ให้เขาออกไป

เย่หมิงเป่ยจึงออกไปช่วยน้องเขยอย่างช่วยไม่ได้

ทั้งสองคนทำอาหารกันอยู่ด้านนอกบ้าน

“พี่สาม พี่สะใภ้จะกลับเมืองหลวงแล้ว ครั้งหน้าก็จะกลับมาอีกครั้งตอนปิดเทอมฤดูร้อนสินะครับ?” จ้าวเหวินเทาถาม

“มหาวิทยาลัยหยุดวันที่หนึ่งตุลาคม ตอนนั้นหล่อนถึงจะกลับมา” เย่หมิงเป่ยหั่นผักพลางกล่าว

จ้าวเหวินเทาพูดว่า “พี่สาม พี่เคยคิดอยากไปเที่ยวชมเมืองหลวงไหมครับ?”

เย่หมิงเป่ยหันมายิ้มให้เขา “เหวินเทา นายอยากไปเหรอ?”

จ้าวเหวินเทายิ้ม เขาพูดโดยไม่ปิดบังว่า “สถานที่แบบนั้นทำไมผมถึงไม่อยากไปล่ะ? แต่ตอนนี้ผมไปได้ไกลสุดแค่ในตัวอำเภอของเรานั่นแหละ เมื่อหลายปีก่อนที่ตอนนั้นผมยังเด็ก ในอำเภอดูไม่มีอะไรเลย แต่ตอนนี้ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไงบ้าง? ผมคิดว่าคงต้องเยี่ยมยอดแน่นอนเลย ถึงยังไงมณฑลของเราก็เปลี่ยนไปมากขนาดนั้นแล้ว ทางฝั่งเมืองหลวงคงยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลยนะครับ?”

“ฉันได้ยินพี่สะใภ้สามของนายบอกว่า ในเมืองหลวงมีการเปลี่ยนแปลงพัฒนาแบบรวดเร็วเลยละ” เย่หมิงเป่ยกล่าว

จ้าวเหวินเทามองพี่สามของภรรยา ถามว่า “พี่สาม พี่สะใภ้สามอยู่ในเมืองหลวงคนเดียว พี่จะวางใจเหรอครับ?”

พี่สะใภ้สามที่เป็นนักศึกษาคนนี้สุดยอดมาก ไม่ว่าจะเป็นด้านนิสัย ความรู้ด้านการศึกษา รวมถึงประสบการณ์ ไหนจะรูปร่างหน้าตาของหล่อนอีก ที่สำคัญคือตอนนี้หล่อนเองก็อายุยังน้อย

หากปล่อยให้ภรรยาอ่อนเยาว์แบบนี้ไปเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยเพียงลำพัง นักศึกษาชายในมหาวิทยาลัยเหล่านั้นจะมีใครบ้างที่ตาบอด?

เย่หมิงเป่ยหยุดชะงัก กล่าวว่า “ในใจของพี่สะใภ้สามของนายนอกจากฉันแล้วก็ไม่มีใครเข้าไปได้หรอก”

จ้าวเหวินเทาได้ยินคำพูดนี้ก็มีความสุขขึ้นมา เขากล่าวด้วยรอยยิ้ม “พี่สามพูดแบบนี้ถูกต้องเลย พี่สะใภ้สามออกไปแล้วยังกลับมา ความรักที่มีต่อพี่คงไม่ใช่น้อย ๆ”

เขาทำได้เพียงแค่พูดคำพูดถูกใจนี้ ส่วนที่เหลือ จ้าวเหวินเทาเชื่อว่าภายในใจของพี่สามของภรรยาย่อมมีแผนอยู่แล้ว

ถึงอย่างไรถ้าเปลี่ยนเป็นจ้าวเหวินเทา หากภรรยาของเขาออกไปเรียน เขาคงไม่ต้องการอะไรนอกจากตามเธอไปด้วย เขาจะไม่ยอมให้ภรรยาไปเรียนคนเดียวอย่างเด็ดขาด

สองสามีภรรยาไม่ได้อยู่ด้วยกันจะเรียกสองสามีภรรยาได้อย่างไร? ต่อให้ความรู้สึกที่มีจะดีกว่านี้ แต่ถ้าไม่ได้อยู่ด้วยกันจะทนได้อย่างไร?

ทว่าจ้าวเหวินเทาเองก็เข้าใจความคิดของพี่สามของภรรยา เรื่องนี้ก็ต้องให้พี่สามคิดด้วยตัวเองถึงจะดี คนอื่นไม่สามารถพูดอะไรให้มากมายได้ เพราะมันอาจจะเกิดผลลัพธ์ย้อนแย้งได้ง่าย ๆ

เย่หมิงเป่ยย่อมมีแผนอยู่ในใจ แต่ก็ไม่ได้บอกจ้าวเหวินเทามากมาย เขาเปลี่ยนมาพูดเรื่องแบ่งที่ดินแทน “ในทีมของพวกเรามีประกาศออกมาแล้วว่าวันที่ยี่สิบจะเริ่มแบ่งที่ดิน แล้วทางฝั่งพวกนายล่ะ?”

“ผมยังไม่รู้เลย กลับไปจะลองไปถามพ่อดู” จ้าวเหวินเทากล่าว

“ทำไมนายถึงไม่ใส่ใจขนาดนี้เนี่ย” เย่หมิงเป่ยกล่าว

จ้าวเหวินเทา “พี่สาม ไม่ใช่ว่าผมไม่แยแสที่ดินเล็ก ๆ นั่นหรอกนะ ผมลองคำนวณที่ดินของพวกเราสามคนโดยใช้จำนวนคนกับที่นาภายในหมู่บ้านดูแล้ว แต่ละคนจะได้ส่วนแบ่งเต็มที่คนละเก้าหมู่ สามคนก็ได้มา 27 หมู่ ที่ดินแค่นั้นเอาไปทำอะไรได้? ถ้าแบ่งได้ไม่ถึงก็คงไม่ดี ยิ่งไม่มีหวังเข้าไปใหญ่”

เย่หมิงเป่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ที่ดินต่อให้น้อยกว่านี้ก็เป็นที่ดินนะ อย่างน้อยก็ถือว่าเป็นหลักประกัน คำพูดนี้นายอย่าได้พูดออกไปเชียว”

“ผมกล้าพูดออกไปที่ไหนกันล่ะครับ” จ้าวเหวินเทากล่าว “ถ้าอยากจะใช้ชีวิตดี ๆ พึ่งพาแค่ที่ดินอย่างเดียวไม่ได้หรอก”

เย่หมิงเป่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เรื่องการค้าขายของพวกเราก็รีบทำต่อไปเถอะ แต่ที่ดินนี้ของเราจะปล่อยให้หลุดมือไม่ได้นะ ถึงเวลานั้นเอามาปลูกพืชง่าย ๆ สักหน่อยก็ได้แล้ว”

“ผมรู้ ผมเองก็คิดไว้แล้ว ปีนี้ถ้าแบ่งที่ดิน ผมจะปลูกข้าวโพดกับดอกทานตะวัน ของพวกนั้นไม่เพียงแต่ปลูกง่าย แถมยังขายได้เงินด้วย” จ้าวเหวินเทากล่าว

“ปลูกข้าวโพดกับดอกทานตะวันหมดเลยเหรอ? ถ้าถึงช่วงเก็บเกี่ยวฤดูใบไม้ร่วงนายจะไหวเหรอ?” เย่หมิงเป่ยกล่าว

“ไม่เป็นไร ถ้าไม่ไหวผมก็ค่อยไปจ้างคนมาช่วย” จ้าวเหวินเทาพูดอย่างไม่ใส่ใจ

เย่หมิงเป่ยยิ้ม จ้างคนมาเก็บเกี่ยวช่วงฤดูใบไม้ร่วง คาดว่าคงมีแค่น้องเขยที่คิดแบบนี้ ของเล็ก ๆ น้อย ๆ พวกนั้นเก็บขึ้นมาแล้วจะได้เงินพอจ้างคนเหรอ?

พวกเขาทำอาหารสองสามอย่าง และมีข้าวฟ่างด้วย ทุกคนรับประทานอาหารไม่ก็พูดคุยไปพลาง

หลังจากรับประทานอาหารแล้ว เย่หมิงเป่ยและโจวหมิ่นก็อยู่ต่ออีกครู่ก่อนจะกลับบ้านไป

โจวหมิ่นพูดกับเย่หมิงเป่ยด้วยรอยยิ้ม “ชีวิตนี้ของฉูฉู่เลือกถูกคนแล้วล่ะ หล่อนต้องมีความสุขไปตลอดชีวิตแน่นอน”

“เหวินเทาเองก็ไม่เลวเลยนะ” เย่หมิงเป่ยปูฟูกและผ้าห่ม เขาเองก็พึงพอใจกับจ้าวเหวินเทาน้องเขยคนนี้เช่นกัน

ก่อนหน้านี้ทั้งบ้านมีแค่แม่ของเขาที่พอใจลูกเขยคนนี้ แต่ตอนนี้ทุกคนต่างก็พอใจในตัวเขา

รวมถึงพ่อของพวกเขาด้วย ก่อนหน้านี้พ่อไม่ชอบลูกเขยคนนี้เป็นพิเศษ ตอนนี้ไม่ได้เป็นแบบนั้นแล้ว เพราะลูกเขยดีกับลูกสาวของเขา ดังนั้นเขาเองก็ถูกโฉลกกับลูกเขยด้วย

“เหวินเทาก็ไม่เลวนะคะ แต่ฉูฉู่ไม่เลวยิ่งกว่า คุณรู้สึกไหม? อ่อนโย้นอ่อนโยน พูดจาก็ดี มีความตั้งใจตั้งแต่ต้นจนจบ ต่อให้ไม่ได้มีความเฉียบคม แต่กลับมีความคมคาย ต่อหน้าพวกเราก็ไว้หน้าเหวินเทามากเลยนะ ไม่เคยข้ามหน้าข้ามตาเขา แต่เหวินเทาก็ฟังหล่อน ฉันเคยอ่านหนังสือโหงวเฮ้งด้วยนะ ภรรยาหน้าตาแบบหล่อน เป็นรูปแบบหน้าตาที่นำพาโชคลาภให้สามีเชียวล่ะ!” โจวหมิ่นถอนหายใจพลางกล่าว

หล่อนรู้ดีว่าจ้าวเหวินเทานั้นดูไม่เลวเลย ทั้งพูดเก่งและทำงานเป็น แต่หล่อนยิ่งรู้สึกว่าที่สองสามีภรรยาคู่นี้อยู่ด้วยกันได้ สาเหตุมากกว่านั้นอยู่บนตัวของน้องสะใภ้ฉูฉู่คนนี้ต่างหากล่ะ

บนตัวของเธอมีรังสีประเภทที่ทำให้ผู้คนชื่นชอบ

เย่หมิงเป่ยยิ้ม กล่าวว่า “ภรรยา คุณยังไม่รู้ตัวใช่ไหมว่าคุณประเมินฉูฉู่สูงขนาดนี้?”

“ฉันพูดเรื่องจริงนะ” โจวหมิ่นกล่าว ส่วนโชคอะไรที่อยู่บนตัวของน้องเขยเล็ก หล่อนเองก็ไม่ได้ไปสืบ

เย่หมิงเป่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม “แต่ภรรยา คุณเองก็อย่าเอาแต่พูดถึงคนอื่นสิ ตัวคุณล่ะ คุณไม่ใช่คนนำโชคให้สามีเหรอ?”

โจวหมิ่นได้ยินก็ยิ้มออกมา “ฉันไม่ใช่ผู้นำโชคให้สามีหรอกค่ะ ฉันนำโชคให้ตัวเองต่างหาก”

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

ยึดที่ไว้ปลูกอะไรหลายๆ อย่างสิเหวินเทา ต่อให้ผลิตได้ไม่เยอะก็ใช้ผลิตต้นพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ไว้ผสมเกสรเก็บเมล็ดพันธุ์ดีไปขายได้นะ พืชล้มลุกใช้เวลาปลูกไม่นานก็ออกผลผลิตแล้ว

ความจริงแล้วภรรยาทั้งสองต่างก็นำโชคให้สามีทั้งคู่นั่นแหละค่ะ

ไหหม่า(海馬)