ภาคที่ 2 บทที่ 48 เหยี่ยวเพลิง

ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座)

บทที่ 48 เหยี่ยวเพลิง

ในตอนที่คนกลุ่มพิสุทธิ์ 7 คนต่อสู้เกี่ยวพันอยู่กับวานรยักษ์ตัวผู้ ซูเฉินก็เริ่มการต่อสู้ดุเดือดทางฝั่งตนเช่นกัน

การต่อสู้กับอสูรร้ายระดับสูงครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกของเขา

ตอนผ่านห้องที่สิบห้าในห้องโถงกลั่นร้อยวิชาเขาก็เคยประมือกับมันมาก่อนแล้ว

หากแต่การสู้กับอสูรร้ายที่เป็นภาพมายาคือเรื่องหนึ่ง สู้กับอสูรของจริงคืออีกเรื่องหนึ่ง

อีกทั้งอสูรร้ายแต่ละตัวก็มีจุดอ่อนจุดแข็งแตกต่างกันไป

วานรยักษ์เหล็กกล้านับเป็นอสูรร้ายที่มีความดุร้ายสูง ทั้งยังมีร่างกายกำยำแข็งแกร่งนัก

ซูเฉินใช้ก้าวย่างหมอกอสรพิษถอยห่างออกจากมัน จากนั้นพลิกตัวผ่านรอยแตกเล็ก ๆ ระหว่างต้นไม้ จากนั้นใช้ตาข่ายลมพิสุทธิ์ไว้ด้านหน้าตนเรื่อย ๆ ไม่หยุด ส่วนการโจมตีของวานรยักษ์เหล็กกล้านั้นเรียบง่ายตรงไปตรงมากว่ามาก

มันทำลายทุกอย่างที่ขวางทาง ไม่ว่าไปทางใดก็โค่นต้นไม้ล้มไปจนสิ้น

มันถอนรากถอนโคนต้นไม้ต้นหนึ่งขึ้นมาถือไว้ ใช้แทนไม้กระบอง ฟาดเข้าใส่ซูเฉิน การโจมตีเรียบง่ายทว่ามีกำลังมหาศาล หากโดนเพียงนิดก็อาจกลายเป็นมนุษย์แบนราบได้

ตาข่ายลมพิสุทธิ์ของซูเฉินเพิ่งก่อร่างขึ้นได้ไม่นานก็ถูกวานรยักษ์เหล็กกล้าปัดออกไปราวกับเป็นเพียงใยแมงมุมบางเบา โดยที่มันไม่แม้แต่กระทั่งรู้สึกรู้สาอะไรทั้งนั้น

เด็กหนุ่มเคยชื่นชมความสามารถในการต้านทักษะต้นกำเนิดด้วยร่างกายของกังเหยียน แต่เจ้าวานรยักษ์นี่ไม่เพียงใช้ร่างต้านทักษะต้นกำเนิดได้ มันยังสามารถกดพลังต้นกำเนิดเหล่านั้นได้อีก

“โบร๋ววว !”

เมื่อท่อนไม้ถูกฟาดลงมาทิ้งรอยขนาดใหญ่ไว้บนพื้น เจ้าวานรยักษ์ก็พลันทุบอกแล้วกู่ร้องลั่น ดูท่าเสียงร้องครั้งนี้จะเจือแววเยาะเย้ยไว้ไม่น้อย ราวกับมันมองซูเฉินเป็นเพียงแมลงตัวหนึ่งที่ทำได้แค่กระโดดหนีไปมา

“ดี เช่นนั้นก็ลองเจ้านี่ดู” ซูเฉินหยุดใช้ตาข่ายลมพิสุทธิ์ หันมาใช้ระเบิดเพลิงปักษาแทน

วานรยักษ์เหล็กกล้าแกว่งต้นไม้ไปมา

ตูม ! ต้นไม้ในมือมันฟาดเข้ากับเพลิงปักษา เกิดระเบิดรุนแรงขึ้น ต้นไม้ในมือมันหายไปครึ่งหนึ่ง

วานรยักษ์มองอาวุธที่หายไปครึ่งหนึ่งในมือตนนิ่ง ก่อนโยนมันทิ้งไปแล้วถอนต้นใหม่ขึ้นมา ทำให้มันยังไม่ทันเหยียดตัวขึ้นตรงเมื่อพลังเพลิงลูกใหม่ซัดเข้าใส่มัน ส่งผลลำต้นที่มันเพิ่งถอนขึ้นมาหายไปอีกครึ่งหนึ่ง

ซูเฉินยิ้มบาง “ดูท่าอาวุธของเจ้าใช้ไม่ง่ายเลยนะ”

วานรยักษ์ขมวดคิ้ว ถอนต้นไม้ขึ้นมาอีก

ซูเฉินกำลังจะใช้ระเบิดเพลิงปักษาหมายทำลายอาวุธในมือมันอีกครั้ง เมื่อวานรยักษ์เห็นดังนั้นก็เขวี้ยงลำต้นไม้ในมือเข้าใส่

ฟ้าว !

ลำต้นขนาดยักษ์หมุนควงผ่านอากาศ ส่งเสียงหวีดหวิว พุ่งมาทางซูเฉิน

“เวรแล้ว !” ซูเฉินใจร่วงถึงตาตุ่ม รีบใช้ก้าวย่างหมอกอสรพิษหลบโดยเร็ว หวุดหวิดเกือบจะโดนลำต้นไม้กระแทกร่าง

เขายังไม่ทันได้ตั้งตัวเมื่อต้นไม้อีกต้นถูกเขวี้ยงมา ซูเฉินไม่อาจหลบทัน ดังนั้นจึงถอยไปแล้วใช้ดาบฟันลำต้นไม้ อีกทั้งยังเปิดใช้ชุดเกราะพลอยม่วง

ตูม !

ซูเฉินถูกต้นไม้กระแทก ร่างกระเด็นลอยไปไกล เบื้องหน้ามีแสงสว่างวาบขึ้น ก่อนที่แรงโจมตี 3 ใน 10 ส่วนจะลดลงด้วยการล่าถอยของเขา ส่วนอีก 3 ส่วนลดลงจากการเปิดใช้เกราะแสง และอีก 3 ส่วนถูกชุดเกราะพลอยม่วงช่วยต้านทานไว้ หากแต่อีก 1 ส่วนที่เหลือนั้นก็รุนแรงมากพอจะทำให้ซูเฉินกระอักเลือดออกมาคำใหญ่ แสดงให้เห็นว่าแรงที่ถูกส่งมาพร้อมไม้ท่อนนั้นมีมากเพียงใด

“โบร๋ววว !” วานรยักษ์เหล็กกล้าร้องโหยหวนขึ้นมาอีกครั้งด้วยความไม่พอใจ

“แกนี่มันดุร้ายไม่เบา !” ซูเฉินถูอกตนเอง หน้าย่นด้วยความเจ็บปวด จากนั้นหันหลังวิ่งหนีไปอีก

ทำเช่นนี้ไม่ใช่เพราะหวาดกลัวมัน หากแต่เสียงร้องโกรธเกรี้ยวของมันบาดหูนัก ทั้งยังสามารถเรียกวานรตัวอื่น ๆ ได้ไม่ว่าจะอยู่ไกลกันถึงเพียงไหน

ทว่าโชคยังดี ที่เสียงร้องเมื่อครู่คือเสียงร้องยั่วยุด้วยความโกรธ ดังนั้นจึงไม่อันตรายเท่าไหร่

หากซูเฉินทำมันบาดเจ็บหรือกลัวละก็ มันจะร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดหรือหวาดกลัว เช่นนั้นก็จะเป็นการเรียกร้องยั่วยุวานรยักษ์อีกตัว

ซูเฉินทำได้เพียงวิ่งออกห่างไปให้ไกลจากกลุ่มตนเองให้มากที่สุด

เจ้าวานรยักษ์ที่กำลังโกรธเกรี้ยวไล่ตามเขาไม่หยุด กลิ่นของยาล่อสัตว์อสูรค่อย ๆ จางลงไปเรื่อย ๆ หากแต่เพลิงแห่งความโกรธแค้นนั้นลุกโหมขึ้นแล้ว ยากจะมอดไปได้ง่าย ๆ

มันวิ่งไล่เขาไว้ถอนต้นไม้รอบข้างแล้วเขวี้ยงใส่เขาไป

ต้นไม้พุ่งเข้ามาดั่งศรคม ซูเฉินเห็นมันลอยผ่านหัวไปแล้วรู้สึกขนลุกซู่

ไอ้วานรบัดซบตัวนี้ ดูท่ากำลังมันไม่ลดลงเลย

ตูม !

ไม้อีกท่อนลอยข้ามหัวเขาไปอีก ซูเฉินหลบเกือบไม่พ้น

“โบร๋ว !” วานรยักษ์คำรามใส่ซูเฉินราวกับต้องการเอ่ยเยาะว่า “เจ้าหนีเป็นอย่างเดียวหรือ ?”

ซูเฉินพลิกตัวกลางอากาศก่อนเหินลงสู่พื้น

เขาชี้หน้าวานรยักษ์ “ไล่ข้าเช่นนี้สนุกมากหรือไม่ ?”

วานรยักษ์กู่ร้องด้วยเสียงเจือความโกรธเกรี้ยวตอบ

ซูเฉินหวัดแกว่งดาบในมือไปมา “เช่นนั้นแกต้องรู้ไว้เสียด้วยว่าข้าไม่ได้…… เวร !”

ตูม !

ท่อนไม้ยักษ์อีกท่อนถูกซัดเข้ามา

เด็กหนุ่มยังไม่ทันได้โอ้อวดฝีมือตนเอง วานรยักษ์ก็ลงมือก่อนแล้ว

“บัดซบ !” ซูเฉินสบถออกมาได้เพียงคำหนึ่ง จากนั้นตวัดดาบในมือฟาดฟันออกไป

ตอนที่เขากำลังบุกฝ่าผ่านห้องที่สิบห้าในห้องโถงกลั่นร้อยวิชา ซูเฉินไม่มีเครื่องมือต้นกำเนิดติดกายไปสักชิ้น ความแข็งแกร่งของเขาในห้องโถงนั่นมาจากกำลังของเขาเพียงอย่างเดียว

ทว่าตอนนี้เขามีดาบหมาป่ากลืนจันทร์ ชุดเกราะพลอยม่วง และรองเท้าย่ำเมฆี เขาย่อมมีความแข็งแกร่งเพิ่มสูงขึ้น

วิญญาณหมาป่าราวกับจะเผยออกมายามตวัดดาบผ่าอากาศ มันส่งเสียงหอนแสบหูออกมา กระโจนเข้าใส่วานรยักษ์ทันที ดาบอัสนีบาตระเบิดพลังออกมาไม่หยุด ส่งเสียงฟ้าคำรามลั่นติดต่อกัน

ลำต้นไม้ยักษ์ปะทะเข้ากับคลื่นแสงจากดาบ ปล่อยคลื่นพลังส่องแสงแสบตายามปะทะกัน

เกิดระเบิดสนั่นขึ้น ลำต้นไม้แตกกระจายเป็นเสี่ยง ๆ ทำให้วานรยักษ์ไร้อาวุธใดโดยฉับพลัน

ดาบหมาป่ากลืนจันทร์จึงตวัดแกว่ง ฟาดฟันต่อไปโดยไร้สิ่งกีดขวาง

วานรยักษ์เหล็กกล้าไม่คิดหลบการโจมตี มันกวาดแขนใหญ่โตของมันด้วยความรวดเร็ว เกิดเป็นแสงสีทอง พลังมหาศาลถูกปล่อยออกมาจากแขนท่อนนั้น

ดาบปะทะเข้ากับแขนของมัน ซูเฉินรู้สึกราวกับตวัดดาบปะทะขุนเขา

แรงปะทะส่งร่างเขากระเด็นไปราวกับโดนพายุคลั่งซัด

“นี่มัน…… บัดซบอะไรกัน……” ซูเฉินไม่คิดว่าจะกลายเป็นเช่นนี้ ร่างเขากระเด็นแหวกอากาศกลายเป็นภาพทับซ้อนไกลไปหลายสิบจั้ง

“โบร๋ววว !” วานรยักษ์เหล็กกล้ายังเงยหน้ากู่ร้องต่อ ครั้งนี้ร่างของมันเปล่งแสงเรืองสีทองออกมาทั่วร่าง อีกทั้งยังมีสีม่วงจาง ๆ เปล่งออกมาด้วยเช่นกัน

นี่คือทักษะต้นกำเนิดภายในของวานรยักษ์เหล็กกล้า กายาเหล็กกล้า

ชื่อ ‘เหล็กกล้า’ นั้นสมนามนัก

พริบตาต่อมา เจ้าวานรก็กระโจนเข้าใส่ซูเฉิน กระโดดไม่กี่ครั้งก็ไล่ตามเขาทัน แขนยักษ์สองข้างไล่ทุบเขาราวกับเสายักษ์

“เวรเอ๊ย !” ซูเฉินชะงักค้างไปเล็กน้อย เขาใช้ก้าวย่างหมอกอสรพิษพุ่งไปข้างหน้าราวกับหมอกควัน

แขนทั้งสองของวานรยักษ์ฟาดลงกับพื้น ปลดปล่อยคลื่นพลังจากแรงปะทะ ทิ้งรอยกลมลึกไว้บนผืนดิน

อสูรร้ายระดับสูงแต่ละตัวจะมีกำลังแตกต่างกัน

กำลังของวานรยักษ์เหล็กกล้านั้นมากกว่าอสูรร้ายระดับสูงตัวที่อยู่ในห้องที่สิบห้าในห้องโถงกลั่นร้อยวิชาอย่างเห็นได้ชัด

แม้จะโจมตีพลาด แต่วานรยักษ์ยังคงไล่ตามซูเฉินต่อไม่ลดละ

ถึงมันจะเป็นสัตว์อสูรที่บินไม่ได้ แต่กระโดดแต่ละครั้งไปได้ไกลราว 7 ถึง 8 จั้ง ดังนั้นจึงไม่ต่างกับการบิน มันกระโดดฝ่าอากาศได้ไกลท่าทางดุดัน กระทั่งคนขั้นพลังด่านกลั่นโลหิตระดับสูงที่ซูเฉินเคยพบ เช่น ถงลู่ เยียนหั่ว หรือหลี ยังอาจรับมือกับมันได้ยาก

ด้วยซูเฉินกระโดดหลบมันไม่ทัน ทำให้แขนของเจ้าวานรกวาดมาทางเขา เข้าทำลายผู้พิทักษ์แห่งเม็กไป 4 ชั้นและทำลายเกราะจากชุดเกราะพลอยม่วง

เด็กหนุ่มกระโดดส่งระเบิดเพลิงปักษาซัดไปทางมันกลางอากาศ ปะทะเข้ากับร่างสีทองคำของวานร วานรยักษ์เหล็กกล้าพุ่งเข้าใส่เพลิงปักษาราวกับไม่เห็นมันอยู่ในสายตา ส่งผลให้พลังระเบิดปะทะเข้าร่างจนอกมันเกิดบาดแผลหนึ่ง

ในหมู่อสูรร้ายระดับสูงทั้งหมดแล้ว วานรยักษ์เหล็กกล้าใช้ทักษะต้นกำเนิดได้น้อยที่สุด ที่มีเห็นจะเป็นเพียงกายาเหล็กกล้าของมันเท่านั้น

แต่มีเพียงทักษะนี้ก็เพียงพอให้วานรยักษ์เหล็กกล้ามีความแข็งแกร่งมหาศาล ทั้งในด้านการโจมตีและการป้องกันแล้ว

กระทั่งระเบิดเพลิงปักษาฉบับปรับปรุงยังไม่อาจสร้างบาดแผลร้ายแรงให้มันได้

หากคิดใช้ระเบิดเพลิงปักษาฉบับปรับปรุงไม่กี่ลูกเอาชนะมันคงได้แต่ฝันกลางวัน เว้นเสียแต่เขาจะมีคนช่วยโจมตีหลายคนเช่นอีก 7 คนอื่น ๆ ในกลุ่มพิสุทธิ์

“แกนี่หัวแข็งไม่น้อย” เมื่อเห็นเช่นนั้นซูเฉินก็ไม่คิดระห่ำโจมตีมันอีกต่อไป เขาจึงหมุนตัวกลับแล้วออกวิ่ง

ไม่ใช่เพราะเด็กหนุ่มคิดว่าตนไม่อาจเอาชนะมันได้ แต่มันแข็งแกร่งมากจนเขาอาจต้องใช้กำลังมากกว่าที่ควร

ในเมื่อเขาต้องทำเพียงลวงมันถ่วงเวลา เหตุใดจึงต้องเปลืองแรงสู้กับมันเล่า ?

ทั้งคนทั้งวานรวิ่งไล่กวดกันจนทั่วป่า

ตามแผนที่เขาวางไว้ เขาต้องทำเพียงล่อวานรยักษ์เหล็กกล้าออกมาชั่วเวลา 1 ก้านธูป จากนั้นกลุ่มพิสุทธิ์ก็จะมาช่วยเหลือฝั่งเขา

แต่เวลาผ่านไปคนก็ยังไม่มา

ซูเฉินไม่ใส่ใจ วานรยักษ์เหล็กกล้านั้นเก่งกล้าทั้งโจมตีและตั้งรับ แข็งแกร่งกว่าที่พวกเขาคาดการณ์ไว้ นับว่าเป็นคู่ต่อสู้ที่รับมือได้ยาก ไม่แน่ว่า 7 คนนั้นอาจต้องใช้เวลาจัดการมันอีกตัวนานกว่าเดิม

ดังนั้นเขาจึงยังคงความสงบเยือกเย็นไว้ กระโดดโลดเต้นล่อเจ้าวานรต่อไป

ไม่นาน เวลาอีก 1 ก้านธูปก็ได้ผ่านไป หากแต่กลุ่มพิสุทธิ์ก็ยังไม่ปรากฏตัว

ซูเฉินเริ่มขมวดคิ้วน้อย ๆ

ก่อนหน้านี้เขายังอดทนรอคนอยู่

แต่เมื่อเวลาก้านธูปที่ 3 หมดลง เขาก็ไม่อาจรั้งรอได้อีกต่อไป ในใจคิดว่าสถานการณ์คงเปลี่ยนไปแล้ว

ทั้งคนและเจ้าวานรวิ่งไล่กันรอบป่ามาระยะหนึ่ง กระทั่งเจ้าวานรยักษ์เหล็กกล้าเองยังเผยแววร้อนใจ จะเลิกไล่ตามเขาไปเสียอย่างนั้น

ดังนั้นซูเฉินจึงต้องป้ายยาล่อสัตว์อสูรใส่ร่างตนเองเพิ่มเพื่อดึงความสนใจจากมันอีกครั้ง

หากแต่ครั้งนี้ไม่ว่าฝ่ายใดก็ไม่คิดลงมือใดมากกว่าเดิม

ซูเฉินเริ่มร้อนใจขึ้นเรื่อย ๆ ในขณะที่พยายามทำใจรอคนอีกกลุ่ม หากแต่เขาก็ไม่อาจประมาทเลินเล่อกับสถานการณ์ตรงหน้าได้

หลังจากความอดทนเสี้ยวสุดท้ายหมดลง ซูเฉินก็ไม่คิดรั้งรออีกต่อไป

“ดูท่าข้าคงต้องจัดการกับแกเองเสียแล้ว” ซูเฉินพึมพำ

“โบร๋ววว !” วานรยักษ์เหล็กกล้าส่งเสียงร้องราวกับต้องการบอกว่า “หากเจ้ากล้าก็เข้ามาเลย”

“เช่นนั้นก็ลองเจ้านี่ดู”

ซูเฉินกวาดแขนตนออกไปเบื้องหน้า

เพลิงโลกันต์ก่อตัวขึ้นบนฝ่ามือเขา

จากนั้นมันก็เริ่มก่อตัวเป็นรูปร่างคล้ายนก

รูปร่างของมันคล้ายกับระเบิดเพลิงปักษามาก

หากแต่รูปร่างของมันไม่หยุดอยู่เพียงเท่านั้น จากนกตัวเล็กกลายเป็นนกตัวใหญ่ มีขนนกงอกขึ้นจากตัว จากนั้นก็ปรากฏตาและกรงเล็บแหลมคมขึ้น

เพลิงโลกันต์ก่อรูปขึ้นเป็นเหยี่ยว มันกระพือปีกรุนแรง นัยน์ตาจากเปลวเพลิงของมันคุกรุ่นไปด้วยแสงส่องสว่าง

ซูเฉินทำท่ามือ เหยี่ยวเพลิงก็เหินขึ้นไปบนฟ้า ส่งเสียงร้องดังสนั่นขณะพุ่งเข้าใส่วานรยักษ์ มันกลายร่างเป็นเปลวเพลิงโหมกระหน่ำพุ่งเข้าใส่ศัตรู

“โบร๋วววววววว !!!”

เมื่อเหยี่ยวเพลิงซัดถูกเป้าหมาย วานรยักษ์เหล็กกล้าเปล่งเสียงร้องโหยหวนสุดใจออกมา