ตอนที่ 689 ความจริง! หมอกดำบังตา (9) / ตอนที่ 690 ความจริง! หมอกดำบังตา (10)

ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ

ตอนที่ 689 ความจริง! หมอกดำบังตา (9)

“ซย่าเสียวหร่านไม่ใช่ฆาตกรที่ทำร้ายอาจารย์ของคุณ วันนี้เธอทำงานที่โรงพยาบาลอยู่ตลอด หลายคนที่เจอเธอ เธอมีหลักฐานที่ชัดเจนเกี่ยวกับการไม่อยู่ในเหตุการณ์ของเธอ ดังนั้นจึงสามารถพูดได้อย่างมั่นใจว่าการบาดเจ็บของอาจารย์คุณไม่เกี่ยวข้องกับเธอ แต่เธออาจรู้ถ้าไม่เข้าแถว”

อวี๋กานกานวิเคราะห์ด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง “จู่ๆ ก็อาจารย์ประสบอุบัติเหตุเพราะอาจารย์ไปเจออะไรบางอย่าง จากนั้นจึงเผยจุดประสงค์ของตัวเองจึงทำให้เจียงซื่อเซิ่งจัดการเขาอย่างโหดเหี้ยมทันที ตอนอยู่โรงพยาบาลฉันไปพบแพทย์เพื่อเข้าใจสถานการณ์ อีกฝ่ายต้องการทำร้ายอาจารย์แล้วใส่ความฟังจือหัน แต่อาจารย์กลับไม่ตาย เขาใช้กำลังเฮือกสุดท้ายในการปฐมพยาบาลเบื้องต้นและยื้อชีวิตเอาไว้”

โจวโจวพยักหน้า “ใช่ครับ แต่เป็นเพียงข้อสันนิษฐานของเราในตอนนี้เท่านั้น ตกลงเรื่องเป็นไงมาไงคงต้องรอจนกว่าอาจารย์คุณจะฟื้น”

ทันใดนั้นดวงตาของอวี๋กานกานก็สั่นไหวและหัวใจของเธอยิ่งตื่นตระหนก “ถ้าอีกฝ่ายมีจุดประสงค์ที่จะฆ่าอาจารย์ พวกเขาก็จะไม่ต้องการให้อาจารย์ตื่นขึ้นมา ตำรวจในโรงพยาบาลสามารถปกป้องอาจารย์ของฉันได้ใช่ไหมคะ”

โจวโจวปลอบโยนและกล่าวว่า “คุณมั่นใจได้ว่าคุณสามารถปกป้องเขาได้อย่างแน่นอน ตอนนี้อาจารย์ของคุณปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์”

แม้ว่าเขาจะพูดอย่างนั้น แต่อวี๋กานกานก็ยังไม่มีทางสบายใจ เธอแค่ต้องการหาตัวฆาตกรโดยเร็วที่สุดเท่านั้น วิธีนี้อาจารย์เหม่ยเหรินถึงจะปลอดภัยที่สุด

เธอก้าวเข้าไปข้างหน้า มองโจวโจวแล้วเอ่ยว่า “คุณจะให้ฉันทำยังไงถึงจะช่วยพวกคุณได้”

ไม่รอให้โจวโจวพูด ฟังจือหันก็เอ่ยขึ้นมาก่อนด้วยสีหน้าเย็นชาเรียบนิ่ง “โวยวาย”

อวี๋กานกานยิ้มตาหยี พูดกับเขาน้ำเสียงแผ่วเบา “โวยวายยังไงคะ เห็นได้ชัดว่าอยากช่วยคุณ”

ฟังจือหันถามเสียงเย็น “เมื่อกี้คุณลืมแล้วเหรอว่าสัญญากับผมยังไง”

รู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเธอไม่เชื่อฟังเขาดีๆ หรอก

แต่ไม่ว่ายังไง เขาไม่มีทางให้เธอไปเสี่ยงแน่นอน

อวี๋กานกานรู้ว่าฟังจือหันโกรธเข้าให้จริงๆ แล้ว เธอเบิกตาโตแล้วแสดงเหตุผลมีน้ำหนัก “แล้วคุณลืมหรือยังว่าเคยสัญญาอะไรไว้กับฉัน คุณบอกว่าต่อไปจะไม่มีเรื่องปิดบังฉันอีก แล้วสรุปเป็นไงล่ะ คุณยังปิดบังฉันตั้งหลายเรื่อง คุณเป็นสามียังไม่ทำตามที่รับปากเอาไว้เลย ฉันก็แค่ผู้หญิงตัวเล็กๆ ทำไมฉันต้องพูดคำไหนคำนั้นด้วย”

นี่เป็นเพียงความหยิ่งผยอง

ฟังจือหันยื่นมือรั้งอวี๋กานกานเอาไว้แล้วมองเธออย่างเย็นชา อยากจะอบรมเธอสักชุดแต่ก็ทำไม่ได้ จะด่าว่าทุบตีหรือดุก็ไม่ได้ ไม่อยากให้เธอเดือดร้อนและยิ่งไม่อยากให้เธอต้องเข้ามาเสี่ยง

ทำได้เพียงมองเธอด้วยสีหน้าเย็นชาราวหิมะ

ทั้งสองไม่พูดอะไรอีก นิ่งเงียบอยู่นานเหมือนกำลังทำสงครามประสาท

โจวโจวหันมามองพวกเขาและในที่สุดก็ทำลายความเงียบ “อันที่จริงผมทำแค่ไม่กี่ฉากเพื่อทำให้พวกเขาสับสน คุณไม่ต้องกังวลมาก ผมเชื่อว่าอวี๋กานกานจะไม่เป็นอะไร”

ฟังจือหันจ้องเธออย่างเย็นชา “เมื่อก่อนคุณก็บอกว่าเหอสือกุยจะไม่เป็นอะไร”

โจวโจวพูดไม่ออก

เมื่อเปลี่ยนแผนไม่ทัน เรื่องของเหอสือกุยนี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึง

ในความเป็นจริงเธอและฟังจือหันก็เสนอความเป็นไปได้เช่นกันนั่นคือเจียงซื่อเซิ่งไม่เชื่อเหอสือกุยตั้งแต่แรก เขาดึงเหอสือกุยเพื่อหลอกใช้เหอสือกุยแก้แค้นฟังจือหัน

แต่ว่าข้อสงสัยของพวกเขาไม่สามารถบอกอวี๋กานกานได้แน่นอน

อวี๋กานกานมองโจวโจวแล้วเอ่ยขึ้น “ให้ฉันคุยกับเขาตามลำพังได้ไหมคะ”

โจวโจวลังเลครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้าหยิบสมุดของตัวเองแล้วเดินอออกไปทั้งยังช่วยปิดประตูด้วย

ตอนที่ 690 ความจริง! หมอกดำบังตา (10)

แสงในห้องสอบสวนค่อนข้างสลัวใบหน้าของฟังจือหันเย็นชาและเข้มแข็ง หลังของเขาที่ส่องแสงนั้นดูเย็นชาเป็นพิเศษโดยมีแรงกดดันทั่วร่างกายของเขาและความรู้สึกบีบคั้นทำให้อวี๋กานกานรู้สึกกระสับกระส่ายลุกลี้ลุกลน

ดูเหมือนว่าการพยายามโน้มน้าวฟังจือหันอาจจะยากกว่าที่เธอคิด

เธอเอนตัวพิงข้างกายเขาด้วยใบหน้าซุกซน กระตุกแขนเสื้อเข้าเบาๆ แล้วแกล้งน่ารักออดอ้อนใส่เขา “คุณรู้ไหมว่าคุณหล่อมากๆ เลย หน้าตาดีแบบนี้น่าจะยิ้มให้เยอะๆ มัวแต่ทำหน้าเย็นชาแข็งกระด้างระวังหน้าเป็นอัมพาตนะคะ ถึงแม้ฉันจะรักษาใบหน้าเป็นอัมพาตได้แต่การรักษานั้นยุ่งยากมาก”

ฟังจือหันไม่ฟังคำพูดหวานออดอ้อนของเธอแล้วเอ่ยขึ้นอย่างเคร่งเครียด “ไม่ว่าคุณจะพูดกับผมยังไง คุณต้องจำเอาไว้ว่าหลังจากออกไปแล้วห้ามทำอะไรเด็ดขาด อยู่แต่ในบ้านเชื่อฟังผม”

น้ำเสียงช่างเผด็จการและไม่อาจโต้แย้งได้

อวี๋กานกานเอ่ยขึ้นอย่างไม่สบายใจ “ตอนนี้คุณอยู่สถานีตำรวจ อาจารย์ของฉันนอนอยู่โรงพยาบาล ฉันจะไม่ทำอะไรเลยได้ยังไง ทำได้เพียงอยู่บ้านเชื่อฟังแค่นั้นเหรอคะ”

น้ำเสียงของเธออ่อนลง “ฉันอยากช่วยคุณ เผื่อฉันจะช่วยอะไรคุณได้บ้าง”

“ไม่ต้องให้คุณช่วยหรอก ผมวางแผนทุกอย่างไว้หมดแล้ว” ฟังจือหันไม่แสดงสีหน้า เขาเย็นชามากน้ำเสียงไม่ผ่อนคลายเลยสักนิด

อวี๋กานกานหันหน้ามองเขาอยู่นานอ้อนเขายังไงก็ไม่ได้ผล

ฟังจือหันยังมีสีหน้าคงเดิมไม่อ่อนลงเลยสักนิด

อวี๋กานกานตัดสินใจเอนเอียงเล็กน้อย ต่อให้เธออ้อนไปก็ไม่มีประโยชน์ ถ้าอย่างนั้นต้องเกรี้ยวกราดสักหน่อย เธอจึงตะคอกอย่างเย็นชา “ถ้าคุณวางแผนไว้หมดแล้ว อาจารย์ของฉันนอนโรงพยาบาลจะฟื้นขึ้นมาไหม แล้วคุณจะถูกจับขังในสถานีตำรวจแล้วจะออกมาได้ไหม”

“คุณกำลังโทษผม ให้อาจารย์คุณมาช่วยแต่กลับปกป้องเขาไม่ได้”

“ถ้าฉันโทษคุณ ตอนนี้ฉันจะยังคุยกับคุณอยู่เหรอคะ”

“อย่างนั้นคุณกลับไปรอที่บ้านดีกว่า”

อวี๋กานกาน “…”

รู้ทั้งรู้ว่าเธอต้องการยั่วโมโหเขาให้เขาง้อเธอแล้วตกลงตามคำขอของเธอ แต่คิดไม่ถึงว่าจะถูกเขาจับได้

“ฟังจือหัน ฉันแค่อยากจะบอกคุณว่ามีบางสิ่งที่ฉันทำได้ฉันไม่ได้อ่อนแออย่างที่คุณคิด ตรงกันข้ามแม้ว่าวันนี้จะไม่ใช่ส่วนหนึ่ง แม้ว่าคุณจะมีความผิดจริงๆ ก็ตาม ตำรวจก็จะไม่เชื่อคุณ ฉันต้องมีวิธีช่วยคุณออกมา ฉันไม่ใช่คนไร้ประโยชน์!”

น้ำเสียงของเธอแน่วแน่และมุ่งมั่น

ฟังจือหันหรี่ตาจ้องเธอด้วยแววตาอันตราย สักพักเขาก็กะพริบตาแล้วมองเธออีกครั้งด้วยความจนปัญญา

น้ำเสียงของเขาอ่อนลงเล็กน้อยราวกับเล้าโลม “ยัยเพี้ยน คุณอย่าทำให้ผมลำบากใจตอนนี้ได้ไหม”

“ฉันรู้ฉันไม่ได้สร้างความลำบากใจ หากลำบากใจจริงโจวโจวคงไม่บอกให้ฉันช่วยหรอก หากเขาไม่อยากให้ฉันเข้าไปยุ่งจริง แน่นอนว่าเรื่องนี้มีเพียงฉันที่ช่วยได้”

ฟังจือหันมีสีหน้าเย็นชาเล็กน้อย “ใครบอกว่าขาดคุณไม่ได้ โจวโจวแค่จนปัญญา แต่ไม่ได้หมายความว่าผมจะจนปัญญาด้วยนี่…”

ไม่รอให้เขาพูดจบ จู่ๆ อวี๋กานกานก็ก้าวเท้าโอบรอบคอของเขาจากนั้นก้มหน้าลงมาประทับริมฝีปากของเขา

เนิ่นนานกว่าจะผละออกจากกันและกัน

เขาเผยอริมฝีปากแล้วเอ่ยเสียงเข้ม “ไม่ว่าผมจะยอมหรือเปล่าแต่คุณก็ได้ตัดสินใจไปแล้วใช่ไหม”