ภายใน คณะตุลาการโลก

มันเป็นสำนักงานเล็กๆ และไม่ใช่สถานที่ที่ทุกคนจะมาทำงานกันในวันธรรมดา

แต่จะดีจะร้าย สถานที่แห่งนี้ก็ยังเป็นแผนกสำคัญของสหพันธ์โลกเก้าร้อยล้านชั้น และมีเพียงตัวตนทรงอำนาจระดับจ้าววงการเท่านั้น ถึงจะสามารถเข้ามายังแผนกนี้ได้

ดังนั้น เมื่อพิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว ผู้บริหารระดับสูงจึงได้เพิ่มพื้นที่สำนักงานบางส่วนในแผนกอันสำคัญนี้ ให้สามารถวางโต๊ะขนาดยาวลงได้

ด้วยโต๊ะตัวนี้ อย่างน้อยทุกคนก็จะสามารถใช้มันเล่นไพ่และติดต่อประสานงานกับคนอื่นๆ ได้

เฉินหยางโยนไพ่ลงบนโต๊ะ ผลักเก้าอี้ออก แล้วยืนขึ้น

“พอแค่นี้แหละ ถ้าหยุดตอนนี้มันก็จะกลางๆ ข้าจะไม่อยู่ในสถานะแพ้หรือชนะ เจ้าคิดว่าอย่างไร?” เขาถาม

“ผายลมเถอะ! เห็นอยู่ชัดๆ ว่านายชนะมากที่สุด”

เพื่อนเล่นไพ่ของเขา ที่อยู่ในรูปลักษณ์ของหมีกล่าวอย่างขุ่นเคือง

“ช่างมันเถอะน่า ยังกะว่าคนอย่างนายหรือฉันสนใจเรื่องแพ้ชนะอย่างงั้นแหละ” คนที่ซ่อนตัวอยู่ในชุดคลุมดำกล่าว

“อย่างไรก็เถอะเฉินหยาง นายออกไปทำอะไรมากัน? ถึงได้มีเงินกลับมามากมายขนาดนี้” แขนจักรกลถาม

“นั่นสิ นายไปทำอะไรมากันแน่?” หมีอดไม่ได้ต้องถามบ้างเช่นกัน

“ก็เกิดปัญหาเล็กๆ น้อยขึ้นกับน้องชายคนเล็กของแบรี่น่ะซี่ ข้าเลยไปช่วยเขานิดๆ หน่อยๆ แต่ใครจะรู้ ว่ากลับเป็นตรงกันข้าม เป็นข้าแทนเสียนี่ที่ได้รับสมบัติกลับมามากมาย” เฉินหยางหัวเราะ

เมื่อเห็นว่าทุกคนสนใจ เฉินหยางก็เล่าเรื่องทั้งหมดเกี่ยวกับมัน

“น้องชายคนเล็กของแบรี่? ฉันเหมือนจะจำได้ว่าเขาชื่อ กู่ฉิงซาน…” หมีงึมงำครุ่นคิด

“อ๋อใช่ๆ เจ้าหนูคนนั้นมันเป็นวัตถุดิบชั้นดี เป็นผู้ฝึกดาบที่มีพรสวรรค์ไม่เลวเลย เขาอาจจะกลายเป็นตัวตนที่ร้ายกาจก็ได้นะในอนาคต” แขนจักรกลกล่าว

“แถมยังมีข่าวลือว่าราชินีแห่งหนาม มีความสัมพันธ์ที่ดีกับเขาด้วยนา” คนในเสื้อคลุมแทรกขึ้นมา

“หือ? ผู้หญิงอย่างเธอนี่ฟังข่าวซุบซิบทุกวัน…เอ่อช่างมันเถอะ ฉันขอตัวก่อนดีกว่า” แขนจักรกลเปลี่ยนใจไม่พูดจนจบอย่างกะทันหัน

“เดี๋ยวสิ วันนี้ข้าได้กำไรมามหาศาลเลยนะ เพราะงั้นข้าอยากจะให้ทุกคนมากินอาหารเย็นด้วยกันก่อน แล้วค่อยกลับไป” เฉินหยางกล่าว

“ก็ได้ๆ”

เฉินหยาง หมี คนในชุดคลุม และแขนจักรกลจึงลุกขึ้น พากันเดินออกไปข้างนอก

พวกเขาเปิดประตู

ทันใดนั้นเอง ทุกชนิดของเสียงรบกวนจากสำนักงานฝั่งตรงข้ามที่มีขนาดใหญ่เทียบเท่ากับสนามฟุตบอลก็ดังแทรกเข้ามาในรูหู

ภายในสำนักงานอีกฝั่ง แออัดไปด้วยผู้คนนับไม่ถ้วน

ทุกคนต่างตะโกนเสียงดัง และไม่หยุดที่จะแสดงเอกสารในมือของพวกเขา

ทั้งสี่คนเฝ้ามองฉากนี้อย่างเงียบๆ

“เฮ้อ แผนกกิจการอาชีพโลกนี่ไม่เคยจะได้หยุดกันเลยรึไง? โชคดีจริงๆ ที่ทางฝั่งเรามีกำแพงเก็บเสียงอยู่ เสียงมันเลยไม่ได้เข้ามารบกวนถึงที่นี่” เฉินหยางบ่น

“นายต้องเข้าใจปัญหาของพวกเขา เพราะมีอาชีพใหม่เกิดขึ้นมาในทุกๆ วัน ทางฝั่งนั้นเลยเต็มไปด้วยเอกสารและผู้คน แถมยังต้องคอยตรวจสอบแนวโน้มการพัฒนาของแต่ละสายอาชีพ และจัดเตรียมเกณฑ์การให้คะแนนสายอาชีพแต่ละสายอีก”

“ฟังแล้วชวนปวดหัวดีแฮะ เป็นฉัน ถ้าต้องทำงานแบบนั้น วันไหนว่างๆ คงต้องออกไปหาโลกมาทำลายเล่นซักสองสามใบ เพื่อคลายเครียดแล้ว” คนในชุดคลุมกล่าว

“ใช่ โชคดีจริงๆ ที่พวกเราไม่ต้องไปทำงานแบบนั้น” แขนจักรกลกล่าวด้วยอารมณ์

“ตอนนี้พอมาลองคิดๆ ดู แบรี่มันฉลาดจริงๆ ที่มักจะติดบิล เลือกที่จะเป็นหนี้เขาไปทั่ว จนไม่มีแผนกไหนกล้าเรียกใช้งานเขา เพราะเกรงว่าทางแผนกจะถูกพวกเจ้าหนี้บุกตามเข้ามาทวง จนไม่สามารถทำงานได้” เฉินหยางถอนหายใจ

“ไปเถอะ” หมีกล่าว

ทว่าเดินออกไปเพียงไม่กี่ก้าว เฉินหยางก็อุทานออกมาทันใด “เอ๊ะ?”

“มีอะไรงั้นหรือ?” คนในชุดคลุมถาม

“นั่น…ผู้หญิงคนนั้นเป็นอาจารย์ของกู่ฉิงซาน ทำไมนางถึงมาอยู่ที่นี่ หรือว่ามีบางส่วนที่ข้าจัดการพลาดไปกัน?” เฉินหยางกล่าวด้วยความสงสัย

ระหว่างกล่าว เซี่ยเต๋าหลิงก็หันไปเห็นเฉินหยางพอดี

และเธอไม่ลังเลเลยที่จะเดินเข้ามา โค้งกายลงให้แก่เขาด้วยความสุภาพ “ผู้ทรงเกียรติเฉิน พวกเราได้พบกันอีกแล้ว”

“เจ้ามายังคณะตุลาการโลกได้อย่างไร? หรือว่ามีบางสิ่งที่มันไม่ถูกต้องในเรื่องก่อนหน้านี้?” เฉินหยางถาม

“หามิได้ ข้าเพียงมายังแผนกกิจการอาชีพ เพื่อยื่นเรื่องขอส่งรายชื่อผู้ฝึกยุทธ์ที่มีคุณสมบัติเข้าสู่ดินแดนชิงอำนาจ” เซี่ยเต๋าหลิงอธิบาย

“อ้อ ที่แท้ก็เรื่องการคัดเลือกพวกหน้าใหม่นี่เอง หมายความว่ากู่ฉิงซานก็กำลังจะได้เข้าไปยังดินแดนชิงอำนาจแล้วสินะ?”

“เป็นเช่นนั้น”

ว่าจบ เซี่ยเต๋าหลิงก็โบกมือ เรียกกู่ฉิงซานและคนอื่นๆ ออกมา

“อ้าว? นั่นพี่เฉินหยาง พี่หมี คุณหยุนจี แล้วก็คุณเพลิงทมิฬนี่นา?” กู่ฉิงซานอุทานด้วยความประหลาดใจ

“ไง”

“สวัสดีเจ้าหนุ่ม”

“น้องชายตัวน้อย ไม่ว่าจะได้มองกี่ครั้งก็ยังหล่อเสมอเลย คราวหน้าพี่สาวจะมาชวนไปกินข้าวด้วยกันนะ”

“ฉิงซาน เป็นอย่างไรบ้างล่ะช่วงนี้”

ทั้งสี่คนทักทายเขา

คนในชุดคลุมยกฮู้ดคลุมหัวออก เผยให้เป็นถึงใบหน้าอันงดงามน่าหลงใหล

กลับกลายเป็นว่าคนในชุดคลุมดำคือหยุนจี หญิงทรงอำนาจระดับจ้าววงการ

“ต้องขออภัยจริงๆ ถ้าเกิดไปรบกวนเข้า พอดีว่าพวกผมมาจัดการธุระนิดหน่อยที่นี่” กู่ฉิงซานกล่าว

เฉินหยางมองไปยังไม่กี่คนรอบตัวเขาและกล่าว “ไม่เป็นไรหรอก เอางี้แล้วกัน เดี๋ยวพวกข้าจะไปดูเจ้าด้วย”

“ความสามารถในการต่อสู้ของผมมันไม่คุ้มค่าที่จะแสดงต่อหน้าพวกคุณทุกคนหรอก…” กู่ฉิงซานหัวเราะให้กับตัวเอง

หลังจากที่เขาเข้าร่วมกับสมาคมกำปั้นเหล็ก ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับโลกเก้าร้อยล้านชั้นของตนเองก็กระจ่างชัด

เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บล้มตาย และเพื่อที่จะสามารถคงไว้ซึ่งสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลัง ดังนั้นการคัดเลือกเข้าไปยังดินแดนชิงอำนาจจึงไม่จำเป็นที่จะต้องต่อสู้กัน

ส่วนคุณสมบัติที่ว่าตนจะสามารถเข้าไปยังดินแดนชิงอำนาจได้หรือไม่นั้น จะถูกตัดสินโดยเทคนิคมนตราประเภทลึกลับขนาดใหญ่ จากนั้นก็จะถูกคัดกรองโดยเครื่องมือทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอีกครั้ง

เฉินหยางกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้าเกรงว่าเจ้าจะสูญเสียสิทธิ์ของตัวเองไป เพราะยังมีบางเรื่องที่ไม่เข้าใจ”

“ใช่ อย่างเช่นของแบรี่ ตอนนั้นเขาต้องการที่จะเข้าสู่ดินแดนชิงอำนาจ แต่เขาลงอาชีพนักมวยไปตั้งนานแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้เข้าไปสักที” หยุนจีเหน็บแนม

หลายคนเหลือบมองกันและกัน และอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ

“เกิดอะไรขึ้นกับเขาอย่างงั้นหรือครับ?” กู่ฉิงซานอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม

“ก็อาชีพของเขาคือนักมวย แต่ทุกครั้งที่เขาเข้ารับการทดสอบ เขาดันไม่รู้ว่าตัวเองจำเป็นที่จะต้องสวมถุงมือเอาไว้ด้วยน่ะสิ ดังนั้นเมื่อถึงการทดสอบ เขาเลยสามารถแสดงพลังต่อสู้ออกมาได้แค่ 30% เท่านั้น ซึ่งตามปกติแล้วถือว่าสู้ใครไม่ได้เลย” แขนจักรกลและเพลิงทมิฬ อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา

“…ไม่มีใครบอกอะไรเขาเลยหรือ?” กู่ฉิงซานถาม

“ก็นักมวยทุกคนเป็นคู่แข่งกัน ใครมันจะไปยอมบอกเขา?”

“นอกจากนี้นะ เจ้าแบรี่มันก็มักจะใจร้อนเสมอ กฎระเบียบก่อนทดสอบอะไรมันก็ไม่ตั้งใจฟังเลย”

“แต่ก็เพราะแบบนั้นเอง แบรี่เลยเร่งฝึก จนความแข็งแกร่งเขาก้าวกระโดด และสามารถผ่านการทดสอบเข้าสู่ดินแดนชิงอำนาจด้วยการแสดงพลังแค่ 30% ของตัวเองเท่านั้น”

“ส่วนน้องสาวของเขาเสี่ยวเหมียวน่ะแตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง เธอสามารถผ่านการทดสอบได้เลยในทันที”

“ใช่ ถ้าจะให้พูดก็คือ คงเป็นในรอบสุดท้ายนั่นแหละ ฉันถึงได้เห็นพลังของเธอด้วยตาของตัวเอง”

กู่ฉิงซานพอได้ฟังสี่จ้าววงการกล่าวมาถึงจุดนี้ เขาก็เข้าใจในที่สุด

อีกฝ่ายหนึ่งกำลังเป็นกังวลว่าจะเกิดเรื่องผิดพลาดขึ้นกับเขาในระหว่างการทดสอบ

นางเซียนไป่ฮั่ว แน่นอนว่าย่อมสามารถมองเห็นถึงสิ่งที่อีกฝ่ายคิด จึงใช้โอกาสนี้เอ่ยถามคำในจิตใจ “ผู้ทรงเกียรติเฉิน จ้าววงการเช่นพวกท่าน มีจำนวนสิทธิ์ในมือมากหรือไม่?”

“เจ้ากำลังพูดถึงสิทธิ์ในการเข้าสู่ดินแดนชิงอำนาจใช่ไหม? ฮะฮ่า! แน่นอนว่ามันย่อมไม่มี เพราะหากใช้กลโกงส่งคนที่ไม่แข็งแกร่งพอเข้าไป มันจะไม่เทียบเท่ากับว่าเป็นการส่งเขาไปตายหรือ?”

พี่หมีเอ่ยเสริม “ยิ่งไปกว่านั้น เผ่ามนุษย์ของพวกเจ้าก็ไม่เรียบง่ายเหมือนดั่งเช่นเผ่าพันธุ์อื่นๆ พวกเจ้ามีอาชีพนับพันหมื่น ทำให้มันเป็นไปไม่ได้ อย่างการที่จะให้นักเวทมาเข้ารับการทดสอบของนักมวย”

เพลงทมิฬกล่าวเสริม “ก็ถ้านักเวทที่สามารถเอาชนะผู้คนได้มากมาย ดันมาถูกจัดการลงด้วยนักมวย เพียงเพราะแค่ไม่ถนัดการต่อสู้ประเภทระยะประชิด มันก็คงจะเป็นเรื่องน่าขบขันมาก”

พวกเขาหัวเราะพร้อมกัน ราวกับว่ามันเคยมีอะไรแบบนั้นเกิดขึ้นมาแล้ว

“ดังนั้น ทุกอย่างจึงล้วนขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่ง นี่คือความยุติธรรมและการปกป้องผู้อ่อนแอ เพราะท้ายที่สุดแล้ว มีผู้คนมากมายต้องตกตายในดินแดนชิงอำนาจ คนอ่อนแอไม่สามารถทนอยู่ได้ ทุกคนที่มีสมองน้อยหรือไม่แข็งแกร่งพอ ไปยังดินแดนทรงอำนาจก็ตายกันทั้งนั้น”

เซี่ยเต๋าหลิงพอได้ยินคำเหล่านี้ ก็ค่อยรู้สึกโล่งใจอย่างสมบูรณ์

“ข้าก็หลงนึกว่าการคัดเลือกจะคล้ายคลึงกันกับในกลุ่มพันธมิตร ที่ทุกอย่างนั้นล้วนเกี่ยวข้องกับเส้นสาย หากเป็นการเอาชนะอย่างใสสะอาด ศิษย์ข้าเองก็คงไม่พบเจอปัญหาใดๆ”

ระหว่างสนทนา ทั้งหมดก็เดินไปพลางๆ เข้าไปในส่วนของกองกิจการอาชีพโลก

…………………………………………….