ตอนที่ 79 ไม่รู้จะทำยังไงดี

เกิดใหม่เป็นสาวน้อยชนบท [特工狂妃:农妇山权有点田

นางรู้แล้วหรือว่าพี่ชายและน้องชายของนางหายตัวไป?

เมื่อเห็นว่าซูหวานหว่านถามออกมาเช่นนี้ ความตื่นตระหนกก็ปรากฏขึ้นในแววตาของซูฉิงฉิง นิ้วมือของนางสั่นเทา เพื่อไม่ให้ซูหวานหว่านจับได้ นางจึงรีบซ่อนนิ้วไว้ใต้แขนเสื้อพร้อมทั้งเชิดหน้าขึ้น “ข้าจะไปรู้ได้อย่างไรว่าพวกเขาอยู่ที่ใด? เจ้ามาถามข้าเช่นนี้สู้เจ้าออกไปตามหาพวกเขาเองไม่ดีกว่าหรอกหรือ?”

เกรงว่ากว่าซูหวานหว่านจะหาตัวพี่น้องของตนเองพบ ซูจิ่นหมิงและซูจิ่นเฉียงจะไม่ถูกทรมานจนเสียสติไปแล้วหรือ? เมื่อนึกถึงว่าพี่น้องของนังนั่นกำลังจะถูกทรมาน ความตื่นตระหนกของซูฉิงฉิงก็พลันหายไป

“เจ้าไม่รู้จริง ๆ อย่างงั้นหรือ?” ซูหวานหว่านก้าวเท้าเข้าไปหาซูฉิงฉิงพร้อมกำมือแน่น ซูฉิงฉิงผงะถอยหลังหนีจนถึงประตู นางกำลังจะก้าวหลังอีกครั้งทว่าสะดุดเข้ากับธรณีประตูเสียก่อน

“ซูฉิงฉิง เจ้าน่าจะรู้วิธีจัดการของข้านะ ดูเจียงเส้าปังเป็นตัวอย่าง เขาไม่แม้แต่จะทำร้ายข้าได้ แต่เจ้าฉลาดกว่าเขาเล็กน้อย อีกทั้งเจ้ายังเปลี่ยนเป้าหมายมาทำร้ายพี่ชายและน้องชายของข้า เจ้าคิดว่าข้าจะไม่แก้แค้นอย่างงั้นหรือ? เจ้าจงจำเอาไว้ให้ขึ้นใจ ที่เด็กในท้องเจ้ายังอยู่มันเป็นเพราะว่าข้าไม่ได้ลงมือทำอะไร!” ซูหวานหว่านกัดฟัน นางหยิบเข็มเงินที่ยังไม่ได้คืนให้ฮวงเหล่าออกมา “ข้าจะให้โอกาสเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย เจ้าจะพูดหรือไม่?”

“เจ้าช่างเป็นคนที่มีจิตใจโหดเหี้ยมอำมหิตยิ่งนัก!” ซูฉิงฉิงกล่าว เมื่อนางเหลือบไปมองเห็นฉีเฉิงเฟงผู้หล่อเหล่า นางก็ตะโกนออกมาทันที “คุณชาย ช่วยด้วย! ช่วยข้าด้วย! ลูกพี่ลูกน้องข้า นางต้องการจะฆ่าข้า…”

ฉีเฉิงเฟิงเดินเข้าไปใกล้ ชายหนุ่มมองไปที่ซูฉิงฉิงอย่างเย็นชา พลันใดเท้าของเขาก็ได้เหยียบลงนิ้วมือของซูฉิงฉิงโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ แววตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธพร้อมพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า “เจ้าบอกความจริงมาเสียดีกว่าว่าเจ้านำตัวพี่ชายกับน้องชายภรรยาของข้าไปไว้ที่ใด!”

พี่ชายกับน้องชายภรรยา? สถานการณ์ตอนนี้มันคืออะไรกัน! เหตุใดชายผู้นี้ถึงเรียกซูจิ่นหมิงว่าน้องภรรยา?

นางหยุดครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง นางไม่ได้กลับบ้านมานานกว่า 1 ปี บุรุษผู้นี้… ซูฉิงฉิงพยายามคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ หลังจากนั้นนางก็นึกขึ้นมาได้ตอนที่ท่านย่าเจี๋ยได้กระซิบบอกกับนางเมื่อวานนี้ และพูดอย่างโกรธเคือง “เจ้าคงจะเป็นฉีเฉิงเฟิง? ที่มีความสัมพันธ์กับซูหวานหว่านสินะ ข้าจะบอกอะไรกับเจ้าเอาไว้ หญิงเลวอย่างซูหวานหว่านคบกับใครได้ไม่นานหรอก อย่าไปหลงกลนางเด็ดขาด!”

“เหอะ นางเป็นคนเช่นไร ข้าอยากจะให้เจ้าพูดรึ?” ฉีเฉิงเฟิงถามออกมาพร้อมกับเหลือบไปมองที่ซูหวานหว่าน และพูดเบา ๆ “แจ้งพลลาดตระเวน?”

ซูหวานหว่านพยักหน้าอย่างเห็นด้วยพร้อมกับมองไปที่ซูฉิงฉิงแล้วดึงเข็มเงินเก็บกลับ อันที่จริงนางสามารถฆ่าซูฉิงฉิงได้! หากที่นี่เป็นถิ่นทุรกันดารนางก็คงจะไม่ยอมให้ซูฉิงฉิงมาอาละวาดก่อความวุ่นวายให้กับนางถึงขนาดนี้แน่!

ซูหวานหว่านหันกลับพร้อมกับจ้องมองไปยังฉีเฉิงเฟิงซึ่งกำลังจ้องไปที่ซูฉิงฉิง นางเดินออกไปแจ้งความกับพลลาดตระเวน ในตอนที่นางกำลังจะหันตัวกลับไปนางก็เห็นหลิวเหรินกำลังเดินเข้ามาพร้อมกับกลุ่มผู้คนด้วยใบหน้าโกรธจัดพร้อมกับตะโกนออกมาว่า “ฮวงเหล่าขอรับ! ศิษย์แปลกหน้าของท่านอาละวาดเกินไปแล้ว! นางไม่เพียงแต่ส่งเสียงโหวกเหวกโวยวายในลานบ้าน อีกทั้งยังมาตีข้าอีกด้วยขอรับ! ช่างโหดร้ายมาก! และข้าได้ยินมาว่านางต้องการฆ่าพี่สาวของตัวเองอีกด้วยขอรับ!”

เขาเก่งจริง ๆ ในการเติมเชื้อเพลิงหรือยุยงให้คนแตกคอกัน ซูหวานหว่านหัวเราะเยาะออกมาและเอ่ยกับหลิวเหรินว่า “เจ้ากำลังประจบสอพลอเอาใจนางงั้นสินะ เมื่อเห็นว่าซูฉิงฉิงเป็นหญิงสาว สงสัยเจ้าอยากเป็นสุนัขรับใช้นางสิท่า!”

“เจ้า!” หลิวเหรินจ้องมองพลลาดตระเวนที่ยืนอยู่ด้านข้าง “ท่านเจ้าหน้าที่ขอรับ! ท่านดูนี่สิ! นังผู้หญิงเลวคนนี้! ท่านควรจะรีบไปจับกุมนางเสีย นางอาละวาดใหญ่แล้วหากปล่อยไว้เกรงว่าจะเป็นอันตรายต่อหมู่บ้านและละแวกใกล้เคียงแถวนี้ได้นะขอรับ!”

เจ้าหน้าที่ลาดตระเวรซึ่งมากับหลิวเหรินไม่ได้สนใจอะไรหลิวเหริน ทว่าเขาเดินเข้าไปหาซูหวานหว่านพร้อมกับพูดออกมาด้วยความเคารพว่า “แม่นางซู”

ซูหวานหว่านพยักหน้าแล้วชี้ไปที่ซูฉิงฉิง ตอนนี้นางกำลังจะจัดการปัญหาไปทีละขั้นตอน

พลลาดตระเวนที่มาจับกุมใบหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันที ซูฉิงฉิงเห็นแบบนั้นก็โกรธจนหน้าแดงและพูดออกมาอย่างรวดเร็ว “ไม่ใช่ข้า! ข้าไม่ได้ทำเช่นนั้น ข้าเป็นมิตรกับพวกเขาทั้งสองคน! ข้าแค่พาพวกเขาสองคนออกมากินข้าวเพียงเท่านั้น พอกินข้าวเสร็จข้าก็แยกย้ายกลับมา แล้วข้าจะไปรู้ได้อย่างไรว่าพวกเขาไปที่ใดกันต่อ! มันไม่ใช่ธุระของข้า!”

ช่างปั้นน้ำเป็นตัวจริง ๆ!

ซูหวานหว่านมองซูฉิงฉิงและเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงอันน่ากลัว ทว่าใบหน้าของนางยังคงเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “ซูฉิงฉิง เจ้ารีบบอกมาเสีย หากข้าตรวจสอบดูแล้วว่ามันเกี่ยวข้องกับเจ้าล่ะก็ เจ้าคิดว่าตัวเองยังจะแต่งงานกับเจียงเส้าปังได้อยู่อีกหรือไม่? ภูมิหลังของครอบครัวของเขาเป็นอย่างไร? แล้วถ้าหันมามองเจ้า ภูมิหลังของเจ้านั้นเป็นอย่างไร? เป็นสตรีติดคุกอีกทั้งยังเป็นสตรีที่ยังไม่ได้แต่งงาน และยังตั้งครรภ์อีกด้วยอย่างงั้นหรือ?”

“ฮึ่ม! รอดูได้เลย! ข้าจะเป็นเจ้าสาวของเส้าปังอย่างแน่นอน! คนแรกที่จะต้องเสียใจต้องเป็นเจ้า!” ซูฉิงฉิงกล่าวออกมา ทันใดนางก็คิดอะไรบางอย่างออกพร้อมกับพูดว่า “ซูหวานหว่าน! เจ้าอย่าไปกระจายข่าวที่ว่าข้าตั้งครรภ์ให้กับคนในหมู่บ้านรู้เป็นอันขาด ถ้ามิฉะนั้น…เจ้าได้เห็นดีกับข้าแน่!”

ซูฉิงฉิงลูบท้องของตัวเองเบา ๆ นางจะเปิดเผยเรื่องนี้ด้วยตัวเองภายในหนึ่งหรือสองเดือนข้างหน้า ดังนั้นนางจึงไม่ต้องการให้ใครพูดแทนนาง

“เหอะ” ซูหวานหว่านยิ้มเยาะเย้ย “หากเจ้าไม่พูด ข้าก็มีวิธีทางอื่นที่จะหาตัวพี่ชายและน้องชายของข้าพบ และเมื่อถึงเวลานั้นละก็….หึ”

เมื่อพูดจบ ซูหวานหว่านจึงหันไปพูดกับพลลาดตระเวนประมาณสองสามประโยค

ในเวลาต่อมาพลลาดตระเวนก็ได้เดินออกไป ทว่ายังมีเจ้าหน้าที่คนหนึ่งยืนเฝ้าอยู่ที่หน้าประตูลานบ้านพร้อมกับพูดออกมาว่า “แม่นางซู ข้าจะอยู่เฝ้าเองขอรับ ข้าจะไม่ปล่อยให้ซูฉิงฉิงหนีไปได้เป็นอันขาด ท่านสามารถไปทำธุระอย่างอื่นที่ท่านต้องการจัดการได้เลย ส่วนเรื่องที่ตามหาพี่ชายและน้องชายของท่าน ปล่อยให้เป็นเรื่องของเหล่าพลลาดตระเวนพี่น้องของข้าดีกว่า ข้ามั่นใจว่าพวกเขาจะต้องตามหาตัวพี่น้องของท่านพบอย่างแน่นอนขอรับ”

ยังจะเอาแต่จ้องนางอยู่ได้! ซูฉิงฉิงกล่าวออกมาเบา ๆ “เจ้าสองคนก็เป็นคู่ที่เหมาะสมกันดีนะ จิตใจต่ำช้า!”

“เหอะ จิตใจต่ำช้าก็ไม่ดีไปกว่าคนที่มีจิตใจโหดเหี้ยม” ซูหวานหว่านกัดฟันพูดพร้อมกับกลอกตาไปมา นางจะรีบแก้ไขเรื่องนี้ให้เสร็จ

ใครจะไปคาดคิดกันว่าซูฉิงฉิงจะมีจิตใจโหดเหี้ยม ไม่รู้ว่าทำร้ายพี่ชายและน้องชายของนางไปถึงไหนแล้ว?

เมื่อคิดได้แบบนี้ ซูหวานหว่านก็เกิดอาการประหม่าขึ้นมา นางเดินกลับไปที่โรงเรียนจินซวนโดยมีฉีเฉิงเฟิงเดินตามไปด้วย ซูหวานหว่านไม่สามารถใช้พลังวิเศษพูดคุยสื่อสารกับสัตว์ได้ ดังนั้นนางจึงใช้ข้ออ้างเพื่อปลีกตัวออกมาจากฉีเฉิงเฟิง และมองหาสัตว์ที่อาศัยอยู่ข้างโรงเรียนจินซวน

นางเงยหน้าขึ้นก็ได้พบกับรังของนกนางแอ่นที่อยู่มุมชายคาของโรงเรียนจินซวน ซูหวานหว่านใช้พลังวิเศษของตนเองสื่อสารกับนกนางแอ่นทันที เสียงร้องเหมือนนกนางแอ่นดังออกมาจากริมฝีปากของซูหวานหว่าน แต่นางก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันทีเมื่อพบว่าฉีเฉิงเฟิงไม่ได้อยู่ห่างจากตัวนางไกลสักเท่าไร

“เจ้านกนางแอ่นที่สวยงาม เจ้าช่วยบอกข้าเกี่ยวกับข่าวซูจิ่นหมิงและซูจิ่นเฉียงให้ข้าหรือได้หรือไม่ แล้วข้าจะมีของมาตอบแทนเจ้า”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ นกนางแอ่นก็โผล่หัวออกมาจากรัง แต่ยังคงพูดอย่างคลุมเครือว่า “ข้ากลับมาจากไปหาอาหาร เห็นพวกเขาเดินทางไปยังทิศตะวันออก หลังจากนั้นข้าก็ไม่รู้แล้วว่าพวกเขาไปที่ใด เจ้าสามารถถามข่าวเพิ่มเติมกับครอบครัวซูที่ขายโคมไฟในระยะแถวนั้นได้ ที่บ้านของเขาก็ยังมีรังนกนางแอ่นอยู่บนชายคาอีกด้วย”

“ขอบคุณเจ้ามาก” หลังจากซูหวานหว่านได้ขอบคุณนกนางแอ่นแล้ว นางก็ได้เดินไปทางทิศตะวันออกทันที และฉีเฉิงเฟิงที่เดินตามมาอยู่ข้างถนนก็แอบซ่อนตัวอยู่ที่มุมถนนทันที

ซูหวานหว่านได้เดินมาพบครอบครัวของซูอย่างรวดเร็ว มีโคมไฟจำนวนมากที่ห้อยระโยงอยู่ใต้ชายคา และนางก็ได้ถามนกนางแอ่น ทว่านกนางแอ่นตัวนั้นกลับส่ายหัวพร้อมกับบอกว่า “ข้าเพิ่งกลับมาที่รัง ข้ายังไม่เห็นพวกเขาเลย”

ซูหวานหว่านพยายามถามหากับสัตว์ชนิดอื่นด้วย ทว่าก็ยังไม่รู้เรื่องอยู่ดี ดังนั้นนางจึงได้คิดถึงซูฉิงฉิงและเจียงเส้าปังที่ตอนนี้กำลังนอนสบายใจอยู่ พลันใดนั้นนางก็มีความคิดที่บรรเจิดขึ้นมา

หลังจากวางแผนเอาไว้ภายในใจ ซูหวานหว่านก็ได้เดินกลับไปที่บ้านของฮวงเหล่าทันที

นางต้องการให้ซูฉิงฉิงเป็นคนสารภาพออกมา!