ซูหวานหว่านเดินกลับไปยังบ้านของฮวงเหล่า พลลาดตระเวนยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูก้มหัวลงทักทายซูหวานหว่านด้วยความเคารพ “แม่นางซู! ข้าได้เฝ้าดูพวกเขาทั้งสองอย่างใกล้ชิด พวกเขาไม่ได้ออกไปไหนและไม่มีผู้ใดสามารถเข้าไปในบ้านได้เพื่อทำอะไรได้ขอรับ”

“รบกวนเจ้าแล้ว” ซูหวานหว่านพูดพร้อมกับพยักหน้า นางได้กระซิบบอกกับพลลาดตระเวนผู้นั้นสองสามประโยค และเตรียมเข้าไปด้านใน

นางได้เห็นซูฉิงฉิงนั่งอยู่เฉย ๆ กำลังกินเมล็ดแตงโมอยู่ในปาก ส่วนหลิวเหรินยังคงอยู่ข้าง ๆ พร้อมกับถือพัด พัดไปพัดมาให้กับซูฉิงฉิงทั้งยังทำหน้าปลื้มอกปลื้มใจเป็นอย่างมากพร้อมกับพูดว่า “แม่นาง เมื่อท่านได้อยู่สุขสบายแล้วอย่าลืมข้าน้อยคนนี้นะขอรับ!”

เมื่อหันไปเห็นซูหวานหว่านที่กำลังเดินเข้ามาด้วยใบหน้าเศร้าสร้อย ซูฉิงฉิงสลัดเปลือกเมล็ดแตงโมบนร่างกายของนาง จากนั้นขยับร่างกายของตัวเองไปมาก่อนจะเอ่ยออกมาทั้งรอยยิ้ม “นี่ลูกพี่ลูกน้องที่รักของข้าไม่ใช่หรือ? เป็นอันใดบ้าง ไปหาคนไม่เจอหรอกหรือ?”

ทันทีที่ได้ยินเสียงนุ่มนวลทว่าหยาบคายของซูฉิงฉิง ฮวงเหล่าก็รู้ทันทีว่าซูหวานหว่านได้กลับมาแล้ว “ลูกศิษย์? เจ้ากลับมาแล้วหรือ? เข้ามาฝังเข็มเขาอีกสักสามเข็มทีสิ!”

ซูหวานหว่านเดินเข้าไปทันทีโดยไม่สนใจซูฉิงฉิง

“ซูหวานหว่าน! เจ้ากล้าดีอย่างไรถึงเมินข้า!” ซูฉิงฉิงถึงกับกระทืบเท้าด้วยความโมโห นางอยากจะเดินไล่ตามไป แต่ถูกพลลาดตระเวนจ้องมองอยู่ ทำให้นางไม่กล้าขยับเขยื้อนไปไหนและรีบกลับไปนั่งที่ของตัวเอง

ซูหวานหว่านเดินเข้าไปในห้องและเริ่มฝังเข็มตามร่างกายของเจียงเส้าปังตามคำสั่งของฮวงเหล่า หลังจากนั้นฮวงเหล่าก็ขอตัวออกไป

ซูหวานหว่านจึงใช้โอกาสนี้ฝังเข็มลงไปยังจุดที่ทำให้เขาเป็นใบ้ไปชั่วครู่ นางนั่งลงที่ขอบเตียงและรอให้ซูฉิงฉิงตกลงไปในกับดักที่นางวางแผนเอาไว้

“ซูหวานหว่าน… เจ้ากำลังทำอะไรน่ะ!” ซูหวานหว่านบีบคอของตัวเองแล้วใช้พลังวิเศษของตัวเองดัดเสียงเป็นเสียงของเจ้าเสียงปังอย่างง่ายดาย

นั่นไม่ใช่สิ่งเขาพูด! ทว่าทำไมเสียงของนางถึงเหมือนกับเสียงตนเองเลย เจียงเส้าปังนอนอยู่บนเตียงเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ เขาพยายามเอ่ยปากเพื่อจะส่งเสียงออกมา แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้

ซูฉิงฉิงที่อยู่ ณ ลานบ้านได้ยินเสียงเข้า นางจึงรีบเดินเข้าไปในบ้าน ซึ่งพลลาดตระเวนก็ไม่ได้เอ่ยห้ามแต่อย่างใด

“ซูหวานหว่าน! เจ้าทำอะไรกับเส้าปัง!” ซูฉิงฉิงกำลังจะผลักประตูเข้าไป ทว่ากลับได้ยินเสียงของเจียงเส้าปังพูดออกมาว่า “อย่าเปิดประตู! นังหญิงสารเลวกับชายชราคนนั้นเดินออกไปแล้ว หลังจากการฝังเข็มแล้วพวกเขาบอกว่าห้ามเปิดประตูรับลมเป็นอันขาด มิฉะนั้นอาการของข้าจะแย่ลง”

ซูฉิงฉิงไม่รู้ว่านั้นเป็นเสียงดัดที่ออกมาจากปากของซูหวานหว่าน ซึ่งนางเชื่อเสียสนิท

“จริงหรือ?” ซูฉิงฉิงเกิดอาการตกตะลึง ทว่าก่อนที่จะคิดมากเกินไปจึงกล่าวออกมาอย่างเป็นกังวล “ตอนนี้เจ้ารู้สึกอย่างไรบ้าง? เจ็บหรือไม่? เจ้าอยากกินอะไรหรือไม่ ข้าจะทำมาให้เจ้า”

ซูฉิงฉิงเหมือนจะเอาใจใส่เขามากเป็นพิเศษ ทว่านางเสแสร้งทำเฉพาะต่อหน้าคนรวยเพียงเท่านั้น ซูหวานหว่านยิ้มเยาะออกมาและใช้พลังวิเศษพูดออกมาว่า “ข้าได้ยินซูหวานหว่านด่าเจ้า ว่าเจ้าฆ่าพี่ชายและน้องชายของนางหรือ?”

นางจะปล่อยให้เจียงเส้าปังรู้ว่านางเป็นคนชั่วร้ายเช่นนั้นได้อย่างไร? ซูฉิงฉิงกระซิบออกมาเบา ๆ ว่า “ข้าจะกล้าที่ทำเช่นนั้นได้อย่างไรกัน! ข้าไม่ได้เป็นหญิงเช่นนั้นเสียหน่อย!”

ซูหวานหว่านที่ได้ยินเสียงนุ่มนวลของนางก็รู้สึกขนลุกขึ้นมา

“เหตุใดเจ้าถึงไม่ทำล่ะ? นางเกือบจะฆ่าข้า! หากเจ้าไม่สามารถฆ่านางได้ แต่ก็ดีที่ได้จัดการกับคนในครอบครัวของนาง” ซูหวานหว่านก็ได้กล่าวออกมา

ซูฉิงฉิงคิดว่าเป็นเจียงเส้าปังเป็นคนพูดนางก็ได้หัวเราะออกมา “ข้าไม่ได้เป็นคนลงมือทำเองน่ะ ทว่า…ข้าส่งมันให้กับฮู่ต้าเฉิงเป็นคนจัดการ พวกเขาถูกซูหวานหว่านและพลลาดตระเวนจับตัวไปเมื่อวาน และไม่รู้ว่าพวกเขาออกมาได้อย่างไร ตอนนี้พวกเขามีความต้องการอย่างมากที่จะแก้แค้นซูหวานหว่าน! ป่านนี้พี่ชายและน้องชายของนางอาจจะถูกฮู่ต้าเฉิงทรมานในแบบที่พวกเขาไม่เคยเจอมาก่อนแน่ ๆ ที่บ้านของฮู่ต้าเฉิง!”

ผู้หญิงโง่คนนี้! เดินตามแผนของซูหวานหว่านแล้ว! เจียงเส้าปังที่นอนอยู่บนเตียงได้แต่สาปแช่งภายนางในใจ บริเวณคอของเขาแห้งและเจ็บปวดมากเขา จึงไม่สามารถเปิดปากของตัวเองพูดออกมาได้ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง

หลังจากที่ได้คำตอบที่ต้องการแล้ว ซูหวานหว่านก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาก นางเหลือบมองเจียงเส้าปังที่มีดวงตาสีแดงและบวมเป่ง นางจึงได้หัวเราะออกมาและพูดกระซิบด้วยน้ำเสียงของตัวเองเองว่า “เจียงเส้าปัง เจ้าคงไม่คิดว่าข้าจะสามารถทำแบบนี้ได้สินะ?”

หลังจากพูดจบ ซูหวานหว่านก็กระโดดออกจากหน้าต่างหลังห้องออกไป

ฮวงเหล่าที่นั่งอยู่ในห้องถัดไปรับรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดีว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง เขาลุกขึ้นยืนและเดินออกมาพร้อมกับพูดพึมพำในทันทีว่า “เจ้าลูกศิษย์คนนี้ นางยังบ้าอยู่เหมือนเดิมเช่นเดียวกับก่อนหน้านี้ แล้วข้าก็จะต้องมาตามเช็ดก้นนางอีก”

ฮวงเหล่าถอนหายใจออกมาพร้อมกับหยิบเม็ดยาสีดำออกมา ชายชราเดินไปที่ห้องของเจียงเส้าปังที่นอนรักษาตัวอยู่เพื่อให้เจียงเส้าปังกินมันเข้าไป “ยานี้เป็นยาลบความทรงจำชั่วคราว ดังนั้นมันเป็นยาที่แพงมาก! พวกเจ้าคือคนที่จ่ายค่าตอบแทนนี้ให้กับลูกศิษย์ของข้า”

หลังจากนั้นฮวงเหล่าก็ได้เดินออกไปด้านนอกและลงกลอนประตู ทำให้ซูฉิงฉิงที่อยู่แถวนั้นตกใจอยู่ครู่หนึ่ง ทว่านางทำได้เพียงยืนมอง

ฮวงเหล่าเดินเข้าไปในห้องตำรายาเป็นเวลานาน เขาโยนหนังสือพื้นฐานทิ้งไปพลางหาตำรายาระดับกลางออกมาและรอให้ซูหวานหว่านกลับมาที่นี่ เขาจะสอนความรู้ด้านการรักษาให้กับนาง

ซูหวานหว่านปีนกำแพงออกมาแล้ว และฉีเฉิงเฟิงก็ได้เดินตามมาด้วยเช่นกันอย่างเงียบ ๆ

ใช้เวลาไม่ถึงหมด 1 ก้านธูป ซูหวานหว่านก็ได้เดินถึงบ่อนพนันของฮู่ต้าเฉิง

ในตอนที่นางกำลังจะก้าวเท้าเข้าไป ชายร่างใหญ่สองคนที่ยืนอยู่เฝ้าหน้าประตูบ่อนต่างก็ตกตะลึงพร้อมกับเข้ามาห้ามซูหวานหว่านทันที “สาวน้อย! ที่นี่คือบ่อนพนัน เจ้าเข้าไปไม่ได้!”

“ทำไม? เป็นหญิงสาวแล้วเข้าไปบ้างไม่ได้หรือ?” เมื่อกล่าวจบ ซูหวานหว่านก็หยิบเงินออกมาให้กับพวกเขา ซึ่งทั้งสองต่างดีใจเป็นอย่างมากพร้อมกับพูดต้อนรับซูหวานหว่านเป็นอย่างดี “แม่นาง ที่นี่มีทุกอย่างที่ท่านต้องการ เชิญด้านใน!”

ทั้งสองเดินติดตามซูหวานหว่านเข้าไปด้านในเป็นการส่วนตัว ซูหวานหว่าหยิบเงินออกมา 2-3 เหรียญแล้วโยนให้กับพวกเขา “พวกเจ้าไม่ต้องติดตามข้าไปหรอก มันจะเป็นการรบกวนสมาธิของข้าเสียเปล่า”

เมื่อได้รับเงินและคำสั่งของซูหวานหว่าน พวกเขาทั้งสองก็เลิกติดตามนางทันที ทว่าพวกเขากลับเดินไปบอกฮู่ต้าเฉิงเงียบ ๆ ว่า “มีสาวน้อยมาที่บ่อนพนันและนางก็ได้แจกเงินให้กับพวกเรา! ดูเหมือนว่าจะมือหนักเอาการ นางน่าจะมีเงินมาก นายท่านอย่าลืมไปกอบโกยเงินของนางนะ แล้วก็อย่าลืมให้รางวัลกับพวกเราด้วย!”

ฮู่ต้าเฉิงเดินออกไปอย่างมีความสุขทันที ทว่าเมื่อเห็นซูหวานหว่านเขาก็ตกใจพร้อมกับยืนตัวสั่นด้วยความโกรธ เขาไม่ลืมสิ่งที่ซูหวานหว่านทำให้เขาโดนจับเข้าคุกในวันนั้นไปหรอก!

“ยินดีต้อนรับแม่นางซู!”

“ในเมื่อเจ้าบอกว่ายินดีต้อนรับข้าแล้ว อีกสักพักคงจะไม่มาขับไล่ข้าหรอกนะ!” ซูหวานหว่านกล่าวออกมา พร้อมกับหยิบเงินหนึ่งกำมือออกมา กำมันเอาไว้ในมือของตัวเอง

ดวงตาทั้งสองข้างของฮู่ต้าเฉิงก็เปล่งประกายขึ้นเมื่อเห็นเงิน “โดยปกติแล้วจะไม่โดนไล่นะ!”

ฮู่ต้าเฉิงเดินนำซูหวานหว่านไปยังสถานที่ที่ง่ายที่สุดสำหรับการเล่นการพนัน ซึ่งมีชายห้าหรือหกคนกำลังเล่นกันอยู่ ทันทีที่ซูหวานหว่านเดินเข้าไป นางก็วางเงินลงในโต๊ะพนันในพื้นที่ของคำว่า ‘ใหญ่’ ฮู่ต้าเฉิงส่งสัญญาณให้คนที่เขย่าลูกเต๋าทันที ซึ่งเขายิ้มพร้อมกับขยิบตาให้

เมื่อเห็นคนสองคนสื่อสารกันด้วยสายตา ซูหวานหว่านก็แอบเยาะเย้ยพวกเขาทั้งสองภายในใจ ‘นางคือผู้ใด? จะมาพ่ายแพ้ให้กับกลอุบายเช่นนี้ได้อย่างไร?’

ฮู่ต้าเฉิงที่ยืนอยู่ด้านข้างพูดออกมาว่า ‘เปิด’

เมื่อเปิดออกมันคือ เล็ก

ฮู่ต้าเฉิงยิ้มออกมาและนำเงินของซูหวานหว่านไปทั้งหมด เขาทิ้งเงินไว้ให้กับนางเหรียญหนึ่งพร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ขอโทษนะ เกรงว่าเจ้าจะลงเดิมพันผิดอันเสียแล้วล่ะ ข้าจะให้เงินเจ้าหนึ่งเหรียญเพื่อให้เจ้าได้สนุกและเล่นต่อ”

“ไม่เป็นไร เจ้าเอาเงินไปทั้งหมดก็ได้ หากข้าชนะตานี้ข้าจะเอามันกลับคืนมาเอง” ซูหวานหว่านหยิบเงินออกมาเพื่อวางลงเดิมพันอีกครั้ง

ฮู่ต้าเฉิงตอบตกลงอย่างมีความสุขโดยแอบพูดว่าเขาจะทำให้นางแพ้จนไม่เหลือเงินแม้แต่แดงเดียว

ซูหวานหว่านลงเงินทั้งหมดไปไว้ที่ ‘ใหญ่’ จากนั้นวางมือลงบนโต๊ะ และเหลือบมองฮู่ต้าเฉิงด้วยสายตาเยาะเย้ย

ในรอบนี้แม้มันจะออกมาเป็นเล็กก็ตาม แต่นางจะทำให้มันกลายเป็นใหญ่ให้ได้! นางจะทำลายบ่อนพนันใหญ่นี้ให้ได้! คอยดูได้เลย!!