เสียงโครมดังสนั่นขึ้นในห้อง สาวใช้ที่อยู่ในลานบ้านก้มหน้านิ่งเงียบ สาวใช้บางคนก็กล้าหันหลังกลับมา ก็เห็นโต๊ะไม้ ฉากกั้นห้อง และที่รองกระถางดอกไม้ล้มระเนระนาด
“อาศัยว่าตนเป็นคนบ้าแล้วจะฆ่าข้าอย่างนั้นหรือ”
นายใหญ่เฉิงถอนหายใจเฮือกใหญ่ ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง ชุดคลุมลำลองยับยู่ยี่
“นางคิดว่าข้าจะฆ่านางไม่ได้เลยหรือ นางคิดว่าตนเป็นคนบ้าแล้วจะใช้ชีวิตได้อย่างสง่าผ่าเผยอย่างนั้นหรือ อย่าลืมว่าตนเคยตายในถังเยี่ยวมาก่อนแล้วครั้งหนึ่ง! ”
นายใหญ่เฉิงสะบัดแขนเสื้อ
“นางอาศัยว่าตนเป็นคนบ้า อยากจะมาฆ่าข้า อย่าลืมว่าข้าก็ฆ่านางได้เหมือนกัน! ”
ฮูหยินใหญ่เฉิงซึ่งกลับมาจากหอไตรที่สร้างขึ้นใหม่ตกใจกับความวุ่นวายตรงหน้า
“ท่านทำอะไร” นางตะโกน สั่งให้สาวใช้รีบเก็บกวาดพร้อมกับดึงแขนนายใหญ่เฉิงให้นั่งลง
นายใหญ่เฉิงถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วนั่งลงอย่างทำใจไม่ได้
“เจ้ารู้หรือไม่ว่านางทำอะไรกับข้า” เขาพูดพลางชี้นิ้วออกไปข้างนอก “นางพาคนหนีไปฝั่งเฉิงใต้ อาศัยอยู่ในบ้านร้างและทรุดโทรม บอกกับคนที่นั่นว่าจะสร้างบ้านให้ ข้าแค่ว่านางไปสองประโยค นางกลับยิงคนของข้าจนบาดเจ็บ แถมยังยิงธนูใส่ข้าด้วย…”
ฮูหยินใหญ่เฉิงยกมือจับแขนของเขาเพื่อขัดจังหวะ
“ช้าก่อน ท่านพูดว่าอะไรนะ” นางรีบถาม “นางจะสร้างบ้านให้กับคนที่นั่นหรือ”
“ใช่ นางพูดอย่างนั้น คนฝั่งเฉิงใต้ยินใจกันยกใหญ่” นายใหญ่เฉิงยิ้มเยาะพลางพูดประชดประชัน “ไม่รู้จักคิดเสียบ้างว่าคำพูดของคนบ้านั่นเชื่อได้ที่ไหนกัน”
ฮูหยินใหญ่เฉิงพยักหน้า
“ใช่ สร้างบ้านจะเป็นไปได้อย่างไร” นางพูด “นางมีเงินมากมายเช่นนั้นที่ไหนเล่า”
“ถึงมีเงินมากเช่นนั้น ก็ไม่มีใครสร้างบ้านให้คนอื่นหรอก! ” นายใหญ่เฉิงเอ่ย
ฮูหยินใหญ่เฉิงยื่นมืออกไปแตะเขาเบาๆ พร้อมกับรินชาร้อน
“ท่านใจเย็นๆ ก่อน อย่าไปโกรธคนบ้านั่นเลย” นางยิ้มเอ่ย
นายใหญ่เฉิงหันไปมองคิ้วที่ขมวดของนาง
“เหตุใดเจ้าถึงหายโกรธ” เขาถาม
“หากมีผู้บำเพ็ญพรตคอยคุ้มครอง จิตใจนิ่งสงบ จะโกรธไปทำไมเล่า” ฮูหยินใหญ่เฉิงยิ้มตอบ
“อะไรบำเพ็ญพรต ไม่บำเพ็ญพรต” นายใหญ่เฉิงขมวดคิ้วเอ่ย
ฮูหยินใหญ่เฉิงรีบบอกให้เขาเงียบ ประสานมือท่องคำสารภาพผิด ก่อนจะเล่าเรื่องของท่านเจ้าอาวาสซุนให้ฟัง แล้วชี้ไปที่โต๊ะสี่ขาข้างเตียงนอน
“คัมภีร์วางอยู่ตรงนั้น ท่านและข้าสบายใจได้แล้ว” นางเอ่ย
“ช่างเป็นฮูหยินที่โง่เขลาเสียจริง! ” นายใหญ่เฉิงเอ่ยพร้อมกับโบกมือด้วยความโกรธ
ฮูหยินใหญ่เฉิงไม่ได้โกรธเคือง นางยิ้มแล้วหยิบถ้วยน้ำชาขึ้นมา
“อย่างไรเสีย ข้ารู้สึกโล่งใจที่เด็กคนนั้นก็ถูกไล่ออกไป…” นางเอ่ย
“นี่เรียกว่าไล่ออกไปแล้วหรือ” นายใหญ่เฉิงพูดด้วยความโมโห
“อย่างไรเสียไม่อยู่ที่เรือนเราก็เป็นพอ อยากไปไหนก็ไป”” ฮูหยินใหญ่เฉิงเอ่ย
“น่าอับอายสิ้นดี! ” นายใหญ่เฉิงพูดอย่างเกรี้ยวโกรธ
ฮูหยินใหญ่เฉิงยิ้ม
“นายท่าน นับตั้งแต่วันที่นางเกิดมา ตระกูลเฉิงเรายังกลัวขายหน้าอยู่อีกหรือ” นางเอ่ย
ก็ถูกของเจ้า…
นายใหญ่เฉิงสะบัดแขนเสื้อด้วยความหงุดหงิด ลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปยังห้องหนังสือเพื่อหาวิธีการอื่น
“สีหน้าและอารมณ์ของฮูหยินดีขึ้นมากเลยเจ้าค่ะ” แม่นมเยินยออยู่ด้านข้าง
ฮูหยินใหญ่เฉิงดื่มชาด้วยรอยยิ้ม
“เจ้าหมายถึงครั้งนี้ข้าไม่โมโหจนยกโต๊ะปาถ้วยชาใช่หรือไม่” นางยิ้มเอ่ย
แม่นมไม่กล้าพยักหน้าตอบ จึงปฏิเสธด้วยรอยยิ้ม
“สุดแล้วแต่จะคิดเถิด บัดนี้ข้าไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว” ฮูหยินใหญ่เฉิงยิ้มพูด พลางยกมือลูบปอยผมข้างหู “เมื่อมีผู้บำเพ็ญพรตคอยปกป้องคุ้มครอง แม้หลังคาจะพังทลาย ข้าก็ไม่กลัว ยิ่งไม่ต้องเอ่ยว่าคนบ้านั่นจะทำอะไรเลย”
พระอาทิตย์ตก พระอาทิตย์ขึ้น เช้าวันใหม่มาถึง
ยามหมอกในยามเช้าจางหายไป แสงแดดค่อยๆ สาดส่องเข้ามาที่ประตูบ้านของตระกูลเฉิง บ่าวเฝ้าประตูสองคนกอดอก พูดคุยพลางเฝ้าประตูบ้านไปด้วย
ความวุ่นวายของเมื่อวานหายไปพร้อมกับแสงยามราตรี คนของตระกูลเฉิงอยู่กันอย่างสงบสุข แต่ไม่ช้าความเงียบสงบนั้นก็ถูกทำลายลงโดยเสียงร้องตะโกน
กลุ่มคนสวมเสื้อผ้าแสนธรรมดาสภาพเก่าโทรมเดินข้ามสะพาน แบกหามทูนลาก เข็นรถส่งของ ตะโกนไป หัวเราะไป จนถนนของบ้านตระกูลเฉิงคึกคักขึ้นราวกับงานวัดในทันที
เดิมทีเพราะป้ายแขวนหน้าประตูของตระกูลเฉิง ทำให้ไม่มีใครกล้าส่งเสียงดัง แต่สำหรับวันนี้เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้ไปได้
“ไปถามสิว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมคนกลุ่มนี้ถึงมาที่นี่ได้” ชายเฝ้าประตูขมวดคิ้วตะโกน
บ่าวสองคนจึงโยนไม้กวาดลงกับพื้นแล้ววิ่งไปถามไถ่ หลังจากนั้นไม่นาน พวกเขากลับมาด้วยสีหน้าแปลกประหลาด
“พวกเขาบอกว่าจะมาสร้างบ้าน…” พวกเขาตอบ
สร้างบ้านหรือ
ชายเฝ้าประตูสบตากัน เรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเฉิงเจียวเหนียงกับนายใหญ่เฉิงที่ฝั่งเฉิงใต้เมื่อวานนี้ได้แพร่กระจายไปทั่วทุกสารทิศแล้ว ที่เล่ากันว่าจะสร้างบ้านให้กับคนฝั่งเฉิงใต้ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นหรอกหรือ
“ฮูหยินเจ้าคะ ฮูหยินเจ้าคะ”
ฮูหยินใหญ่เฉิงนั่งคุกเข่าอยู่หน้าโต๊ะ ถือคัมภีร์ไท่ผิงสวดพึมพำ โดยไม่ได้หันหน้ากลับมาเลยแม้แต่น้อยหลังจากได้ยินคำพูดนั้น แม่นมด้านนอกขวางแม่นมที่วิ่งเข้ามาไว้ ก่อนกระซิบอะไรบางอย่าง
ฮูหยินใหญ่เฉิงสวดจบหนึ่งท่อนด้วยความสบายใจ วางคัมภีร์เก็บไว้บนโต๊ะอย่างทะนุถนอม ถึงจะลุกขึ้นดินออกมา
“เอะอะโวยวายอะไรกันอีก” นางถามพลางนั่งลงและยกถ้วยน้ำชาขึ้น
“ฮูหยิน ฮูหยินเจ้าคะ ทางนั้นสร้างบ้านด้วยเงินหนึ่งหมื่นก้วนจริงๆ ด้วยเจ้าค่ะ! หญิงบ้านั่นออกเงินให้หนึ่งหมื่นก้วนเจ้าค่ะ! ” แม่นมรีบตะโกน
หนึ่งหมื่นก้วน!
ฮูหยินใหญ่เฉิงสะดุ้งจนน้ำชาพุ่งออกจากปาก
“เจ้าพูดบ้าอะไร” นางตะโกน
“เรื่องจริงเจ้าค่ะ เรื่องจริงเจ้าค่ะ ทุกคนรู้กันหมดแล้ว เพราะทางฝั่งเฉิงใต้พูดอย่างชัดเจน คือเงินหนึ่งหมื่นก้วนจริงๆ เจ้าค่ะ! ” แม่นมเอ่ย ยังคงประหลาดใจในสิ่งที่เห็นและได้ยิน
หนึ่งหมื่นก้วน!
“นางไปเอาเงินมาจากไหน” ฮูหยินใหญ่เฉิงพูดพลางยกมือทาบอก
“หรือได้มาจากตระกูลโจวเจ้าคะ” แม่นมคาดเดา
ไม่ว่าใครจะเป็นคนมอบให้ก็ตาม ในเมื่อนางเป็นเจ้าของ มันก็ต้องเป็นของตระกูลพวกเขา!
หนึ่งหมื่นก้วน!
“แย่แล้ว คนบ้านั่นถูกพวกคนจนของฝั่งเฉิงใต้หลอกแล้ว! นายท่านอยู่ที่ไหน ไปบอกนายท่านเร็ว! ”
ฮูหยินใหญ่เฉิงพูดพลางลุกขึ้นเดินออกไป แต่กลับลุกขึ้นเร็วเกินไปจนชนเข้ากับโต๊ะไม้ด้านหน้า จนหัวเข่าเจ็บ
ฮูหยินใหญ่เฉิงหงุดหงิดมากจนยกเท้าถีบโต๊ะไม้หลายที
“เอาไปผ่าแล้วเผาซะ!” นางตะโกนด้วยความโกรธ ลุกขึ้นยืนโดยให้แม่นมประคองแล้วเดินขากะเผลกออกมา
แม่นมรีบขานรับ เข้าไปยกโต๊ะที่ล้มลงกับพื้นขึ้น โดยมีแม่นมหนึ่งในนั้นจ้องมองอีกคนที่อยู่ด้านใน
“ดูเหมือนว่าผู้บำเพ็ญพรตจะสู้คนบ้าไม่ไหวเสียแล้ว…” นางกระซิบด้วยรอยยิ้ม
คำพูดนี้ทำให้แม่นมในห้องสองคนถึงกับหัวเราะลั่น พวกนางรีบหุบยิ้ม ขยิบตาให้กับแม่นมที่ยกโต๊ะไม้ออกมา
ระหว่างที่ฮูหยินใหญ่เฉิงไปพบนายใหญ่เฉิง ฮูหยินรองเฉิงก็ออกเดินทางไปก่อนแล้ว
นี่คือครั้งแรกที่นางมาฝั่งเฉิงใต้และมาอย่างเร่งรีบ ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นเหม็นในอากาศหรือถนนขรุขระก็ไม่สามารถหยุดนางได้ แต่นางกลับถูกกันให้อยู่นอกลานบ้านของเฉิงเจียวเหนียง
“เจียวเหนียง เจียวเหนียง ข้าเอง” ฮูหยินรองเฉิงเอ่ยอย่างเร่งรีบพลางยกมือปาดน้ำตา “ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ได้รับความเป็นธรรม ข้า ข้าจะหาทางช่วยเจ้าอย่างแน่นอน”
พ่อบ้านเฉายืนพิงประตูและมองดูนางด้วยรอยยิ้มที่เหมือนไม่ยิ้ม
“ฮูหยิน นายหญิงของข้าสั่งไว้ว่าไม่พบพวกท่าน” เขาเอ่ย
นายหญิงของข้าหรือ
ฮูหยินรองเฉิงกระพริบตามองหน้าเขา
“เรื่องนี้ ข้าเห็นต่างจากพวกเขา ข้าและพ่อของเขาเห็นด้วยกับพวกเจ้า เจ้ารู้ไหมว่าครั้งนี้เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้ ก็เพราะข้าและพ่อของเขาจะหาคู่ครองที่ดีอีกคนให้กับเจียวเหนียง แต่ผลลัพธ์คือมีคนพาลโกรธ” นางพูดพลางมองหน้าพ่อบ้านเฉา “ครั้งนี้พวกเราเห็นด้วยกับตระกูลของเจ้า”
นางเน้นเสียงหนักที่ตระกูลของเจ้า
พูดถึงตรงนี้ พ่อบ้านสับสนเล็กน้อย เหตุใดต้องพูดถึงเรื่องงานแต่ง พูดถึงตระกูลโจวด้วย ตระกูลอะไรกับตระกูลอะไรด้วย อย่างไรก็ตาม เขาคิดไม่ออกจึงเลิกคิดไป อย่างไรเสียคนที่นายหญิงไม่อยากพบ ก็ไม่จำเป็นต้องสนใจ