บทที่ 347 ไม่หยุดยั้ง (2)

พลิกชะตา หมอเทวดาอันดับหนึ่ง

“ฮูหยินกลับไปก่อนเถิด นายหญิงบอกไม่พบคือไม่พบ” เขาพูดด้วยความรำคาญ

คนอื่นๆ ที่อยู่ด้านข้างถือไม้ยาวไว้ในมือ

ฮูหยินรองเฉิงและเหล่าแม่นมถึงกับตกตะลึง

ว่ากันว่าระหว่างที่นายใหญ่เฉิงพาคนบุกเข้าไป ก็ถูกยิงธนูใส่จนบาดเจ็บ…

“เจียวเหนียง อย่าโกรธไปเลย ข้ากับพ่อของเจ้าจะช่วยเจ้าอย่างแน่นอน” ฮูหยินรองเฉิงทำได้เพียงพูดหน้าประตู “เงินเก็บของเจ้าล้วนเป็นเงินสินสอดทั้งหมด เจ้าอย่าโกรธแล้วพาลเช่นนั้นเลย ส่วนเรื่องบ้าน อย่ากังวลไป พวกเขาไม่ยอมให้พักในบ้าน พวกเราก็ออกไปพักที่อื่น…”

ขณะที่นางกำลังพูดอยู่นั้น ช่างฝีมือหลายคนแทรกขึ้นมาจากด้านหลัง

“พ่อบ้านเฉา ฝั่งช่างฝีมือกำลังจะตกลงกันแล้ว ท่านจะไปดูหรือไม่” พวกเขาถามด้วยความนอบน้อม

พ่อบ้านเฉานิ่งเงียบ ขณะที่ฮูหยินรองเฉิงตกใจ

“ตกลงอะไร” นางตะโกน “ห้ามตกลง! เด็กพาลเอาแต่ใจ พวกเจ้าก็เล่นด้วยอย่างนั้นหรือ”

ทุกคนมองมาที่นาง ช่างฝีมือทั้งหลายสีหน้ายิ่งดูลังเลเข้าไปอีก

ก็ว่าอยู่จะเป็นไปได้อย่างไรที่พวกคนจนของฝั่งเฉิงใต้จะสร้างบ้านหลายหลังแถมยังปุบปับเช่นนี้…

“กลับไปซะ!” พ่อบ้านเฉาขมวดคิ้วตะโกน

พวกฮูหยินรองเฉิงตกตะลึงอีกครั้งและถอยหลังหนึ่งก้าว

ผู้ติดตามหลายคนของตระกูลโจวถือไม้วิ่งกรูเข้ามาโดยไม่ลังเล

พวกฮูหยินรองเฉิงกรีดร้องแล้วรีบวิ่งหนี

เพราะถนนขรุขระกลัวว่าแม่นมทั้งหลายจะล้มลงกับพื้น จึงยอมโดนตี พากันร้องไห้วิ่งหลบไม้ยาว

ภาพที่ได้เห็น ทำเอานายใหญ่เฉิงและฮูหยินที่รีบตามมาหลังจากรู้ข่าวถึงกับตกตะลึง

“คิดกบฏ คิดกบฏ ดื้อรั้นสิ้นดี!” นายใหญ่เฉิงตะโกน พร้อมกับยกมือขึ้นเรียกคนให้เข้ามา

แม่นมประคองฮูหยินรองเฉิงหนีอออกมา มองเห็นสองสามีภรรยาก็ตาร้อนขึ้นมาทันที

หนึ่งหมื่นก้วน!

คนบ้านี่มีเงินติดตัวหนึ่งหมื่นก้วนเชียวหรือ!

บัดนี้เงินหนึ่งหมื่นก้วนจะถูกใช้ไปอย่างไร้ประโยชน์!

“ท่านทำลายเจียวเหนียงของข้า บีบบังคับนางจนต้องทำเช่นนี้! ข้าขอสู้กับท่านให้รู้แพ้รู้ชนะกันไปเลย! ” ฮูหยินรองเฉิงตะโกนพลางชี้หน้านายใหญ่เฉิง

แค่ปิดประตูสู้รบกันในบ้านก็ดูแย่เต็มทีแล้ว แต่ที่นี่คือข้างนอก บ่าวของทั้งสองฝ่ายพากันตกตะลึง เพราะมันเกี่ยวของกับศักดิ์ศรีของบ้านตระกูลเฉิง แม้แต่แม่นมของฮูหยินรองเฉิงก็รีบห้ามปราบด้วยเช่นกัน

ถึงกระนั้นก็ดึงดูดความสนใจและเสียงถกเถียงมาจากทั่วสารทิศ

ใบหน้าของนายใหญ่เฉิงและฮูหยินบึ้งตึง

“กลับเถอะ กลับก่อน แล้วค่อยว่ากัน!” ฮูหยินใหญ่เฉิงดึงแขนเสื้อ เกลี้ยกล่อมนายใหญ่เฉิงที่สั่นไปทั้งตัว

อย่างไรเสียก็อับอายขายขี้หน้าถึงบ้านอยู่แล้ว!

“เจ้า กลับไปซะ!” นายใหญ่เฉิงตะโกนพลางชี้ที่ฮูหยินรองเฉิง พอพูดจบ สะบัดแขนเสื้อเดินจากไป

ฮูหยินใหญ่เฉิงจ้องเขม็งไปยังฮูหยินรองเฉิงที่กำลังร้องไห้โดยมีแม่นมคอยพยุงอยู่ นางหันหลังเดินตามออกไป

“เจ้าคือใคร บอกให้ข้ากลับไป ข้าก็ทำอย่างนั้นหรือ! ถุย! เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใคร! หาทางออกไม่ได้ ข้าจะให้ทางการบอกกับพวกเจ้าเอง! คิดว่าคนของตระกูลเผิงของข้าตายกันไปหมดแล้วหรือ! ” ฮูหยินรองเฉิงตะโกน

“ฮูหยิน ฮูหยิน พอเถอะเจ้าค่ะ ที่นี่ข้างนอกนะเจ้าคะ!” แม่นมทั้งหลายเอ่ยด้วยใบหน้าซีดเผือด

“ข้างนอกรึ เพราะเป็นข้างนอกถึงต้องพูดให้ทุกคนรู้กันไปเลยว่าพวกเขารังแกพวกเราอย่างไร! บีบบังคับและไล่เจียวเหนียงของข้า แล้วยังจะมาไล่ข้าอีก! ” ฮูหยินรองเฉิงร้องไห้

แม่นมทั้งหลายไม่กล้าให้นางพูดต่อ จึงรีบดึงนางออกจากที่นั่น

เมื่อเสียงของความวุ่นวายจางหายไป พ่อบ้านเฉามองไปยังช่างฝีมือทั้งหลายที่มึนงงอยู่ข้างกายและยิ้มออกมา

“ยังอยากให้ข้าไปดูอีกหรือไม่” เขาถาม

เหล่าช่างฝีมือบ้างก็หน้าแดงก่ำ บ้างก็ซีดขาว

“ไม่ ไม่ต้องแล้ว” พวกเขาตอบโดยทำตัวไม่ถูก

แม้แต่ฮูหยินของบ้านตระกูลเฉิงยังกล้าลงมือตีเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าพวกเขามีอำนาจตัดสินใจ! ในเมื่อมีอำนาจอยู่ในมือ มีเงินให้หา ไม่ทำก็โง่เต็มทีแล้ว! ”

ช่างฝีมือหลายคนพยักหน้า โค้งคำนับ ก่อนจะถอยออกไป

ผู้คนที่มุงดูอยู่นอกประตูแยกย้ายกันไปอย่างครื้นเครง

จู่ๆ บ้านก็หล่นลงมาจากท้องฟ้าจริงๆ ด้วย!

พ่อบ้านเฉาบอกให้คนเฝ้าประตูให้ดี ก่อนจะเดินเข้าไปในลานบ้าน ดูเหมือนว่าความวุ่นวายจากภายนอกจะไม่มีผลต่อด้านในเลยแม้แต่น้อย ปั้นฉินคุกเข่าเช็ดพื้นอยู่ตรงระเบียง ประตูห้องโถงเปิดอยู่ เฉิงเจียวเหนียงกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ด้านใน

“นายหญิง ไล่คนกลับไปหมดแล้วขอรับ” พ่อบ้านเฉาพูดอย่างนอบน้อมอยู่ตรงระเบียงทางเดิน

เฉิงเจียวเหนียงวางหนังสือในมือลงแล้วมองไปที่เขา

“นั่งลงสิ” นางเอ่ย

นี่เป็นครั้งแรกที่นายหญิงบอกให้ตนนั่งลง พ่อบ้านเฉารู้สึกปลื้มปิติก่อนจะรีบกล่าวขอบคุณ เขานั่งคุกเข่าตรงระเบียงด้านนอก รอคำสั่งอย่างตื่นเต้น

“เจ้าชื่ออะไร” เฉิงเจียวเหนียงถาม

พ่อบ้านเฉาตกตะลึง แน่นอนว่าในฐานะคนใช้คนหนึ่ง นายใหญ่โจวไม่จำเป็นต้องบอกชื่อเขาให้กับนายหญิง แต่ขณะที่เขาจะปริปากพูด กลับผุดเรื่องนี้ขึ้นในใจ

เพื่อแสดงให้เห็นว่าเขามีความภักดียิ่ง สู้ให้นายหญิงตั้งชื่อให้จะดีเสียกว่า เพราะอย่างไรเสีย นายใหญ่โจวสั่งก่อนหน้านี้แล้วว่านับจากนี้เป็นต้นไปเขามีนายคนเดียวคือนายหญิงเท่านั้น

“ชื่อของข้าเรียบง่ายนัก นายหญิงตั้งชื่อใหม่ให้ข้าเถิดขอรับ” เขายิ้มเอ่ย

ทันทีที่ประโยคนั้นเอ่ยออกมา เฉิงเจียวเหนียงกลับนิ่งเฉย ทันใดนั้น ปั้นฉินที่กำลังเช็ดทางเดินอยู่ก็ส่งเสียงกระแอมขึ้นมาอยู่หลายที

บัดนี้ ปั้นฉินเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้วว่านายหญิงไม่เคยใส่ใจกับคนข้างกายที่ผ่านไปมา และไม่เคยจำชื่อของพวกเขาได้เลย การมาหรือจากไป ดีหรือร้ายเป็นเพียงหมอกควันที่ผ่านตาของนายหญิง

มีเพียงคนที่นายหญิงคิดว่าคู่ควรเท่านั้น ถึงจะเอ่ยถามชื่อเขาคนนั้น หรือไม่ก็เพราะต้องการขอบคุณ หรือยอมรับในตัวคนผู้นั้นก็เป็นได้ แต่จนถึงบัดนี้ มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่นายหญิงจะถามชื่อของผู้อื่นก่อน

ยามนางถามชื่อคนที่ไม่ได้อยู่ในสถานะของบ่าวรับใช้ ถามแล้วก็แล้วกันไป แต่สำหรับคนที่อยู่บ่าวก็มีความเป็นไปได้อีกประการหนึ่ง…

“นายหญิง นายหญิง” นางหันหลังเดินคุกเข่าเข้ามาสองสามก้าว มองเข้าไปในห้องห้องด้วยรอยยิ้ม “หากมีเพิ่มขึ้นอีก คงแยกไม่ออกเป็นแน่ อีกอย่าง ผู้ชายใช้ชื่อนี้ไม่เพราะเลยเจ้าค่ะ…”

นี่มันหมายความว่าอะไร แยกอะไรไม่ออกหรือ

พ่อบ้านเฉาตกตะลึง ทันใดนั้นเขาก็เข้าใจในทันที อ้อ ปั้นฉิน! ที่มีปั้นฉินมากมายถึงเพียงนี้ ก็เพราะอย่างนี้เองหรอกหรือ!

เขาตัวสั่นโดยไม่รู้ตัว

เฉาปั้นฉิน…

“นายหญิง นายหญิง ข้าแซ่เฉา ชื่อกุ้ย เป็นลูกคนที่สี่ ทุกคนเลยเรียกข้าว่าเฉาซื่อ” เขาพูดพลางถอนหายใจ “ชื่อไม่ไพเราะ นายหญิงอย่าได้หัวเราะเยาะข้าเลย”

เฉิงเจียวเหนียงมองมาที่เขาแล้วยิ้ม

“เฉากุ้ย” นางเอ่ย

พ่อบ้านเฉารีบพยักหน้าตอบ นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าชื่อของตัวเองไพเราะนัก

“เจ้าทำงานดีมาก” เฉิงเจียวเหนียงพูด

พ่อบ้านเฉายิ้มแก้เขินอย่างอดไม่ได้ เขายกมือลูบหัว ราวกับว่าตนย้อนกลับไปสู่ตอนที่เริ่มทำงานใหม่ เขาเต็มไปด้วยปลื้อมปริ่มหลังจากได้ยินคำชื่นชมจากเจ้านาย

“นายหญิง ท่านมีอะไรให้ข้าทำอีกหรือไม่ บอกมาได้เลยขอรับ” เขาถาม

“เจ้าบอกว่าสินเดิมของแม่ข้า เก็บไว้ที่บ้านของตระกูลเฉิงมาโดยตลอดใช่หรือไม่” เฉิงเจียวเหนียงถาม

ดวงตาของพ่อบ้านเฉาเป็นประกาย

สินเดิม!

เขาคิดว่านายหญิงน้อย ทั้งออกจากบ้าน ทั้งก่อเรื่อง ทั้งสร้างบ้าน เพื่อเป็นบทเรียนให้พวกเขาอับอาย แค่นี้เท่านั้น

ลงมือกับบ่าวรับใช้ไม่มีประโยชน์อะไร ไม่ได้ออกแรง หรือใช้สมองมากนัก

เขานึกถึงคำพูดของนายหญิง

ใช่ นั่นมันนับอะไรไม่ได้เลย ของจริงอยู่ตรงนี้! ก็แค่ไม่อยากลงมือ หากลงมือ ก็เอาให้ถึงตาย นี่คือวิถีของนายหญิง!

……………………..