ตอนที่ 352 เจ๊หร่าน ‘เพื่อนธรรมดาสองคนของฉัน’

เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ

การสับรูบิค 6×6 ให้กลับมาอยู่ในสภาพเดิมก็เป็นเรื่องที่คนทั่วไปยากจะทำได้แล้ว

นับประสาอะไรกับการสับเป็นตัว ‘H’

ไป๋เทียนเทียนเองก็ส่ายหน้า เธอเม้มปากเล็กน้อย “ขอโทษด้วย…”

ตัวเลขห้าตัวหาเจอหมดแล้ว เหลือเพียงแค่ตัวเดียว ทุกคนต่างรู้สึกห่อเหี่ยวขึ้นมา เจ็บใจเหลือเกิน

ตอนนี้เวลาเพียงผ่านไปครึ่งเดียว

พวกจิ่งเหวินลองสับรูบิคไปมาอย่างไม่ยอมแพ้ แต่หาทิศทางไม่เจอเลยสักนิด

เมื่อทุกคนลองจนหมดทางแล้วก็วางลง น้องชายของจิ่งเหวินกำลังหารือกับทีมงาน

ฉินหร่านเหลือบมองรูบิคแวบหนึ่ง บีบมือเล็กน้อยแล้วฉวยมันขึ้นมา

“ไม่เป็นไร เธอสับรูบิค 6×6 ได้ก็ดีมากแล้ว ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่ารูบิค 6×6 คืออะไร” จิ่งเหวินปลอบใจไป๋เทียนเทียน จากนั้นก็โน้มตัวไปใกล้กล้อง “ผู้กำกับบัดซบ ฉันว่าคุณตั้งใจไม่อยากให้เราหนีออกไปได้สำเร็จสินะ”

เสียงของทีมงานเย็นเยือกมาก “เหลือเวลาอีกสิบนาที ผู้เล่นเลือกยอมแพ้ได้!”

ฉินซิวเฉินย่นคิ้ว เขามองสิ่งอำนวยความสะดวกภายในห้อง ตัวเลขห้าตัวฉินหร่านเป็นคนหาเจอแทบจะทั้งหมด เขาไม่อยากยอมแพ้จริงๆ

“ให้ตายสิ…” น้องชายของจิ่งเหวินร่วมด่าทีมงานด้วย

ขณะนั้นเอง จู่ๆ ก็มีประโยคเอื่อยเฉื่อยดังขึ้นข้างหลัง “ตัวเลขตัวสุดท้ายคือ 9”

รูบิคในมือฉินหร่านถูกสับจนเป็นตัว ‘H’ ทุกด้านแล้ว เธอนั่งอยู่บนโต๊ะ เท้าโยกเบาๆ ในมือถือกระดาษแผ่นหนึ่งด้วยท่าทีสบายๆ บนกระดาษมีเลข ‘9’ สีดำเขียนไว้อย่างเด่นหรา

นี่มันอะไรกันอีก

ความสามารถระลอกแล้วระลอกเล่า ทำให้สมองของจิ่งเหวินสูญเสียความคิดไปแล้วอย่างสิ้นเชิง

ก่อนจะคุยกับผู้กำกับ เธอก็เพิ่งจะเริ่มลองสับรูบิคเอง เพิ่งพูดจบก็ทำเสร็จแล้วเหรอ

ซึ่งก็หมายความว่าฉินหร่านสับจนได้ตัว ‘H’ ที่สมบูรณ์แบบ ในเวลาไม่ถึงหนึ่งนาทีที่ทุกคนพูดคุยกัน

หากว่าฉินหร่านสับรูบิค 6×6 เสร็จตั้งแต่ทีแรก ทุกคนอาจจะไม่ตะลึงมากขนาดนั้น แต่…ตอนนี้มีไป๋เทียนเทียนที่ใช้เวลาสิบห้านาทีในการแก้รูบิคเป็นตัวอย่าง ฉินหร่านกลับใช้เวลาแค่นาทีเดียวก็…

ฉินหร่านกำกระดาษในมือ จากนั้นก็ยันโต๊ะแล้วลุกขึ้น “ตอนนี้เราออกไปได้หรือยัง”

เธอเห็นคนอื่นไม่มีปฏิกิริยาอะไร จึงชิงก้าวไปยืนตรงหน้าประตู ป้อนตัวเลขตามสีที่สอดคล้องกัน

เสียงผ่างดังขึ้น

ประตูเปิดออก

แสงอาทิตย์เล็ดลอดเข้ามาจากด้านนอก

หลังประตู ไป๋เทียนเทียนกับพวกฉินซิวเฉินเดินรั้งท้าย เธอเอาเฮดโฟนออก กระซิบถามน้องชายของจิ่งเหวินว่า “พี่ฉินหร่านคนนั้นเป็นหลานสาวของซุปตาร์ฉินจริงๆ เหรอ”

น้องชายของจิ่งเหวินก็เอาเฮดโฟนออกเช่นกัน เขามองแผ่นหลังของฉินหร่านด้วยสีหน้าที่สับสน “น่าจะเป็นมือสมัครเล่นที่ทีมงานเชิญมา อีกไม่กี่วันพอขาของเสี่ยวหลิงหายดีแล้วเธอก็น่าจะไป…”

เขาครุ่นคิดเล็กน้อย ไม่รู้จริงๆ ว่าฉินซิวเฉิงมีหลานชายและหลานสาวเพิ่มมาตอนไหน

“แบบนี้เองเหรอ…” ไป๋เทียนเทียนมองแผ่นหลังของฉินหร่าน นัยน์ตาหม่นเล็กน้อย

เธอเดบิวต์มานานขนาดนี้แล้ว มักจะมีคนคอยช่วยเหลือเธออย่างไร้สาเหตุ ผู้จัดการของเธอพูดถูก เธอเป็นคนที่มีดวงขึ้นกับความโชคดีอย่างน่าประหลาด

ในรายการเรียลลิตี้โชว์ครั้งนี้ มีซุปตาร์ทั้งชายและหญิงเป็นตัวประกอบ หนึ่งในซุปตาร์ยังมีอำนาจเกือบครึ่งวงการบันเทิงอีกด้วย ต่อให้ฝันไป๋เทียนเทียนก็ไม่คิดว่าตนจะสำคัญกับทีมงาน เธอรู้ดีว่าเรียลลิตี้โชว์รายการนี้เป็นโอกาสที่ดีที่สุด

แต่ทว่า…

เธอคิดไม่ถึงเลยว่า การปรากฏตัวของฉินหร่านในวันนี้จะทำลาย ‘คนมีดวง’ ที่เธอมีเสมอมา เธอสังหรณ์ใจว่า หากฉินหร่านอยู่ เธอไม่มีทางโดดเด่นในรายการนี้ได้แน่นอน…

“ผู้…ผู้กำกับ บทลงโทษจะทำยังไงต่อไป” พวกฉินหร่านออกมาก่อน ทำลายแผนการของทีมงานจนย่อยยับ

ผู้กำกับกดหูฟังถามผู้ช่วยผู้กำกับว่า “เมื่อกี้ใครบอกว่าพวกเขาไขไม่ออกแน่ๆ กัน”

ผู้ช่วยผู้กำกับกัดเล็บ ใครจะรู้ว่าวันนี้จะมี bug ร่างมนุษย์ปะปนเข้ามาในรายการล่ะ

ผู้กำกับตัดสัญญาณกับผู้ช่วยผู้กำกับฝ่ายเดียวอย่างเลือดเย็น

จากนั้นเงยหน้าขึ้น พวกฉินซิวเฉินเดินออกมาจากห้องทั้งหกคนแล้ว

“ผู้กำกับ” ฉินซิวเฉินเดินนำหน้าด้วยทีท่าสบายๆ หลังยืดตรงแหน็ว รูปร่างสูงโปร่งและน่ามอง ใบหน้างดงามมีรอยยิ้มบางๆ ประดับอยู่ “ผู้กำกับ กิจกรรมต่อไปคืออะไร”

ผู้กำกับละสายตาเงียบๆ

กิจกรรมต่อไป?

ทีมงานไม่คิดด้วยซ้ำว่าพวกแกจะหนีออกมาจากห้องวิปริตนั่นได้!

มีกิจกรรมต่อไปที่ไหนกัน!

แม้จะคิดแบบนี้ แต่ใบหน้าของเขากลับฉีกยิ้มที่อ่อนโยนและสวยงามเป็นอย่างยิ่ง

ถึงการปรากฏตัวของฉินหร่านจะทำให้เสียแผน แต่ถ้าหากว่าตัดต่อรายการซีซันนี้ได้ดี ต้องดังเป็นพลุแตกแน่ โดยเฉพาะการปฏิสัมพันธ์ระหว่างฉินหร่าน ฉินซิวเฉินและพวกจิ่งเหวิน มีเพียงก็แต่…ด้านของไป๋เทียนเทียน ไม่รู้ว่านายทุนจะพอใจหรือไม่

แต่นี่ไม่ใช่เรื่องที่ผู้กำกับควรคำนึงแล้ว เขาแค่รับประกันว่ารายการมีจุดเด่นก็พอแล้ว

“เพราะพวกคุณออกมาจากห้องลับก่อนเวลา ทางทีมงานตัดสินใจว่าจะปล่อยพวกเขากลับไปก่อน” ผู้กำกับกล่าวด้วยน้ำเสียงที่สุภาพและเป็นมิตร “อีกอย่าง เพื่อเป็นการตอบแทน พรุ่งนี้พวกคุณสามารถเชิญเพื่อนในแวดวงของตัวเองมาเป็นแขกรับเชิญได้”

“พรุ่งนี้?” ฉินซิวเฉินหรี่ตาเล็กน้อย

เวลากระชั้นชิดเกินไป เขามีเพื่อนในวงการอยู่ไม่น้อย ปกติแล้วล้วนให้เกียรติเขา หากว่า ต้องหาเพื่อนสนิทสองคนได้แน่

ผู้กำกับยิ้มกริ่ม “ใช่แล้ว ซุปตาร์ฉินจะเชิญเพื่อนของคุณไหม”

“ผู้กำกับ” ผู้กำกับเพิ่งพูดจบ จู่ๆ ไป๋เทียนเทียนที่เงียบมาตลอดก็โพล่งขึ้นมาว่า “ความจริง ที่เราออกมาได้ในครั้งนี้ เป็นเพราะพี่ฉินหร่านทั้งนั้น รางวัลนี้เธอเหมาะสมที่สุด”

ขณะที่พูด เธอยังเหลือบมองทางฉินหร่านและยิ้มอย่างอ่อนโยนอีกด้วย “พี่ฉินหร่าน พี่มีเพื่อนที่รู้จักในวงการหรือเปล่า ถ้ามีก็เชิญพวกเขามาได้”

รอยยิ้มของผู้กำกับแน่นิ่งไป

เมื่อฟังไป๋เทียนเทียนพูดจบ มือของฉินซิวเฉินก็ชะงักเล็กน้อย มองไปทางเธออย่างไม่ยี่หระ

จิ่งเหวินยิ้มน้อยๆ ภายใต้เลนส์กล้อง เสียงของเธอฟังดูราบเรียบ ช่วยกอบกู้สถานการณ์ให้ฉินหร่าน “เรื่องดีๆ แบบนี้จะให้เสี่ยวหรานหร่านผูกขาดได้ยังไงล่ะ!”

รายการวาไรตี้รายการนี้ค่อนข้างโด่งดัง มีฉินซิวเฉินนำทัพ จะเชิญแขกรับเชิญมาสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้ ฉินหร่านเป็นเด็กเทพแห่งมหาวิทยาลัยเมืองหลวง มนุษย์มักจะคบคนประเภทเดียวกัน เพื่อนส่วนใหญ่ล้วนเป็นเพื่อนเด็กเรียน ถึงตอนนั้นหากมาร่วมรายการจริงผลลัพธ์จะเป็นอย่างไรไม่รู้ มิหนำซ้ำ…หากแขกรับเชิญไม่ลึกลับก็ไม่น่าสนใจ

ผู้กำกับกับทีมงานไม่ต้องการให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นเป็นอันขาด

ไป๋เทียนเทียนยิ้มเล็กน้อย ตระหนักได้ว่าจิ่งเหวินกำลังช่วยฉินหร่าน เธอหลุบตาลง ว่าง่ายไม่พูดอะไรอีก

ผู้กำกับโล่งอก รีบมองไปทางฉินซิวเฉินกับจิ่งเหวินทันที “ซุปตาร์ฉิน ซุปตาร์จิ่ง…”

ในฐานะที่เป็นผู้กำกับ เขาต้องอยากให้ทั้งสองคนเป็นคนเชิญแขกรับเชิญอยู่แล้ว

โดยเฉพาะฉินซิวเฉิน

คนที่เขาเชื้อเชิญมักจะเป็นคนที่ค่อนข้างมีอิทธิพลในวงการ

ฉินซิวเฉินละสายตา เขารับกระติกน้ำสุญญากาศมาจากผู้จัดการ จากนั้นยื่นให้ฉินหร่าน

พูดอย่างเชื่องช้าว่า “ได้”

ทั้งคู่รับปากแล้ว ผู้กำกับดีใจ กำลังจะสั่งให้แยกย้าย

ฉินหร่านที่นั่งบนเก้าอี้พับได้ของทีมงานในตอนแรก มือเท้าคาง จ้องทางนั้นอย่างเกียจคร้าน เธอรับกระติกสุญญากาศที่ฉินซิวเฉินยื่นให้ จู่ๆ ก็เงยหน้าขึ้น ถามผู้กำกับว่า “เดี๋ยวนะ ฉันเชิญเพื่อนตัวเองมาได้ด้วยเหรอ”

ผู้กำกับชะงัก bug คนนี้จะทำอะไรอีกแล้ว!

เขาพูดว่า เชิญ! มา! ไม่! ได้! ได้หรือเปล่า

ภายใต้กล้องบันทึกภาพมากมาย ใบหน้าของผู้กำกับตายด้าน “นี่เป็นรางวัลของเธอ ต้องได้อยู่แล้วสิ”

ฉินหร่านเป็นคนหารหัสลับทั้งหกตัวภายในห้องลับของคฤหาสน์บนเขาเจอทั้งหมด ครองความเท่แต่เพียงผู้เดียว คนอื่นอย่างมากก็แค่ยื่นกระดาษให้เธอ ใช้แรงงานก็เท่านั้น

ภายใต้เลนส์กล้อง เธอขอรางวัลของตัวเอง ผู้กำกับไม่มีเหตุผลจะปฏิเสธ…

เขาเพียงแค่เหลือบมองฉินหร่านอย่างหวาดระแวง “คุณฉิน คุณจะเชิญเพื่อนของตัวเองเหรอ”

ฉินหร่านบิดฝาของกระติกสุญญากาศ มองใบชาเจ็ดใบข้างในแล้วจิบไปคำหนึ่ง หรี่ตามองทุกคนแวบหนึ่ง แล้วจึงพูดเสียงยานคางว่า “ใช่แล้ว”

“เชิญ.. เชิญมากี่คน” ผู้กำกับคำนวณในใจว่า หากเชิญมาหนึ่งคน เขายังขอให้ฉินซิวเฉินเสริมได้อีกคน

“สองคนล่ะมั้ง” ฉินหร่านปิดฝากระติกสุญญากาศ

“เพื่อนแบบไหน เพื่อนนักเรียนเหรอ” ผู้กำกับถามต่อ

ฉินหร่านลุกขึ้นจากเก้าอี้พับ หรี่ตาแล้วตอบว่า “เพื่อนทั่วไปๆ สองคนล่ะมั้ง”

ผู้กำกับขานรับในลำคอ สั่งให้แยกย้ายด้วยความกังวลใจ

ด้านหลัง ไป๋เทียนเทียนมองแผ่นหลังของฉินหร่าน เกือบจะหลุดขำออกมาแล้ว ฉินหร่านคนนี้อีคิวต่ำเหรอ มองไม่ออกหรือไงว่าผู้กำกับไม่อยากให้เธอเชิญเพื่อนมาน่ะ

หากช่วงนี้ฉายออกไป แฟนคลับของซุปตาร์ฉินต้องด่าฉินหร่านสาดเสียเทเสียแน่

ไป๋เทียนเทียนละสายตา ไม่มองฉินหร่านอีก แต่กลับไปที่รถของตัวเอง

…เมื่อพวกเขาเก็บข้าวของกลับมายังโรงแรมตรงตีนเขา ก็ปาไปสี่โมงเย็นแล้ว

ผู้กำกับเดินเข้าไปในห้องทำงานเพื่อดูเทปที่อัดในวันนี้

ผู้ช่วยผู้กำกับถึงได้ถามเขาว่า “คุณจะให้หลานสาวของซุปตาร์ฉินเชิญเพื่อนของเธอมาจริงๆ เหรอ”

“เธอมาจากมหาวิทยาลัยเมืองหลวง เพื่อนต้องเป็นเด็กเรียนกันหมดแน่ ใช่ว่าจะไม่น่าสนใจ…” ผู้กำกับนั่งลงบนเก้าอี้

ผู้ช่วยผู้กำกับมองเขา “ถ้าเธอเชิญ bug มาอีกสองคนจะทำยังไง”

ผู้กำกับ “…”

ตอนนี้เขาเริ่มหวาดกลัวเด็กเรียนของมหาวิทยาลัยเมืองหลวงแล้ว ถึงขั้นว่าเกิดปมในใจกับคำว่า ‘มหาวิทยาลัยเมืองหลวง’

สมัยนี้เด็กเรียนของมหาวิทยาลัยเมืองหลวงเป็นแบบนี้กันหมดเลยเหรอ

“ก็ไม่แน่ เธอเป็นหลานสาวของซุปตาร์ฉิน” ผู้กำกับหยุดคิดครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า “หลานสาวของซุปตาร์ฉินอาจจะไม่มีอีคิว ไม่ได้แปลว่าเพื่อนของเธอจะอีคิวต่ำปานนั้น ฉันคิดว่าเขาน่าจะกำลังคิดหาทางแนะนำคนรู้จักของตัวเองให้หลานสาวเขาอยู่”

เขาขบคิดเล็กน้อย “คืนนี้ฉันจะลองไปถามผู้จัดการของซุปตาร์ฉินดู”

ทางด้านของฉินซิวเฉิน เมื่อกลับมาถึงห้อง ฉินหลิงก็ทำการบ้านของวันนี้เสร็จแล้ว กำลังนั่งเล่นเกมอยู่หน้าคอมพิวเตอร์

ฉินซิวเฉินหยิบเสื้อผ้าเข้าไปชำระกายในห้องอาบน้ำ

ผู้จัดการถือสมุนเดินเข้ามา เขาตรวจดูการบ้านที่ฉินหลิงทำในวันนี้ มีคำตอบเขียนไว้ แต่ในกระดาษทดเลขไม่มีขั้นตอนการคำนวณ จึงชี้แนะด้วยใจจริงว่า “ลอกมาเหรอ การลอกไม่ดีนะ หัดเอาอย่างพี่สาวเธอซะบ้าง”

ฉินหลิงชายตามองเขาแวบเดียว จากนั้นก็ใส่หูฟังอย่างไม่รีบเร่ง

ผู้จัดการ “…” เด็กเหลือขอ!

เขานั่งลงข้างๆ ฉินหลิง มองเขาเล่นเกมอย่างเบื่อหน่าย

สองนาทีให้หลัง เขาผละออกไปเงียบๆ นั่งก้มหน้าเล่นมือถือตรงข้ามฉินหลิง

จนกระทั่งฉินซิวเฉินอาบน้ำเสร็จ ผู้จัดการถึงได้ลุกขึ้น พลิกสมุดดู “นี่เป็นเพื่อนในวงการที่คุณเชิญมาได้ เชื่อได้ทั้งหมด และเอาอยู่ด้วย”

ฉินซิวเฉินต่อสู้ดิ้นรนในวงการบันเทิงมาตลอดสิบกว่าปี นอกวงการต่างก็ลือว่าเขาอาศัยบารมีของตระกูลฉิน มีแค่เขาที่รู้ดีว่า สิ่งที่เขาสั่งสมมาทีละเล็กละน้อยล้วนเป็นมนุษยสัมพันธ์ของตัวเอง

เมื่อผู้จัดการพลิกสมุด ด้านบนมีรายชื่อของคนที่สุ่มออกมารับหน้าในวันพรุ่งนี้ได้ยี่สิบกว่าคน

ล้วนเป็นผู้มีอิทธิพลที่โด่งดังในวงการ

ฉินหร่านไม่ใช่คนในวงการ ฉินซิวเฉินตั้งไว้แต่แรกแล้วว่า หลังกลับมา จะเชิญเพื่อนในวงการสองคนมาในนามของฉินหร่าน

“สองคนนี้ใช้ได้ อายุใกล้เคียงกับหลานสาวของคุณ” ผู้จัดการวงชื่อของนักแสดงมากความสามารถสองคนในรายชื่อ

คนพวกนี้ต่างก็เป็นรุ่นน้องที่เคยแสดงภาพยนตร์กับฉินซิวเฉิน กระแสไม่เป็นที่นิยมขนาดนั้น แต่ความโด่งดังและการเล่าลือในวงการก็น่าสนใจอยู่เช่นกัน

ฉินซิวเฉินรับมาดูแล้วขมวดคิ้วเล็กน้อย แม้เขาอยากเชิญคนที่มีประสบการณ์โชกโชนกว่านี้สักหน่อย แต่อายุไม่เหมาะสมจริงๆ

“ไปกันเถอะ” เขาหยิบรายชื่อที่คัดสรรเรียบร้อยแล้วขึ้น ออกไปเคาะประตูห้องฉินหร่าน ให้เธอไปเลือกคนที่ถูกชะตาด้วยตัวเอง

ภายในห้อง ฉินหร่านเองก็เพิ่งอาบน้ำเสร็จ มีข้าวกล่องวางทิ้งอยู่บนโต๊ะ

เพราะยังเป็นช่วงเวลากลางวัน เธอจึงไม่ได้สวมชุดนอน เพียงใส่แค่ชุดลำลองขนปุกปุยสีขาว เปิดประตูให้ฉินซิวเฉินกับผู้จัดการเข้ามา

ฉินซิวเฉินจ้องเธอครู่หนึ่ง ดวงหน้าของฉินหร่านเย็นชาเสมอมา เขาไม่เคยเห็นเธอใส่ชุดขนปุกปุยที่น่ารักแบบนี้มาก่อน มีความน่ารักแปลกๆ ไปอีกแบบ นึกอยากจะลูบหัวเธอขึ้นมา

แต่ไม่กล้าลงมือ

ทำได้แค่คิดด้วยความเสียดาย

ห้องของเธอค่อนข้างแคบ ฉินซิวเฉินนั่งลงบนเก้าอี้ วางรายชื่อลงบนโต๊ะเพื่อบ่งบอกเจตนา จากนั้นเอ่ยว่า “เธอลองดูสิว่าในนี้มีคนที่เธออยากเจอหรือเปล่า”

ฉินหร่านไม่คิดว่าฉินซิวเฉินมาเพราะเรื่องพวกนี้

เธอมองรายชื่อยี่สิบกว่าชื่อที่ถูกจัดเรียงอย่างดี ในระยะเวลาอันสั้นแบบนี้ น่าจะใคร่ครวญมาแล้ว คิ้วของเธอขยับเล็กน้อย นานกว่าจะเอนตัวพิงเก้าอี้ยิ้มๆ นัยน์ตาสดใส “ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันจะติดต่อเพื่อนทั้งสองคนของฉันเดี๋ยวนี้เลย”