บทที่ 319 ต่อสู้
บทที่ 319 ต่อสู้

เซียวเฟิงยืนอยู่ที่ชายขอบทะเลสาบมู่กวาง เขามองผิวทะเลสาบที่เกิดคลื่นซัดไปมาจากจุดศูนย์กลางด้วยสีหน้าระแวดระวัง

เมื่อครู่นี้ชายหนุ่มเพิ่งจะปลดผนึกให้เทวรูปไปด้วยกุญแจผนึกที่สมบูรณ์แล้ว โชคยังดีที่ตราผนึกภายใต้ทะเลสาบนั้นยังไม่ถูกทำให้เสียหายและสามารถเปิดออกได้โดยสำเร็จ ทันทีที่ผนึกนั้นแตกออก คลื่นสั่นสะเทือนรุนแรงก็พวยพุ่งออกมาจากร่างของเทวรูป มันเหมือนดวงตาสมุทรที่สูบเอาน้ำในทะเลสาบให้หมุนเป็นเกลียวคลื่น เปลี่ยนจากน้ำที่นิ่งสงบให้กลายเป็นน้ำวนที่เชี่ยวกราก

เซียวเฟิงรีบถอยหนีจากใต้ทะเลสาบอย่างรวดเร็ว และโชคยังดีที่สกิลตระหง่านของชุดมังกร มันทำให้ชายหนุ่มไม่ได้รับผลจากคลื่นสั่นสะเทือนนั้นจนสามารถขึ้นฝั่งมาดูปรากฏการณ์อันน่าพิศวงแทน

สิ่งที่ปรากฏนั้นเหมือนว่าทะเลสาบแห่งนี้ได้กลายเป็นทะเลที่มีคลื่นโหมกระหน่ำไปเสียแล้ว ยิ่งส่วนที่เป็นต้นกำเนิดคลื่นน้ำวนยิ่งน่าตกใจ มันแหวกออกเป็นวงจนสามารถมองเห็นก้นทะเลสาบได้จากด้านบนอย่างชัดเจน

อย่างไรก็ตาม ปรากฏการณ์ดังกล่าวนี้ไม่ได้เกิดขึ้นนานนัก ความเย็นจากก้นทะเลสาบมันลอยสูงขึ้นมาจนแช่แข็งคลื่นน้ำวนนั้นในทันที เปลี่ยนคลื่นน้ำที่ไหลเชี่ยวกรากให้กลายเป็นรูปสลักน้ำแข็งได้ในชั่วพริบตา ความเย็นที่แผ่ฟุ้งนี้แม้แต่เซียวเฟิงเองก็ยังรู้สึกได้ถึงความหนาวที่ทะลุเกราะมังกรเข้ามา ใต้เท้าเขาตอนนี้เริ่มจะมีน้ำแข็งเกาะขึ้นมาเสียแล้ว

แสงสว่างส่องแพรวพราวออกมาจากจุดที่เป็นตาน้ำวน ต้นกำเนิดแสงนั้นคือร่างของเทวรูป ที่ซึ่งตอนนี้โคลนสีเทาที่ฉาบร่างนั้นไว้ได้สลายหายไปหมดแล้ว มันกลายเป็นร่างที่ดูไร้ชีวิตชีวาที่กำลังยืนขึ้นมาอยู่ช้า ๆ

ร่างนั้นค่อนข้างสูงและมีผิวที่แอบแห้งกร้าน ที่ด้านหลังมีปีกอยู่แปดคู่ ทว่าไม่เพียงสองคู่ที่ถูกทำลายไปก่อนหน้าแล้วจนเหลือเพียงครึ่งเดียว ปีกข้างอื่น ๆ เองก็เสียหายจนแสงสว่างที่เปล่งออกมาไม่ได้สว่างดั่งที่ควรเป็นไปด้วย

ดาบขนาดใหญ่ที่เคยปักทะลุคาอก ตอนนี้มันกลับมาอยู่ในมือของเทวทูตเรียบร้อยแล้ว และเหลือเพียงรูกลวงที่กลางอกเท่านั้น รอยแผลนั้นไม่ได้ปิดสนิทลงแต่อย่างใด แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ได้แสดงให้เห็นว่าสิ่งนั้นจะสร้างความเจ็บปวดให้กับเจ้าตัว เพราะบริเวณส่วนที่เป็นเนื้อด้านในก็ถูกน้ำแข็งแผ่ปกคลุมเอาไว้สนิทมิดชิด

ลมหายใจที่เย็นยะเยือกแผ่กระจายออกมาเมื่อเทวทูตตนนั้นเริ่มขยับ ไอเย็นเหล่านั้นรุนแรงขนาดที่ต้นไม้ใหญ่ด้านหลังเซียวเฟิงก็ยังกลายเป็นรูปปั้นน้ำแข็งไปได้ เขาจำเป็นต้องยกมือขึ้นมาเพื่อป้องกันความหนาวเย็นนั้นเอาไว้ อย่างน้อย ๆ พลังของชุดเกราะมังกรก็แข็งแกร่งพอที่จะทำให้ไม่ได้รับบาดเจ็บจากไอเย็นแต่อย่างใด

เซียวเฟิงลดมือลงก่อนเพื่อสังเกตไปยังเหนือหัวเทวทูต แต่มันก็ต้องทำให้เขาขมวดคิ้วขึ้นมาอีก เพราะชื่อของเทวทูตตนดังกล่าวเป็น ‘???’ และมีหลอดพลังชีวิตเป็นสีเหลือง นั่นหมายถึงหากเราไม่โจมตี มันก็จะไม่โจมตีและเราสามารถไปทำภารกิจต่อได้

ทว่าเซียวเฟิงยังไม่ได้รับภารกิจใด ๆ มาก่อนหน้านี้ทั้งสิ้น และเขาก็ไม่ได้มีกะจิตกะใจอยากจะทำภารกิจอะไรในตอนนี้ด้วย จุดประสงค์เดียวของเซียวเฟิงก็คือการฆ่าเทวทูตตนนี้ทิ้งเสียเพื่อที่จะได้ไอเทมที่มันจะดร็อปมาครอบครอง!

ด้วยพลังของชุดสูทมังกร มันทำให้ทักษะการตรวจสอบของเซียวเฟิงเพิ่มขึ้นเป็นเลเวล 4 เพราะงั้นตอนนี้เซียวเฟิงกำลังตรวจสอบเทวทูตตรงหน้าเขาด้วยทักษะตรวจสอบระดับปรมาจารย์อยู่ แต่ด้วยผลลัพธ์ที่ประจักษ์ต่อสายตา คิ้วที่ขมวดอยู่แล้วมันก็ขมวดหนักขึ้นกว่าเดิม

???

เลเวล : ???

ระดับ : ???

ธาตุ : ???

พลังชีวิต : ??? / ??? หน่วย

พลังโจมตี : ??? – ??? หน่วย

พลังเวท : ??? – ??? หน่วย

พลังป้องกันกายภาพ : ??? – ??? หน่วย

พลังป้องกันเวทมนตร์ : ??? – ??? ห่นวย

สกิล : ???

คำโปรย : ???

ข้อมูลทุกอย่างของมันไม่สามารถตรวจสอบได้เลย! ไม่มีอะไรหลุดมาให้เห็นทั้งนั้น! แถมการที่เซียวเฟิงใช้ทักษะตรวจสอบใส่ร่างนั้น มันก็ทำให้ดวงตาที่ว่างเปล่าของเทวทูตหันมองเซียวเฟิงในทันทีทันใดเลยด้วย ชัดเจนเลยว่ามันสามารถรับรู้ได้ว่าตนเองกำลังถูกสังเกต แต่ถึงอย่างนั้น เพราะชื่อมันยังเป็นสีเหลือง มันจึงไม่ได้แสดงความโกรธเกรี้ยวหรือเปิดฉากโจมตีก่อนแต่อย่างใด

เซียวเฟิงจับคทาแห่งปราชญ์ในกำมือไว้แน่น มองสิ่งที่อยู่ตรงหน้าพร้อมกับคิ้วขมวดไม่คลาย ไม่ต้องสืบก็สามารถพูดได้ตรง ๆ ว่าเทวทูตตนนี้ คือบอสที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่เซียวเฟิงเคยปะทะด้วยมาก่อนตั้งแต่เริ่มเกม แน่นอนว่าไม่รวมเทพธิดาแห่งแสง แต่ถึงจะนำเธอมารวมด้วย เซียวเฟิงก็ยังเชื่อว่าบอสตนนี้ไม่ได้แข็งแกร่งน้อยไปกว่าเธอเลย

ภายใต้ความกดดันที่ไม่สามารถล่วงรู้ได้ถึงค่าสถานะของสิ่งตรงหน้า มันทำให้เซียวเฟิงไม่รู้สึกเลยว่าจะสามารถเอาชนะเทวทูตตนนี้ได้

เขาหลับตาลงและสูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะลืมตาขึ้นอีกครั้งพร้อมกับความมั่นใจว่ายังไงก็ต้องสู้กับมันให้ได้!

เขาจะต้องปราบเทวทูตตนนี้ให้ได้! นี่คือสิ่งที่ตัวเองต้องทำเพื่อเสี่ยวไป๋ ก่อนที่เขาจะจากไป!

ถึงแม้ว่าเสี่ยวไป๋จะเป็นเพียงสัตว์เลี้ยง แต่สำหรับโลกใบนี้ เธอก็ไม่ต่างอะไรกับสิ่งมีชีวิตที่เกิดใหม่ ภาพลักษณ์ของเธอยังคงเป็นเด็กสาวที่รู้สึกตื่นตาตื่นใจกับสิ่งใหม่ไปเสียทุกอย่าง แถมเธอยังติดเซียวเฟิงเอาเสียมาก ๆ ด้วย

ทุกครั้งที่เซียวเฟิงไปเยี่ยมเสี่ยวไป๋ เธอจะติดเขาแจมาก ๆ ในขณะเดียวกัน เมื่อชายหนุ่มจะจากเธอไป เธอก็จะแสดงความไม่ยินยอมออกมา สิ่งเหล่านี้ทำให้เซียวเฟิงรู้สึกกังวลขึ้นมาจริง ๆ กังวลมาก ๆ แต่เขาไม่มีโอกาสที่จะแสดงมันออกมา

ในฐานะเจ้านาย เซียวเฟิงรู้ดีว่าตนเองทำหน้าที่ได้ไม่ดีเอาเสียเลย เขาทิ้งให้เสี่ยวไป๋ต้องแช่อยู่ในบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์อันหนาวเย็นเป็นเวลานาน เด็กสาวคนนั้นไม่เคยถูกพาออกไปเล่นเลยแม้แต่ครั้งเดียว และมีแต่เขาที่เรียกใช้พลังของเธออยู่เรื่อย ๆ

สิ่งนี้มันคาใจเซียวเฟิงมาตั้งแต่ที่เขารู้ว่าเฮลตามหาตัวเขาเจอแล้ว นี่คือการตัดสินใจที่กลั่นกรองมาดีแล้วว่า เขาจะต้องปลดปล่อยเสี่ยวไป๋ไปให้ได้ก่อนที่เขาจะจากเกมนี้ไป!

บิชอปเรนัลด์เองก็เคยเป็นหนึ่งในเป้าหมายของเขา และการที่เขาล่อลวงอีกฝ่ายให้เข้ามาอยู่ในเมืองแห่งความโศกเศร้าได้ ก็เพราะมีแผนที่จะกำจัดผู้ที่เกี่ยวของกับธาตุศักดิ์สิทธิ์เพื่อเพิ่มพลังให้เสี่ยวไป๋จริง ๆ หากเมื่อเวลานั้นมาถึงและตัวชายหนุ่มเองก็ไม่มีทางเลือกอื่น ต่อให้จะต้องพบกับบทสรุปแบบไหน เขาก็จะยินยอมรับมัน!

ทว่าการปรากฏตัวของเทวทูตตรงหน้า ทำให้เซียวเฟิงต้องเปลี่ยนเป้าหมายอีกครั้ง เพราะในแง่ของโอกาสที่จะดร็อปวัตถุดิบศักดิ์สิทธิ์ สิ่งที่ดร็อปมาจากตัวเทวทูตน่าจะสูงกว่าสิ่งที่ดร็อปจากบิชอปแห่งวิหารแห่งแสงอยู่แล้ว

แม้ว่าเทวทูตตนนี้จะทำให้เซียวเฟิงรู้สึกโดนกดดันอยู่ตลอดเวลา แต่ก็ยังด่วนสรุปเรื่องนี้ไม่ได้

เพราะชายหนุ่มยังไม่ได้แพ้ในการต่อสู้!

ขั้นแรกสุด หากยึดตามความเสียหายเป็นเปอร์เซ็นต์ ถ้อยคำแห่งเงาจะสามารถทำความเสียหายให้แก่เป้าหมายได้ครั้งละ 10% ดังนั้นไม่ว่าเทวทูตจะมีเลือดมากขนาดไหน เพียงแค่ 10 ครั้งเขาก็จะสามารถปราบมันได้ แต่คูลดาวน์ของถ้อยคำแห่งเงาทั้ง 10 ครั้ง มันก็รวมกันได้มากถึง 50 นาทีเลยทีเดียว!

และเช่นเดิม ด้วยพลังของชุดมังกรที่สวมอยู่ เทวทูตจะไม่สามารถฟื้นฟูเลือดของตนเองได้อย่างแน่นอนถ้าหากโดนเซียวเฟิงโจมตีไปแล้ว เช่นนั้น มันหมายความว่า เซียวเฟิงจะสามารถปราบเทวทูตได้ หากเขาสามารถยืนอยู่ได้ถึง 50 นาที!

คราวนี้ก็วนมาถึงคำถามของการต่อสู้ครั้ง… การที่ต้องเผชิญหน้ากับเทวทูตที่สุดแสนจะอันตราย เขาจะสามารถยื้อไว้ได้ถึง 50 นาทีเลยเหรอ?

แต่ไม่ว่าอย่างไร เซียวเฟิงก็ยังมีข้อได้เปรียบที่สำคัญอยู่อีกข้อหนึ่ง นั่นคือ มันสมอง จากสภาพของเทวทูตในตอนนี้ มันค่อนข้างแปลกมาก ๆ เป็นไปได้ว่ามันเป็นเพียงซากศพหรือไม่ก็วิญญาณร้ายที่ถูกปลุกขึ้นมา หรือถ้าพูดสั้น ๆ ถึงแม้อีกฝ่ายจะเป็นเทวทูต แต่มันก็ยังมีหลอดพลังชีวิต ดังนั้นแล้วมันสามารถตายได้ตราบใดที่มันไม่ฉลาดเทียบเท่าเทพธิดาแห่งแสง

ในเมื่อเทวทูตที่น่าหวาดกลัวไม่ได้ฉลาดอย่างที่ควรจะกลัว มันก็ไม่ต่างอะไรกับสัตว์ร้ายในคราบนักบุญ บางทีแค่การหลบหยาบ ๆ เหมือนมอนสเตอร์ทั่ว ๆ ไปก็อาจจะทำให้เขาเอาตัวรอดได้ใน 50 นาทีแล้ว และถ้ามันเป็นแบบนี้จริง ก็จะเอาชนะได้ง่ายมาก

หลังจากสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้ว เซียวเฟิงก็สลัดความกังวลทั้งหมดออกจากร่างกายทิ้งไป จากนั้นรูปโฉมที่น่าหวาดกลัวของชุดมังกรก็ถูกเปิดเผยให้เห็นออกมา ภายใต้หน้ากากกระดูกนั้น ตาข้างหนึ่งของเขากำลังเล่งประกายไปด้วยดวงไฟแห่งความตายในขณะที่ตาอีกข้างหนึ่งก็ดำมืดและไร้ซึ่งสิ่งใด กระนั้นภายในลึก ๆ ก็มีดวงแสงสีแดงปรากฎขึ้นมาให้เห็นนิดหน่อย

การฟื้นคืนชีพศักดิ์สิทธิ์!

เซียวเฟิงโบกคทาแห่งปราชญ์อย่างนุ่มนวล จากนั้นตราแห่งการคืนชีพก็ปรากฏขึ้นที่ตัวเขาเอง มันเป็นหลักฐาน ที่แสดงให้เห็นถึงความไม่มั่นใจในพลังป้องกันของตนเองเมื่อต้องเผชิญหน้ากับศัตรูระดับเทวทูตเช่นนี้ สิ่งที่เขาพอจะไว้ใจได้ก็มีเพียงสกิลป้องกันต่าง ๆ ของเกราะมังกรและความสามารถในการหลบหลีกเท่านั้น

เขาเปิดหน้าระบบขึ้นมา ปิดการรับข้อความจากเพื่อนทุกคน การโทรรวมถึงการติดต่อทุกอย่างที่เข้าถึงตัวเขาได้ ในอีกเกือบหนึ่งชั่วโมงต่อจากนี้ เขาจำเป็นต้องเพ่งสมาธิทั้งหมดไปกับสิ่งตรงหน้าเท่านั้น จะไม่ยอมให้อะไรมารบกวนได้โดยเด็ดขาด

เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว เซียวเฟิงก็เริ่มถอยหลังออกไป สกิลรักษาไม่มีระยะจำกัด ดังนั้นตราบใดที่สายตายังมองเห็น ถ้อยคำแห่งเงาก็ยังสามารถทำงานได้ เขาถอยไปจนกระทั่งคิดว่าได้ระยะที่พอดีแล้ว และระยะที่พอดีที่ว่านั้นก็คือ ระยะที่ทำให้เซียวเฟิงสามารถซื้อเวลาสำหรับหลบหนีการโจมตีของเทวทูตได้

แต่ภายในป่ามู่กวางนี้มีต้นไม้อยู่มากมายเสียเหลือเกิน สิ่งเหล่านี้มีอิทธิพลกับเซียวเฟิงในระดับหนึ่งเลยเหมือนกัน มันทำให้เขาไม่กล้าที่จะเรียกเสี่ยวเสวียออกมา เพราะถึงแม้ว่าความเร็วกับความสามารถในการบินของเสี่ยวเสวียจะมีประโยชน์มาก ๆ แต่เซียวเฟิงก็ไม่ได้มีคลาสเป็นอัศวินแต่อย่างใด เมื่อเขาอยู่บนหลังเสี่ยวเสวียแล้ว ความคล่องตัวของตัวเองจะลดลง และด้วยข้อบกพร่องนี้มันจะกลายเป็นดาบที่ทิ่มแทงตัวเขาเอง

เซียวเฟิงถอยมาได้ราว ๆ สองร้อยเมตร นี่ถือว่าไกลสุดที่ถอยได้แล้ว ถ้าหากเขายังคงถอยไปอีก วิสัยทัศน์ด้านหน้าจะโดนต้นไม้บดบังจนไม่เห็นอะไรเลย

จากนั้นเซียวเฟิงก็หันไปมองยังแถบสกิลของตนและรอให้คูลดาวน์ของสกิลคืนชีพศักดิ์สิทธิ์เหลือน้อยลงกว่านี้นิดหน่อย

คูลดาวน์และระยะเวลาของการคืนชีพศักดิ์สิทธิ์นั้นมีเท่ากับ 10 นาที เซียวเฟิงต้องรอนานกว่านี้อีกสักหน่อย อย่างน้อย ๆ ก็ให้เหลือสัก 1-2 นาที ทั้งนี้ก็เพื่อเผื่อว่าตนเองอาจจะถูกเทวทูตตนนี้ฆ่าตายในวินาทีเดียว หลังจากที่เกิดใหม่แล้ว ก็จะได้สามารถสั่งใช้งานสกิลคืนชีพรอบใหม่ได้โดยไม่ต้องกังวลอะไรมาก

ในที่สุด คูลดาวน์ของสกิลการคืนชีพศักดิ์สิทธิ์ก็เหลือเพียง 2 นาทีสุดท้าย เซียวเฟิงไม่ยื้อรอเวลาและเริ่มเคลื่อนไหวต่อทันที ออร่ารอบ ๆ ตัวของเขาเปลี่ยนแปลงไป!

ภายใต้หน้ากากกระดูก ดวงแสงสีแดงที่อยู่ในตาสีดำอันว่างเปล่าก็เปล่งประกายแสงออกมา ทั่วทั้งร่างของเซียวเฟิงเองก็แผ่บรรยากาศที่สงบนิ่งออกมาด้วยเช่นกัน มันเป็นบรรยากาศที่เยือกเย็นหากแต่ก็ไร้ซึ่งอารมณ์ใด ๆ แอบแฝง

ถ้อยคำแห่งเงา!

คทาแห่งปราชญ์ถูกโบกสะบัดอีกครั้ง และคราวนี้ถ้อยคำแห่งเงาก็ถูกร่ายใส่เทวทูตไปด้วย เซียวเฟิงหันแล้วรีบวิ่งเปลี่ยนทิศทาง ระหว่างนั้นเขาก็หันไปมองค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นบนหัวของเทวทูตไปด้วย

-20,000!

-20,000!

-20,000!

“โฮกกกกกกก!”

ด้วยเสียงคำรามอันดังกึกก้องคล้ายสัตว์ร้ายของเทวทูต ผืนทะเลสาบมู่กวางที่กลายเป็นน้ำแข็งเพราะไอเย็นก่อนหน้า ก็แตกสลายออกไปเสี่ยง ๆ หลอดพลังชีวิตบนหัวเทวทูตนั้นเองก็ได้เปลี่ยนเป็นสีแดงที่ยืนยันว่าเป็นศัตรูเรียบร้อย! พลังชีวิตของมัน เริ่มลดลงแล้ว!

อย่างที่เซียวเฟิงคาดการณ์ เทวทูตถือเป็นบอสที่ทรงพลังมาก ๆ พลังชีวิตของมันก็คือ 8,000,000 หน่วย! คำนวณย้อนเอาจากถ้อยคำแห่งเงาที่ทำความเสียหายได้เพียง 20,000 หน่วยต่อวินาที!

สิ่งนี้ทำเอาเซียวเฟิงใจห่อเหี่ยวขึ้นมาทันที ความเสียหายที่เทวทูตสามารถต้านไว้ได้นั้นสูงถึง 50% เลยทีเดียว! ถ้าเป็นแบบนี้ แสดงว่าเวลาที่จะต้องใช้ปราบมันก็จะเพิ่มมากขึ้นเป็น 2 เท่า! จากเดิมที่คำนวณไว้คือ 50 นาที เพราะงั้นมันก็จะกลายเป็น 100 นาที!

นี่มันท้าทายเซียวเฟิงสุด ๆ ไปเลย!

ถึงอย่างนั้นเซียวเฟิงก็ไม่มีเวลาให้มาครุ่นคิดอะไรมากนัก สาเหตุก็คือ เทวทูตตนนี้ได้ถูกกระตุ้นขึ้นมาแล้วจากการโจมตีเมื่อครู่นี้ ซึ่งเซียวเฟิงก็รู้สึกได้ถึงสภาวะวิกฤติที่รุนแรงกำลังคืนคลานเข้ามาหาเขาด้วย

เขาเลี้ยวหนีอีกฝ่ายอย่างไม่ลังเลพร้อมกับวิ่งซิกแซกไปมาให้ยากต่อการเป็นเป้าหมายด้วย

ตู้ม!

ในทันทีที่เซียวเฟิงเริ่มเลี้ยว ปลายทางด้านหน้าของเขาก็เกิดระเบิดรุนแรงขึ้น ซึ่งมันเกิดจากแสงศักดิ์สิทธิ์ที่พุ่งดิ่งลงมา!

จากนั้นคลื่นดาบที่เกิดจากลำแสงเองก็หวดเข้ามาด้วยความเร็วสูงเช่นกัน มันตัดต้นไม่ใหญ่หลายต้นให้โค่นลงมาได้อย่างง่ายดายเลย!

ต้นไม้ที่ถูกตัดรวมถึงพื้นดินที่คลื่นดาบพุ่งผ่านนั้นกลายเป็นเพียงร่องดินที่เหมือนธารไร้น้ำเท่านั้น!

การโจมตีของเทวทูตรุนแรงขนาดทำลายสภาพแวดล้อมที่ตัวเกมสร้างขึ้นมาได้เลย! นี่มันน่ากลัวมาก ๆ!

กระนั้นแล้วเซียวเฟิงก็ไม่มีเวลาหันมาชื่นชมตนเองที่รอดจากการโจมตีด้วยคลื่นดาบเมื่อครู่ได้ เนื่องจากตัวเองรู้สึกได้ถึงกระแสลมแรงที่ไล่ตามหลังเขามา! เขารีบเอี้ยวหลบมันออกไปแล้วจึงพบว่าสิ่งที่ตามหลังมานั้น คือร่างของเทวทูตตัวใหญ่ผู้มีหกปีกกำลังพุ่งเข้ามาหาเขาด้วยความเร็วสูง ดาบของมันถูกยกเตรียมไว้หมายจะฆ่าเซียวเฟิงด้วยการฟันครั้งเดียว! ระยะทางสองร้อยเมตรนั้นไม่ได้ช่วยอะไรเขาเลย เพราะเทวทูตสามารถพุ่งเข้าหาเขาได้เพียงชั่วพริบตาเท่านั้น!