บทที่ 925 ไม่ได้มีแค่ตุ๊กตาที่สูบลมได้

แฟนผมกลายเป็นซอมบี้

“ที่สำคัญคือ มันยังเป็นพลังที่น่าอัปยศมากอีกด้วย…” หลายวินาทีต่อมา หลิงม่อพูดขึ้นอย่างแช่มช้า

ส่วนปัญหาเกี่ยวกับผลข้างเคียง เขาเองก็ยังไม่แน่ใจ แต่หากจะด่วนสรุปจากเหตุการณ์ของถังฮ่าวกับฟางอิ๋ง ก็ดูเป็นเรื่องประมาทเกินไป ดังนั้นถึงแม้ในใจลึกๆ จะรู้สึกกังวล แต่หลิงม่อก็ข่มมันไว้ก่อน

“ขอแค่เอาศพของฟางอิ๋งกับอุปกรณ์เครื่องมือพวกนั้นกลับไป แล้วมอบหมายภารกิจวิจัยให้เหล่าหลันทำ ก็น่าจะได้อะไรบ้าง…” หลิงม่อพูด แต่ในใจกลับลอบคิด เรื่องแบบนี้ ควรมอบหมายให้ผู้เชี่ยวชาญเป็นคนจัดการจริงๆ…

แต่สำหรับถังฮ่าว เขากลับรู้สึกว่าเรื่องราวผิดไปจากที่คาดมาก…เมื่อกี้เขาเพิ่งจะได้ยินหลิงม่อวิเคราะห์รายละเอียดต่างๆ ได้อย่างแม่นยำจนน่าทึ่ง ผ่านไปพริบตาเดียวอยู่ๆ หลิงม่อก็พูดพึมพำกับตัวเองด้วยสีหน้าจริงจังอีก…ถังฮ่าวอึ้งงันไปชั่วขณะ เขาแทบจะพูดออกมาโดยอัตโนมัติว่า “สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ…”

แน่นอนล่ะ…” หลิงม่อกลับอธิบายอย่างตั้งใจ “ก็เหมือนอย่างแกไง…มองแวบแรกแกเหมือนมนุษย์สูบลมที่น่าเกลียดน่ากลัว แต่ถ้าดูดีๆ ก็ไม่ต่างจากคนเป็นที่เหมือนซากศพพองอืดเลยซักนิด! รูปร่างหน้าตาของแกตอนนี้…จิ๊ๆ น่าเกลียดจนทนมองไม่ไหวเลยจริงๆ…”

“ไอ้ซากศพพองไม่เท่าไหร่…แต่ไอ้มนุษย์พองลมนั่นแกคิดได้ยังไงท” คิ้วและดวงตาของถังฮ่าวแทบจะขมวดรวมกันแล้ว เพราะพอฟังสิ่งที่หลิงม่อพูด เขากลับเริ่มรู้สึกอัปยศขึ้นมาแล้วจริงๆ…มนุษย์ที่ถูกสูบลมงั้นหรอ! แค่คิดก็ขนลุกแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเวลามีคนใช้คำนั้นมาบรรยายรูปลักษณ์ตัวเองเลย! ทว่าพอได้สติ ถังฮ่าวพลันมีสีหน้าเคร่งเครียด เขาเริ่มรู้สึกหวาดกลัวเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้ามากขึ้น…

คนคนนี้อารมณืแปรปรวนยากคาดเดาจริงๆ! เมื่อกี้ยังวิเคราะห์ความสามารถพิเศษของเขาอย่างใจเย็นอยู่เลย วินาทีถัดมากลับสามารถหันมาพูดไร้สาระกับเขาได้หน้าตาเฉย…และพอเป็นอย่างนี้ เขาก็ยิ่งเดาความคิดของหลิงม่อไม่ถูก คนคนนี้ต้องการอะไรกันแน่? ในเมื่อหลิงม่อไม่ได้ฆ่าเขาทันที ก็แสดงว่าในตัวเขา ยังมีสิ่งที่หลิงม่อต้องการอยู่ แต่จนถึงตอนนี้ แม้แต่ตัวถังฮ่าวเองก็ยังไม่รู้เลยว่าตกลงคำพูดไหนของเขากันแน่ที่ทำให้หลิงม่อสนใจ และการที่เขาไม่รู้ว่าตัวเองมีเบี้ยต่อรองแบบไหนอยู่ในมือ ก็แสดงว่ายากที่จะทำการเจรจากับหลิงม่อได้…

ที่สำคัญคือ การวิเคราะห์เมื่อกี้ของหลิงม่อ ทำให้ถังฮ่าวรู้สึกเหมือนความลับของตัวเองถูกมองจนทะลุปรุโปร่งหมดแล้ว

ตกเป็นฝ่ายถูกกระทำอย่างเต็มตัวซะแล้ว…ถังฮ่าวรู้สึกตึงเครียดขึ้นเรื่อยๆ หลังตระหนักได้ถึงความร้ายกาจของหลิงม่อ สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจพุ่งเป้าความสนใจไปยังการเอาชีวิตรอดของตัวเอง จากสายตาที่หลิงม่อมองมา ถังฮ่าวสัมผัสได้ถึงสัญญาณที่อันตรายมากอย่างหนึ่ง…ถ้าหากเขายังคิดจะเล่นตุกติกอีก ถ้าอย่างนั้จุดจบของเขาก็คงจะมีแต่…ตายอย่างเดียว!

ถังฮ่าวไม่อยากตาย ยิ่งพอตกอยู่ในสถานการณ์เป็นตายอย่างนี้ เขาก็ยิ่งกลัวความตาย ถ้าหากไม่ใช่เพราะปรารถนาอยากมีชีวิตอยู่อย่างแรงกล้า เขาคงไม่ทำให้ตัวเองกลายสภาพเป็นอย่างตอนนี้…เขาแปลงร่างเพื่ออยู่รอด บ้าคลั่งก็เพื่ออยู่รอด เพื่อมีชีวิตรอดต่อไป เขาทำได้ทุกอย่างโดยไม่เกี่ยงวิธี!

ก่อนที่จะประมือกับหมีแพนด้ากลายพันธุ์ เขายังรู้สึกมั่นใจเต็มเปี่ยม แต่ ณ วินาทีนี้ เขากลับนอนหมดสภาพอยู่บนพื้นเหมือนหมาตายตัวหนึ่ง และร้องขอชีวิตจากศัตรูอย่างน่าอนาถ…

แต่ก็เหมือนกับที่ตัวเขาพูดไว้ เรื่องแบบนี้หากได้เริ่มทำแล้ว ก็ไม่อาจหยุดได้!

ยิ่งความรู้สึกลัวตายรุนแรงเท่าไหร่ ความกลัวที่เขามีต่อหลิงม่อก็ยิ่งมากขึ้น ในสายตาที่หลิงม่อกวาดมองมาทางเขาเป็นครั้งคราว เขารู้สึกเหมือนอีกฝ่ายกำลังมองพิจารณษตัวเองอย่างเย้ยหยัน…

“เขารู้มากเกินไปแล้ว! ถึงจะไม่ถูกร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่เขากลับพูดเรื่องหลักการแปลงร่างได้ถูกถึงแปดเก้าส่วน! อีกอย่าง เหมือนเขาจะรู้จักบริษัทลอว์สันเป็นอย่างดีด้วย…เขารู้มากน้อยแค่ไหนกันแน่? ถ้าหากฉันปิดบัง เขาจะรู้หรือเปล่า?” หัวใจของถังฮ่าวเต้นอย่างบ้าคลั่ง เขารู้ว่าความเป็นไปได้นี้อาจน้อยมาก แต่ก็ไม่กล้าเสี่ยงเดิมพัน เพราะหากเดิมพันล้มเหลว ชีวิตน้อยๆ ของเขาก็ไม่เหลือเช่นกัน…

ในตอนนั้นเอง หลิงม่อย้ายที่โดยขยับเข้ามาใกล้เล็กน้อย จากนั้นก็หัวเราะบอกว่า “แต่ว่า เทียบกับความอัปยศและความน่าเกลียด แกกลับอยากมีชีวิตอยู่ต่อไปมากกว่า ใช่ไหมล่ะ?”

“ไม่เห็นต้องถาม…” ถังฮ่าวตอบอย่างอ่อนแรง สายตาของเขาพลันฉายแววฮึดสู้ขึ้นมาแวบหนึ่ง แต่ไม่นานก็หม่นหมองลง

ไม่เอาแล้ว ไม่เดิมพันดีกว่า ไม่สิ เดิมพันไม่ได้มากกว่า…

“ชีวิตมีแค่ชีวิตเดียว! ฉันอุตส่าห์อดทนอยู่มาได้จนถึงวันนี้ แถมอยู่ห่างจากความสำเร็จเพียงก้าวเดียวเท่านั้น! ฉันไม่อยากตาย ฉันไม่ยอมตายแน่ๆ! ไม่ว่าจะต้องทำอะไรฉันก็จะมีชีวิตอยู่ต่อไปให้ได้ ต้องอยู่ต่อไป…”

“ดังนั้น…ขอโทษด้วยจริงๆ! ต่อให้ต้องทรยศพวกนายยังไง ฉันก็จะทำ…ฉันไม่เหมือนกับพวกนาย ฉันเคยมีลูกมีเมีย ฉันเคยอ่อนแอถึงขั้นฆ่าตัวตายหลังเกิดภัยพิบัติขึ้น…แต่ว่า แต่ฉันกลับรอดมาได้! อาจไม่มีใครเชื่อ แต่หลังจากที่ฉันฟื้นขึ้นมา แล้วค่อยๆ คลานออกมาจากซอย…ฉันกลัวมาก บนถนน ซอมบี้พวกนั้นอยู่ห่างออกไปไม่ถึงร้อยเมตร พวกมันยืนล้อมอยู่ข้างล่างบ้านของฉัน กำลังฉีกทึ้งและเคี้ยวกินบางอย่างอย่างบ้าคลั่ง…แต่ฉันไม่กล้าเข้าไปดู! ฉันกลัวว่าจะเห็นลูกกับเมียของฉันอยู่ในกลุ่มซอมบี้พวกนั้น…ฉันไม่รู้ว่าควรทำหน้ายังไงหรือควรทำตัวยังไงหากเจอพวกเขา!”

ตอนแรกถังฮ่าวแค่ครางเสียงเบาไม่ได้ศัพท์ แต่ตอนหลัง เขากลับคำรามออกมาด้วยเสียงขาดๆ หายๆ ขณะเดียวกัน ร่างกายของเขาก็กระตุกสั่นไม่หยุด พร้อมกับกระอักเลือดออกมาเรื่อยๆ ถ้าหากมีใครมาเห็นเข้า คงคิดว่าเขาสติแตกจนบ้าไปแล้วแน่ๆ

แต่ท่ามกลางหยดน้ำตาที่ไหลออกมาไม่ขาดสายของถังฮ่าว หลิงม่อกลับมองเห็นบางอย่างที่ต่างออกไป…เขาหมายจะพูดอะไรบางอย่าง แต่อยู่ๆ ก็ได้ยินเสียงถังฮ่าวหัวเราะทั้งน้ำตาแล้วพูดขึ้นว่า “แต่ฉันก็ไม่กล้าหนีเหมือนกัน! และที่แปลกก็คือ ทั้งที่ฉันกลัวแทบตาย แต่กลับอยากไปตามหาพวกเขาอยู่ทุกวัน…ถ้าหากหาพวกเขาเจอ ก็ตายไปพร้อมกับพวกเขาซะเลย…มาคิดดูตอนนี้ ตอนนั้นฉันคงบ้าไปแล้วแน่ๆ ทุกวันฉํนเอาแต่เตรียมตัว ติดตั้งกับดัก สร้างอาวุธ สังเกตการณ์รูปแบบพฤติกรรมของพวกซอมบี้…แต่ที่ฉันทำไปทั้งหมดนั้นไม่ใช่เพื่ออยากรอดชีวิต แต่เพื่อฆ่าพวกเขาต่างหาก มาคิดดูอีกที ทำไมฉันต้องทำอย่างนั้นด้วย? ถึงพวกเขาจะกลายเป็นซอมบี้ไปแล้ว แต่พวกเขาก็บังมีโอกาสฟื้นคืนสติปัญญานี่นา! ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องมีชีวิตต่อไป นี่ต่างหากคือสิ่งที่สิ่งมีชีวิตควรทำที่สุด! ยิ่งกว่านั้นเทียบกับฉัน พวกเขาอาจโชคดีกว่าด้วยซ้ำ…”

ตะคอกไปตะคอกมา ถังฮ่าวก็ค่อยๆ ใจเย็นลง เขาไออย่างแรงสองสามครั้ง จากนั้นก็พูดขึ้นเหมือนกำลังคุยกับตัวเอง “แกคงคิดว่าสุดท้ายฉันทำสำเร็จใช่ไหมล่ะ? หึหึ…ตอนนั้นฉันเป็นแค่คนธรรมดา ทั่วทั้งตัวมีแต่ไขมันที่สะสมมาจากการไม่ได้ออกกำลังกายมานาน จะฆ่าซอมบี้ได้ยังไงล่ะ? แต่ความจริงนี่ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ จริงๆ แล้ว ฉันไม่กล้าลงมือต่างหาก…ถึงจะเตรียมตัวอีกมากแค่ไหน ฉันก็ไม่กล้าลงมือ…ฉันกลัวตาย ฉันกลัวที่จะต้องเผชิญหน้ากับพวกเขา…ตอนนั้นเองที่ฉันเริ่มอิจฉาพวกเขา ถึงแม้หลังจากกลายพันธุ์แล้วจะดูน่ากลัวมาก แต่อย่างน้อยพวกเขาก็ไม่รู้จักความกลัว และไม่คิดอะไรซับซ้อนวุ่นวาย…”

“มนุษย์อิจฉาซอมบี้ ไม่น่าเชื่อใช่ไหมล่ะ? แต่จนกระทั่งมาเจอพวกพี่ฉี ฉันถึงเพิ่งรู้ว่ามนุษย์ที่มีความคิดเหมือนฉัน ความจริงแล้วมีอยู่ไม่น้อยเลย…แต่สานการณ์ของพี่ฉีค่อนข้างพิเศษ บางทีเขาอาจไม่ได้ทำเพราะกลัว แต่ทำเพราะสนุกมากกว่าล่ะมั้ง…ฉันเคยได้ยินเขาบอกว่า เป็นคนมานานจนเหนื่อย ลองเป็นซอมบี้ดูก็ไม่เลว…ประโยคนี้ ฉันเห็นด้วยกับเขา…”

“เพี๊ยะ!”

ขณะกำลังพูด อยู่ๆ ใบหน้าของถังฮ่าวก็ถูกตบจนหัน

เขาพลันหุบปาก แล้วเงยหน้ามองหลิงม่ออย่างตกใจ

หลิงม่อยังคงอยู่ในท่าเดิม เห็นชัดว่าหลิงม่อใช้พลังงานที่มองไม่เห็นตบเขา…

ทว่าถูกตบน่ะเป็นเรื่องรอง สิ่งที่ทำให้ถังฮ่าวม่านตาหดตัว คือแววตาของหลิงม่อที่แปรเปลี่ยนเป็นเย็นชาไร้ที่เปรียบ สีหน้าอย่างนี้ แม้แต่ตอนสู้กันเมื่อกี้เขาก็ยังไม่เคยเห็นหลิงม่อทำหน้าอย่างนี้เลย

“สนุกงั้นหรอ?” หลิงม่อถามอย่างเย็นชา

ไม่รอให้ถังฮ่าวตอบ หลิงม่อพูดต่อด้วยเสียงเยือกเย็น “คิดว่าซอมบี้มีชีวิตที่ง่ายนักหรอ? คิดว่าพวกเขาเป็นเหมือนศพเดินได้ที่ไม่มีความรู้สึก ที่มีชีวิตอยู่เพื่อแค่อยู่ไปวันๆ ก็พอแล้วสินะ?”

ถังฮ่าวคล้ายอยากพยักหน้า แต่พอเห็นสีหน้าของหลิงม่อ คอของเขาก็กระด้างแข็งไปทันที

คำพูดพวกนี้ไม่ผิดเลย! แต่…ทำไมรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ค่อยดีเลยล่ะ…หรือเขามีความคิดที่แตกต่างออกไป? ใช่แล้ว…เขาไม่ใช่คนธรรมดา เขาเลี้ยงสัตว์กลายพันธุ์ไว้ด้วย…

ถึงแม้ถังฮ่าวจะไม่ค่อยเข้าใจเรื่องสัตว์กลายพันธุ์นัก แต่ก็รู้ว่าสัญชาตญาณของสิ่งมีชีวิตนี้ไม่ได้แตกต่างจากซอมบี้เลย แต่สำหรับเขา แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังใกล้จะกลายเป็นซอมบี้ได้เลย การที่เจ้าเด็กนั่นสามารถฝึกสัตว์กลายพันธุ์ให้เชื่องได้ ก็ไม่ใช่เรื่องน่าเหลือเชื่ออะไรอยู่แล้ว…กระทั่งในความคิดเขา ขอเพียงสุดท้ายเขาได้รับชัยชนะ เรื่องอย่างนี้หากให้เขาทำ เขาก็จะทำให้ได้เหมือนกัน…

แน่นอนหลิงม่อไม่รู้ว่าถังฮ่าวคิดยังไง ตอนนี้เขาเพียงจ้องหน้าชายคนนี้อย่างเย็นชา จากนั้นก็กระชากคอเสื้อเขา และดึงเขาให้ลุกขึ้นมาแรงๆ “พวกแกไม่รู้อะไรเกี่ยวกับซอมบี้เลยซักนิด เป็นแค่ของครึ่งๆ กลางๆ อย่างนี้ ยังมีหน้าอยากกลายเป็นร่างรวมของซอมบี้กับมนุษย์อีกหรอ…น่าขำ!”

“โครม!”

หลังจากปล่อยร่างถังฮ่าวให้ล้มลงไปอีกครั้ง หลิงม่อก็ดึงคอเสื้อตัวเอง และปรับสีหน้าให้กลับไปเป็นเหมือนเดิม พลางถามว่า “แกพูดมาเยอะขนาดนี้ สุดท้ายก็เพื่อหาข้ออ้างให้ตัวเองสินะ? เอาล่ะ แกไม่ต้องทำให้มันวุ่นวายนักหรอก ความจริงฉันมีคำถามง่ายๆ จะถามแค่ไม่กี่เรื่อง”

“นะ…นายว่ามา…” ถังฮ่าวยังทำหน้าอึ้งงันอยู่ ทว่าพอได้ยินประโยคสุดท้ายของหลิงม่อ เขาก็รีบดึงสติกลับมาทันที

ตามคาด พวกหลิงม่อมีจุดประสงค์ในการมาที่นี่จริงๆ ถามแค่ไม่กี่เรื่อง แสดงว่าเรื่องอื่นๆ พวกเขาคงรู้หมดแล้วสินะ…

—————————————————————————–