ตอนที่ 96 ข้าเป็นลูกสาวของท่านจริงหรือ
จงรั่วปิง “?”
นางแปลกใจยิ่งนัก นางฟังผิดแล้วหรือเปล่า เขารู้สึกได้พบนางแล้ววันนี้พระจันทร์สวยยิ่งนัก นี่มันประโยคอะไรกัน
แต่เมื่อเห็นท่าทางผิดปกติของเซี่ยโหวเฉินแล้ว นางรู้สึกน่าขัน
เซี่ยโหวเฉินรู้ว่าตนเองโพล่งคำพูดโง่เขลาออกไป ชั่วขณะนั้นใบหน้าที่แดงก่ำอยู่แล้วก็ยิ่งแดงกว่าเดิม “แม่นางจง ความจริงสิ่งที่ข้าอยากเอ่ยไม่ใช่เรื่องนี้!”
เขาเป็นอะไรไปแล้ว
เหตุใดแค่คำพูดธรรมดาๆ คำหนึ่งถึงพูดไม่ออกแล้ว แค่คำพูดง่ายๆ ไม่กี่คำว่าได้พบก็ปักใจมาจุกอยู่ที่ลำคอแล้วกลับพูดไม่ออก
เซี่ยโหวเฉินเข้าใจดีว่าเขากลัวถูกปฏิเสธ
แต่ว่า…เขาเป็นคนอ่อนแอขวัญอ่อนเช่นนี้จริงหรือ เซี่ยโหวเฉินเริ่มสงสัยตัวเองขึ้นมาในชั่วขณะ
จงรั่วปิงได้ยินว่าเขามีอย่างอื่นจะเอ่ย นางมองเขาถามว่า “เช่นนั้นท่านคิดจะพูดอะไรกัน”
“ข้า…ข้าอยากบอกว่า…” เซี่ยโหวเฉินมองนางพลันติดอ่างขึ้นมาอีกครั้ง
เหวยซื่อกระตุกชายแขนเสื้อเซี่ยโหวเฉิน เสนอว่า “ท่านอ๋อง หากท่านพูดไม่ออกเช่นนั้นก็เขียนออกมาเถอะ!”
“อืม! ดี!”
เซี่ยโหวเฉินพยักหน้า
จงรั่วปิงก็มิได้มีความเห็นอันใด
ในที่นี้ไม่มีกระดาษและพู่กัน เซี่ยโหวเฉินใช้ตะเกียบแตะสุราเตรียมเขียนลงบนโต๊ะ ถึงกระนั้น….เขายังก็ทำตัวไม่ถูก
ดังนั้นถือตะเกียบค้างไว้ เหม่อลอยอยู่นาน
เหวยซื่อ “…”
จงรั่วปิง “…!” จะว่าไปท่านพ่อของนางประเมินเซี่ยโหวเฉินเอาไว้สูงมาก ท่านพ่อเยินยอเขาว่าทั่วทั้งเป่ยเฉินนี้ นอกจากเป่ยเฉินอี้ เป่ยเฉินเสียเยี่ยน และเสินเซ่อเทียน เขาเป็นคนที่ฉลาดที่สุดแต่เพียงผู้เดียว
แต่ว่ามาตอนนี้เห็นการแสดงออกของเซี่ยโหวเฉิน…นี่คงไม่ใช่คนโง่หรอกกระมัง
เซี่ยโหวเฉินคิดคำสารภาพอยู่นาน เขียนไม่ออกเลยจริงๆ ทันทีที่คิดถึงอักษรไม่กี่ตัวได้ เขาก็ไม่มีความกล้าพอ
ทว่าเขาเป็นถึงปราชญ์อันดับหนึ่งแห่งเป่ยเฉิน ดังนั้นเขา….เขียนว่า “สกุณาร้องจุ๊บจิ๊บ เกาะน้อยกลางสายธาร นงคราญงามชดช้อย หนุ่มน้อยใหญ่ต่างหมายปอง”
เมื่อเขียนประโยคนี้จบ ใบหน้าเขาก็แดงซ่านไปทั้งหน้า
จงรั่วปิงมองอยู่ไม่กี่วินาที ใบหน้าก็แดงเช่นกัน
นี่…ชัดเจนมากแล้ว นี่คือประโยคบอกรัก…
นางมองใบหน้าแดงก่ำของบุรุษหล่อเหลาทีหนึ่ง และรับรู้ได้ถึงความร้อนผ่าวบนในหน้าตน อีกทั้งหัวใจที่เต้นเร็วขึ้นอีก
จงรั่วปิงขบริมฝีปากตัวเอง ไม่ตอบอะไรก็หมุนกายจากไป “ข้ากลับบ้านก่อนแล้ว!”
“แม่นางจง!” ยามนี้เซี่ยโหวเฉินร้อนรนขึ้นมาแล้ว
เพียงแต่จงรั่วปิงใช้วิชาตัวเบาก็หายไปในม่านรัตติกาล
เซี่ยโหวเฉินใบหน้าซีดขาว พูดเองเออเองว่า “นางโมโหแล้วหรือ”
เหวยซื่อ “…ท่านอ๋องน้อย ผู้อื่นทำตัวไม่ถูกต่างหากมิใช่หรือ”
ท่านยังเป็นท่านอ๋องน้อยของข้าอยู่หรือเปล่า สติปัญญาเตลิดไปไหนแล้ว!
……
จงรั่วปิงกลับถึงจวนก็ตรงดิ่งไปที่ห้องจงซานทันที “ท่านพ่อ ก่อนหน้าได้ยินท่านเล่าว่าเซี่ยโหวเฉินหมายตาราชบัลลังก์ไว้หรือ”
“ถูกแล้ว!” จงซานตอบรับ ทั้งยังเอ่ยต่อ “ดึกดื่นค่อนคืนเจ้ามารบกวนข้าพักผ่อน มีเรื่องอะไรพรุ่งนี้ค่อยว่ากันเถอะ”
จงรั่วปิงไม่สนใจเขา จ้องมองจงซานเอ่ยต่อว่า “เช่นนั้นในใจของท่านเห็นข้าเป็นลูกสาวแท้ๆ ของท่านหรือเปล่า”
จงซาน “ถูกต้อง!”
จงรั่วปิง “หากข้าแต่งกับเซี่ยโหวเฉิน ท่านจะช่วยเขาแย่งชิงบัลลังก์หรือไม่”
จงซาน “เจ้าพูดว่าอะไรนะ”
จงรั่วปิงขมวดคิ้ว “ข้าบอกว่า หากข้าแต่งกับเซี่ยโหวเฉิน ท่านจะช่วยเขาชิงบัลลังก์หรือไม่”
จงซานส่ายหน้า “ข้าหมายถึงประโยคก่อนหน้านั้น!”
จงรั่วปิงตอบ “ในใจท่านเห็นข้าเป็นลูกสาวแท้ๆ หรือเปล่า”
จงซานส่ายหน้า “ไม่ใช่!”
จงรั่วปิง “…?”
ตอนที่ 97 สามี ระหว่างสามีภรรยาไม่ต้องเอ่ยขอบคุณ!
อย่าได้ตอบตามตรงเช่นนี้จะได้หรือไม่!
จงรั่วปิงสีหน้าอึ้ง เอ่ยอย่างจนใจว่า “ไม่อาจหารือได้เลยหรือ”
จงซานเอียงหัวพิงข้างเตียง ส่ายหน้าตอบอย่างไร้น้ำใจว่า “ไม่อาจ! เป้าหมายของข้าชัดเจน ไม่อาจสั่นคลอนได้”
จงรั่วปิงเงียบไป “เช่นนั้นหากข้าจะแต่งกับเขาจริงๆ ท่านจะคัดค้านหรือไม่”
จงซานลุกขึ้นมานั่งบนเตียงจ้องมองจงรั่วปิง ตอบอย่างจริงจังว่า “การดูแลเจ้าเป็นสิ่งที่สหายข้าฝากฝังไว้ ในเมื่อข้าไม่ใช่พ่อแท้ๆ ของเจ้า อายุข้ายังไม่อาจเป็นท่านอาของเจ้าได้ด้วยซ้ำ ดังนั้นเรื่องแต่งงาน เจ้าตัดสินใจเองก็ดี ข้าไม่กล้าก้าวก่าย แต่ว่า…”
ประโยคถัดมาจงซานมิได้เอ่ยต่อแล้ว แต่จงรั่วปิงเข้าใจ
เขาไม่ก้าวก่ายเรื่องงานแต่งงานของนาง ทั้งไม่มีทางคล้อยตามเช่นกัน เพราะว่าการเลือกของนางจะเปลี่ยนแปลงปณิธานความมุ่งมั่นของเขา
มาถึงยามนี้จงซานกล่าวด้วยความจริงจังว่า “ไม่ว่าอย่างไร พวกเราเป็นพ่อลูกกันครั้งหนึ่ง มีเรื่องใดที่ข้าช่วยได้ข้าย่อมช่วยแน่ ข้าจะทุ่มเทแรงกายทั้งหมดเพื่อดูแลเจ้า ไม่ปล่อยให้คนนอกดูแคลนเจ้า แต่ว่าในเรื่องนี้ ข้าก็หวังว่าเจ้าจะเคารพจุดยืนของข้า ไม่สร้างความลำบากใจให้ข้า”
จงรั่วปิงพยักหน้า “ความหมายของท่านพ่อข้าเข้าใจแล้ว ส่วนเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเยี่ยเม่ย ข้าจะไม่บอกคนอื่นเด็ดขาด รวมถึงเซี่ยโหวเฉินด้วย”
น้อยครั้งนักที่พวกเขาสองพ่อลูกจะตั้งอกตั้งใจถกปัญหากันอย่างจริงจัง
ในเวลานี้จงซานรู้สึกหนักอกหนักใจนัก เอ่ยปากว่า “เจ้าอยากแต่งกับเขาจริงหรือ มั่นใจแล้วใช่ไหม ไม่ว่าอย่างไรข้าไม่อยากให้พวกเราสองพ่อลูกต้องยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกัน”
“ยังไม่มั่นใจ!” จงรั่วปิงก้มหน้าลง อธิบายว่า “ความจริงเรื่องนี้ข้ายังไม่ทันคิดถี่ถ้วนชัดเจน เพียงแต่วันนี้ได้พบหน้าเขา เห็นเขาเป็นคนทึ่มทื่อ ข้ารู้สึกดีอยู่บ้างถึงได้ถามท่านพ่อ”
จงซานกระตุกมุมปาก “ทึ่มทื่อ? เจ้ามั่นใจนะว่าคนที่เจ้าพบคนนั้นเป็นเซี่ยโหวเฉิน ไม่ใช่คนอื่น”
เซี่ยโหวเฉินเจ้าเด็กนั่นต่อให้เป็นมูลที่เขาถ่ายออกมาก็ไม่มีทางดาษดื่นธรรมดา ทำไมนางถึงได้ข้อสรุปเช่นนี้เล่า
“ใช่สิ!” จงรั่วปิงพยักหน้าต่อกันรัวๆ ซ้ำยังเอ่ยปากอย่างจริงจัง “ข้ายังสงสัยว่าเขาเป็นคนโง่ด้วยซ้ำ”
จงซาน “…?”
สองพ่อลูกนิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่ง
จงซานเอ่ยปากว่า “ไม่ว่าจะเป็นเขาหรือไม่ เจ้าต้องระวังไว้บ้าง คนผู้นี้มีความคิดไม่ธรรมดา เป้าหมายย่อมไม่ธรรมดา บางทีที่เจ้าได้พบเขาในวันนี้อาจไม่ใช่เรื่องบังเอิญก็ได้”
หากว่าใต้หล้านี้ไม่มีเป่ยเฉินอี้ ไม่มีเขาไป๋หลี่ซือซิว บางทีเซี่ยโหวเฉินอาจเป็นยอดขุนนาง ยอดนักวางแผน ยอดนักคานอำนาจแห่งยุคแน่
คนเช่นนี้จงรั่วปิงจะเอาชนะเขาได้หรือ
ครั้นเห็นท่าทางจริงจังของจงซาน จงรั่วปิงครุ่นคิดสักพัก
ยามนึกถึงท่าทางในตอนนั้นของเซี่ยโหวเฉิน ก็ยากที่จะคิดว่าอีกฝ่ายวางกับดักนาง หากบอกว่าท่าทางเมื่อครู่ของเซี่ยโหวเฉินเป็นการแกล้งทำออกมาทั้งหมด เช่นนั้นก็เพียงบอกได้ว่าฝีมือการแสดงของเขาดีเกินไปแล้ว
จงรั่วปิงกล่าว “ข้าคิดว่าไม่น่าใช่ ท่านพ่อวางใจเถอะ ข้ารู้จักขอบเขตดี!”
จงซานพยักหน้า “ในเมื่อเจ้ามีความคิดเป็นของตัวเอง ข้าก็ไม่ก้าวก่าย! เพียงแต่เจ้าต้องระวังตัวไว้!”
ดังนั้นเมื่อเอ่ยมาถึงตอนนี้ เรื่องราวกระจ่างชัดเจนแล้ว
จงรั่วปิงเลือกอย่างไร จงซานไม่ก้าวก่าย นางตัดสินใจอย่างไร จงซานก็มิอาจก้าวก่ายเช่นกัน แต่หวังว่านางจะไม่ทำให้ตัวเองเสียเปรียบ
“ข้าเข้าใจแล้ว!” จงรั่วปิงพยักหน้า
……
ในยามที่ฟ้าใกล้สาง
เยี่ยเม่ยกัดบ่าของสัตว์ร้ายบางตัวอย่างแรงจนกระทั่งได้เลือด นางถึงยอมปล่อย จากนั้นการกระทำของนางแลกมาด้วยการแสดงออกที่ยิ่งทุ่มเทของเขา
เยี่ยเม่ยกัดฟันเอ่ย “เป่ยเฉินเสียเยี่ยน ท่านพอได้แล้ว! ตอนนี้ฟ้าสว่างแล้ว ไม่แน่ว่าอีกเดี๋ยวคงมีคนผ่านมา…”
“เช่นนั้นก็ได้!”
องค์ชายสี่หัวเราะตอบกลับไปคำหนึ่ง
ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่อยากให้คนผ่านมาเห็นเรือนร่างสตรีของตน ดังนั้นในเวลานี้ก็สมควรหยุดได้แล้ว
อีกอย่าง…
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนค่อยเอ่ย “มื้อกลางวันวันนี้คงไม่อาจอยู่เป็นเพื่อนเจ้าได้แล้ว”
“เพราะอะไร” เยี่ยเม่ยเลิกคิ้ว
สามเดือนก่อนน้อยครั้งที่พวกเขาจะกินอาหารร่วมกัน โดยปกติต่างก็ให้เกียรติซึ่งกันและกันจนถึงขั้นคนทั้งสองแทบแสร้งทำเป็นคนไม่รู้จักเสียด้วยซ้ำ ยามกินอาหารยังต่างคนต่างกินในห้องตน
แต่ว่าหลังจากวันนี้…
เมื่อเยี่ยเม่ยถาม เป่ยเฉินเสียเยี่ยนจ้องนาง เอ่ยยิ้มๆ เสียงอ่อนว่า “วันนี้จะมีคนมาพบเยี่ยน!”
“ใคร” เยี่ยเม่ยถาม
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนไม่ตอบ แต่ก็หยุดการเคี่ยวกรำนาง
เยี่ยเม่ยสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย รู้อยู่ในใจว่าเรื่องนี้พูดจบแล้ว เกรงว่าเขาถึงยอมหยุดศึกกลางป่านี้เสียที นางได้แต่รีบใช้ความคิด
มีคนมาพบเขา เรื่องนี้เยี่ยเม่ยตอบไม่ได้ แต่ว่าหากคนที่มาเข้าพบเขาแล้ว เขาต้องออกไปพบ บางทีเยี่ยเม่ยหาคำตอบได้
ฮ่องเต้ก็นับเป็นหนึ่งในนั้น ไม่ว่าอย่างไรด้วยการแสดงออกของพวกนางในตอนนี้ก็บอกแล้วว่าจงรักภักดีต่อฝ่าบาท ดังนั้นหากฮ่องเต้มีราชโองการมา เขาต้องไปพบอย่างแน่นอน
ทว่าเมื่อตอนกลางคืนฮ่องเต้เพิ่งเรียกเข้าเฝ้าไป เช้าก็ยังต้องประชุมอีก ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็คล้ายกับว่าไม่จำเป็นต้องเรียกพบอีกครั้ง เช่นนั้นเป็นใครเล่า
ไม่ช้า
ในห้วงสมองเยี่ยเม่ยก็ปรากฏคนผู้หนึ่งขึ้นมา นางเอ่ยถามว่า “เสินเซ่อเทียน?”
ไม่ผิดจริงๆ
วันนี้เกิดเรื่องใหญ่โต ฮ่องเต้จับพิรุธไม่ได้ก็ไม่แปลก แต่เป็นไปไม่ได้ที่เสินเซ่อเทียนจะดูไม่ออกและไม่สงสัยอะไรทั้งนั้น เช่นนั้นมีความเป็นไปได้มากที่จะตามตัวเป่ยเฉินเสียเยี่ยนไปหยั่งเชิงสักหน่อย
“ถูกต้อง!” เป่ยเฉินเสียเยี่ยนพยักหน้า หัวเราะเบาๆ “หากว่าเยี่ยนไม่ไป เขาก็ไม่มีทางยืนยันเป้าหมายของพวกเรา บางทีอาจไปเสนอให้เสด็จพ่อเอาอำนาจทางทหารในมือพวกเราไป เพื่อป้องกันพวกเราไว้”
ในเวลานี้พวกเขายังมีขุมพลังไม่มากพอ อำนาจทางทหารยังมีไม่ถึงครึ่งหนึ่ง
อีกอย่างในสายตาของฮ่องเต้ คนที่น่าเชื่อใจที่สุดในโลกก็คือเสินเซ่อเทียน เขาเอ่ยออกมาประโยคเดียว บางทียังมีประโยชน์มากกว่าคนอื่นตั้งใจวางแผนการนับไม่ถ้วน ในเมื่อเป็นเช่นนี้พวกเขาไม่อาจทำให้เสินเซ่อเทียนเกิดความระแวง
เยี่ยเม่ยพยักหน้า “เช่นนี้ดูไปแล้ว ท่านสมควรไปพบเขาจริงๆ แต่ว่าเขาไม่อาจรับมือได้ง่าย ท่านคิดได้หรือยังว่าจะตอบเขาอย่างไร”
“ย่อมคิดได้แล้ว!” เป่ยเฉินเสียเยี่ยนพยักหน้า เสียงลมหายใจหนักขึ้นกระซิบข้างหูนาง “เยี่ยนไม่เพียงแค่คิดได้แล้วว่าจะรับมือเขาอย่างไร…อีกทั้ง บางทีคำพูดของเยี่ยนอาจทำให้เขาเชื่อพวกเรา ซ้ำยังอาจช่วยเจ้าได้อีกแรง!”
ทันทีที่เยี่ยเม่ยได้ฟังแววตาก็วาวโรจน์ขึ้น ในเมื่อเป่ยเฉินเสียเยี่ยนพูดเช่นนี้ อย่างนั้นย่อมมีความมั่นใจที่เชื่อได้ นางจึงรีบเอ่ยว่า “เช่นนั้นท่านแสดงละครอย่างระวังด้วยล่ะ!”
“อืม!” เขาพยักหน้า ดวงตาคู่ร้ายกลับมองนาง ถามด้วยท่าทางสง่างามว่า “เช่นนั้นหากเรื่องนี้ เยี่ยนทำสำเร็จแล้ว ชายารักคิดจะขอบคุณเยี่ยนอย่างไร”
เยี่ยเม่ยหน้าเปลี่ยนสี
มารดาท่านเถอะ เมื่อครู่เพิ่งชดใช้ไป ก็รีบทวงหาคำขอบคุณกับนางอีกแล้ว
ต่อให้เยี่ยเม่ยใช้นิ้วเท้าคิดยังรู้เลยว่าเป่ยเฉินเสียเยี่ยนคิดอะไรอยู่กันแน่ เขายังอยากได้อะไรอีกเล่า เขายังต้องการอะไรอีก ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องที่ดูออกได้อย่างง่ายดายนัก!
เยี่ยเม่ยตอบ “สามี ระหว่างสามีภรรยาไม่จำเป็นต้องมีคำขอบคุณหรอกนะ!”