ทั้งคู่ทุลักทุเล หลังลงจากเครื่องบินแล้ว ก็ขึ้นรถอีกสองต่อ สะลึมสะลือมาตลอดทาง กระทั่งมาถึงเมืองติดภูเขาในหกโมงเช้า
ในเวลาแบบนี้ชุมชนเล็กๆ ก็ไม่มีแสงไฟอะไร ฟ้าก็เริ่มสว่างแล้ว
พี่เวินมองเมืองติดภูเขาที่แลดูเสื่อมโทรม แล้วมองเถียนเซียวเซียวด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ พูดอย่างไม่แน่ใจว่า “แน่ใจนะว่ามีจุดชมวิว”
เถียนเซียวเซียวไม่รู้สึกอะไร เธอบีบนวดไหล่ที่เมื่อยขบ “ที่นี่ทำไมกัน วิวธรรมชาติสวยมาก ดีใจหน่อยสิ”
“พอนึกได้ว่าเธอปฏิเสธงานหญิงฮาเร็มก็ดีใจไม่ออกแล้ว” พี่เวินพูดอย่างไม่ชอบใจ
เถียนเซียวเซียวกดเปิดพิกัดของฉินหร่านจนมาหยุดอยู่หน้าโรงแรมแห่งหนึ่ง ทั้งคู่เดินเข้าไป เถียนเซียวเซียวหยิบมือถือออกมาต่อสายหาฉินหร่าน
พี่เวินไปจองห้องพักกับยามเฝ้าประตู ถึงได้รู้ว่าโรงแรมถูกคนเหมาไปแล้ว
“เซียวเซียว ฉันว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากล…” พี่เวินมองโรงแรมแห่งนี้อย่างเคลือบแคลงใจ
ขณะที่เธอกำลังพูด ฉินหร่านก็ลงมาจากตึกพร้อมกับเสื้อโค้ตคลุมตัว
ยามเฝ้าประตูรู้จักฉินหร่าน พอเห็นฉินหร่านพาทั้งสองคนขึ้นตึกไป เขาก็ไม่พูดอะไร ปล่อยให้ทั้งคู่เข้าไป เมื่อทั้งสามคนหายขึ้นไปแล้ว เขาก็หยุดคิดเล็กน้อย แจ้งผู้กำกับไว้ดีกว่า
…
บนตึก ภายในห้องของฉินหร่าน
“พวกเธอเอามาแค่นี้เหรอ” ฉินหร่านเปิดดูกระเป๋าของเถียนเซียวเซียว
เถียนเซียวเซียวนอนแผ่หลาบนเตียงฉินหร่าน “ไม่ได้มาถ่ายละครซะหน่อย ไม่เห็นต้องพกอะไรมาเยอะแยะ”
การถ่ายทำในวันนี้เริ่มตอนเจ็ดโมงเหมือนเคย
ฉินหร่านดูเวลา หกโมงสิบนาที เธอเลยเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องน้ำ จากนั้นเปิดตู้เสื้อผ้าของตัวเอง “เธอไปหาดูหน่อยว่าตัวไหนที่เธอใส่ได้”
เถียนเซียวเซียวนอนแอ้งแม้งอยู่บนเตียงไม่อยากลุก สองมือประสานกันวางไว้ใต้คาง “เราจะออกไปเที่ยวตอนนี้เลยเหรอ ยังเช้าอยู่เลย ในชุมชนไม่มีใครเลย หลับสักตื่นค่อยไปได้ไหม”
ฉินหร่านแต่งตัวเสร็จแล้ว เรียวนิ้วเกี่ยวคอเสื้อ พอได้ยินก็ชายตามองแวบหนึ่ง พูดเสียงเย็นเยือกว่า “ไปเปลี่ยน”
อยู่ด้วยกันมาหนึ่งเดือนกว่า เถียนเซียวเซียวรู้ว่า หากเธอพูดอีก ฉินหร่านจะเหลืออดแล้ว
เธอลูบจมูกป้อยๆ ลุกขึ้นแล้วไปหาเสื้อผ้าในตู้เสื้อผ้าของฉินหร่าน
“พวกเธอรอเดี๋ยวนะ” ฉินหร่านดูมือถือ “ฉันจะลงไปเอามื้อเช้า”
เถียนเซียวเซียวจ้องเสื้อผ้าของแบรนด์ L ละลานตา เถียนเซียวเซียวลอบบ่นว่า ‘เศรษฐี’ จากนั้นก็ยื่นมือไปค้นดู
รูปร่างของเธอกับฉินหร่านไม่แตกต่างกันมากนัก เพียงแค่สไตล์ไม่เหมือนกัน ปกติฉินหร่านมักจะแต่งสไตล์สปอร์ต เถียนเซียวเซียวถึงหยิบคาร์ดิแกนสีน้ำเงินตัวหนึ่งออกมาลวกๆ ป้ายสินค้ายังอยู่ ท่าทางฉินหร่านยังไม่เคยใส่
เถียนเซียวเซียวเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องน้ำอย่างว่าง่าย พี่เวินนั่งดื่มน้ำบนเก้าอี้ ไขว่ห้างอย่างประหลาดใจ “เชื่อฟังน่าดู”
ขณะที่เธอพูด ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นข้างนอก
พี่เวินวางถ้วยชาลง เดินไปเปิดประตู “ฉินหร่านลืมเอาเงินไปเหรอ”
เธอเปิดประตูห้องออกโดยที่ไม่คิดเลยด้วยซ้ำ
ด้านนอกมีร่างสูงชะลูดยืนอยู่
มันย้อนแสง แต่ยังคงเห็นใบหน้าของเขาได้ชัดเจน เรียวนิ้วขาวหยกยังค้างอยู่ในท่าเคาะประตู ท่วงท่าสง่างาม
นัยน์ตางดงามของคนคนนั้นชะงักเล็กน้อย จากนั้นก็ยิ้มอย่างมีมารยาท “เธอคือเพื่อนของหร่านหร่านสินะ”
พี่เวินไม่เคลื่อนไหว ราวกับว่าเธอตัวแข็งไปแล้ว จากนั้นก็ทำท่าเหลอหลา ปิดประตูดังปังแล้วเปิดออกอีกครั้ง
ร่างสูงโปร่งงามสง่ายังอยู่ ดวงตาคู่งามยังคงมองเธออย่างอ่อนโยนและมีมารยาทเช่นเดิม
เถียนเซียวเซียวออกมาหลังแต่งตัวเสร็จแล้ว เธอโพล่งออกไปว่า “พี่เวิน ใช่หร่านหร่านหรือเปล่า”
ในที่สุดเสียงนี้ก็ดึงสติของพี่เวินกลับมา
เธอพูดอย่างใจลอยเคลิบเคลิ้ม เสียงของตัวเองที่ได้ยินเหมือนกันลอยอยู่บนฟ้า ทั้งบางและเบาหวิว “ฉิน ฉิน ฉิน…”
“สวัสดี” นัยน์ตาดำขลับของฉินซิวเฉินลุ่มลึก
พี่เวินได้สติ เธอรีบเบี่ยงตัวให้ฉินซิวเฉินเข้าไป
เถียนเซียวเซียวรินน้ำให้ตัวเองอย่างไม่เกรงใจ ลากเก้าอี้ออกแล้วหย่อนตัวนั่งลง หันกลับไปมองทางประตูอย่างไม่ยี่หระ “หร่านหร่าน เธอไปซื้อมื้อเช้าเร็ว…เร็ว…เร็วขนาดนี้เลยเหรอ…”
ทั้งสามคนยืนนิ่งอยู่หน้าประตู
ฉินหร่านที่อยู่ใต้ตึกก็ได้มื้อเช้าเหมือนเดิม ไม่นานก็หิ้วข้าวกล่องเข้ามา
“ฉันกำลังจะบอกคุณพอดี คุณก็มาถึงแล้ว” เมื่อเห็นฉินซิวเฉิน เธอก็ไม่ตกใจเลยสักนิด เพียงแค่เข้ามาแล้ววางกล่องข้าวลงบนโต๊ะเท่านั้น
เธอพยักพเยิดไปทางเถียนเซียวเซียวแล้วยืนตัวตรง “เถียนเซียวเซียว เพื่อนฉัน ส่วนนั่นพี่เวิน ผู้จัดการของเธอ”
ฉินซิวเฉินทักทายทีละคนด้วยความนอบน้อมอย่างเต็มเปี่ยม
“คนนี้…” ฉินหร่านหันมองฉินซิวเฉิน เธอลูบคางเล็กน้อย นิ่งไปสามวินาที
ฉินซิวเฉินยืดตัวตรง ดวงตาเรียบเฉย ยิ้มบางๆ
ฉินหร่านคิดไปชั่วครู่ แล้วก็แนะนำกับเถียนเซียวเซียวว่า “อาฉันเอง ซุปตาร์ฉิน เธอเรียกเขาว่าคุณอาฉินก็ได้”
ฉินซิวเฉินกระแอมไอ เขาพยายามรักษามาดของซูเปอร์สตาร์ พูดกับเถียนเซียวเซียวอย่างสุภาพอ่อนโยนว่า “เถียนเซียวเซียวใช่ไหม เธอมีเวยป๋อใช่ไหม มา เรามาติดตามกันและกันหน่อย…”
นี่เป็นครั้งแรกที่ฉินหร่านยอมรับเขาในฐานะอาต่อหน้าเพื่อนของเธอ
ซุปตาร์ฉินเองก็เคลิบเคลิ้มแล้ว
เถียนเซียวเซียวตัวแข็งทื่อ
พอแนะนำเสร็จ ฉินหร่านถึงได้นึกอะไรขึ้นมาได้ เธอเปิดกล่องข้าว หยิบมื้อเช้าชุดหนึ่งยื่นให้ฉินซิวเฉินออกมา “คุณมีช่างแต่งหน้าไหม พวกเธอไม่ได้เตรียมอะไรมาเลย”
ฉินหร่านไม่ค่อยแต่งหน้า และไม่มีความอดทน
ประเด็นคือเธอไม่ได้อยู่ในวงการบันเทิง ไม่สนใจเรื่องภาพลักษณ์ แต่เถียนเซียวเซียวไม่ใช่
“มี” ฉินซิวเฉินรับถุงอาหารเช้ามา นิ้วมือเรียวยาว น้ำเสียงละมุน “กินข้าวเสร็จแล้วไปที่ห้อง 301 ของชั้นสอง ฉันจะพาพวกเธอไป พยายามไวหน่อยนะ รายการเริ่มตอนเจ็ดโมงครึ่ง”
“ได้ค่ะ” ฉินหร่านยิ้มน้อยๆ
ฉินซิวเฉินมองเธอแล้วชะงักไป นึกอีกเรื่องขึ้นมาได้ “เพื่อนอีกคนของเธอล่ะ…”
“เขาจะมาสายหน่อย” ฉินหร่านเปิดถุงอาหารเช้าแล้วหยิบอาหารออกมา เมื่อพูดถึงอีกคนเธอก็ไม่ค่อยแยแสแล้ว “ไม่ต้องสนใจเขา ไปรอที่จุดนัดพบก็พอ”
เมื่อเห็นฉินหร่านสบายๆ แบบนี้ ฉินซิวเฉินจึงไม่ซักไซ้
ทั้งคู่คุยกันอีกไม่กี่ประโยค ฉินซิวเฉินก็กลับไปเตรียมตัวที่ห้องของตน
พร้อมทั้งปิดประตูด้วย
ในห้องของฉินซิวเฉิน ผู้จัดการถือสมุดเข้ามา มองฉินซิวเฉินที่ฮัมเพลง ก็อดถามฉินหลิงไม่ได้ว่า “วันนี้อานายก็บ้าไปอีกคนเหรอ”
ฉินหลิงยืนขนมปังขึ้นแผ่นหนึ่งเงียบๆ “ไม่รู้เหมือนกัน”
…
ทางด้านนี้ สองคนในห้องฉินหร่านยังไม่ได้สติ ยืนนิ่งอยู่กับที่
ฉินซิวเฉินเป็นผู้ทรงอิทธิพลในวงการบันเทิง เมื่อหลายปีก่อนคว้ารางวัลนานาชาติไม่หยุดไม่หย่อน ย้อนกลับไปเมื่อยี่สิบปีก่อน ในวงการบันเทิงก็มีเพียงเขาที่มาถึงขั้นนี้ได้ นักแสดงกว่าครึ่งวงการล้วนมีเป้าหมาย ‘แสดงร่วมกับซุปตาร์ฉิน’ เป็นเป้าหมาย
คนดวงซวยอย่างเถียนเซียวเซียว ไม่เคยเจอตัวจริงของฉินซิวเฉินมาก่อนเลย เคยเห็นเขาแค่ในทีวีเท่านั้น
“พี่เวิน…เมื่อ เมื่อกี้ฉันเจอ…ซุปตาร์ฉินใช่ไหม” เธอใช้มือยันโต๊ะ ก้มหน้ามองแอคเคาท์ของฉินซิวเฉินในมือถือ “แถมยัง…ติดตามกันและกันด้วย”
พี่เวินในฐานะผู้จัดการ มีวัยวุฒิมากกว่าเถียนเซียวเซียว จิตใจก็มั่นคงกว่าเถียนเซียวเซียว แต่ตอนนี้ก็ล่องลอยอย่างเลี่ยงไม่ได้เช่นกัน “เหมือนจะใช่นะ”
ฉินหร่านดึงเก้าอี้ออกมาแล้วหย่อนตัวนั่งลง หยิบน้ำเต้าหู้ออกมากล่องหนึ่งแล้วเสียบหลอด ยื่นให้เถียนเซียวเซียว ดูเป็นธรรมชาติ “ใจเย็นหน่อย”
เถียนเซียวเซียวนั่งลงแล้วดื่มไปอึกหนึ่ง ยังสงบสติอารมณ์ไม่ได้ “หร่านหร่าน ซุปตาร์ฉินกลายเป็นอาเธอไปแล้วเหรอ”
“อืม” ฉินหร่านเองก็ดื่มน้ำเต้าหู้เช่นกัน ยิ้มอย่างเอื่อยเฉื่อย หยิบของว่างออกมาชิ้นหนึ่งอย่างยืดยาดแล้วกัดไปหนึ่งคำ “เดี๋ยวเธอต้องถ่ายเรียลลิตี้โชว์กับเขาอีก”
“อัดรายการกับซุปตาร์ฉินเหรอ!” เถียนเซียวเซียวตัวอ่อนปวกเปียก ตาลายเวียนหัว
“มีพี่จิ่งเหวินด้วย” ฉินหร่านโยนระเบิดอีกลูกอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว
เสียงของเถียนเซียวเซียวกับพี่เวินหายไปแล้วอย่างสิ้นเชิง
ฉินหร่านกินของว่างเสร็จ ก็เท้าคางมองเธอ “ทำไมทำหน้าแบบนี้ ไม่ดีใจเหรอ”
เถียนเซียวเซียวมองฉินหร่านด้วยใบหน้าเหมือนจะร้องไห้ ดีใจเหรอ
ไม่…
ตอนนี้เธอตกใจจะแย่แล้วไหมเล่า!
…
เจ็ดโมงยี่สิบนาที เถียนเซียวเซียวกลับมาจากห้องแต่งหน้า เพราะวันนี้ถ่ายกลางแจ้ง ช่างแต่งหน้าจึงแต่งหน้าบางๆ กันน้ำให้เธอเท่านั้น
“พี่เวิน วันนี้ฉันยังโชคร้ายอยู่ไหม” เถียนเซียวเซียวมองฉินหร่านกับซุปตาร์ฉินที่รอตนตรงบันไดแล้วพูดเสียงแผ่วเบา
พี่เวินร้อง ‘อ่า’ ใจของเธอยังเต้นอย่างบ้าคลั่ง เธอคว้าข้อมือของเถียนเซียวเซียว “ไม่ เธออาจจะเป็นบรรพบุรุษของคนดวงดีทั่วโลก ดวงดีแบบนี้ถึงได้ตกมาอยู่กับเธอได้…”
อัดรายการวาไรตี้กับซุปตาร์ฉินและซุปตาร์จิ่ง ยิ่งไปกว่านั้น…
ซุปตาร์ฉินกลายเป็นคุณอาฉินเสียแล้ว…
พี่เวินคิดจนท้ายที่สุด ก็มองเถียนเซียวเซียวด้วยแววตาที่ไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไร “ทำไมฉันถึงไม่มีเพื่อนอย่างฉินหร่านบ้างนะ”
“หร่านหร่านเธอ…”
“ไม่” พี่เวินจับมือของเถียนเซียวเซียวไว้ “นับตั้งแต่วันนี้ไป เขาเป็นแม่ของเธอ!”
เถียนเซียวเซียว “…”
ตรงบันได กล้องก็เตรียมพร้อมแล้ว
ตารางงานของวันนี้เริ่มต้นแล้ว
ฉินซิวเฉินวางตัวเป็นรุ่นพี่กับเถียนเซียวเซียว เป็นมิตรอย่างมาก จิ่งเหวินเมื่อรู้ว่าเถียนเซียวเซียวเป็นเพื่อนของฉินหร่าน ก็ทักทายอย่างเป็นมิตรด้วยเช่นกัน
เอ่ยถามข้อมูลทั่วไปของเถียนเซียวเซียว และถามว่าเธอมาจากมหาวิทยาลัยไหน งานอดิเรกความชอบอะไรเทือกนั้น
เถียนเซียวเซียวชะงัก เรียลลิตี้โชว์สมัยนี้ถามแบบนี้กันหมดเลยเหรอ
แต่ยังดีที่ประวัติของเธอสวยงาม จึงตอบไปทีละข้อ
ทีมงานกับพวกจิ่งเหวินต่างก็โล่งใจ
ไม่ใช่เด็กเรียนจากมหาวิทยาลัยเมืองหลวงก็ดีแล้ว
“มีคนปกติโผล่มาสักที” ผู้กำกับสืบค้นประวัติของเถียนเซียวเซียว นัยน์ตาก็พลันเปล่งประกาย “ภูมิหลังของน้องใหม่คนนี้ไม่เลวเลย หน้าตามีเอกลักษณ์ ซุปตาร์ฉินก็ดูจะหวังในตัวเธอมาก มีซุปตาร์ฉินคอยสนับสนุน ไม่ดังคงยาก”
ผู้กำกับเลื่อนดูข้อมูลต่อไป เมื่อเห็นตัวหนังสือบางบรรทัดในนั้นก็ตกตะลึงมาก “แถมยังเป็นนักไวโอลินที่เก่งฉกาจมากด้วย ถึงระดับแสดงได้แล้ว นักแสดงคนนี้มีฝีมือหน้าตาดี ปรับเปลี่ยนรายการได้นิดๆ หน่อยๆ…”
แม้จะมีฉินหร่านอยู่ หน้าตาของนักแสดงหญิงทุกคนในรายการต่างก็หม่นหมองลง แต่เถียนเซียวเซียวก็โดดเด่นอยู่บ้าง
ทีมงานพอใจเป็นอย่างมาก
แม้คนที่ฉินหร่านเชื้อเชิญมาจะไม่ใช่ผู้ทรงอิทธิพลอะไร แต่ก็ไม่ใช่เด็กเรียนจากมหาวิทยาลัยเมืองหลวง แถมยังเป็นคนในวงการด้วย การแสดงหน้ากล้องกับทักษะทางวาไรตี้ของเธอก็ใช้ได้ทีเดียว ซุปตาร์ฉินเองก็มีเจตนาจะผลักดัน คิดว่าหลังจบรายการนี้ เถียนเซียวเซียวต้องโด่งดังได้แน่นอน
รายการหนึ่งทำให้คนคนหนึ่งดังได้ นับว่าเป็นผลดีกับรายการไม่น้อยเลย
ได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย
“เพื่อนอีกคนของหลานสาวซุปตาร์ฉินยังไม่มาเหรอ” ผู้กำกับถามทีมงาน
ทีมงานไปถามไถ่มาเรียบร้อยแล้ว “น่าจะไปที่กองถ่ายตอนเจ็ดโมงครึ่งเลย เหมือนว่าจะเป็นผู้ชาย”
“ได้” ผู้กำกับพยักหน้า เขาออกไปพร้อมกับตากล้อง “ปรับเปลี่ยนขั้นตอนของรายการหน่อย”
มีเถียนเซียวเซียวแล้ว คนต่อไปไม่ว่าฉินหร่านจะเชิญใครมา ทีมงานก็ไม่สนใจแล้ว เพราะเถียนเซียวเซียวมีจุดเด่น นักไวโอลินระดับขึ้นแสดงได้เป็นไม้เด็ด…
ในวงการบันเทิงไม่มีคนที่ระดับสูงปานนี้
…ทางด้านนี้ พวกฉินหร่านมาถึงจุดถ่ายทำแล้ว
ตอนแรกเถียนเซียวเซียวเองก็เกร็งอยู่เหมือนกัน ฉินซิวเฉินกับจิ่งเหวินเป็นกันเองมาก ไม่กี่นาทีต่อมาเธอก็ปรับตัวได้แล้ว
จุดถ่ายทำในวันนี้ไม่อยู่บนเขา แต่เป็นถนนสามเส้นในเมืองโบราณ ถนนถูกเคลียร์พื้นที่แล้ว มีจุดทำภารกิจเยอะแยะมากมาย
ตอนที่ทั้งสี่คนไปถึง ไป๋เทียนเทียนกับน้องชายของจิ่งเหวินก็รออยู่ที่นี่ก่อนแล้ว
“ได้ยินว่าเพื่อนที่พี่ฉินหร่านเชิญมามาถึงแล้ว ไม่รู้ว่าเป็นใคร” ไป๋เทียนเทียนทอดมองออกไป
น้องชายของจิ่งเหวินและคนอื่นๆ ก็สงสัยเช่นกัน
สุดปลายทาง ฉินซิวเฉินและพวกจิ่งเหวินเดินมาพร้อมกันสี่คน ไป๋เทียนเทียนจึงฉีกยิ้มไปตามสัญชาตญาณ
กวาดสายตาผ่านพวกฉินซิวเฉินทีละคน สุดท้ายหยุดลงที่เถียนเซียวเซียว รอยยิ้มของไป๋เทียนเทียนก็ค่อยๆ หยุดนิ่ง…
ทำไมถึงเป็นเธอไปได้ล่ะ
ไป๋เทียนเทียนย่นคิ้ว แต่ก็โล่งใจเช่นกัน เถียนเซียวเซียวเป็นนักแสดงจริง แต่เป็นแค่นักแสดงปลายแถว
ซุปตาร์ฉินไม่ยอมรับเถียนเซียวเซียวแน่นอน เขาจึงไม่ได้ช่วยหาเพื่อนมาให้ฉินหร่าน
ทั้งสี่คนมาถึงแล้ว
จวนจะเจ็ดโมงครึ่งแล้ว จิ่งเหวินดูเวลา นั่งลงบนขอบประตูยิ้มๆ “เสี่ยวหร่านหร่าน เพื่อนอีกคนของเธอสายใช่ไหม ต้องทำโทษเขา”
ฉินหร่านไปขอมือถือกับทีมงานเพื่อดูเวลา น้ำเสียงเรียบเฉย “เขาอ้อมไปหน่อย…อ้อ ถึงแล้ว”