บทที่ 927 การวิจัยที่ทำให้คนมี “น้องสาว”

แฟนผมกลายเป็นซอมบี้

มีเรื่องอะไรที่ทำให้หมอนี่ใจลอยได้ตลอดเวลางั้นหรอ? หรือว่า…พรรคพวกของเขาเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว? แต่ถึงแม้พวกเขาจะรู้ตัวตอนนี้ มันก็สายไปแล้วนี่…

“พวกผู้มีพลังจิตเข้าใจยากเสมอ…ถ้าหากไม่ใช่เพราะหมอนี่โผล่หัวออกมาป่วนทุกอย่างจนพัง แผนการของพวกเราคงดำเนินไปด้วยดีตั้งแต่แรกแล้ว! แต่อาศัยแค่เขาคนเดียว อย่างมากก็คงขวางได้แค่บางส่วนเท่านั้น กว่าเขาจะรู้ตัวอีกที ก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงอะไรได้อีกแล้ว…พอถึงตอนนั้น ฉันจะคอยดูว่าแกจะทำยังไง!”

ถึงแม้ว่าถังฮ่าวไม่คิดขัดขืนอีก แต่เขากลับไม่คิดจะฝากชีวิตไว้กับอารมณ์ของหลิงม่อ สำหรับเขา คนที่รับมือยากที่สุดในกลุ่มคนพวกนี้ก็มีแต่เจ้าเด็กหนุ่มคนนี้คนเดียว ถึงแม้ตอนนี้เขาถูกจับตัวเป็นเชลย ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะล้มเหลว โดยเฉพาะยิ่งหลิงม่อตัดสินใจไปช่วยเหลือเด็กผู้หญิงคนนั้นก่อน ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาคิดว่าโง่ที่สุด…

“ไปเถอะ ดูจากท่าทางของแก ก็รู้แล้วว่าแกยังมีเรื่องให้ต้องจดจ่ออยู่อีกไม่น้อย อีกอย่าง สายตาของแก บ่งบอกว่ามันไม่ใช่การใจลอยไปคิดเรื่องอื่นแบบธรรมดา…แกทำใจลอยเวลาเผชิญหน้ากับฉันได้ แต่ถ้าหากอีกเดี๋ยวแกเจอพี่ฉี แล้วยังทำอย่างนี้อีก…”

เวลานี้ อยู่ๆ หลิงม่อก็หันมา ทำให้ถังฮ่าวที่ลอบหัวเราะในใจอย่างบ้าคลั่งชะงักกึกทันที “ทะ…ทำไม?”

หลิงม่อเขาด้วยสายตาเรียบเฉย ถามว่า “พี่ฉีเป็นใคร? ความสามารถพิเศษของเขาคืออะไร?”

ถังฮ่าวลอบกลืนน้ำลายอย่างใจหายใจคว่ำ เขามักรู้สึกว่าสายตาของหลิงม่อที่มองมาต่างจากสายตาคนอื่น มันทำให้คนถูกมองรู้สึกอึดอัด อาจเป็นเพราะสภาวะซอมบี้ยังไม่หมดไปจากตัวเขา ถังฮ่าวในตอนนี้จึงอ่อนไหวกว่าเมื่อกี้เล็กน้อย เขาค้นพบว่าในดวงตาอันเปล่งประกายของหลิงม่อ มักมีสายตาที่ต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง และแปลกประหลาดสะท้อนออกมาเป็นบางครั้ง ราวกับว่าในสมองของหลิงม่อมีอีกหนึ่งชีวิตอาศัยอยู่อย่างไรอย่างนั้น

ถ้าหากจะบอกว่าสภาวะซอมบี้ของถังฮ่าวแสดงออกแค่ร่างกายภายนอก ถ้าอย่างนั้นสิ่งที่หลิงม่อเป็นก็พูดได้ว่าเขากลายเป็นเหมือนซอมบี้ในด้านจิตใจ

ไม่เพียงเท่านี้ หากเผลอสบตากับหลิงม่อ ถังฮ่าวก็รู้สึกเหมือนไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้…เดิมทีแค่ตกใจ แต่ตอนนี้เขากลับรู้สึกได้ถึงเหงื่อที่ชุ่มเต็มฝ่ามือ แม้แต่บาดแผลตามร่างกายก็รู้สึกเจ็บมากขึ้นเล็กน้อยเพราะความตระหนกกลัวนี้

เด็กสาวบางคนอาจคิดว่าสายตาอย่างนี้มีเสน่ห์ลึกลับน่าค้นหา และน่าดึงดูดมาก แต่ถังฮ่าวกลับรู้สึกเหมือนในนั้นมีเงาดำที่มองไม่เห็นซ่อนตัวอยู่ ทั้งทำให้คนรู้สึกหวาดกลัว และกดดัน…

“ขะ…เขาเป็นสมาชิกเก่าแก่กลุ่มแรกๆ ของพวกเรา…ถึงแม้ลูกพี่ในนามจะไม่ใช่เขา แต่เรื่องส่วนใหญ่ฉันก็ปรึกษากับเขาก่อนทั้งนั้น บอกว่าปรึกษา ความจริงคือขอคำชี้แนะจากเขาต่างหาก มติส่วนใหญ่ มาจากการเสนอแนะของเขาทั้งนั้น…” ถังฮ่าวพูดอย่างหวาดกลัว “ถึงแม้สมาชิกทีมในปัจจุบันจะไม่ค่อยรู้เรื่องนี้ แต่ความจริงแล้วพี่ฉีต่างหากที่ควรเป็นลูกพี่ตัวจริง เพียงแต่ เขาบอกว่าเรื่องอย่างนี้วุ่นวายเกินไป เลยไม่ยอม…”

“อ้อ…แกก็ฉลาดไม่เบานี่ ฉวยโอกาสปัดความทิ้งให้พ้นตัว แกจะบอกว่า เรื่องที่เกิดในครั้งนี้ไม่เกี่ยวกับแก อย่างมากแกก็เป็นแค่ผู้ช่วยว่างั้น?” หลิงม่อตัดบทเขาอย่างเย็นชา

ถังฮ่าวขยับปากพะงาบๆ แต่สุดท้ายกลับไม่พูดอะไรเพราะถูกจับไต๋ได้

มีฐานะลูกพี่ของทีมเป็นบ่วงคล้องคอ แล้วยังเรื่องที่ลงมือกับเสี่ยวป๋ายก่อนอีก คิดจะแก้ตัวตอนนี้ ก็คงฟังไม่ขึ้นแล้วจริงๆ…

เขาถอนหายใจ บอกว่า “พี่ฉีเขา…ความสามารถพิเศษของเขาค่อนข้างพิเศษออกไป…เมื่อกี้แกบอกว่าความสามารถพิเศษของฉันคือด้านศักยภาพร่างกายใช่ไหม? ใกล้เคียงมาก ดูจากตรงนี้ ผู้รอดชีวิตส่วนมากก็คงมีชุดคำนิยามเกี่ยวกับความสามารถพิเศษเหล่านี้เหมือนกันสินะ? ตอนแรกฉันก็รู้แค่ผู้มีพลังจิตเท่านั้น ตอนนี้ก็รู้ผู้มีพลังด้านศักยภาพร่างกายเพิ่มขึ้นมาอีก แต่ของพี่ฉีน่ะ…”

“ผู้มีพลังธาตุหรอ?” หลิงม่อถาม

ความสามารถพิเศษประเภทนี้พบเห็นได้น้อยมาก ความแกร่งก็แตกต่างกันไปตามบุคคล ซึ่งอวี่เหวินซวนก็เป็นหนึ่งในนั้น

ในเมื่อ “พี่ฉี” ไม่ใช่ทั้งผู้มีพลังจิตแล้วก็ไม่ใช่ผู้มีพลังด้านศักยภาพร่างกาย ก็อาจเป็นไปได้ว่าจะเป็นผู้มีพลังธาตุ…

“ไม่ใช่…ถึงฉันจะไม่เคยเจอผู้มีพลังธาตุ แต่แค่ได้ยินชื่อก็พอจะรู้ว่าเป็นยังไง ความสามารถพิเศษอย่างนี้น่าจะเกี่ยวกับพลังธรรมชาติใช่ไหมล่ะ? อย่างเช่นดินน้ำลมไฟ หรือพายุฝนสายฟ้าคะนองอะไรทำนองนั้น…แน่นอนว่าความสามารถพิเศษของมนุษย์ไม่มีทางโอเวอร์ถึงขั้นนั้นอยู่แล้ว ดังนั้นฉันคิดว่ามันเหมือนกับสัตว์บางอย่าง ที่สามารถสัมผัสรู้ได้ถึงปรากฏการณ์พิเศษทางธรรมชาติ แล้วนำไปประยุกต์ใช้มากกว่า” ถังฮ่าวบอก

“ไม่ถูกต้องทั้งหมด แต่ก็ถือว่าถูกส่วนใหญ่”

“หึหึ เมื่อก่อนเมียของฉันเคยเป็นครูชีวะ ดังนั้น…” ถังฮ่าวเหมือนจะตื่นเต้นไปชั่วขณะ แต่พอพุดถึงเมื่อก่อน สีหน้าของเขาก็หม่นหมองลงทันใด ดีที่คราวนี้เขาปรับอารมณ์ให้เป็นปกติได้เร็ว และไม่ได้สติหลุดเพราะเรื่องนี้

“ถ้าอย่างนั้น…” พูดถึงตรงนี้ อยู่ๆ หลิงม่อก็นึกถึงคำคำหนึ่งขึ้นมา จึงขมวดคิ้วถามว่า “หรือว่าเขาจะเป็นผู้มีพลังกลายพันธุ์? นอกจากพลังสามสายที่ว่ามา ก็เหลือแค่พลังกลายพันธุ์แล้ว”

เรื่องเกี่ยวกับผู้มีพลังกลายพันธุ์ หลิงม่อได้ยินมานานแล้ว แต่กลับไม่ได้เข้าใจอย่างแท้จริง ในความเป็นจริงผู้มีพลังกลายพันธุ์นั้นก็คือมนุษย์ผ่าเหล่าในหมู่มนุษย์ทั่วไป พวกเขาจะได้รับผลกระทบจากเชื้อไวรัสจนเกิดการกลลายพันธุ์ และมีความสามารถพิเศษที่พบเจอได้น้อยมาก

“ถ้าหากเป็นผู้มีพลังกลายพันธุ์ เขาต้องมีลักษณะเด่นที่ไม่เหมือนมนุษย์ทั่วไปแน่ๆ ถึงปกติจะไม่แสดงออกมา แต่หากเข้าสู่สภาวะใช้พลังพิเศษ คนอื่นต้องดูออกแน่นอน! เหมือนกับ…กิ้งก่า!” หลิงม่ออธิบาย

“ผู้มีพลังกลายพันธุ์?” ถังฮ่าวครุ่นคิด จากนั้นก็พยักหน้ารัวๆ “ถูกแล้ว อันนี้แหละ!” ถึงแม้กำลังถูกสอบสวน แต่ถังฮ่าวกลับดูตื่นเต้นเล็กน้อย ไม่รู้ว่าเขาไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กับคนนอกมานานแค่ไหนแล้ว แค่ได้รู้ทฤษฏีพื้นฐานอย่างนี้ ก็ทำให้เขารู้สึกแปลกใหม่มากแล้ว

ดูเหมือนไม่ว่าความสามารถพิเศษจะกลายพันธุ์ไปอย่างไร แต่ในยามที่ผลข้างเคียงไม่ได้แสดงออกมา เขาก็ยังมีนิสัยของมนุษย์อยู่มากกว่าอยู่ดี

“ถ้าอย่างนั้น เขากลายพันธุ์ไปอย่างไรบ้าง?” หลิงม่อเองก็เริ่มตื่นเต้น จึงรีบถาม

ไม่คิดเลยว่าเขาจะได้เจอผู้มีความสามารถพิเศษด้านพลังกลายพันธุ์ที่นี่ แถมเขายังไม่ใช่ผู้มีพลังกลายพันธุ์ธรรมดา แต่เป็นผู้มีความสามารถพิเศษที่กุมความลับเรื่องพลัง “แปลงร่าง” ไว้อีกด้วย…การทำให้ความสามารถพิเศษที่เดิมก็มีการผ่าเหล่าอยู่แล้วเกิดการผ่าเหล่าซ้ำสอง จะได้ผลลัพธ์ยังไงกันนะ…

“เรื่องนี้…ตอนที่ฉันเพิ่งเจอเขา เขาก็ดูไม่ต่างจากผู้มีความสามารถพิเศษด้านพลังศักยภาพร่างกายเท่าไหร่ แต่ต่อมาเขาได้เริ่มการวิจับพิเศษอย่างหนึ่งขึ้น และไม่นาน…เขาก็มีน้องสาวเพิ่มขึ้นมา” หลังจากเริ่มเล่าเรื่อง สีหน้าของถังฮ่าวก็ดูประหลาดขึ้นมา น้ำเสียงเขาฟังเหมือนไม่มั่นใจ แต่หลังจากพูดถึงตรงนี้ เขาก็รีบหันไปมองหลิงม่อแล้วบอกว่า “ฉันไม่ได้พูดมั่วนะ!”

“ฟังยังไงก็มั่ว…” หลิงม่อได้ยินก็อึ้ง มีน้องสาวเพิ่มขึ้นมา? นี่มันการวิจัยบ้าบออะไรกัน? หรือว่าจะเป็น…คลอดลูก?

พูดถึงเรื่องคลอดลูก ข้างกายเขาก็มีคนที่กำลังศึกษาเรื่องนี้อย่างไม่ลดละอยู่คนหนึ่ง…

ทว่าเนื่องจากตอนนี้สถานการณ์ทั้งสองฝั่งล้วนคับขัน หลิงม่อจึงไม่คิดอะไรต่ออีก เขาถามตรงประเด็นทันที “แกอธิบายให้มันละเอียดหน่อย”

“ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากพูด แต่จริงๆ แล้ว…ฉันก็รู้สึกว่ามันน่าเหลือเชื่อมาก ดังนั้นก็เลยกลัวว่าแกจะไม่เชื่อ” ถังฮ่าวเม้มปาก แล้วพูดอย่างลำบากใจ “ถ้าหากจะให้แกเชื่อ อาจต้องเริ่มเล่าตั้งแต่เรื่องที่เกี่ยวกับตัวพี่ฉีก่อน…เขา…เขาไม่เหมือนคนธรรมดาอย่างพวกเรา อีกอย่างฉันคิดว่า นี่อาจเป็นสาเหตุที่ทำเกิดความสามารถพิเศษของเขาขึ้นมา แกรู้ใช่ไหม สภาวะเดิมบางอย่างของมนุษย์ จะส่งผลกระทบต่อความสามารถพิเศษที่เราได้รับในภายหลัง…และในด้านนี้ เคสของพี่ฉีก็เป็นตัวอย่างที่ดีเลยทีเดียว”

เขาลังเลครู่หนึ่ง แล้วจึงค่อยพูดขึ้นว่า “ร่างกายของพี่ฉี ค่อนข้างพิเศษ…เขาไม่ใช่ผู้ชายเต็มร้อย บนตัวเขา ยังมีลักษณะเด่นบางอย่างของผู้หญิงปรากฏอยู่ด้วย…เรื่องพวกนี้…เป็นเพียงการคาดเดาของฉัน เพราะฉันไม่เคยเห็นกับตาซักครั้ง แต่ฉันมั่นใจ ว่ามันต้องเป็นอย่างนี้แน่”

“แกมั่นใจได้ยังไง?” หลิงม่อถาม

ถึงแม้เรื่องอย่างนี้จะไม่ใช่เรื่องที่สามารถพูดลอยๆ ได้ แต่เรื่องที่แม้แต่ตัวเขายังไม่สามารถพูดได้อย่างเต็มปากเต็มคำ หลิงม่อย่อมไม่มีทางเชื่อง่ายๆ อยู่แล้ว เวลานี้ พวกเขาได้เดินออกจากซอยมาระยะหนึ่งแล้ว ในขณะเดียวกัน พวกเขาก็เริ่มเดินออกห่างถนนหลักไปเรื่อยๆ เช่นกัน

ถังฮ่าวช้อนเปลือกตามองหลิงม่อ บอกว่า “ถ้าไม่อย่างนั้น เขาจะกลายเป็นผู้หญิงได้ยังไง?”

—————————————————————————–