ตอนที่ 10 - 2 แหวนที่น่ามสาน

เขาสั่งให้ข้าเป็นราชินี [ส่วนที่ 2]

นางเงยหน้ามองดูยอดไม้ ร่มไม้หนาแน่น มองไม่ออกว่ามีคนซ่อนอยู่หรือไม่ เพียงแต่ด้วยระดับความสูงของต้นไม้ต้นนี้ รอให้อีกฝ่ายลงมาจากยอดไม้ลงมือจัดการนาง นางหายตัวสามครั้งก็พอแล้ว

 

 

อีกอย่างหากเจ้าคนนี้เปล่งเสียงออกมาโดยไม่มีใครพบเห็นได้ เขาย่อมคว้านางไว้โดยที่นางไม่รู้เนื้อรู้ตัวได้เช่นกัน ในเมื่อไม่ได้ลงมือ แสดงว่าไม่มีเจตนาร้าย

 

 

จิ่งเหิงปัวชูกริชให้ข้างบนเสียเลย ซ้ำยังกวัดแกว่งบอกใบ้ว่านางไม่มีเจตนาร้ายเช่นกัน พวกเราฟังใครฟังมันแล้วกลับบ้านใครบ้านมัน

 

 

เสียงหัวเราะแผ่วเบาอีกเสียงหนึ่งดังขึ้นรำไร คล้ายรู้สึกว่านางน่าสนุกยิ่งนัก

 

 

จิ่งเหิงปัวสูดหายใจ รู้สึกว่าภายในอากาศรอบด้านคล้ายมีกลิ่นสุราเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อย

 

 

จิ่งเหิงปัวมองการเคลื่อนไหวทางนั้นอย่างระมัดระวัง องครักษ์อวี้จ้าวปลอมหลายนายเข้าประตูมาแล้ว มองออกว่าเก่งกาจวิชาตัวเบาอย่างยิ่ง เคลื่อนไหวไร้เสียง พอเข้าประตูมาต่างคนต่างแยกย้าย มุ่งตรงสู่ลานด้านใน

 

 

มือสังหารเหรอ?

 

 

มุ่งสังหารใครกัน?

 

 

เหอหว่านหรือกงอิ้น เป็นไปได้ทั้งนั้น

 

 

ถ้าลอบสังหารเหอหว่าน กงอิ้นจะมีปัญหา

 

 

ถ้าลอบสังหารกงอิ้น อืม คนกลุ่มใหญ่น่าจะมีปัญหา

 

 

ถ้าลอบสังหารเหอหว่านจะใส่ร้ายกงอิ้นได้ ก่อให้ความขัดแย้งระหว่างเขากับแคว้นเซียง ถ้าลอบสังหารกงอิ้นจะใส่ร้ายแคว้นเซียงได้ ซ้ำยังใส่ร้ายพวกยงซีเจิ้งและจี้อีฝานที่อยู่ในแคว้นเซียงได้ วันนี้คนมากมายมองเห็นเหอหว่านวางแผนขวางกงอิ้นไว้บนถนน คนเฉลียวฉลาดเฉกเช่นยงซีเจิ้งย่อมคาดเดาเจตนาที่เหอหว่านขวางขบวนได้แทบจะโดยพลัน เขาอาจลงมือด้วยอารมณ์ชั่ววูบย่อมเป็นไปได้เช่นกัน

 

 

พอเข้าวังกษัตริย์แคว้นเซียงแล้ว หวังลอบสังหารคงไม่ใช่เรื่องง่ายขนาดนั้น แต่การหยุดขบวนกะทันหันครั้งนี้ ซ้ำยังเลือกสถานที่พักผ่อนตามโอกาส นับเป็นการอาศัยช่องโหว่ที่ดีที่สุด

 

 

ถ้าเป็นแบบนี้ คนที่ได้ประโยชน์แท้จริงก็คือเฟยหลัว

 

 

แน่นอนว่าเป็นไปได้เช่นกันว่ายงซีเจิ้งจะลงมือจริง สรุปแล้วจิ่งเหิงปัวครุ่นคิดตามใจชอบ รู้สึกว่าคงจับมือสังหารที่ซ่อนอยู่กลุ่มใหญ่ได้

 

 

นางมองดูเส้นทางการเคลื่อนไหวของหลายคนนั้น ไม่ว่าเริ่มต้นจากทิศทางไหนต่างมุ่งสู่ตรงกลางลานบ้าน

 

 

นางครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะติดตามไปด้วย

 

 

นางยังต้องห่วงใยความเป็นความตายของเหอหว่าน

 

 

นางติดตามคนที่เห็นชัดเจนว่าเก่งกาจวรยุทธ์มากที่สุดคนหนึ่ง พบว่าหลายคนนี้แยกย้ายกันตรงประตูเล็ก แฝงตัวเข้าสู่ท่ามกลางองครักษ์อวี้จ้าวที่ลาดตระเวนอยู่ ประชิดใกล้ลานบ้านที่กงอิ้นเข้าพบเหอหว่านอย่างไม่ให้สุ้มให้เสียง

 

 

จิ่งเหิงปัวเข้าใกล้โดยอาศัยต้นไม้บ้านเรือนอำพรางตลอดทาง ในใจรู้สึกประหลาด อีกเดี๋ยวคนเหล่านี้จะเข้าใกล้กงอิ้นได้อย่างไร? แฝงตัวในหมู่องครักษ์รอบนอกพอเป็นไปได้ แต่คนที่เข้าใกล้ข้างกายกงอิ้นได้มีเพียงหัวหน้าองครักษ์ไม่กี่คน คนแปลกหน้าแม้เพียงเล็กน้อยจะถูกขวางไว้นอกลานบ้านทั้งสอง

 

 

เป็นอย่างที่คิดไว้ นอกลานบ้านทั้งสอง องครักษ์ลาดตระเวนกลุ่มหนึ่งพลันเปล่งเสียงร้องตะโกนขึ้น

 

 

“เจ้าคือผู้ใด!”

 

 

เสียงชักกระบี่ดังขึ้นเสียดหู องครักษ์กลุ่มนั้นพบคนแปลกหน้าที่แฝงตัวเข้ามาในกองทัพแล้วจึงทยอยชักอาวุธออกมา จากนั้นก็มีคนตะโกนว่า “อาภรณ์เขาผิดปกติ ตัวปลอม!”

 

 

อวี้จ้าวกลุ่มเล็กกลุ่มหนึ่งยกมือขึ้นสูง ดอกไม้ไฟชุดหนึ่งถูกยิงขึ้นฟ้า แทบจะโดยทันทีนั้น กลุ่มเล็กที่ลาดตระเวนอยู่บริเวณใกล้เคียงต่างรีบร้อนตามมาด้วย ผู้คนมากมายขึ้นมาโดยพลัน

 

 

ในใจของจิ่งเหิงปัวกระตุกวูบ รวบรวมสมาธิมองดูฝูงชนที่รีบตามมา มองเห็นองครักษ์ตัวปลอมหลายนายเมื่อครู่ฉวยโอกาสแฝงตัวเข้าสู่กลางฝูงชนในพริบตาหนึ่งนี้ที่คนมากมายมารวมตัวกันจนวุ่นวายอย่างที่นางคิดไว้

 

 

นางพอจะรู้แล้วว่าอีกฝ่ายอยากทำอะไร

 

 

ผู้มายามหลังพลันเข้าสู่กลางกองทัพล้อมปราบมือสังหารอย่างแนบเนียน โดยเฉพาะด้วยการลงมืออย่างมุทะลุดุดันมากยิ่งขึ้นของหลายคนที่แฝงตัวเข้ามานั้น มือสังหารได้รับบาดเจ็บใต้เงื้อมมือพวกเขาอย่างต่อเนื่องรวดเร็วยิ่งนัก โลหิตกระเซ็นเปรอะเปื้อนทั่วใบหน้าหลายคนนั้น

 

 

อีกไม่นานมือสังหารจะสิ้นชีพแล้ว มือสังหารที่แลคล้ายหมดสิ้นเรี่ยวแรงผู้นั้นพลันกรีดร้องเสียงหนึ่ง ทะยานสู่ท้องฟ้า โลหิตโปรยปรายขณะพุ่งสู่ลานด้านใน

 

 

คนผู้นี้คล้ายมีความมุ่งมั่นแน่วแน่ คิดจะประชิดใกล้เป้าหมายแม้ตัวตาย

 

 

องครักษ์อวี้จ้าวย่อมไล่ตามไปโดยพลัน ทว่าคนส่วนใหญ่หยุดฝีเท้าก่อนเข้าสู่ลานบ้านอีกชั้นหนึ่งที่อยู่ข้างหลัง…กงอิ้นออกไปข้างนอก การตั้งมั่นรักษาการณ์ถูกกำหนดไว้แล้ว ทุกกองทัพมีเขตพื้นที่รักษาการณ์ประจำ ห้ามก้าวข้ามเขตแดนไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ต่อให้พบเจอมือสังหารย่อมมีผู้รับผิดชอบตรงบริเวณนั้นคอยรับช่วงต่อ

 

 

ทว่ามีคนที่โลหิตท่วมร่างห้าวหาญผิดปกติหลายคน ตะโกนว่าจับมือสังหารพลางไล่ตามไปด้วย องครักษ์อวี้จ้าวกลุ่มเล็กที่หยุดอยู่ที่เดิมตะโกนยืดยาวว่า “ไม่ต้องไล่ตาม! ไม่ต้องไล่ตาม! กลับมา!” ทว่าอาจจะด้วยเพราะเดือดดาลยิ่งนักหรืออาจจะเลือดขึ้นหน้า หลายคนนั้นไล่ตามเข้าไปตลอดทางคล้ายไม่ได้ยิน

 

 

จิ่งเหิงปัวเบะมุมปาก กะพริบวูบตามไปด้วย

 

 

มือสังหารผู้นั้นเก่งกาจยิ่งนักโดยแท้ โลหิตสาดกระเซ็นล้มลุกคลุกคลานวิ่งเข้าลานบ้านสองชั้นติดต่อกัน เขามีวิชาตัวเบายอดเยี่ยมดุจอสนีบาตดั่งเงาภูตพราย ยิ่งกว่านั้นไม่ว่าพบเจอการสกัดกั้นอย่างไรต่างกล้าหาญไม่หวาดหวั่น ความตายไม่อาจหยุดยั้งได้ คล้ายไม่สนใจไยดีความเป็นความตาย เพียงหวังเข้าใกล้เป้าหมาย

 

 

ยามพบเจอมือสังหาร ขอเพียงมือสังหารอยากรอดชีวิต การต่อต้านหรือการต้านทานต่างจะขัดขวางฝีเท้าของเขาไว้ได้ ทว่ามือสังหารที่อยากตายเช่นนี้เห็นได้ชัดเจนว่าสกัดกั้นไว้ไม่ได้ มือสังหารที่มีบาดแผลทั่วร่างโลหิตแดงฉานสาดกระเซ็นวิ่งโซซัดโซเซจนถึงหน้าลานน้อยด้านในสุดแห่งหนึ่ง ที่นั่นคุ้มกันเข้มงวดมากยิ่งขึ้น องครักษ์แทบจะยืนอยู่ทั่วทั้งข้างบนข้างล่างกำแพงรั้ว องครักษ์อวี้จ้าวที่รู้ข่าวเนิ่นนานแล้วอยู่บนสันกำแพง มือคว้าหน้าไม้ลูกศรรอคอย ป้องกันมิดชิดจนแมลงวันสักตัวยังบินผ่านไปไม่ได้

 

 

เด็กรับใช้ที่ยกถาดน้ำชากับขนมผู้หนึ่งยืนอยู่หน้าประตู มองดูมือสังหารโซเซพุ่งเข้ามาด้วยสีหน้าตกใจ คนผู้นี้คือคนรับใช้ในจวนที่เหลือไว้ปรนนิบัติยกน้ำชา แต่ไหนแต่ไรมาข้างกายกงอิ้นไม่มีนางกำนัล ส่วนเหล่าชายร่างใหญ่ปรนนิบัติผู้อื่นไม่เป็น

 

 

“ไปทางนั้น อย่าเกะกะ” องครักษ์เฝ้าประตูผู้หนึ่งผลักคนรับใช้นั้นไปฝั่งหนึ่งอย่างตึงเครียดเล็กน้อย รับถาดน้ำชาไว้ พลันมีคนตรวจสอบเด็กรับใช้นั้นครั้งแล้วครั้งเล่า ซ้ำยังใช้เข็มเงินตรวจสอบน้ำชาและขนมทุกชนิดทีละอย่าง

 

 

มือสังหารผู้นั้นพุ่งเข้ามาใกล้ เหมิงหู่ที่อยู่บนสันกำแพงกำลังยิ้มเยาะออกคำสั่งให้ยิงธนูปลิดชีพ พลันมองเห็นองครักษ์อวี้จ้าวหลายนายตามมาด้วย อดจะชะงักไม่ได้ โบกมือบอกใบ้ให้หยุดชั่วครู่ ตะโกนว่า “ผู้ใดให้พวกเจ้าตามมา ถอยกลับไป!”

 

 

ยามนี้ ‘องครักษ์อวี้จ้าว’ ที่ตามมาด้วยหลายนายนั้นตามทันมือสังหารแล้ว ไม่รอให้ทางนี้รู้สึกตัวขึ้นมา พุ่งเข้าไปฟาดฟันสะบั้นมือสังหาร

 

 

มือสังหารคำรามอย่างต่อเนื่อง ขณะโลหิตแดงฉานพวยพุ่งเรือนร่างพลันพลันบิดเบี้ยว

 

 

บริเวณเอวดุจเกิดพายุหมุน สิ่งของปานหยาดฝนโปรยปรายผืนหนึ่งพุ่งออกมา โปร่งแสงไร้สีไร้กลิ่น ทุกคนรู้สึกเพียงว่าตรงหน้าวาวแววแพรวพราวทั้งผืนดั่งเห็นผลึกแก้วธารสวรรค์ ทุกคนรีบเร่งกลั้นหายใจถอยหลัง ‘องครักษ์อวี้จ้าว’ ที่ล้อมโจมตีมือสังหารหลายนายนั้นตะโกนลั่นเสียงหนึ่งแล้วทยอยถอยไปข้างหลัง

 

 

ยามมือสังหารนั้นสะบัดมืออีกครั้งปรากฏหมอกดำกลุ่มหนึ่ง แผ่คลุม ‘องครักษ์อวี้จ้าว’ หลายนายนั้นไว้ หลายคนนั้นคล้ายไม่ได้ถูกธารสวรรค์ทำร้าย ดิ้นรนคิดจะลุกขึ้น พอใบหน้าพบเจอหมอกควันนี้จึงล้มลงโดยพลัน บนใบหน้าเน่าเปื่อยในพริบตา!

 

 

มือสังหารผู้นั้นหัวเราะฮ่าๆ ชี้มือไปยังลานน้อยแลคล้ายยังไม่สาแก่ใจ เรือนร่างกระตุกหลายครั้ง ร่วงหล่นลงบนพื้น

 

 

ชั่วประเดี๋ยวเดียวยุ่งเหยิงไร้ระเบียบ ศพเกลื่อนทั่วพื้น

 

 

มือสังหารพ่ายแพ้ย่อยยับ ถูกขวางไว้ยามก้าวสุดท้าย “องครักษ์อวี้จ้าว”ที่กล้าหาญไล่ล่าศัตรูหลายนายนั้น ใบหน้าเน่าเปื่อยจนไม่อาจจำแนกด้วยเพราะถูกพิษหมอกดำในยามสุดท้าย องครักษ์ที่ร่วมเดินทางครั้งนี้มีมากกว่าหนึ่งพันนาย การค้นหาเปรียบเทียบแต่ละกองยังต้องใช้เวลา

 

 

ศพถูกลากลงไปอย่างรวดเร็ว พื้นศิลาถูกชำระล้างหลายรอบ ข้างในลานน้อยคล้ายไม่มีการเคลื่อนไหว ทุกคนบนสันกำแพงไม่มีสีหน้าท่าทางใดเช่นกัน พวกเขาพบเห็นการลอบสังหารเช่นนี้มานักต่อนัก

 

 

ผ่านไปไม่นานข้างในลานน้อยเร่งเร้า ถามว่าเหตุใดน้ำชากับขนมยังไม่มาอีก

 

 

องครักษ์ที่ยกน้ำชากับขนมอยู่ปากประตูรีบร้อนมอบสิ่งของให้เหมิงหู่ยกเข้าไป

 

 

จิ่งเหิงปัวที่หายตัวไปบนต้นไม้ต้นหนึ่งข้างหลังกำแพง ลูบแขนด้วยความรู้สึกขนลุกขนชัน

 

 

นางรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น

 

 

คล้ายคลึงกับเหตุการณ์ลอบสังหารที่จิ้งถิงคราวก่อนเหลือเกิน ตอนนั้นเหยียลี่ว์ฉีส่งมือสังหารลอบเข้าจิ้งถิงสังหารกงอิ้น ด้วยเพราะไม่รู้รหัสผ่านได้จึงให้พลกล้าตายคนหนึ่งบุกเข้ามาตลอดทางจนถึงหน้าวังบรรทมกงอิ้น มองกำแพงศิลาที่สลักอักษรนั้นปราดหนึ่งก่อน จากนั้นค่อยไขปริศนา ส่งนักฆ่าที่แท้จริงออกมาสังหารเป้าหมาย

 

 

คราวนี้มีคนกระทำตาม เหตุการณ์ยิ่งใหญ่กว่า ใช้คนห้าถึงหกคนมากระทำการลอบสังหารครั้งหนึ่ง

 

 

มือสังหารคนหนึ่งวิ่งไปข้างหน้าอย่างเดียว ตั้งใจให้ถูกพบเจอ มือสังหารอื่นหลายคนที่ปลอมตัวเป็นองครักษ์อวี้จ้าวฉวยโอกาสยามวุ่นวายแฝงตัวเข้ามา จากนั้นลงมือไล่ฆ่ามือสังหาร มองเห็นว่าไล่ฆ่าแต่แท้จริงแล้วคือปกป้อง บาดแผลกับโลหิตแดงฉานในตอนแรกอาจจะเป็นของปลอม มิฉะนั้นเป็นไปไม่ได้ที่มือสังหารจะยืนหยัดจนกระทั่งล้มลงที่ลานด้านในสุด

 

 

จากนั้นสังหารกันเองหน้าปากประตูลานกว้าง สุดท้ายทุกผู้คนตายทั้งหมด ขจัดความระมัดระวังของทุกคน

 

 

แต่จัดการส่งนักฆ่าออกไปแล้ว

 

 

น่าจะเป็นสายฝนโปร่งแสงดูคล้ายไร้พิษระลอกนั้น

 

 

จิ่งเหิงปัวอยู่ไกลมาก มองไม่เห็นว่าสายฝนนั่นถูกยิงออกมาอย่างไร แต่คนน่าจะหลบเลี่ยงไปได้ แล้วอาหารเล่า?

 

 

น้ำชามีฝาปิด แล้วขนมล่ะ?

 

 

ก่อนหน้านี้น้ำชากับขนมถูกตรวจสอบพิษแล้ว แต่ตอนนี้ยังกินได้ไหม มีเพียงสวรรค์เท่านั้นที่รู้