บทที่ 356 : ล้างบางเมืองจิงฉู (5) – เหล่ากุ่ยปรากฏตัว

หลิงหยุนไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะยอมปรากฏตัวง่ายดายเช่นนี้ หนำซ้ำเมื่อปรากฏตัวแล้ว ก็รีบแนะนำตัวเองโดยที่หลิงหยุนยังไม่ทันได้ถาม

เหล่ากุ่ยจ้องมองหลิงหยุนอย่างพินิจพิเคราะห์ และเพราะความมืดทำให้มองเห็นหลิงหยุนไม่ชัดเจนนัก เหล่ากุ่ยขยับขึ้นมาด้านหน้าอีกสองก้าว และในที่สุดเขาก็มองเห็นทุกอย่างชัดเจนขึ้น

ดวงตาของเหล่ากุ่ยเป็นประกายสดใสราวกับได้พบสมบัติล้ำค่า แววตาของเขาในตอนนี้ ไม่ต่างจากแววตาของหนิงน้อยตอนที่ได้พบเห็นไข่มุกราตรีทั้งสิบแปดเม็ด ได้พบเห็นสมุนไพรเหอโชวูและโสมสองพันปี มันเป็นแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความสุขและความตื่นเต้นดีใจ!

แม้แต่หลิงหยุนเองยังอดที่จะงุนงงกับท่าทางของเหล่ากุ่ยไม่ได้ เขายกมือขึ้นเกาศรีษะพร้อมกับแอบคิดอยู่ในใจว่า ‘นี่ข้าหล่อเหลาจนเจ้าต้องจ้องเขม็งเช่นนี้เชียวรึ!?’

“พี่หยุน.. นี่ใครกัน?”

ถังเมิ่งมองเห็นการเคลื่อนไหวของเหล่ากุ่ยที่ดูเหมือนจะเหนือกว่ายอดฝีมือทั้งสามคนที่เขาพบในคืนนั้น เขาจึงคิดว่านี่อาจจะเป็นผู้ช่วยที่หลิงหยุนพูดถึงก็ได้

หลิงหยุนมองถังเมิ่งที่ถามขึ้นพร้อมกับตอบไปว่า “นายถามฉัน.. แล้วจะให้ฉันไปถามใคร?”

จากนั้นหลิงหยุนก็เดินตรงเข้าไปหาเหล่ากุ่ยพร้อมกับประสานมือเข้าด้วยกัน เขายิ้มให้เหล่ากุ่ยพร้อมกับพูดขึ้นว่า

“เหล่ากุ่ย.. อาวุโสสะกดรอยตามข้ามา ไม่ทราบท่านมีสิ่งใดต้องการชี้แนะข้าหรือไม่?”

เหล่ากุ่ยไม่มีสนใจที่จะตอบคำถามของหลิงหยุน เขาเอาแต่ยิ้มพร้อมกับจ้องมองหลิงหยุนด้วยใจที่ตื่นเต้น และได้แต่พึมพำกับตัวเองในใจ

‘ใช่แล้ว.. รอยยิ้มแบบนี้ช่างเหมือนนัก จริงอย่างที่หลิงห่าวพูด ไม่จำเป็นต้องตรวจดีเอ็นเอเลย! แค่เห็นหน้าก็รู้แล้วว่าเป็นลูกของคุณชายสาม!’

เหล่ากุ่ยก็คือคนที่หลิงลี่สั่งให้มาพาหลิงหยุนกลับไปบ้านตระกูลหลิงนั่นเอง!

เหล่ากุ่ยมาถึงเมืองจิงฉูตั้งแต่คืนวันจันทร์ ทันทีที่มาถึง เขาก็ใช้ช่องทางต่างๆเพื่อสืบข่าวคราวของหลิงหยุน และในที่สุดก็พบว่าข้อมูลของหลิงห่าวนั้นเป็นจริงทั้งหมด เขามั่นใจทันทีว่าหลิงหยุนก็คือลูกของคุณชายสามแห่งตระกูลหลิงอย่างแน่นอน!

แต่ในเวลานั้นหลิงหยุนได้หายตัวไป ไม่มีใครสามารถติดต่อเขาได้ ทุกคนต่างก็พากันออกตามหาหลิงหยุน แม้แต่เหล่ากุ่ยเองก็ได้ออกตามหาเขาอยู่อย่างลับๆด้วยเช่นกัน

ผ่านไปราวห้าหกวัน.. เพื่อนๆของหลิงหยุนและคนอื่นๆต่างก็พากันหมดหวัง แต่เหล่ากุ่ยกลับยังคงออกตามหาอย่างไม่ย่อท้อ และคอยสังเกตุการณ์อยู่อย่างเงียบๆ อีกทั้งยังคอยตามคุ้มครองหนิงหลิงยู่อยู่ลับๆด้วย

จากการสำรวจอย่างลึกซึ้งและละเอียดละออของเหล่ากุ่ย เขาจึงค้นพบว่าเหตุการณ์ใหญ่ๆหลายเรื่องที่เกิดขึ้นในเมืองจิงฉูนั้น ล้วนเกี่ยวข้องกับเด็กหนุ่มที่ชื่อหลิงหยุนทั้งสิ้น!

แน่นอนว่าเหล่ากุ่ยต้องรู้สึกตกใจอย่างที่สุด! เพราะแม้แต่ซันเทียนเปียวก็เดินทางมาที่เมืองจิงฉูเพื่อมาจัดการกับหลิงหยุนด้วยตัวเองเช่นกัน!

เนื่องจากเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับหลิงหยุนนั้นค่อนข้างร้ายแรงและพัวพันกับหลายฝ่าย อีกทั้งยังไม่รู้แน่ชัดว่าฝ่ายใหนเป็นผู้ที่สร้างปัญหากันแน่ เหล่ากุ่ยจึงเลือกที่จะไม่เปิดเผยฐานะของตนเอง แต่ในเมื่อหนิงหลิงยู่เป็นน้องสาวตามกฏหมายของหลิงหยุน เป็นลูกสาวแม่ของแม่บุญธรรมที่ตอนนี้ก็หายตัวไปด้วยเช่นกัน สามวันมานี้ เขาจึงต้องแอบอยู่แถวอพาร์เมนท์เพื่อคอยคุ้มครองความปลอดภัยให้กับเธอ

จนกระทั่งวันนี้ หลิงหยุนที่หายตัวไปหกวันเต็มๆก็กลับมา! เหล่ากุ่ยจึงรู้สึกมีความสุขอย่างมาก และไม่ต้องการที่จะหลบๆซ่อนๆอีก

ส่วนตัวแล้วเหล่ากุ่ยเองก็ชื่นชอบหลิงหยุนอย่างมาก อาจจะเป็นเพราะความรักและความผูกพันที่เขาเองมีต่อตระกูลหลิงก็เป็นได้ อีกอย่างตัวเขาเองก็มีความสนิทสนมอย่างมากกับหลิงเสี่ยวซึ่งเป็นพ่อแท้ๆของหลิงหยุน เช่นนี้แล้วจะไม่ให้เหล่ากุ่ยดีใจอย่างสุดซึ่งได้อย่างไร?

เหตุผลอีกข้อหนึ่งก็คือ.. เหล่ากุ่ยพบว่าหลิงหยุนเป็นผู้ที่ฝึกฝนวิทยายุทธเช่นกัน เขาเห็นหลิงหยุนใช้วิชาตัวเบากระโดดขึ้นไปบนห้อง เหล่ากุ่ยรู้สึกมีความสุขอย่างมาก เพราะจากวิชาตัวเบาของหลิงหยุนนั้น เขาพอจะเดาได้ว่ากำลังภายในของหลิงหยุนนั้นน่าจะอยู่ในขั้นโฮ่วเทียน-5แล้ว!

ยิ่งไปกว่านั้น ภายในอพาร์เมนท์ของหลิงหยุนก็มีเด็กสาวคนหนึ่งนอนป่วยเพราะถูกพิษร้ายแรง ผ่านมาสามวันแล้ว.. ก็ยังไม่มีใครรักษาได้! แต่หลิงหยุนกลับมาได้เพียงไม่นาน เด็กสาวคนนั้นก็สามารถพูดได้ หัวเราะได้ และเดินเหินได้ราวกับไม่เคยถูกพิษมาก่อน เช่นนี้แล้วจะมีความหมายเป็นอื่นไปได้อย่างไรกัน?

นอกเหนือจากว่า.. หลิงหยุนนั้นเป็นผู้ที่มีทักษะทางด้านการแพทย์ที่ลึกล้ำอย่างยิ่ง!

นี่.. นี่ไม่ใช่เพราะสวรรค์มีตาหรอกหรือ? เหล่ากุ่ยเฝ้าติดตามหลิงหยุนมาถึงที่นี่ด้วยความตื่นเต้น!

“นาย.. เอ่อ.. หลิงหยุน! เจ้ารู้ได้ยังไงว่าข้าแอบอยู่หลังต้นไม้?” เหล่ากุ่ยถามขึ้นด้วยความอยากรู้อยากเห็น และเกือบจะพลั้งปากเรียกหลิงหยุนว่านายน้อยออกไป

หลิงหยุนยิ้มสดใสพร้อมกับตอบไปว่า “เหล่ากุ่ย.. ทำไมท่านถึงรู้ว่าข้าชื่อหลิงหยุน?”

เหล่ากุ่ยถึงกับอึ้งและอดคิดไม่ได้ว่า ‘บุคลิคท่าทางของเด็กคนนี้ช่างห้าวหาญนัก! ขนาดข้าซึ่งเป็นถึงยอดฝีมือขั้นเซียงเทียนยืนอยู่ตรงหน้า ยังกล้าพูดจากับข้าเช่นนี้!’

‘บุคลิคท่าทางแบบนี้ช่างเหมือนกับแม่ของเขานัก! ไม่เพียงดวงตา อีกทั้งบุคลิกที่ยากจะอธิบายนี้ก็ยิ่งคล้ายคลึงนัก!’

แต่เมื่อนึกถึงแม่แท้ๆของหลิงหยุน เหล่ากุ่ยก็ได้แต่แอบถอนใจ แล้วอธิบายว่า “ข้าก็เรียกตามที่เพื่อนของเจ้าเรียก..”

เหล่ากุ่ยพูดพร้อมกับชี้ไปที่รถเฟอรารี่..

หลิงหยุนหัวเราะพร้อมกับพูดว่า “ผิดไปแล้วอาวุโส.. ถังเมิ่งไม่เคยเรียกชื่อข้าเต็มๆเลยสักครั้ง เขาจะเรียกข้าว่าพี่หยุน.. อาวุโสรู้ได้ยังไงว่าข้าแซ่หลิง?”

นี่เป็นคำถามสำคัญ! หลิงหยุนไม่รู้ว่าเหล่ากุ่ยเป็นใครมาจากใหน แต่เขาก็สัมผัสได้ว่าเหล่ากุ่ยไม่ได้ประสงค์ร้ายต่อเขาและคนอื่นๆ อีกทั้งยังแสดงออกว่าชื่นชอบและเมตตาเขาอย่างมาก หลิงหยุนเองก็ไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องนี้มากจนเกินไป แต่ที่ถามก็เพราะความอยากรู้เท่านั้นเอง

เหล่ากุ่ยอดคิดไม่ได้ว่า.. คุณชายน้อยช่างเป็นคนละเอียดและช่างสังเกตุยิ่งนัก! แม้แต่รายละเอียดเล็กๆน้อยๆก็สามารถสังเกตุเห็นได้ เขาจึงยิ่งรู้สึกตื่นเต้นดีใจมากขึ้นไปอีก!

แต่ในเมื่อถังเมิ่งปรากฏตัว.. เหล่ากุ่ยจึงไม่สามารถบอกวัตถุประสงค์ของเขาอย่างที่ตั้งใจได้ เขาจึงรีบเปลี่ยนเรื่อง..

“นาย.. เอ่อ.. หลิงหยุน! สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้ไม่น่าจะใช่เรื่องของข้า แต่น่าจะเป็นเรื่องที่เจ้าจะอนุญาติให้ข้าตามเจ้าไปด้วยได้หรือไม่ต่างหาก?”

ในเมื่อเห็นว่าเหล่ากุ่ยไม่ต้องการตอบคำถาม หลิงหยุนก็ไม่ต้องการคะยั้นคะยอ เขาจึงยิ้มและตอบกลับไปว่า

“อาวุโส.. ข้าจะไปจัดการกับศัตรู.. ไม่ทราบเหล่ากุ่ยต้องการจะไปช่วยเหลือข้าหรือไม่?”

ช่วยน่ะหรือ? ยังต้องถามอะไรอีก เหล่ากุ่ยพยักหน้ารับคำทันทีพร้อมกับตอบไปว่า “เจ้าทำให้คนแก่อย่างข้าคันไม้คันมือขึ้นมาทันที ข้าไม่เคยปะทะฝีมือกับใครมานานมากแล้ว ไปกันได้แล้ว!”

หลิงหยุนหัวเราะ เขาคิดในใจว่าท่านหมอเสี่ยวช่างคาดการณ์ได้ถูกต้องแม่นยำนัก อาวุโสท่านี้ไม่เพียงเป็นมิตร แต่ยังยอมมาเป็นผู้ช่วยเขาง่ายๆ

คืนนี้หลิงหยุนจะบุกไปที่บ้านของพวกสารเลวที่เข้าไปทำลายคลีนิคของเขา และเขาจะไม่ปราณีพวกมันอย่างแน่นอน หลิงหยุนรีบเชื้อเชิญเหล่ากุ่ยขึ้นรถทันที

“ยังมีผู้ช่วยที่เก่งกาจอีกหนึ่งคน เราจะไปรับเขาก่อนจะดีไม๊ครับเหล่ากุ่ย?” ทันทีที่ขึ้นรถมา หลิงหยุนก็หันไปถามเหล่ากุ่ยที่นั่งอยู่ด้านหลัง

“แล้วแต่เจ้า!”

“ครับ!”

ถังเมิ่งเหยียบคันเร่ง และเพียงไม่ถึงห้านาที รถเฟอรารี่ก็มาถึงหน้าโรงแรมที่ตู้กู่โม่พักอยู่ บ้านของหลิงหยุนกับโรงแรมนั้นอยู่ห่างกันเพียงแค่สองสามกิโลเมตร

เมื่อตู้กู่โม่มาถึงเมืองจิงฉู เพื่อให้สะดวกต่อการไปสำรวจหลุมยักษ์ เขาจึงเลือกพักที่โรงแรมห้าดาวแห่งนี้ เพราะเป็นโรงแรมที่ใกล้กับเขามังกรมากที่สุด

หลิงหยุนบอกเหล่ากุ่ยกับถังเมิ่งให้คอยอยู่ในรถ เขาลงจากรถและเข้าไปในโรงแรมเพียงคนเดียว และรีบตรงไปที่ห้องพักของตู้กู่โม่ทันที

หลังจากที่กลับมาถึงโรงแรม ตู้กู่โม่ก็จ่ายค่าที่พักล่วงหน้าสองอาทิตย์ จากนั้นก็ขึ้นไปอาบน้ำและนั่งดูทีวีบนเตียง แต่เมือได้ยินเสียงคนเคาะประตู เขาก็ได้แต่บ่นพึมพำ

“อย่าบอกนะว่าเป็นผู้หญิงมาเสนอให้บริการอีก? ข้าจะบ้าตาย.. ผู้หญิงเปรียบดั่งเสือร้าย..” ตู้กู่โม่บ่นอุบอิบ

ทันทีที่เปิดประตูออก ตู้กู่โม่ก็พูดขึ้นว่า “ข้าไม่ต้องการบริการอะไรทั้งนั้น.. อ้าว! หลิงหยุน.. เจ้ามาที่นี่ทำไม?”

หลิงหยุนหัวเราะพร้อมกับชูแหวนในมือให้กับตู้กู่โม่ดูพร้อมกับพูดขึ้นว่า “บอดี้การ์ดของฉัน.. ตามฉันออกไปฆ่าคนได้แล้ว?”

นี่อยู่ในเมือง.. จะฆ่าคนง่ายๆได้ยังไงกัน?

“หลิงหยุน.. นี่มันอยู่ในเมืองนะ ไม่ใช่ก้นหลุมยักษ์.. ไม่ใช่ว่าจะฆ่าใครตามใจก็ได้..” ตู้กู่โม่กำลังจะร่ายยาว..

หลิงหยุนยิ้มกว้างพร้อมกับขู่ตู้กู่โม่ว่า “ฉันว่านายคงไม่อยากดื่มน้ำลายมังกรสินะ? ถ้าอยากดื่ม.. ก็รีบใส่เสื้อผ้าแล้วก็ตามฉันมา! แต่ถ้าไม่อยากดื่ม ก็นั่งดูทีวีของนายต่อไป..”

“ดื่มสิดื่ม!! ใครบอกว่าข้าไม่อยากดื่มน้ำลายมังกร! เจ้ารอข้าเดี๋ยวนะ ข้าจะรีบตามเจ้าลงไป!”

เมื่อได้ยินคำว่าน้ำลายมังกร ตู้กู่โม่ก็ไม่สนใจอะไรอีก เขารีบลุกขึ้นเปลี่ยนเสื้อผ้า และตามหลิงหยุนลงไปข้างล่างอย่างรวดเร็ว!

ทั้งคู่เดินออกจากห้องตรงไปที่รถทันที แต่เมื่อตู้กู่โม่และเหล่ากุ่ยได้พบหน้ากัน ต่างคนต่างก็ตกใจสุดขีด!

เพราะทั้งคู่ต่างก็พบว่าอีกฝ่ายนั้นอยู่ในขั้นเซียงเทียนแล้วเช่นกัน!

เหล่ากุ่ยอดคิดไม่ได้ว่า.. นายน้อยของเขากำลังคิดจะทำอะไรกันแน่ เหตุใดจึงสามารถพายอดฝีมือขั้นเซียงเทียนมาด้วยได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งยังหนุ่มยังแน่นและอายุไม่น่าเกินยี่สิบ!

‘เด็กหนุ่มคนนี้..’ หลิงหยุนทำให้เหล่ากุ่ยเหนือความคาดหมายได้หลายเรื่อง!

‘เรื่องน่าเศร้าที่ตระกูลหลิงพบเจอมา คงต้องฝากความหวังไว้กับลูกๆของคุณชายทั้งสามแล้วล่ะ?’

ตู้กู่โม่เองก็ออกจะงุนงงเล็กน้อยเช่นกัน เมื่อพบว่ามียอดฝีมือขั้นเซียงเทียนนั่งอยู่ในรถติดตามหลิงหยุนไปสังหารศัตรูในคืนนี้ด้วย!

ในที่สุดก็ถึงเวลาเที่ยงคืน เมื่อนึกถึงเรื่องแก้แค้น หลิงหยุนก็ไม่อาจทนรอต่อไปได้อีก!

ทุกคนต่างก็ขึ้นไปบนรถ ตู้กู่โม่ทักทายเหล่ากุ่ยอย่างนอบน้อม “ผู้น้อยตู้กู่โม่คาราวะท่านอาวุโส!”

เหล่ากุ่ยถึงกับถามขึ้นว่า “พ่อหนุ่ม.. เจ้ามาจากตระกูลตู้กู่งั้นรึ?”

ตู้กู่โม่ไม่ปิดบัง เขาพยักหน้าแทนคำตอบ และเหล่ากุ่ยได้แต่อุทานอยู่ในใจว่า ‘เป็นความจริงหรือนี่?!’

ในอดีตนั้น.. ตระกูลเก่าแก่ต่างก็มีมติเป็นเอกฉันท์ให้โดดเดี่ยวตระกูลหลิง แม้แต่ตระกูลตู้กู่เอง ถึงแม้จะไม่ได้มีส่วนร่วมในการต่อสู้ในครั้งนั้น แต่ก็มีส่วนร่วมในการบีบบังคับให้หลิงเสี่ยวต้องถูกทำลายวิทยายุทธ และทำให้เขาไม่สามารถพบกับแม่ของหลิงหยุนอีกตลอดชีวิต!

‘เฮ้อ.. ข้าเริ่มจะไม่แน่ใจแล้วว่า จะให้นายน้อยได้รู้จักกับครอบครัวของตนเองดีหรือไม่?!’

เหล่ากุ่ยนิ่งเงียบไป และไม่ทันสังเกตุว่ารถเฟอรารี่ได้มาหยุดอยู่ที่หัวมุมฝั่งตะวันตกเฉียงแต่ของสี่แยก!

“พวกมันเชี่ยวชาญเรื่องการใช้พิษ.. ทุกคนต้องระวังตัวให้ดี!”

“ถังเมิ่ง.. นายขับรถกลับไปที่บ้านฉันก่อน! นายอยู่ที่นี่อาจถูกพิษเข้าไปได้!”