[ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ : จักรพรรดิ์เทพมังกร]
บทที่ 358 : ล้างบางเมืองจิงฉู (7)
“ห๊ะ?! ค่าเสียหายอะไรกัน? นี่มัน..”
กลุ่มชายเซียงซีสิบกว่าคนถึงกับงุนงงเมื่อได้ยินหลิงหยุนทวงถามถึงเรื่องค่าเสียหายขึ้นมา ทุกคนได้แต่คิดในใจว่า พวกเขาต่างหากที่เป็นฝ่ายเกือบถูกหลิงหยุนฆ่าตาย แต่กลับกลายเป็นว่าพวกเขาต้องเป็นฝ่ายชดใช้ค่าเสียหายให้กับหลิงหยุน?!
เหล่ากุ่ยเองก็งุนงงไม่ต่างจากคนอื่นๆ และได้แต่คิดในใจเช่นกันว่า นายน้อยมาที่นี่ก็เพื่อมาทวงค่าเงินชดใช้เสียหายงั้นรึ?!
แม้ว่าตอนนี้ตระกูลหลิงจะอยู่ในฐานะตกต่ำ แต่ก็ยังคงเป็นหนึ่งในเจ็ดตระกูลใหญ่ของปักกิ่ง และยังเป็นผู้ดูแลฝ่ายพาณิชย์ของกระทรวงทรัพยากรน้ำในประเทศจีน ซึ่งก็นับว่าใหญ่โตเกินกว่าที่จะมานั่งทวงค่าเสียหายจากการมีเรื่องแบบนี้
เหล่ากุ่ยเห็นใบหน้าที่อึ้งไปของตู้กู่โม่ ดูเหมือนเขาจะกำลังงุนงงและคิดไม่ถึงว่าหลิงหยุนจะกลายเป็นคนแบบนี้ไปได้
เมื่อครั้งที่อยู่ในป่าเสินหนงเจี๋ย หลิงหยุนสังหารศัตรู แล้วก็ค้นตามตัวผู้ตายเพื่อเอาเงิน แต่ตอนนี้ยังทำกับคนเป็นๆอีก!
“ใช่.. ค่าเสียหาย! เจ้าทำร้ายร่างกายแฟนสาวของข้าจนได้รับบาดเจ็บสาหัส แล้วยังถล่มคลีนิคของข้าจนเสียหายย่อยยับไปหมด พวกเจ้าลืมเรื่องนี้กันหมดแล้วหรือยังไง?”
หลิงหยุนมองสีหน้าตกอกตกใจของคนพวกนี้แล้ว ก็ได้แต่นึกหยันอยู่ในใจว่า.. นี่เพียงแค่เริ่มต้นเท่านั้น!
ชายวัยกลางคนเริ่มรู้สึกเสียใจที่หาเรื่องใส่ตัว เขาไอออกมาเป็นเลือดก่อนจะดิ้นขลุกขลักอยู่ที่พื้น..“เขาเป็นเจ้าของร้าน..”
“อ่อ.. หมอนี่เองรึ? อาการไม่ต่างจากเจ้า! ซี่โครงหักสองซี่!”
หลิงหยุนมองไปทางชายหน้ายาวอายุสามสิบเจ็ด รูปร่างผอมแห้ง ที่สั่งให้ลูกน้องรุมเขาเมื่อครู่ ด้วยความรู้สึกหมั่นไส้ชายหน้ายาวมากกว่าคนอื่นๆ หลิงหยุนจึงจัดการเขาอย่างหนักหน่วงจนซี่โครงหักถึงสองซี่
แค้ก! แค้ก! ชายหน้ายาวถูกหลิงหยุนต่อยจนซี่โครงหนัก และกำลังไอออกมาเป็นเลือด..
ปัง!!
หลิงหยุนย่อตัวลงตรงหน้าชายผู้นั้นพร้อมกับตบพื้นเสียงดัง และพูดขึ้นว่า “บอกมา.. เจ้าชื่ออะไร?”
“หลันเจิ้งเหอ..”
หลันเจิ้งเหอแทบไม่อยากนึกถึงความฝันของเขาอีกต่อไป เขาตั้งใจมาเปิดร้านขายเสื้อผ้าในเมืองจิงฉู แต่เพราะไม่สามารถเอาชนะคู่แข่งทางการค้าได้ จึงได้เชิญลุงของเขามาจัดการกับคู่แข่ง ขณะที่ทุกอย่างกำลังไปได้สวย และใกล้จะประสบความสำเร็จ จู่ๆ เด็กหนุ่มคนนี้ก็เข้ามาทำลายแผนการของเขาจนพัง อีกทั้งยังจัดการกับลุงของเขาจนพ่ายแพ้ยับเยินกลับไป
หลังจากที่ทั้งคู่กลับไปยังบ้านเกิดที่เซียงซี หลันเจิ้งเหอและลุงของเขาก็คับแค้นใจจนแทบกระอักเลือด พวกเขาจึงไปหายอดฝีมือให้มาจัดการแก้แค้นหลิงหยุนแทน
ยอดฝีมือที่เขาว่าจ้างมานี้ เป็นชายวัยกลางคนที่อยู่ในขั้นโฮ่วเทียน-8 แต่ตอนนี้กลับพ่ายแพ้ให้กับหลิงหยุนหลังจากปะทะกันเพียงแค่สองหมัดเท่านั้น
เมื่อคนเซียงซีกลุ่มนี้กลับเข้ามาที่เมืองจิงฉู พวกเขาก็จัดการเปิดร้านที่หรูหราใหญ่โตกว่าเดิม จากนั้นชายวัยกลางคนก็พากลุ่มคนเซียงซีเหล่านี้ไปบุกคลีนิคของหลิงหยุน
ในเวลานั้น.. หลิงหยุนยังอยู่ที่ค่ายกลมังกรหยินหยางที่ก้นหลุมยักษ์ พวกมันจึงคว้าน้ำเหลว และได้จัดการถล่มและทำลายคลีนิคของหลิงหยุนจนยับเยินแทน
เหยาลู่ที่ต้องทุ่มเทอย่างหนักในการตกแต่งทีละเล็กทีละน้อย และที่สำคัญมันเป็นคลีนิคของหลิงหยุน เหยาลู่จึงเอาชีวิตเข้าปกป้องราวกับว่ามันเป็นคลีนิคของเธอเอง เธอเข้าขัดขวางอย่างสุดกำลังที่เธอจะสามารถทำได้
ชายวัยกลางคนที่เลี้ยงหนอนกู่ไว้เป็นอาวุธ ไม่เพียงทำร้ายเหยาลู่จนบาดเจ็บสาหัส แต่ยังตั้งใจให้เหยาลู่ได้รับความทุกข์ทรมาน และหมดหนทางในการรักษาอีกด้วย! นับว่าเป็นการกระทำที่เหี้ยมโหดนัก!
เรื่องบาดหมางเหล่านี้ไม่เกี่ยวข้องกับช่างที่มาตกแต่งคลีนิคให้กับหลิงหยุนแม้แต่น้อย วันนั้นพวกเขาเพียงแค่มาเก็บงานและส่งมอบงาน แต่เพราะจิตใจที่ดีมีเมตตาของพวกเขา ทำให้ไม่อาจทนเห็นหญิงสาวตัวเล็กๆที่ทุ่มเทแรงกายแรงใจให้กับการตกแต่งร้านต้องถูกรังแก พวกเขาจึงเข้าไปช่วยเหลือ และก็ถูกชายวัยกลางคนใช้พิษจากตัวหนอนกู่ทำร้ายไปด้วย
เหยาลู่ได้รับบาดเจ็บสาหัส คนงานต่างก็ได้รับพิษของหนอนกู่เช่นกัน คลีนิคที่เพิ่งจะตกแต่งเสร็จก็ถูกทำลายจนราบเป็นหน้ากอง หลังจากที่กลุ่มคนเซียงซีได้ระบายความเกลียดชังลงที่คนบริสุทธิ์และร้านแล้ว ก็กลับไปที่ร้านเสื้อผ้าของตัวเอง
เมื่อพวกเขากลับไปที่ร้านแล้ว ผ่านไปหนึ่งวันก็ยังไม่เห็นวี่แววของหลิงหยุน พวกเขาจึงได้ปักหลักรออยู่ที่ร้านเพื่อรอแก้แค้นหลิงหยุน!
การกลับมาของหลันเจิ้งเหอในครั้งนี้ นับว่าเขาประสบชัยชนะที่ยิ่งใหญ่! เขามั่นใจว่าตนเองคิดไม่ผิดที่จ้างชายวัยกลางคนมาช่วยแก้แค้น เขามั่นใจอย่างยิ่งว่าชายวัยกลางคนผู้นี้จะสามารถเอาชนะหลิงหยุนได้ และทุกวันหลันเจิ้งเหอจะเดินไปที่คลีนิคของหลิงหยุนเพื่อชื่นชมผลงานชิ้นเอกของตนเอง
พวกเขาเพียงแค่อดทนรอให้หลิงหยุนกลับมาแก้แค้นถึงที่ และถึงตอนนั้นจะจัดการกับหลิงหยุน!
แต่สิ่งที่ทำให้หลันเจิ้งเหอตกใจอย่างมาก ก็คือยอดฝีมือที่เขาเชิญมานั้น เพียงแค่ปะทะกับหลิงหยุนไม่ถึงหนึ่งนาที ก็พ่ายแพ้ให้กับหลิงหยุนอย่างยับเยิน!
“หลันเจิ้งเหอ..” หลิงหยุนหันไปแสยะยิ้มให้พร้อมกับถามขึ้นว่า “บอกมาว่าจะจ่ายค่าเสียหายให้ข้าเท่าไหร่?”
“หนึ่ง.. หนึ่งแสน?” หลันเจิ้งเหอรู้ดีว่าชีวิตของเขาอยู่ในกำมือของหลิงหยุน จะบีบก็ตายจะคลายก็รอด
แววตาของหลิงหยุนเย็นชาขึ้นมาทันที “อะไรนะ?! หนึ่งแสนงั้นเหรอ?!”
หลิงหยุนตะโกนใส่หน้าหลันเจิ้งเหอ “ยอดฝีมือที่เจ้าพามา ทำร้ายแฟนสาวของข้าจนได้รับบาดเจ็บสาหัสนะ..?”
สิ่งที่เหยาลู่ได้รับนั้น มันคือความเจ็บปวดและทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัสที่คนคนหนึ่งจะสามารถทนได้ เหยาลู่ต้องอยู่ในสภาพที่ตายก็ไม่ได้ อยู่ก็ทรมาน!
หลิงยหยุนมองหลันจิ้งเหอด้วยแววตาแค้นเคืองและอาฆาต เมื่อได้ยินว่าเขาจะชดใช้ค่าเสียหายให้เพียงแค่หนึ่งแสน.. ช่างไร้สาระสิ้นดี?!
หลันเจิ้งเหอเห็นสีหน้าและแววตาของหลิงหยุนแล้วถึงกับเหงื่อตก! และรีบร้องขึ้นมาว่า “สาม.. สามแสน?”
หลิงหยุนเริ่มรู้สึกรำคาญ “ดูท่าเจ้าจะไม่รู้ชะตาของตัวเองดีสินะ.. หรือว่ารู้แต่แกล้งโง่? เจ้าคิดว่าข้ากำลังพูดคุยต่อรองธุรกิจกับเจ้าอยู่หรือยังไงกัน?”
หลิงหยุนกวาดสายตามองคนอื่นๆที่กำลังดิ้นขลุกขลักอยู่บนพื้น และพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ชีวิตของคนพวกนั้นรวมถึงชีวิตของเจ้าเอง คิดเอาเองว่าควรจะมีมูลค่าสักเท่าไหร่?!”
หลิงหยุนยังมีเรื่องที่ต้องทำอีกมาก เขาไม่ต้องการเสียเวลากับเรื่องไร้สาระพวกนี้..
หลันเจิ้งเหอกลัวจนหน้าซีดตัวสั่น บ้านเมืองมีกฏหมาย และนี่ก็อยู่ในเมือง คิดจะฆ่าใครก็ได้งั้นหรือ?!
“ให้เขาไป.. เขาอยากได้อะไรก็ให้เขาไป!” ชายวัยกลางคนที่นั่งพิงกำแพงอยู่รีบร้องบอกขึ้นมา เพราะเขาเห็นว่าหากหลันเจิ้งเหอขืนพูดอะไรไร้สาระอีก คงต้องตายกันหมดอย่างแน่นอน!
เมื่อหลันเจิ้งเหอได้ยินเช่นนั้น เขาจึงรู้ตัวว่าต้องเลือกว่าจะรักษาชีวิต หรือจะรักษาทรัพย์สิน เขาจึงรีบคุกเข่าพร้อมกับพูดขึ้นว่า
“ได้โปรดเถอะ.. อย่าฆ่าพวกเราเลย เจ้าอยากได้อะไรข้ายินดีให้ทั้งหมด!”
หลิงหยุนแสยะยิ้ม “ก็ถ้าพวกเจ้าพูดง่ายๆแบบนี้ตั้งแต่แรก ก็คงไม่ต้องลงเอยแบบนี้! ฟังนะ.. กลับไปอยู่ป่าอยู่เขาเหมือนเดิม อย่าคิดจะกลับมาหาเรื่องที่นี่อีก!”
หลันเจิ้งเหอคำนับลงที่พื้นพร้อมกับร้องออกมาอย่างหวาดกลัว “ไม่กล้า.. พวกเราไม่กล้าแล้ว..”
หลิงหยุนไม่ต้องการฟังคำพูดไร้สาระอีกต่อไป “เอาล่ะ.. คราวนี้บอกมาว่าจะชดใช้ให้ยังไง ถ้าเจ้าบอกตัวเลขน้อย ก็เตรียมตัวตายได้เลย!”
ตอนนี้หลันเจิ้งเหอหน้าซีดหน้าเซียวไปหมด “ได้ๆ ข้ามีเงินสดอยู่สองล้านไว้สำหรับซื้อของ..”
“อะไรนะ?! เงินสดแค่สองล้าน? เสียใจด้วย.. เงินจำนวนนั้นเพียงพอสำหรับสองชีวิตเท่านั้น แล้วที่เหลืออีกสิบชีวิตล่ะ?”
เหล่ากุ่ยได้แต่คิดในใจว่า นายน้อยก็สามารถรักษาอาการบาดเจ็บได้ไม่ยาก อีกทั้งค่าตกแต่งร้านก็ไม่น่าจะมากมายสักเท่าไหร่ เงินสองล้านซื้อได้เพียงแค่สองชีวิตเองหรือ?!
“ห๊ะ.. สองชีวิตเหรอ?!” หลันเจิ้งเหอตาโต และเกือบจะลืมความเจ็บปวดที่เกิดจากซี่โครงหักจนสิ้น!
“แต่.. แต่ข้าไม่เงินจริงๆ!”
หลันเจิ้งเหอหันไปมองคนอื่นๆที่อยู่ในบ้าน ทุกคนต่างก็จ้องมองเขาด้วยสายตาวิงวอน..
สายตาวิงวอนเช่นนั้น.. ต่อให้เป็นคนดีหรือคนเลว แต่ก็เป็นคนเหมือนกัน ใครบ้างจะไม่ใส่ใจได้!
หลิงหยุนมองไปรอบๆ แต่ก็แสร้งพูดอย่างไม่สนใจว่า “เอาล่ะ.. ร้านนี้น่าจะมีมูลค่าพอ.. เจ้าทำลายคลีนิคของข้า เจ้าก็ลองคิดเอาเอง..”
คำพูดของหลิงหยุนนั้นใครบ้างฟังแล้วจะไม่เข้าใจความหมาย หลันเจิ้งเหอได้แต่ยิ้มขมขื่น
ร้านของเขามีพื้นที่กว่าหกร้อยตารางเมตรรวมเสื้อผ้าในร้านมูลค่าก็มากกว่ายี่สิบล้าน แต่นั่นก็เทียบไม่ได้กับชีวิตอีกสิบชีวิต!
ในใจของหลันเจิ้งเหอคล้ายโดนมีดกรีด แต่ก็ต้องกัดฟันพูดออกไปว่า “ข้าจะยกร้านนี้ให้เป็นการชดเชยค่าเสียหาย!”
หลิงหยุนยิ้ม “เร็วเข้า.. ถ้างั้นก็รีบบไปเอาเงินสดมา แล้วก็เขียนสัญญามา! ในสัญญาให้ทำเป็นสัญญาซื้อขายว่าข้าซื้อร้านของเจ้าเป็นจำนวนเงินสามสิบล้าน เข้าใจไม๊?”
หลิงหยุนโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้ มีใครบ้างจะกล้าขัดขืน!
“เข้าใจ.. ข้าเข้าใจแล้ว!”
หลันเจิ้งเหอทั้งกลัวทั้งสิ้นหวัง และคิดว่าเป็นเพราะเขาเองที่คิดจะกลับมาแก้แค้น แต่กลับต้องมาพบเจอเทพแห่งปีศาจอย่างหลิงหยุนเข้า เขาอดคิดไม่ได้ว่าหลิงหยุนนั้นน่ากลัวกว่าเทพแห่งปีศาจเสียอีก!
หลันเจิ้งเหอเดินเข้าไปในห้องนอนหยิบเงินสดสองล้านมาให้หลิงหยุน เขารับมาและเรียกมันเก็บเข้าไปในแหวนพื้นที่ทันที
หลันเจิ้งเหอเห็นเงินสองล้านของเขาหายวับเข้าไปในมือของหลิงหยุน ก็ถึงกับตกตะลึงพร้อมกับแอบคิดว่า.. นี่เขาเป็นเทพแห่งปีศาจ หรือว่าเป็นเซียนกันแน่!?
ตอนนี้หลันเจิ้งเหอทั้งหวาดกลัว และตกใจ เขาต้องการออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด และคิดว่าชั่วชีวิตนี้ขอให้ไม่ต้องพบเจอหลิงหยุนอีก!
จากนั้นก็รีบหากระดาษปากกามาเขียนสัญญาซื้อขายร้านและเสื้อผ้าในร้านให้กับหลิงหยุน โดยมีมูลค่าซื้อขายในราคาสามสิบร้านตามคำสั่งของหลิงหยุน
หลับจากเซ็นต์ชื่อและประทับรอยนิ้วมือ หลิงหยุนก็หยิบสัญญาซื้อขายขึ้นมา และเดินกลับไปยืนที่เดิม