ตอนที่ 12 - 2 มรสุมขวางทะเลรัก

เขาสั่งให้ข้าเป็นราชินี [ส่วนที่ 2]

ราชินีแคว้นเซียงเดือดดาลยิ่งนัก นางอดรนทนไม่ไหวแล้ว ไม่สนใจเสียงถามของกษัตริย์แคว้นเซียงอย่างแผ่วเบาว่า “อะไรหรือ” แขนเสื้อสะบัดเพียงครั้ง ก็เดินก้าวใหญ่ไปหาจี้อีฝาน เตรียมที่จะสั่งสอนเจ้าเด็กไม่เคารพพี่สาวผู้นี้ให้เต็มที่ 

 

 

เดิมทีจี้อีฝานมองดูพี่สาวอย่างกังวลอยู่บ้าง ไม่เข้าใจว่านางใช้สายตาเดือดดาลมองตนเองครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยเหตุใด เมื่อมองเห็นพี่สาวเดินเข้ามาอย่างโกรธเคืองยิ่งนัก ก็กระโดดออกไปอีกก้าวหนึ่งด้วยความตกใจ 

 

 

ยามที่เขาก้าวถอยคล้ายรู้สึกว่าผิดปกติ เรือนร่างหวังจะกระโจนขึ้น ทว่าเหยียลี่ว์ฉีที่อยู่ภายในตำหนักพลันดีดนิ้วเพียงครั้ง เสียงฟิ้วพลันดังแผ่วเบา ใต้หัวเข่าของจี้อีฝานเจ็บปวด โซเซร่วงพื้น 

 

 

ก้าวที่สาม! 

 

 

เฟยหลัวหน้าเปลี่ยนสี 

 

 

จิ่งเหิงปัวโยนถ้วยลุกขึ้นยืนทันที 

 

 

แกร๊ก! เสียงแผ่วเบาคล้ายดังขึ้นจากข้างล่างสระโคลนเลน ทว่ายามนี้แววตาของทุกคนต่างถูกราชินีแคว้นเซียงที่พลันโกรธเคืองยิ่งนักดึงดูดไว้ อดจะลุกขึ้นยืนมองไม่ได้ ไม่มีผู้ใดที่ได้ยินเสียงผิดปกติเสียงนั้น 

 

 

จิ่งเหิงปัวนึกอะไรขึ้นมาได้ในทันทีนั้น รีบบอกเหยียลี่ว์ฉีว่า “คิดหาวิธีบอกเหอหว่านให้หลบหนีจากสระโคลนเลนโดยเร็ว! โดยเฉพาะตรงกลางอย่าให้นางได้เข้าใกล้!” 

 

 

เหยียลี่ว์ฉีพยักหน้า ขยับริมฝีปากอย่างเงียบเชียบ จิ่งเหิงปัวแอบคิดในใจว่านี่คือวิชาที่เรียกกันว่าวิชาถ่ายทอดเสียงหรือ? ภายหลังนางต้องเรียนไว้บ้าง 

 

 

เหอหว่านที่อยู่กลางสระโคลนคล้ายได้ยินแล้ว เหลียวมองรอบด้านด้วยความงงงวย จิ่งเหิงปัวประสานสายตากับนาง พยักหน้าเล็กน้อย 

 

 

เหอหว่านชะงักไป จากนั้นคล้ายรู้สึกตัวขึ้นมา ทว่านางไม่ได้หยุดลงตามวาจากำชับของจิ่งเหิงปัว กลับคว้าฝักมีดไว้แน่น เดินก้าวต่อไปข้างหน้า 

 

 

จิ่งเหิงปัวชะงักงัน 

 

 

ยามนี้ราชินีแคว้นเซียงเดินมาถึงข้างกายจี้อีฝานแล้ว ก่อนลงมือกระชากเขาไว้ 

 

 

ยามนี้ยงซีเจิ้งกับเหอหว่านเผชิญหน้ากัน เหลืออีกก้าวเดียวยงซีเจิ้งจะเข้าสู่กลางสระน้ำ 

 

 

ยามนี้กษัตริย์แคว้นเซียงมองดูราชินีอย่างประหลาดใจ 

 

 

ยามนี้ทุกผู้คนกำลังมองดูราชินีหรือเจ้าบ่าวเจ้าสาวคู่นั้น มีเพียงกงอิ้นที่ก้มหน้ามองดูกลางบ่อโคลนเลนโดยตลอด 

 

 

… 

 

 

เพียะ! ยงซีเจิ้งก้าวเข้ากลางสระโคลนก้าวหนึ่ง ใต้ฝ่าเท้าพลันเกิดเสียงประหลาด 

 

 

พอเขาก้มหน้าลง สีหน้าก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย 

 

 

กลางสระโคลนเลนสีเหลืองอ่อนพลันปรากฏระลอกคลื่นรำไร ซ้ำยังคล้ายมีฟองอากาศเหนียวหนับปรากฏขึ้นด้วย 

 

 

ยงซีเจิ้งยกมีดขึ้นโดยพลัน! สะบั้นไปทางเหอหว่าน! 

 

 

ทุกคนร้องอุทาน 

 

 

ขณะนั้นเอง เหอหว่านก็เปล่งเสียงร้องตะโกนออกมาเช่นกัน 

 

 

“ตายเสียเถอะ!” 

 

 

นางชักมือเพียงครั้ง ฝักมีดในมือพลันร่วงหล่น ผุดเผยมีดบางแสงเยือกเย็นวูบวาบพุ่งไปทางยงซีเจิ้งในครั้งเดียว! 

 

 

สวบ! โคลนเลนกระเซ็นทั่วทิศ เงาดำยาวสามฉื่อพลันกระโจนขึ้นมาระหว่างคนทั้งสอง พออ้าปากเขี้ยวยาวดุร้ายเปล่งประกายพุ่งไปทางเหอหว่าน 

 

 

พลั่ก! มีดทื่อที่ยงซีเจิ้งฟาดฟันลงมากระแทกลงบนหลังของเงาดำนั้น สะบั้นเงาดำจนลอยล่อง 

 

 

ฉึก! มีดในมือเหอหว่านแทงเข้าที่ท้องน้อยของยงซีเจิ้ง 

 

 

เวลาและอากาศเยือกแข็งในพริบตาเดียว 

 

 

ทุกผู้คนแข็งทื่อหยุดเคลื่อนไหว 

 

 

มือของราชินีแคว้นเซียงที่คว้าจี้อีฝานไว้หยุดชะงัก 

 

 

จี้อีฝานเงยหน้าขึ้นโดยพลัน เบิกตากว้าง 

 

 

กษัตริย์แคว้นเซียงปากอ้าตาค้าง ยื่นนิ้วมือสั่นเทิ้มออกมาชี้เหอหว่าน 

 

 

ยงซีเจิ้งกุมท้องน้อยไว้ โลหิตจากบาดแผลหลั่งไหลล้นทะลัก เขาเงยหน้าขึ้นจ้องมองเหอหว่านเขม็ง สายตาไร้ซึ่งความอาฆาตแค้น ทว่าท่วมท้นด้วยความเจ็บปวดรวดร้าวด้วยเพราะผิดหวัง 

 

 

สองมือของเหอหว่านเต็มไปด้วยโลหิตแดงฉาน ยืนชะงักงันอยู่กลางสระโคลน 

 

 

เพียงแค่พริบตาหนึ่ง 

 

 

จิ่งเหิงปัวพุ่งออกไปทันที ตะโกนว่า “อ๊าก! องค์หญิง! พระองค์ทรงคิดสังหารสัตว์ประหลาดนั่น พลั้งมือทำให้ราชบุตรเขยบาดเจ็บเสียแล้ว!” 

 

 

เสียงหนึ่งปลุกทุกคนออกจากภวังค์ ครู่นั้นทุกผู้คนฟื้นคืนความมีชีวิตชีวาอีกครั้ง ราชินีแคว้นเซียงผลักจี้อีฝานออก ก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ในแววตาของยงซีเจิ้งมีความหวังสายหนึ่งเฉียดผ่าน จากนั้นเป็นความเศร้าสลดอีกครั้ง เหอหว่านยังคงมองดูมือของตนเองอย่างงงงวย คล้ายไม่อาจรู้สึกตัวขึ้นมาได้เช่นเดิม 

 

 

จิ่งเหิงปัวร้อนรนกระวนกระวาย…เงาดำที่ถูกสะบั้นจนลอยล่องเมื่อครู่พลันกระโจนขึ้นมาอีกรอบ พุ่งไปทางเหอหว่านอีกครั้ง 

 

 

ยามนี้ยงซีเจิ้งบาดเจ็บสาหัส เหอหว่านเหม่อลอย คนที่เหลือต่างอยู่บนฝั่ง ไม่มีใครปกป้องนางได้ 

 

 

จิ่งเหิงปัวพุ่งเข้ามาพลางออกแรงโบกสะบัดสองมือ 

 

 

พลั่ก! เงาดำนั่นถูกโจมตีอีกครั้ง แต่จิ่งเหิงปัวรู้สึกว่าเจ้าตัวนั้นเกลี้ยงเกลาแรงเยอะอย่างยิ่ง หลุดพ้นจากการควบคุมด้วยความคิดของนางอย่างรวดเร็ว ฉวยโอกาสสะบัดเพียงครั้ง พุ่งไปทางกษัตริย์แคว้นเซียงที่อยู่ใกล้ข้างสระโคลนที่สุด! 

 

 

เสียงตะโกนดัง “อ๊าก!” ดังขึ้นเสียงหนึ่ง กษัตริย์แคว้นเซียงล้มลงไปข้างหลัง 

 

 

พอเงาดำนั่นกระโจนแล้วพลันลุกขึ้น อ้าปากเปล่งเสียงดังฟ่อๆ หวังจะกัดลำคอของกษัตริย์แคว้นเซียง 

 

 

กงอิ้นลงมือในที่สุด! 

 

 

แขนเสื้อขาวราวหิมะสะบัดเพียงครั้ง ไอหนาวหอบหนึ่งเยือกแข็งกลายเป็นผลึกน้ำแข็งกลางอากาศอย่างรวดเร็ว เงาดำนั่นคล้ายหวาดกลัวผลึกน้ำแข็งนี้ยิ่งนัก เรือนร่างบิดพลิ้วหลบหลีกผลึกน้ำแข็ง หมอกเทาอึกหนึ่งพุ่งออกมา 

 

 

ขณะนี้เองจิ่งเหิงปัวก็มาถึงพอดี นางวิ่งพลางคิดจะตะโกนให้เหอหว่านหลบหลีก ปากกำลังอ้าอยู่ ไอควันสีเทาอึกนั้นก็พุ่งเข้าสู่กลางลำคอนางโดยตรง 

 

 

ชั่วครู่นั้นนางรู้สึกแค่ว่าหายใจไม่ออก ตั้งแต่ลำคอถึงปอดหายใจไม่ได้ขึ้นมากะทันหัน จากนั้นตรงหน้าก็พลันมืดมิด 

 

 

นางล้มลงเสียงดังตุ้บ ความคิดสุดท้ายก่อนที่จะสลบไสลคือ 

 

 

เจอกงอิ้นครั้งไหนโชคร้ายครั้งนั้น ดวงชะตาของเจ้าคนนี้ไม่ถูกกับฉันจริงด้วย… 

 

 

เงาคนกะพริบวูบอีกครั้ง เหยียลี่ว์ฉีที่ตื่นตระหนกกะพริบกายออกมา มองเห็นจิ่งเหิงปัวล้มลง ก็เอื้อมมือหวังคว้าแผ่นหลังของนาง 

 

 

ลมหนาวสายหนึ่งถาโถมเข้ามาโจมตีมือของเขาออกไปอย่างหนักหน่วง เหยียลี่ว์ฉีฉวยโอกาสหันกายครั้งหนึ่ง เรือนร่างยังไม่ทันได้ยืนให้มั่นคง ก็ถูกกำแพงมนุษย์ที่พุ่งเข้ามาขวางไว้ข้างนอกไกลโพ้นแล้ว 

 

 

องครักษ์ของกงอิ้นปรากฏกายโอบล้อมทั่วทั้งสระน้ำอย่างรวดเร็ว ครอบครองพื้นที่สำคัญหลายส่วนก่อนองครักษ์ของพระราชวังก้าวหนึ่ง 

 

 

เขากำลังคิดจะฝ่าวงล้อม เสียงเยือกเย็นของกงอิ้นจากภายในกำแพงมนุษย์แว่วมาแล้วว่า “ผู้ใดบุกรุกเข้ามาเพียงก้าวเดียว เปิ่นจั้วจะโยนตัวประกันลงกลางสระโดยพลัน” 

 

 

เหยียลี่ว์ฉีได้แต่ยืนนิ่งไม่ขยับเขยื้อน เหลียวซ้ายแลขวาผ่านกำแพงมนุษย์ด้วยความร้อนใจดั่งไฟแผดเผา มองไม่เห็นว่าจิ่งเหิงปัวเป็นอย่างไรบ้างแล้ว 

 

 

เหล่าขุนนางวิ่งออกมาอย่างตื่นตะลึง ชุมนุมกันอยู่นอกกำแพงองครักษ์ของกงอิ้น ชะโงกหน้าชะเง้อคอด้วยความกระวนกระวาย ไม่รู้ว่าข้างในเป็นอย่างไรกันแน่ 

 

 

หลายคนข้างสระน้ำต่างคนต่างตื่นตระหนก 

 

 

กษัตริย์แคว้นเซียงล้มลงบนพื้นลุกขึ้นมาไม่ได้ สีหน้าเขียวคล้ำ ราชินีแคว้นเซียงพุ่งเข้าไปหวังจะกอดศีรษะของเขาไว้พลางร้องเรียก กลับถูกสายตาเย็นเยียบของกงอิ้นจ้องเขม็ง ชักมือกลับไม่กล้าขยับเขยื้อน เหลียวซ้ายแลขวาอย่างหวาดกลัว 

 

 

องครักษ์หลายนายลงสระโคลนประคองยงซีเจิ้งออกมา โลหิตแดงฉานของเขาย้อมโคลนเลนข้างกายให้กลายเป็นสีแดงแล้ว 

 

 

เขามองดูเหอหว่านอยู่ตลอด สายตาเศร้าสลดทว่าเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ เหอหว่านมองดูบาดแผลของเขาอย่างงงงวยโดยตลอด มองดูโคลนเลนแดงเข้ม จากนั้นมองดูมือที่เต็มไปด้วยโลหิตแดงฉานของตนเอง 

 

 

ความรู้สึกเลือนรางพร่ามัวในสมองก่อนหน้านี้ได้หายไปแล้ว ในที่สุดนางจำได้อย่างชัดเจนแล้วว่าเกิดเรื่องใดขึ้น จำได้ว่าตนเองชักมีดใส่ยงซีเจิ้งหวังที่จะสังหารเขาให้สิ้นชีพ หากเขาสิ้นชีพนางจะได้ครองรักครองเรือนกับจี้อีฝานแล้ว ครู่หนึ่งที่ชักมีดออกมานั้น นางก็มองเห็นยงซีเจิ้งชักมีดออกมาเช่นกัน ในใจยังยินดีเป็นล้นพ้น…คราวนี้นางก็มีเหตุผลให้ลงมือจัดการเขาแล้ว! คราวนี้ยอมบาดเจ็บสักหน่อยย่อมยกเลิกการหมั้นหมายได้แล้ว… 

 

 

ทว่าสุดท้าย ผลลัพธ์กลับเป็นเช่นนี้ 

 

 

ผู้ที่นองเลือดไม่ใช่นาง ทว่าเป็นยงซีเจิ้ง 

 

 

บุรุษผู้นี้ยกมีดขึ้นเพื่อขจัดอันตรายแทนนาง 

 

 

ทว่าครู่หนึ่งนั้น นางกลับแทงมีดเข้ากลางท้องของเขา 

 

 

ในใจนางคล้ายสับสนวุ่นวาย เต็มไปด้วยความรู้สึกที่ไม่อาจเข้าใจได้ ซ้ำยังคล้ายว่างเปล่าขาวโพลน หลงเหลือเพียงมีดซึ่งใกล้จะคลุ้มคลั่งครู่หนึ่งนั้น 

 

 

“ตรงนี้มีโพรง!” องครักษ์พบกลไกข้างใต้สระโคลน เท้าเหยียบย่ำพื้นผิวตรงกลาง 

 

 

“ระวัง!” มีคนลากเขาออกไปโดยพลัน ร้องว่า “ระวังมันโผล่ออกมาอีกตัวหนึ่ง” 

 

 

“เหอหว่าน!” จี้อีฝานกระโดดลงสระ โอบนางไว้ในอ้อมแขน ร้องว่า “รีบออกมา! กลางสระอาจยังมีอันตราย” 

 

 

เหอหว่านไม่ได้ร่าเริงเฉกเช่นยามปกติ ซบหน้าร้องไห้โฮตรงหัวไหล่เขาโดยพลัน นางยังคงงงงวย ร่างกายแข็งทื่อยิ่งนัก 

 

 

ยงซีเจิ้งที่ถูกประคองขึ้นฝั่งหลับตาลง คล้ายไม่อยากมองภาพฉากนี้อีกแล้ว 

 

 

ท่ามกลางทุกผู้คน ผู้เป็นปกติโดยสิ้นเชิงมีเพียงกงอิ้น 

 

 

เขามองดูหญิงชายโง่เขลาที่ติดอยู่กลางรักสามเส้าเหล่านี้อย่างเฉื่อยเนือย ความรู้สึกในแววตาคล้ายเหินห่างคล้ายรังเกียจ 

 

 

ใต้ฝ่าเท้าเขามีสิ่งของสีดำสายหนึ่งม้วนขดอยู่ เมื่อครู่จู่โจมเหอหว่านเป็นคนแรก จากนั้นทำให้กษัตริย์แคว้นเซียงตกใจจนล้มลง สุดท้ายพ่นหมอกเทาอึกหนึ่งจนจิ่งเหิงปัวล้มลง นั่นคือของสิ่งนี้ 

 

 

กงอิ้นมองจิ่งเหิงปัวอย่างเย็นชาปราดหนึ่ง เอ่ยว่า “คนนี้คือผู้ใด?” 

 

 

“เรียนนายท่าน น่าจะเป็นเซ่าซือแห่งแคว้นอวี่นามปั๋วหันขอรับ” 

 

 

“คนผู้นี้น่าสงสัย คุมขังไว้ก่อน ประเดี๋ยวค่อยสอบสวน” น้ำเสียงของกงอิ้นแน่วแน่เหลือเกิน 

 

 

เหอหว่านมองจิ่งเหิงปัวโดยละเอียด ในสายตามีความสงสัยสายหนึ่งเฉียดผ่าน เพิ่งคิดอยากจะเอ่ยวาจา ทว่ากลับถูกสายตาของกงอิ้นขัดขวางไว้ 

 

 

จิ่งเหิงปัวถูกหามลงไปแล้ว ยามนี้ไม่มีผู้ใดห่วงใยสภาพร่างกายของนาง ทุกคนต่างจ้องมองกลางลานกว้างเขม็ง 

 

 

มีเพียงเหยียลี่ว์ฉีที่หัวคิ้วขมวดขึ้นเล็กน้อย รู้สึกว่าการกระทำของกงอิ้นแปลกประหลาดอยู่บ้าง 

 

 

เขามองไปที่กลางลานกว้างปราดหนึ่ง…หากเป็นไปตามคาดการณ์ ประเดี๋ยวเฟยหลัวคงจะโชคร้ายแล้ว