บทที่ 441

บทที่ 441

ภายใต้การกดดันของถังหยิน กู่เฟิงก็ได้แต่เลือกที่จะเข้าร่วมกองทัพเฟิง ซึ่งนี่มันก็ทำให้ชายหนุ่มดีใจมาก ที่เขากำลังจะได้ข้อมูลของพวกซ่งเทียนจากแม่ทัพคนนี้ !

ถังหยินพูดกับเขา “แม่ทัพกู่ การป้องกันของเมืองจางหยูเป็นเช่นไร ?”

กู่เฟิงตอบ “หนาแน่นมากทั้งในด้านเสบียงและยุทโธปกรณ์” เขาเริ่มพูดอธิบายเรื่องราวทั้งหมดในขณะที่จีหยิงมองชายวัยกลางคนผู้นั้นด้วยความสงสัยแล้วหันไปมองหลีเทียน

ส่วนหลีเทียนก็กำลังฟังข้อมูลพวกนั้นอย่างครุ่นคิด เขาไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม แต่ในค่ายตอนนี้เงียบสงัดไปหมดราวกับว่าทุกคนกำลังตั้งใจฟังเรื่องที่กู่เฟิงกำลังพูดอยู่

จีหยิงไม่ได้พูดอะไร เขาส่ายหัวอย่างแผ่วเบา ทำให้หลีเทียนเข้าใจว่าจีหยิงมีบางอย่างจะคุยด้วย ทว่าเขาเองก็อยากจะฟังเรื่องของกู่เฟิงเหมือนกัน ด้วยไม่อยากพลาดโอกาสนี้ไป แต่จีหยิงก็ดูเหมือนจะไม่ยอมแพ้ หลีเทียนที่เห็นแบบนั้นจึงได้แต่จำใจเดินออกไปพร้อมกับเขา

ถังหยินที่เห็นแบบนั้นก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร เขาปล่อยทั้งสองไป

เมื่อเดินออกมาหลีเทียนก็ถามจีหยิง “แม่ทัพจีหยิง เจ้าต้องการอะไรจากข้าหรือ ?”

จีหยิงดึงตัวหลีเทียนไปด้วยกัน เมื่อเห็นว่าไกลจากค่ายแล้วก็ถาม “แม่ทัพหลีเทียน ท่านทราบหรือไม่ว่าครอบครัวของแม่ทัพกู่เฟิงอยู่ที่ใด ?”

“ก็น่าจะอยู่ในเมืองจางหยูล่ะมั้ง ?” หลีเทียนตอบ

“งั้นถ้าเกิดว่ากู่เฟิงเข้าฝั่งกับเราแล้ว นั่นมันก็หมายความว่าครอบครัวของเขาก็ไม่รอดน่ะสิ ?”

หลีเทียนเพิ่งจะนึกขึ้นมาได้ตามคำพูดนี้ “จริงด้วย ถ้าแบบนั้นเราคงมีปัญหาเสียแล้ว เพราะที่เมืองจางหยูนั้นไม่มีคนของข้าเลยสักคน ถ้าคิดช่วยก็คงลำบากน่าดู…”

จีหยิงโบกมือเป็นเชิงห้ามก่อนจะพูดขึ้น “นั่นไม่ใช่ประเด็นท่านหลีเทียน เพราะท่านไม่คิดว่ามันแปลกหรือ ? กู่เฟิงจะเข้าร่วมกับเราแต่เขายังไม่เคยพูดถึงครอบครัวตัวเองเลยสักครั้ง”

“หืม… หรือพอจะเป็นไปได้ไหมว่าเขาลืมไป ?” หลีเทียนหาทางแก้ต่าง

จีหยิงหัวเราะ “เป็นไปไม่ได้หรอก มีหรือที่คนเป็นหัวหน้าครอบครัวจะไม่พูดถึงลูกเมียตัวเอง ?”

“บางทีเขาอาจจะไม่สนใจครอบครัวตัวเองแล้วก็ได้”

“ทว่าเขาก็ไม่น่าจะเย็นชาขนาดนั้น… นี่มันผิดปกติ มันต้องมีอะไรผิดปกติอย่างแน่นอน !!!”

มันคงเป็นเรื่องดีที่หน่วยข่าวกรองสามารถช่วยครอบครัวของกู่เฟิงออกมาได้ แต่ในเมื่อไม่มี และอีกฝ่ายไม่พูดถึง งั้นแล้วมันก็ถือว่าน่าประหลาดแล้ว !!

ด้วยทันทีที่กู่เฟิงยอมเข้าร่วมกับถังหยิน มันก็เหมือนกับว่าเขาลืมครอบครัว พ่อแม่พี่น้อง ภรรยา และลูกของตัวเองที่เมืองจางหยูไปเสียสิ้น ซึ่งมันก็ทำให้จีหยิงคิดว่ามันง่ายดายเกินไป

หลีเทียนไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาครุ่นคิดดูอีกครั้งก่อนพบว่ามันฟังดูมีเหตุผลขนาดไหน และเมื่อคิดได้แบบนั้น เขาก็พลันกลอกตาไปมาแล้วจึงหันมองจีหยิงด้วยท่าทีเคร่งเครียด “แม่ทัพจีหยิงหมายความว่า…”

“ชู่ว !” จีหยิงเอามือปิดปากหลีเทียนแล้วมองไปรอบๆ “อย่าเพิ่งเสียงดัง พวกเรายังไม่มีหลักฐานใด ถ้ากู่เฟิงหลอกเราจริง ๆ พวกเราก็ต้องคอยสังเกตให้ดีโดยไม่ทำให้อีกฝ่ายรู้ตัว”

หลีเทียนพยักหน้าให้แล้วถอยออกมาก้มหัวให้กับจีหยิง “แม่ทัพจีหยิงช่างเป็นแม่ทัพที่เก่งกาจจริง ๆ! ถ้าท่านไม่พูดถึงเรื่องนี้พวกเราคงจะถูกหลอกไปแล้ว”

จีหยิงหัวเราะแล้วก้มหัวให้ “เจ้าก็พูดเกินไป ไม่จำเป็นต้องพูดแบบนั้นหรอก”

ทั้งสองตกลงกันเสร็จสิ้นแล้วและกลับเข้ามา ทำให้พบว่ากู่เฟิงนั้นกำลังพูดถึงเรื่องการป้องกันของเมืองจางหยูอยู่เช่นเดิม เพียงแต่ว่าครั้งนี้มีการระบุตำแหน่งเพิ่มเติมลงไปในแผนที่ด้วย

ถังหยินมองแผ่นที่นั้นอย่างสนใจเพราะรายละเอียดที่อัดแน่นและคำอธิบายพวกนี้มีประโยชน์ยิ่ง ด้วยมันทำให้การโจมตีรอบถัดไปของพวกเขาง่ายขึ้นมาก !

เมื่อถึงเวลาทานมื้อเที่ยง ถังหยินก็พลันสั่งให้ทหารยามออกไปจัดหาที่อยู่อาศัยให้กับกู่เฟิง

และหลังจากพวกแม่ทัพออกไป เขาก็มองแผนที่ของกู่เฟิงแล้วคิดว่ามันต่างจากที่คิดเอาไว้มาก

ซึ่งเมื่อชายหนุ่มกำลังมองมันอีกครา ก็พลันมีเสียงคนเรียกเขาขึ้นมาเสียก่อน “นายท่าน”

“หืม ?” สายตาเขายังไม่ละจากแผนที่ทั้ง ๆ ที่ขาลรับคำไปแล้ว

“นายท่าน !”

“อะไรเล่า ?” ถังหยินหันมองจีหยิงและหลีเทียนที่ยืนอยู่อย่างไม่ค่อยพอใจเท่าใดนัก “พวกเจ้าไม่ไปหาอะไรกินหรือไง ?”

ทั้งสองมองหน้ากันแล้วพูดขึ้น “นายท่านคิดยังไงกับกู่เฟิง ?”

ถังหยินประหลาดใจกับประโยคนี้มาก ก่อนที่เขาจะเข้าใจความหมายที่อยู่เบื้องหลังของมัน “เจ้าถามทำไม ?”

หลีเทียนสูดหายใจแล้วอธิบายทุกอย่างที่เขาคุยกับจีหยิงจนหมด ด้วยหลีเทียนเป็นคนที่ถังหยินไว้ใจมาก ชนิดที่ว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาเป็นไปได้ด้วยดีจนไม่จำเป็นต้องกังวลว่าจะเกิดอะไรขึ้น

เมื่อได้ยินเรื่องราวทั้งหมดแล้ว ถังหยินก็พลันเปลี่ยนสีหน้าอย่างรวดเร็ว ดวงตาของชายหนุ่มขมวดแน่นหันมองจีหยิงด้วยความประหลาดใจ เพราะเขาเองก็เห็นด้วยกับสิ่งที่จีหยิงพูดและคิดว่าตนตัดสินใจเร็วเกินไป

ระหว่างที่คิด ดวงตาของชายหนุ่มก็พลันเปล่งแสง เช่นเดียวกับมือของเขาที่กำแผนที่แน่น

“บ้าเอ้ย !” ถังหยินยืนขึ้นเตะโต๊ะจนกระเด็นไป

การกระทำดังกล่าวทำให้ทั้งสองตกใจจนก้มคุกเข่าลงไปทันที ส่วนพวกทหารยามที่ได้ยินเสียงโครมครามต่างก็รีบวิ่งเข้ามาเพราะคิดว่ากำลังเกิดเรื่อง

ถังหยินที่กำลังโกรธจัดเมื่อเห็นทหารยามเข้ามาเขาก็พยายามเก็บอารมณ์เอาไว้แล้วตะโกนสั่ง “ออกไปซะ !”

พวกทหารมองหน้ากันก่อนจะรีบออกไป

ถังหยินถือแผนที่ของกู่เฟิงแล้วพูดกับหลีเทียน “นี่มันเป็นของหลอกลวงแน่ ๆ! ไอ้แก่เจ้าเล่ห์เอ้ย !”

ชายหนุ่มพยายามควบคุมอารมณ์โกรธ จากนั้นจึงหันไปพูดกับหลีเทียน “ไปบอกเฉิงจินให้ไปจับตัวเขาไว้ซะ”

ก่อนจะพูดจบเขาก็มองไปเห็นจีหยิงที่หยิบแผนที่ขึ้นมา และด้วยความรำคาญจึงได้พูดออกไปว่า “จีหยิง เจ้าก็รู้ว่ากู่เฟิงมันโกหก ดังนั้นแล้วเจ้าจะดูแผนที่ไปทำไม ?”

จีหยิงเงยหน้าบอกกับเขา “นายท่าน สิ่งที่ข้าคิดมามันก็เป็นแค่การคาดเดาเท่านั้น ต่อให้ข้าพูดถูกท่านก็ไม่ควรจะจัดการกู่เฟิงเร็วแบบนี้ควรจะรอดูเจตนาที่แท้จริงของอีกฝ่ายเสียก่อน เอาไว้เมื่อถึงเวลานั้นท่านจะได้ลงโทษเขาด้วยตัวเอง …และแม้ว่าในตอนนี้ท่านอยากจะฆ่าเขามากขนาดไหนก็ตาม ท่านก็ต้องพยายามระงับมันเอาไว้ก่อน !”