บทที่ 90 สิ่งที่ข้าเห็น

ท่องภพสยบหล้า

เพราะข้อจำกัดของสถานที่ รวมกับไป๋เหลียนอยู่ด้วยจึงไม่สะดวกที่จะฝึกเคล็ดวิชาหลอมกายาสี่สัตว์เทพ

หลังจากเสร็จสิ้นการฝึกฝนทะลวงชีพจร เจียงวั่งก็เริ่มฝึกฝนเคล็ดวิชาควบคุมปราณ จัดเรียงรากฐานพลังเต๋าในจุดผ่านสวรรค์ประเดี๋ยวเป็นอักษร ‘อัน’ ประเดี๋ยวเป็นอักษร ‘วั่ง’ มีความสุขจนไม่รู้จักเหนื่อย

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไรก็ได้ยินเสียงคนมาแว่วๆ

เจียงวั่งออกมาจากสภาวะฝึกฝน หันไปมองทางไป๋เหลียน

ไป๋เหลียนส่งสัญญาณให้เขาเงียบๆ

เสียงคนใกล้เข้ามาเรื่อยๆ

“มารดามันสิ! ทำเรื่องแบบนี้ทุกวัน ข้ามากรมอาญาไม่ใช่เพื่อมาเป็นนายพรานนะ” เสียงหนึ่งพูดขึ้นมา

อีกเสียงหนึ่งเอ่ยปลอบว่า “พูดให้น้อยหน่อยเถอะน่า”

เสียงที่พูดขึ้นก่อนหน้านี้ดังขึ้นอีกว่า “เขาไม่อยู่สักหน่อย กลัวอะไร”

ถึงจะพูดแบบนี้แต่เสียงของเขาก็เบาลงอย่างเห็นได้ชัด

เจียงวั่งใจกระตุกวูบ นายพรานหมายความว่าอย่างไรกัน พวกเขาล่าสัตว์ร้ายที่นี่หรือ แต่เหมือนจะไม่ได้ยินเสียงการต่อสู้อะไร ก่อนหน้านี้เจ้าหรู่เฉิงบอกว่ามีคนขัดขวางโต้วเยวี่ยเหมยกวาดล้างภูเขา คนคนนั้นยังอยู่หรือไม่ กรมอาญา…คนบนยอดเขาหยกสมดุลเป็นคนของราชสำนักจวง สัตว์ร้ายที่อาละวาดในเมืองซานซานเกี่ยวกับราชสำนักจวงจริงๆ ด้วย!

ความคิดในสมองวุ่นวายสับสน เสียงของสองคนนั้นใกล้เข้ามาเรื่อยๆ บางทีคงจะมุ่งหน้าไปยังยอดเขา

เจียงวั่งนิ่งไม่ขยับ ไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียวทำตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด พลางศึกษาจุดประสงค์ของไป๋เหลียน จวบจนกระทั่งตอนนี้เขาก็ยังไม่รู้ว่านางจะทำอะไร แต่เกี่ยวพันกับความลับบนยอดเขาหยกสมดุล เกี่ยวพันกับราชสำนักจวง ทำให้เขาคิดมากขึ้นอย่างไม่ได้

เสียงฝีเท้าหยุดลงที่นอกถ้ำ ผู้บำเพ็ญท่าทางเหนื่อยอ่อนสองคนมาปรากฏขึ้นในครรลองสายตา

คนหนึ่งรูปร่างสูงชะลูด อีกคนหนึ่งมีหนวดเครารกรุงรัง

พวกเขาถือของที่ลักษณะเหมือนกรงหนึ่งเอาไว้ทั้งคู่ พวกเขาล้วนจ้องมองพวกเจียงวั่ง

พวกเขาอึ้งตะลึง เจียงวั่งก็อึ้งตะลึงไปเหมือนกัน

“พวกเขาเห็นเราแล้ว!” เจียงวั่งพูด

“นั่นก็ชัดอยู่แล้วไม่ใช่หรือ” ไป๋เหลียนเอ่ย

“พวกเราไม่ได้วางจานค่ายกลแล้วหรอกหรือ”

“อ้อ จานค่ายกลอันนี้น่ะหรือ ก็รู้สึกว่าเก็บไว้กับอกช่างหนักนัก จึงเอาออกมาวางไว้ที่นั่น”

“……”

“…”

เจียงวั่งข่มอารมณ์เพิ่งจะชักกระบี่ออกมา ไป๋เหลียนกลับลอยออกไปนอกถ้ำแล้ว

นางในตอนนี้ไม่ได้คลุมหนังสัตว์แล้ว ร่างอรชรอ้อนแอ้นยิ่งไม่อาจปกปิดได้ ตัวคนอยู่กลางอากาศ ก็เป็นทิวทัศน์อย่างหนึ่งเช่นกัน

นางยื่นสองมือไปแตะยังหว่างคิ้วของผู้บำเพ็ญทั้งสองอย่างแผ่วเบา

ความจริงแล้วผู้บำเพ็ญทั้งสองตอบโต้ออกมาในทันที แต่วิชาเต๋ายังไม่ทันจะก่อตัวก็แตกสลาย

พวกเขาเหมือนจะตะโกนอะไร ทว่าเสียงก็ถูกพลังบางอย่างลบล้างไป

ผู้บำเพ็ญทั้งสองตัวอ่อนยวบลงไปบนพื้น ไป๋เหลียนก้มตัวลงเก็บกรงสองกรงนั่นขึ้นมา

“ท่านฆ่าพวกเขาหรือ” เจียงวั่งถาม

หากเขาไม่ได้ฟังผิดแล้วล่ะก็ ผู้บำเพ็ญทั้งสองคนนี้มาจากกรมอาญา ในความหมายหนึ่ง พวกเขาเป็นหนึ่งในพลังขั้นเหนือมนุษย์ที่ปกป้องความมั่นคงของรัฐจวง ฆ่าพวกเขาทิ้งไม่ใช่สิ่งที่เจียงวั่งอยากเห็นแน่นอน

“แค่สลบไปเท่านั้น ข้าจะไปโง่ขนาดนั้นได้อย่างไร” ไป๋เหลียนหัวเราะ “หากเจ้าเกลียดข้าขึ้นมาจะทำอย่างไร”

เจียงวั่งไม่อาจรับมือกับการหยอกล้อที่เหมือนมีแต่ก็เหมือนไม่มีเหล่านี้ได้เลย เพียงพูดขึ้นมาว่า “ต่อไปพวกเราต้องทำอะไร”

ไป๋เหลียนสองมือถือกรงเอาไว้ เดินกลับมาอย่างสบายๆ

นางยื่นกรงใบหนึ่งมาข้างหน้าเจียงวั่ง “ดูสินี่คืออะไร”

ในกรงใบนั้นมีสัตว์ร้ายขนาดเล็กมากมาย มองให้ละเอียดแล้วทุกตัวล้วนขยับอยู่ ไม่ใช่สัตว์ตาย

“นี่คืออะไร” เจียงวั่งไม่ปกปิดความโลกแคบรู้น้อยเห็นน้อยอย่างเด็กบ้านนอกคนหนึ่งเลย

ไม่ใช่เขาไม่ขยัน เพียงแต่เขาไม่เหมือนที่เกิดมาได้เปรียบ เกิดมาก็มีชีวิตอยู่ในทิวทัศน์แล้ว

แต่นี่ก็ไม่ได้มีอะไรน่าเสียดายหรือน่าสงสาร เพราะเขาก็เดินอยู่บนถนนชมทิวทัศน์แล้ว

“กรงสัตว์ไงเล่า!” ไป๋เหลียนแกว่งกรงไปมา สัตว์ร้ายในนั้นก็แตกตื่นขึ้นมา พุ่งชนไปมา

“เหมือนกับกล่องเก็บวัตถุแบบนั้น เพียงแต่ในนี้มีแต่สัตว์ร้ายที่ยังมีชีวิตอยู่ใช่หรือไม่”

วัตถุล้ำค่าหายากอย่างกล่องเก็บวัตถุระดับนั้นเหมือนกับเทพนิยาย เจียงวั่งแม้จะไม่เคยมีในครอบครอง แต่ก็ได้ยินมานับครั้งไม่ถ้วน ความอัศจรรย์ที่เก็บหมื่นสรรพสิ่งไว้ในกล่องหนึ่ง ก็เคยเป็นสิ่งที่เขาเฝ้าใฝ่ฝันหามาเช่นกัน

ไป๋เหลียนพยักหน้า ยื่นมือขึ้นเอ่ยว่า “ถือไว้”

เจียงวั่งรับกรงสัตว์ทั้งสองใบมา เอามาไว้ข้างหน้าดูอย่างละเอียด แล้วถามขึ้นว่า “คนของกรมอาญามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร พวกเขาจับสัตว์ร้ายมากมายขนาดนี้เพื่ออะไร”

ไป๋เหลียนกลับไม่ตอบ ก้าวเข้าไปในถ้ำ

“เดี๋ยวก่อน แมงมุมภูเขานอนอยู่ในนั้นไม่ใช่รึ”

ไป๋เหลียนหมุนตัวกลับมา เอียงคอมองเจียงวั่ง “ทำไมแมงมุมภูเขาจะนอนอยู่ในนี้”

“ท่านไม่ได้บอกว่า…ที่นี่เป็นรังของแมงมุมภูเขาหรือ”

“ข้าบอกว่าอะไรก็ต้องเป็นอย่างนั้นรึ” ไป๋เหลียนแค่นเสียงขึ้นจมูกพลางหมุนตัวกลับไป “หลอกง่ายขนาดนี้ระวังวันหน้าจะถูกปีศาจสาวจับตัวเอาไปกินไม่เหลือซาก”

เจียงวั่ง “…”

เขาไม่ได้โง่ เพียงแต่ไป๋เหลียนเป็นผู้มีพระคุณช่วยชีวิตเขา และก็แสดงความเป็นมิตรมาโดยตลอด เขาไม่มีเหตุผลต้องสงสัยนาง โดยเฉพาะเรื่องเล็กๆ แบบนี้

ทำให้เขาเห็นผู้บำเพ็ญสองคนจากกรมอาญาเดินมาที่ถ้ำแห่งนี้ด้วยตาตัวเองก็ไม่ได้คิดมุมอื่น

เดินเข้าไปข้างใน ไป๋เหลียนหยินเอาโคมนภากระจ่างดวงหนึ่งออกมา ควบคุมเล็กน้อยให้มันลอยอยู่ข้างหน้าพวกเขาทั้งสอง

ส่วนภายในของถ้ำที่กว้างขวางก็มาปรากฏต่อหน้าเจียงวั่ง

ที่นี่ไม่มีร่องรอยมนุษย์มากเท่าใดนัก แต่อุโมงค์ถ้ำสลับซับซ้อน ทอดตัวไปไกลลึกไม่รู้เท่าไรประดุจเขาวงกต

ไป๋เหลียนคุ้นเคยเป็นอย่างยิ่ง เลือกอุโมงค์หนึ่งอย่างไม่ลังเลแล้วเดินเข้าไป

ทั้งสองเดินลัดเลี้ยวไปมา เดินทางไกลได้ระยะหนึ่ง เบื้องหน้าก็พลันสว่างจ้า!

นี่เป็นหุบเขากว้างใหญ่แห่งหนึ่ง มองไม่เห็นปลายทาง ในหุบเขามีต้นไม้มีก้อนหิน มีดอกไม้มีต้นหญ้า แต่ไม่ได้ทำให้คนรู้สึกถึงความงดงาม กลับชวนให้อารมณ์อึดอัด เป็นความรู้สึกหงุดหงิดอย่างหนึ่ง

สองฝั่งผนังภูเขามีถ้ำมากมายเช่นกัน พวกเจียงวั่งอยู่ในถ้ำแห่งหนึ่ง

เจียงวั่งคิดในใจ บางทีในอุโมงค์เหล่านั้นเมื่อครู่ หลายอุโมงค์คงตรงมายังหุบเขาแห่งนี้

“เปิดกรงสัตว์แล้วเทมันลงไป” ไป๋เหลียนบอก

“อ้อ”

เจียงวั่งศึกษามันตั้งนานแล้ว ก็วางกรงสัตว์ข้างขวาทันที ถือกรงที่มือซ้ายเอาไว้ ประตูกรงเล็งไปที่หุบเขาด้านล่าง แล้วเปิดประตูกรง

“โฮก!จิ๊บ!แกว๊ก!จี๊ด!”

เสียงสัตว์นับไม่ถ้วนคำรามดังข้างหู สัตว์ป่าประดุจคลื่นทะลักออกมาจากกรง เสี้ยวพริบตาที่พุ่งออกมาก็กลับสู่ขนาดปกติทันที จากนั้นก็ร่วงลงไปในหุบเขาข้างล่าง

พวกนี้ล้วนเป็นสัตว์ป่าธรรมดา มีสิงโต เสือ หมี เสือดาว และก็มีนก หมาป่า กระต่าย พวกมันมีทั้งอ่อนโยน มีทั้งดุร้าย แต่ก็ล้วนเป็นสัตว์ทั่วไป

ในตอนที่พวกมันร่วงลงไปในหุบเขา เรื่องน่ากลัวก็เกิดขึ้นแล้ว

ก่อนอื่นคือดวงตา ดวงตาของสัตว์พวกนี้แทบจะเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำทันที

กระต่ายเขี้ยวงอกออกมาอย่างรวดเร็ว นกน้อยกรงเล็บคมกริบดุจมีด…บางตัวร่างกายขยายใหญ่ขึ้น บางตัวจู่ๆ มีเขาแหลมงอกออกมา

เจียงวั่งเห็นกับตาตัวเอง

สัตว์ป่าพวกนี้…แปรเปลี่ยนเป็นสัตว์ร้าย!

สัตว์ร้ายที่ไม่มีปัญญาแม้แต่น้อย สิ่งที่ดุร้าย เหี้ยมโหด ประดุจฝันร้าย

สัตว์ร้ายที่แทบจะทำลายเมืองซานซานจนสิ้นซาก อาละวาดทุกเขตปกครองในรัฐจวง

พวกมัน…แปรเปลี่ยนมาจากสัตว์ป่าธรรมดาๆ!

โดยคนของกรมอาญาจับมันมา และทำการแปรเปลี่ยนสภาพอย่างสมบูรณ์ที่หุบเขาแห่งนี้

นี่เป็นความลับอันยิ่งใหญ่ และยิ่งไปกว่านั้นมันเป็นความจริงที่โหดร้ายนัก

………………………………………………………