กู้ชูหน่วนเอ่ย “ฉะนั้น ตั้งแต่แรกหัวหน้ากองธงกล้วยไม้ก็คิดจะกวาดล้างหมู่บ้านสายธารอยู่แล้ว”

ร่างกายเย่เฟิงสะดุด เกือบจะยืนไม่ติด

เขารู้อยู่แล้วเชียว ถึงเขาจะเอากระดิ่งทลายวิญญาณกลับไป หัวหน้ากองธงกล้วยไม้ก็ไม่ยอมปล่อยเขาอยู่ดี

ไม่ว่าวันนั้นเขาจะเอากระดิ่งทลายวิญญาณกลับไปได้หรือไม่ หัวหน้ากองธงกล้วยไม้ก็ตัดสินใจจะฆ่าล้างชาวบ้านทั้งหมู่บ้านอยู่แล้ว

ต้องโทษเขา…

ต้องโทษเขา เขาไม่ควรพาท่านยายมาอยู่ที่นี่

หากเขาไม่มา ที่นี่ก็จะไม่เกิดเรื่อง

กู้ชูหน่วนมองเย่จิ่งหานที่หน้าขรึม แล้วเอ่ยต่อ “ฉะนั้น ตั้งแต่หัวหน้ากองธงกล้วยไม้ปรากฏตัวที่วัดเมฆขาว เย่จิ่งหานก็ให้คนรีบมาช่วยปกป้องหมู่บ้านนี้แล้ว เพียงแต่ช้าไปก้าวหนึ่ง”

เซียวหยู่เซวียนไม่ค่อยรู้สถานการณ์ จึงได้แต่เอ่ย “เมื่อวานลูกน้องของเทพสงครามก็มาถึงแล้ว แต่น่าเสียดายที่ยังช้าไป”

คลืนๆ…

เมฆดำรวมตัวแน่นขนัด สายอัสนีฟาดผ่าต่อกันเนืองๆ

ประหนึ่งรู้จิตใจของพวกเขา สวรรค์ก็หลั่งน้ำตาด้วย พิรุณโปรยปรายดังสนั่น ตกมาที่เลือดศพบนพื้น และตกมายังหัวใจของเย่เฟิงกับคนอื่นๆ ด้วย

น้ำฝนและเลือดรวมกันเป็นสายธารที่ใหญ่กว่าเดิม ลดเลี้ยวไม่ขาดสาย

ชิงเฟิงและเจี่ยงเสวียกางร่มให้เย่จิ่งหาน

เย่จิ่งหานขยับฝีปากคิดจะให้เจี่ยงเสวียเอาร่มไปให้กู้ชูหน่วน แต่ฝูกวงกลับชิงตัดหน้าไปก่อน

ท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก เย่เฟิงขาอ่อนล้มทรุดคุกเข่าลงร่ำไห้ตรงหน้าชาวบ้านที่เสียชีวิต

เขาตำหนิตัวเองและรู้สึกผิด พยุงศพที่ล้มอยู่กลางสายธารโลหิตขึ้นด้วยมือที่สั่นระริกสองข้าง จากนั้นก็วางพวกเขาเรียงกัน

แล้วใช้มือทั้งสองของตัวเองขุดหลุมใหญ่ที่หน้าหมู่บ้าน

สิบนิ้วขุดจนเลือดออกเต็มไปหมด แต่เย่เฟิงกลับไม่มีความรู้สึก เพียงแต่ขุดด้วยความด้านชา ซ้ำการกระทำเดิมๆ

ในช่วงที่ฝนตก หลุมที่เขาขุดถูกน้ำชะไปอย่างรวดเร็ว แต่เขาก็ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ขุดใหม่อีกครั้ง ราวกับมีแต่การขุดหลุมไม่หยุด ถึงจะทำให้หัวใจที่ปวดร้าวของเขาดีขึ้นบ้าง

กู้ชูหน่วนและคนอื่นๆ อยากเข้าช่วย แต่ถูกเย่เฟิงปฏิเสธ ได้แต่มองเขาสำนึกผิดท่ามกลางสายฝนที่ตกหนักอย่างดื้อดึง

เซียวหยู่เซวียนเอ่ยอย่างปวดใจ “ทำอย่างไรดี? ศพมากมายขนาดนี้ อาศัยสองมือเขาคนเดียวจะขุดเสร็จได้อย่างไร?”

กู้ชูหน่วนพลิกฝ่ามือ เมื่อนั้นมือนางก็มีเข็มหนึ่ง นางเดินไปข้างตัวเย่เฟิงทีละก้าว ขณะที่จะแทงเข้าจุดหลับของเขา…

อย่างไม่ทันระวัง เย่เฟิงก็กระอักเลือดออกมาคำหนึ่ง เลือดสีแดงสดกระจายอยู่ในหลุม กลายเป็นภาพอันสยดสยอง

“ตึง…”

ร่างกายที่แต่เดิมก็บาดเจ็บหนักไม่อาจทนได้อีก หมดสติล้มลงทันที

เซียวหยู่เซวียนเดินกะเผลกเข้าไป เอ่ยด้วยความหดหู่ “เจ้าจะลงมือเบาหน่อยไม่ได้หรือ?”

กู้ชูหน่วนร้องโวย “ข้ายังไม่ทันลงมือเข้าก็หมดสติไปแล้ว จะโทษข้าไม่ได้นะ”

กู้ชูหน่วนกล่าวพร้อมพยุงให้เย่เฟิงลุกขึ้น ครั้นมือขวาแตะที่ชีพจรเขาแล้ว สีหน้านางก็แย่ไปประมาณหนึ่ง

“ลมปราณทะลัก อารมณ์โกรธรุกถึงหัวใจ กังวลคิดมากจนป่วย”

“แล้วอย่างไร…?”

“ถ้ายังไม่รักษาอีก ชีวิตของเขาก็ต้องจบเห่แล้ว”

เมื่อนั้นก็มีสองสามคนเข้ามาช่วยกันหามเย่เฟิงคนละไม้คนละมือ

ศพของชาวบ้านหมู่บ้านสายธารถูกฝังแบบลวกๆ ด้วยฝีมือลูกน้องของเย่จิ่งหาน

กว่าเย่เฟิงจะฟื้นก็ผ่านไปสองวันเต็มๆ

เย่เฟิงขดตัวอยู่ข้างหลุมฝังศพใหญ่หน้าหมู่บ้าน เขากอดร่างบอบบางของตัวเองแน่น สายตาซึมกะทือ

เขานั่งอยู่ตรงนี้ค่อนวัน แต่เขากลับไม่พูดสักประโยค อยู่ในท่าเดิม ไม่ว่าใครก็ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่

วันที่ฝังศพฝนตกกระหน่ำ

แต่วันนี้กลับสิบลี้ไร้เมฆา

กู้ชูหน่วนกางร่มกระดาษน้ำมันบังแดด เดินเข้าใกล้ช้าๆ จากที่ไกลๆ

หนึ่งชายหนึ่งหญิง หนึ่งยืนหนึ่งนั่ง ช่างเป็นภาพที่งดงาม