ตอนที่ 103 ท่านอาจารย์ผู้ยอดเยี่ยม

เกิดใหม่เป็นสาวน้อยชนบท [特工狂妃:农妇山权有点田

ตอนที่ 103 ท่านอาจารย์ผู้ยอดเยี่ยม

นางยังบริสุทธิ์ผุดผ่องอยู่งั้นหรือ?

ซูหวานหว่านแสยะยิ้ม ลอบหยิบผ้าเช็ดหน้าของตนออกมาแล้วจุ่มกับน้ำในมิติฟาร์ม พร้อมกับดึงข้อมือสวี่ชิงเอ๋อร์ “ท่านพี่สะใภ้! ท่านกำลังเข้าใจผิดแล้ว ข้ากำลังช่วยท่านอยู่นะ!”

ในระหว่างที่พูด ซูหวานหว่านก็ใช้ผ้าเช็ดที่สัญลักษณ์ของนางอย่างแรง สวี่ชิงเอ๋อร์เห็นเช่นนั้นก็ตกใจดึงมือของตัวกลับแล้วซ่อนเอาไว้ด้านหลัง เพื่อหลบเลี่ยงซูหวานหว่าน

“ที่ข้าเรียกเจ้าว่าน้องสามีก็เพราะว่าข้ารักและเอ็นดู ใครจะไปรู้ว่าเจ้าไม่เคยเชื่อใจข้าเลย! แล้วนี่เจ้ากำลังจะเอาผ้าเช็ดหน้าเปียกน้ำมาเช็ดอันใด? เจ้าต้องการทำให้ข้าอับอายหรือต้องการให้พี่ชายของเจ้าอับอายกันแน่?” สวี่ชิงเอ๋อร์ร้องไห้ออกมาวิ่งไปหลบหลังซูจิ่นเฉียง

ครั้นเห็นน้ำตาของหญิงสาวผู้ที่จะมาเป็นภรรยา ซูจิ่นเฉียงก็รู้สึกเจ็บปวดมาก พร้อมกับพูดออกมาว่า “ทุกคนไม่ต้องเดาหรือทายกันแล้ว! ก็เห็นอยู่ว่าที่มือของชิงเอ๋อร์นั้นยังมีจุดโส่วกงซาอยู่แสดงว่านางยังเป็นสาวพรหมจารี! พวกเจ้าไม่ต้องเดาอะไรแล้ว!”

ทุกคนตกอยู่ในความเงียบและสวี่ชิงเอ๋อร์ก็ร้องไห้ออกมาอีกครั้ง “จิ่นเฉียง หากเช่นนั้นแล้วเจ้าจะให้น้องสาวของเจ้าตรวจสอบอีกรอบก็ได้นะ มิฉะนั้นนางอาจจะเกลียดข้าได้ แล้วต่อไปมันอาจจะเป็นเรื่องร้ายแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ หากต่อไปพวกเรามองหน้ากันไม่ติด เจ้าจะให้ข้าทำอย่างไร!”

“เจ้าหยุดร้องไห้ได้แล้ว!” ซูจิ่นเฉียงรู้สึกไม่ดีที่เห็นชิงเอ๋อร์ร้องไห้ออกมาแบบนี้

ดูเหมือนว่าสาวยั่วสวาทผู้นี้จะมีเล่ห์เหลี่ยมมากอยู่พอสมควร

ซูหวานหว่านหัวเราะและเลิกเสแสร้ง “ในเมื่อเจ้าอยากอยู่ที่นี่อย่างสบายใจในอนาคต เช่นนั้นแล้วเจ้าจะต้องตรวจสอบและให้ท่านป้าทุกคนดูว่าเจ้ายังบริสุทธิ์อยู่หรือไม่ หากเจ้ายังบริสุทธิ์อยู่ ครอบครัวของข้าก็จะอยู่ให้เจ้าอยู่ที่นี่ต่อไปโดยไร้ข้อกังขา แต่หากเจ้าไม่ใช่สาวบริสุทธิ์ เจ้าจะต้องออกไปจากที่นี่ซะ”

เมื่อกล่าวจบ ซูหวานหว่านก็หยิบผ้าเช็ดหน้าเปียกชื้นขึ้นมา นางส่งยิ้มให้แม่สื่อหวังเพื่อขอความช่วยเหลือ แม่สื่อหวังพิจารณาดูแล้วคำพูดที่ของเอ่ยมาไม่มีทางผิดแน่ จึงตอบตกลง

“เจ้า!” ซูหวานหว่านเมินคำพูดของนาง ทั้งยังต้องการตรวจสอบนางจริง ๆ อีก! สวี่ชิงเอ๋อร์เกิดความรู้สึกกระวนกระวายใจและจับข้อมือตัวเองเอาไว้แน่น

สวี่ชิงเอ๋อร์มองดูจุดโส่วกงซาของนางที่ตอนนี้เหลือเพียงรอยจาง ๆ

“สวี่ชิงเอ๋อร์ เจ้าจะต้องยอมรับและทำความเข้าใจเสียนะ สำหรับเรื่องบางอย่าง เจ้าควรที่จะต้องพิสูจน์อย่างตรงไปตรงมา” ชาวบ้านคนหนึ่งก็ได้พูดออกมา

พวกเขายังไม่เชื่อนางอีกหรือ!?

สวี่ชิงเอ๋อร์โกรธและกระวนกระวายใจมาก พลันใดนางก็นึกถึงบางสิ่งบางอย่างออก นางลดแขนเสื้อตัวเองลงแล้วผลักซูหวานหว่านที่กำลังเดินเข้ามา และตะโกนออกมาด้วยโทสะ “ในเมื่อพวกเจ้ายังไม่เชื่อข้า! เช่นนั้นข้าจะฆ่าตัวตายเพื่อเป็นการพิสูจน์ตนเอง!”

พูดจบนางก็เดินไปยังข้างเสาต้นหนึ่ง ทว่าซูจิ่นเฉียงยังคงนิ่งเฉยไร้การตอบสนองและไม่ได้เดินตามไป ส่วนซูหวานหว่านสบตากับแม่สื่อหวัง พวกนางยังคงยืนอยู่ที่เดิม ทำให้สวี่ชิงเอ๋อร์ผงะไปครู่หนึ่งเมื่อไม่มีผู้ใดเอ่ยขัดหรือห้ามนางเลย เวลานี้นางไม่สามารถหยุดได้แล้ว เพียงพริบตาก็เกิดเสียง ‘ปัง’ ดังขึ้น บางอย่างกระแทกเข้ากับศีรษะของสวี่ชิงเอ๋อร์ แม้ว่าจะไม่เลือดไหลออกมา ทว่าก็รู้สึกมึนหัวอยู่ไม่น้อย

ซูหวานหว่านครุ่นคิดครู่หนึ่งและเตรียมผละตัวเข้าไปดูอีกฝ่าย ซูจิ่นเฉียงก็รีบนำตัวเข้ามาขวางไว้แล้วผลักซูหวานหว่านเต็มแรง “น้องข้า! ชิงเอ๋อร์ยอมทำถึงเพียงนี้แล้วเจ้ายังไม่เชื่ออีกหรือ? เหตุใดพวกเจ้าทุกคนใจร้ายถึงเพียงนี้ พวกเจ้ากำลังจะฆ่านางนะ!”

แผนการของสวี่ชิงเอ๋อร์ทำให้ซูจิ่นเฉียงเชื่อสนิทใจ! ซูหวานหว่านเค้นหัวเราะ “ท่านพี่ ข้าเพียงต้องการพานางไปหาหมอเท่านั้น หลังจากนั้น…”

“เจ้าหุบปาก! ข้าไม่อนุญาตให้เจ้าแตะต้องตัวนาง!” ซูจิ่นเฉียงตวาดด้วยความโกรธ แม้กระทั่งแม่สื่อหวังก็โดนไปด้วย

พี่ชายของนางช่างไร้เดียงสา ซูหวานหว่านยิ้มเยาะ “ช่างเถอะ ในเมื่อท่านพี่ไม่ยอมให้ข้าช่วยนาง ข้าก็จะไปตามหมอมาดูนางที่นี่ก็ได้”

เสียงเหล่าชาวบ้านตะโกนขึ้นมา “ตอนนี้หมออยู่ที่บ้านของข้า! ข้าจะไปเชิญเขามาเอง!”

เมื่อพูดจบเขาก็วิ่งออกไปทันที ซูหวานหว่านยืนรออยู่ที่เดิมพร้อมฟังคำปลอบโยนจากแม่สื่อหวัง นางมองไปยังสวี่ชิงเอ๋อร์ที่นอนหน้าซีดเผือดอยู่บนพื้น สวี่ชิงเอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสะใจและคิดว่าเรื่องคงจะจบลงแล้ว ทว่ามันยังไม่จบ!

ไม่นานเสียงของหญิงสาวผู้หนึ่งก็ดังขึ้น “หมอมาแล้ว!”

“นี่ไม่ใช่หมอธรรมดา ๆ นะ!”

เมื่อทุกคนหันไปมองเห็นเป็นชายชราไว้หนวดพวกเขาจำได้ทันที “นี่มันคือหมอฮวงเหล่าผู้โด่งดังในเมือง! เหตุใดเจ้าเชิญเขามาได้?”

ชาวบ้านคนจึงกล่าวด้วยความภาคภูมิใจว่า “ข้าบังเอิญเจอเขาตอนที่กำลังออกไปข้างนอก เขาบอกว่ากำลังมาตามหาคน ข้าเลยพาเขามาที่นี่!”

ฮวงเหล่ามาตามหาคน? ทุกคนมองไปที่ฮวงเหล่า ทว่าชายชราไม่ได้เข้าไปหาสวี่ชิงเอ๋อร์ผู้ซึ่งนอนเป็นล้มพับอยู่บนพื้น แต่เขากลับเดินไปหาซูหวานหว่านและด่าออกมาทั้งรอยยิ้ม “ลูกศิษย์ที่รักของข้า! เจ้ายังไม่กลับไปเสียที เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าคิดถึงเจ้ามาก! ตอนนี้บ้านของข้าก็ไม่มีอะไรจะกินแล้ว อีกทั้งร้านอาหารเจวียเซ่อของเจ้ายังปิดอีก ข้าไม่มีที่จะไปกินแล้ว! เจ้าคิดว่าข้าจะต้องโมโหเจ้าหรือเปล่า!”

ซูหวานหว่านเป็นลูกศิษย์ของฮวงเหล่าจริง ๆ งั้นหรือ? แม้จะเคยได้ยินข่าวลือจากพวกชาวบ้านมาก่อน แต่คิดว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง ทุกคนต่างพากันตกใจเมื่อได้รับรู้เรื่องนี้ ด้วยฮวงเหล่านับได้ว่าเป็นหมอที่ดีมากคนหนึ่ง!

หากเปรียบกับพวกชาวบ้านแล้ว ซูหวานหว่านกลับรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้มีสิ่งใดโดดเด่น ตรงกันข้ามนางพูดกับฮวงเหล่าอย่างเฉยชา “ท่านอาจารย์ ท่านรีบไปดูคนป่วยเถอะ หัวของนางไปกระแทกกับกำแพงไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง!”

“หึ! ข้าไม่สนใจหรอก เจ้าจะต้องไปทำอาหารมาให้ข้ากินด้วย! ข้าจะพักอยู่ที่นี่! และข้าจะไม่กลับไปจนกว่าร้านจั๋วเซ่อจะเปิดอีกครั้ง!” ฮวงเหล่าพูดอย่างเอาแต่ใจเหมือนกับเด็ก ซูหวานหว่านที่ไม่รู้จะทำอย่างไรเลยทำได้เพียงแค่พยักหน้าตกลง

ฮวงเหล่าจึงเดินไปดูสวี่ชิงเอ๋อร์พร้อมกับดึงเปลือกตาของนางและสำรวจดู จากนั้นก็เปิดปากของสวี่ชิงเอ๋อร์ ชายชราจับไปที่ข้อมือเพื่อดูการเต้นของชีพจร สีหน้าของเขาเคร่งเครียด

ซูจิ่นเฉียงมองชายชราอย่างตั้งใจและถามออกมาอย่างตื่นตระหนก “ฮวงเหล่า! นางจะเป็นอะไรหรือเปล่า? เจ้าอย่าทำให้ข้าตกใจนะ!”

“นางไม่เป็นอะไรหรอก” ฮวงเหล่ากล่าวพลางส่ายหัว “เพียงแต่ชีพจรของนางยังไม่มั่นคงและเต้นอ่อนไป สงสัยนางจะใช้แรงมากเกินไปและส่งผลต่อเด็กในท้อง ข้าจะเขียนใบสั่งยาให้ ให้นางกินยาประมาณเจ็ดวันแล้วอาการจะกลับมาคงที่”

“อะไรนะ!” ชาวบ้านต่างตกใจ ซูจิ่งเฉียงเองก็ตกใจเช่นกัน

ในตอนนี้ไม่จำเป็นพิสูจน์แล้วว่าสวี่ชิงเอ๋อร์เป็นสาวพรหมจรรย์หรือไม่! เพราะสวี่ชิงเอ๋อร์กำลังท้องอยู่!

ทว่าเขายังไม่เคยแตะต้องสวี่ชิงเอ๋อร์เลย!

ซูจิ่นเฉียงทุบพื้นดินด้วยความโกรธ “จะเป็นไปได้อย่างไร! นางบอกกับข้าว่านางมาจากเมืองคว้างชุ่ย…”

“เมืองคว้างชุ่ยอยู่ที่ใด? เจ้าเคยไปหรือไม่? นางอาจจะสร้างเรื่องขึ้นมาโกหกเจ้าก็ได้!” ฮวงเหล่ากล่าว

มันยังไม่จบ! ซูหวานหว่านถามออกมาด้วยความสงสัย “ท่านอาจารย์ ผู้หญิงคนนี้ท้องมานานแค่ไหนแล้ว?”

“ราวหกสิบสองวันได้! เพราะหัวใจของทารกที่อยู่ในครรภ์ยังไม่มั่นคงและร่างกายของนางก็อ่อนแอมาก นางควรได้รับการพักผ่อนให้มากกว่านี้” ฮวงเหล่ากล่าวพร้อมกับเร่งเร้าให้ซูหวานหว่านไปทำอาหาร และนั่งลงบนเก้าอี้ม้าในสวนลานบ้าน

พวกชาวบ้านโต้เถียงเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่าสวี่ชิงเอ๋อร์เป็นหญิงสาวแบบไหนกันแน่ แม่เจิ้นที่ยืนดูเหตุการณ์พลันหน้าซีด ซูต้าเฉียงเริ่มรู้สึกไม่สบายใจและถามซูจิ่นเฉียงลูกชายของตน “เจ้าไปเก็บหญิงที่ใดมา เจ้าพานางกลับไปส่งที่เดิมเลยนะ!”

สติของซูจิ่นเฉียงนั้นไม่กลับคืนเข้าร่าง จึงกล่าวว่า “สองเดือน…แต่ข้าเพิ่งรู้จักนางเพียงสามวันเท่านั้น นี่มัน…”

ซูต้าเฉียงหยิบไม้ขึ้นมาแล้วก้าวไปข้างหน้า “ซูจิ่นเฉียง! เจ้าพาผู้หญิงที่เจ้ารู้จักเพียงแค่สามวันกลับมาที่บ้าน เจ้าอยากจะให้ข้าขายขี้หน้าชาวบ้านใช่ไหม!”

เมื่อซูหวานหว่านได้ยินดังนั้นจึงรีบวิ่งออกมาจากห้องครัว และห้ามซูต้าเฉียงที่กำลังหงุดหงิด “ท่านพ่อ ตอนนี้ดึกมากแล้ว ให้สวี่ชิงเอ๋อร์อยู่พักต่อที่นี่อีกสักคืนเถิด พรุ่งนี้เช้าเราค่อยส่งนางกลับไป อีกอย่างนางก็กำลังท้องอยู่ หากปล่อยนางกลับไปตอนนี้ เกิดในระหว่างทางนางล้มป่วยและเกิดเป็นลมไป เราอาจจะฆ่าสองชีวิตตายเลยนะ มันจะดูโหดร้ายเกินไปนะท่านพ่อ!”

“ฮึ่ย!” ซูต้าเฉียงเขวี้ยงไม้ทิ้งและเดินกลับเข้าไปในบ้านด้วยความโมโห

เมื่อสถานการณ์ตรงหน้ากลายเป็นเช่นนี้ ชาวบ้านจึงพากันแยกย้ายกลับบ้านใครบ้านมัน

สวี่ชิงเอ๋อร์ฟื้นขึ้นมาอย่างเงียบ ๆ โดยไม่รู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้นบ้าง นางคว้าตัวซูจิ่นเฉียงมากอดไว้และเริ่มร้องไห้ออกมา

เมื่อเห็นแบบนี้ก็ทำให้ซูหวานหว่านรู้สึกกังวลใจ เพราะนิสัยที่อ่อนต่อโลกของซูจิ่นเฉียง นางกลัวว่าซูจิ่นเฉียงจะหลงเชื่อคำพูดของสวี่ชิงเอ๋อร์อีก! ซูหวานหว่านดึงตัวซูจิ่นเฉียงออกมาข้าง ๆ พร้อมกับพูดกระซิบเบา ๆ แล้วยัดเสื้อผ้าของฉีเฉิงเฟิงใส่เข้าไปในอ้อมแขนของซูจิ่นเฉียงพร้อมกับพูดว่า “ท่านพี่ หากเจ้ายังไม่เชื่อที่ข้าพูดล่ะก็ เจ้าลองพิสูจน์ดูสิ”

ซูหวานหว่านมองไปที่สวี่ชิงเอ๋อร์และยิ้มเยาะเย้ยออกมา นางกำลังจะฉีกหน้ากากของสวี่ชิงเอ๋อร์!