ตอนที่ 104 ความจริงได้ถูกเปิดเผย

เกิดใหม่เป็นสาวน้อยชนบท [特工狂妃:农妇山权有点田

ตอนที่ 104 ความจริงได้ถูกเปิดเผย

ทั้งสองไม่ได้ปริปากเอ่ยคำใด ซูจิ่นเฉียงประคองสวี่ชิงเอ๋อร์กลับไปพักที่ห้อง ซูหวานหว่านจึงเอ่ยกำชับกับทุกคนในครอบครัวเรื่องแผนการในครั้งนี้

ตกมื้อเย็น ซูหวานหว่านยกอาหารไปให้กับสวี่ชิงเอ๋อร์ที่ห้องนอน ทว่านางทำเป็นไม่สนใจ

เมื่อตกกลางคืน เสียงชายผู้หนึ่งก็ดังขึ้นมาจากลานบ้าน “หวานหว่าน เจ้าเปิดประตูให้ข้าหน่อย ข้ามาหาเจ้า”

นั่นใช่เสียงของฉีเฉิงเฟิงหรือไม่? ยังต้องการพบซูหวานหว่านเป็นการส่วนตัวอีก!

สวี่ชิงเอ๋อร์หัวใจเต้นแรงกระวนกระวาย นางตะเกียกตะกายลงจากเตียงและออกไปจากห้องทันที นางวิ่งไปเปิดประตูบ้านและโผกอดชายลึกลับที่อยู่ด้านนอก “คุณชายฉี ข้าสู้นังซูหวานหว่านไม่ได้ตรงไหน ทำไมท่านถึงไม่มาหาข้า? ท่านรู้หรือไม่วันนี้บ้านตระกูลซูทำให้ข้ารู้สึกผิดหวังมาก ข้าอยากหนีออกไปจากที่นี่ ไปกับผู้ที่คู่ควรเหมาะสมกับข้า”

ฉีเฉิงเฟิงยังคงยืนตัวแข็งทื่อ สวี่ชิงเอ๋อร์กอบกุมมือของชายหนุ่มขึ้นมา “คุณชายฉี ข้าชอบท่าน ให้ข้าเป็นเมียรองหรืออนุของท่านก็ย่อมได้หากท่านต้องการ ท่านคิดว่าอย่างไร? หากท่านไม่อยากมาสู่ขอข้าแต่งงาน ข้าก็ยินดีมอบความบริสุทธิ์ของข้าให้แก่ท่าน ดีหรือไม่?”

“เจ้ายังบริสุทธิ์อยู่อีกหรือ?” ฉีเฉิงเฟิงพูดออกมาอย่างเย็นชา

สวี่ชิงเอ๋อร์รู้สึกตกใจเมื่อได้ยินเสียงที่เปล่งเสียงออกมาจากอีกฝ่าย

นั่นคือเสียงของซูจิ่นเฉียง!

สวี่ชิงเอ๋อร์ยิ้มเจื่อน “จิ่นเฉียง เหตุใดท่านถึงมาอยู่ที่นี่ได้?”

“แล้วเหตุใดพี่ชายของข้าถึงจะอยู่ที่นี่ไม่ได้?” ซูหวานหว่านเดินออกมาจากลานบ้าน ไฟในห้องของแม่เจิ้นกับซูต้าเฉียงพลันสว่างขึ้นและเดินออกมาข้างนอก ใบหน้าของสวี่ชิงเอ๋อร์ซีดลงทันใด ในตอนนี้นางได้โดนซูหวานหว่านจัดการแล้ว ทว่านางก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไป ได้แต่ยืนตัวแข็งทื่ออยู่ที่เดิม

ซูจิ่นเฉียงถอดเสื้อชั้นนอกแล้วยื่นให้กับซูหวานหว่านก่อนจะเดินกลับเข้าบ้านไปอย่างผิดหวัง

“จิ่นเฉียง รอข้าด้วย!” สวี่ชิงเอ๋อร์พูดพร้อมเดินไล่ตามซูจิ่นเฉียงไป

“สวี่ชิงเอ๋อร์ ชายหญิงที่ยังไม่แต่งงานกันไม่ควรนอนด้วยกัน คืนนี้เจ้ากลับไปพักผ่อนซะ แล้วพรุ่งเช้าเจ้าก็ออกเดินทางกลับไปเสีย เรื่องราวที่เกิดขึ้นตอนที่เจ้าเป็นลม ความลับที่เจ้าปกปิดเอาไว้ ความจริงได้ถูกเปิดเผยแล้ว”

“อะไรนะ!” สวี่ชิงเอ๋อร์ไม่อยากเชื่อ และอยากจะบุกเข้าไปในห้องของซูจิ่นเฉียง ทว่าถูกซูหวานหว่านขวางเอาไว้ พร้อมกับพูดว่า “สวี่ชิงเอ๋อร์! เจ้ากำลังตั้งครรภ์ เจ้าควรคิดให้ดี ๆ ก่อนนะที่จะมาทำเรื่องนี้ อย่าบังอาจใช้เล่ห์เหลี่ยมอันใดมาหลอกพี่ชายของข้าให้มาเป็นพ่อของเด็กในท้องของเจ้า”

หากไม่ใช่เพราะซูหวานหว่านวางแผนเอาไว้ ความลับเรื่องนี้ก็คงจะไม่ถูกเปิดเผย! สวี่ชิงเอ๋อร์จึงยกมือขึ้นกำลังจะตบซูหวานหว่าน แต่ซูหวานหว่านคว้ามือนางเอาไว้ได้เสียก่อน เด็กสาวบิดข้อมือของสวี่ชิงเอ๋อร์ ทำให้นางร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด หลังจากนั้นซูหวานหว่านจึงหยิบผ้าขี้ริ้วออกมาพร้อมกับมัดไปที่ข้อมือสวี่ชิงเอ๋อร์อย่างรวดเร็ว แล้วลากนางลงบนเตียงนอน

ยามรุ่งสาง เมื่อตื่นขึ้นซูหวานหว่านก็ได้มาปลดผ้าที่ข้อมือให้กับสวี่ชิงเอ๋อร์ ทันใดนั้นก็พบชายประมาณสิบคนวิ่งเข้ามาที่ประตูลานบ้าน ตามด้วยพลลาดตระเวนและท่านนายอำเภอก็มาด้วย!

“ตระกูลซูลักพาตัวสะใภ้ของเราไป! พวกเราใช้กำลังค้นหาเป็นเวลานานกว่าจะหาพบ! พวกเจ้าจะต้องรับผิดชอบ!”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าของสวี่ชิงเอ๋อร์พลันซีดลงเมื่อชายผู้นั้นวิ่งเข้ามา แท้จริงแล้วมีคนจ้างวานนางให้มาทำลายชื่อเสียงของตระกูลซู ทว่านางก็ยังทำไม่สำเร็จ ซูจิ่นเฉียงยังไม่ได้สู่ขอนางอีกทั้งยังไม่ได้แตะต้องตัวนาง ทำให้ยังไม่มีข้อหาที่จะเอาผิดเขาได้! สวี่ฟู่มาเร็วเกินไปแล้ว

สวี่ชิงเอ๋อร์จึงวิ่งออกมาจากห้องและขยิบตาให้กับสวี่ฟู่ เพื่อให้เขากลับบ้านไปก่อน ทว่าสวี่ฟู่คิดว่าสวี่ชิงเอ๋อร์นั้นทำงานที่มอบหมายสำเร็จแล้วจึงพูดออกมาว่า “พวกท่าน! โปรดจับพวกเขาไปให้หมด! พวกเขาบังอาจมาจับภรรยาของข้าเอาไว้! มันจะมากเกินไปแล้ว!”

ซูหวานหว่านเดินออกมาช้า ๆ แล้วพูดออกมา “ภรรยาของเจ้างั้นหรือ? โอ้? ภรรยาของเจ้าหอบสังขารของตนเองมานอนบ้านข้าเองต่างหาก นางเพิ่งเจอกับพี่ชายของข้าเพียงแค่สี่ถึงห้าวันก่อน อีกทั้งจะมาแต่งงานกับพี่ของข้าอีก พี่ชายของข้ายังไม่ได้สู่ขอนางแต่งงาน! แต่เมื่อวานนี้พวกเราได้ตรวจสอบและพบว่าภรรยาของเจ้าท้องได้สองเดือนแล้ว ใครกันแน่ที่ทำเกินไป ใครกันที่ไร้ยางอาย?”

“เจ้า! ฮึ่ม!” สวี่ฟู่รีบเดินเข้าไปหมายเอาเรื่องซูหวานหว่าน

สวี่ชิงเอ๋อร์ก็พยายามขยิบตาส่งสัญญาณ

เมื่อพวกชาวบ้านเห็นเหตุการณ์ก็พากันเข้ามามุงดูและก็เห็นสวี่ฟู่กำลังเบ่งอำนาจอย่างหยิ่งผยอง จึงพูดเรื่องเมื่อวานนี้ขึ้นมา

หลังจากฟังเรื่องราวทั้งหมด ท่านนายอำเภอก็ยกมือขึ้นแล้วให้พลลาดตระเวนจับกุมสวี่ชิงเอ๋อร์และสวี่ฟู่ทันที

ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนทุกคนตกใจ ซูหวานหว่านหยุดครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและมองไปที่กลุ่มคนของสวี่ฟู่ พวกเขามีประมาณ 6 คน ซึ่งดูเหมือนจะสวี่ฟู่กับสวี่ชิงเอ๋อร์จะเป็นพรรคพวกเดียวกัน นางก็เดาออก “อันที่จริงแล้ว สวี่ชิงเอ๋อร์และชายผู้นี้ไม่ใช่สามีภรรยากัน และเด็กในท้องของสวี่ชิงเอ๋อร์ก็คงไม่รู้ว่าเป็นลูกใครเช่นกัน”

“เจ้าลองพูดมาสิ?” ท่านนายอำเภอเลิกคิ้ว ถามพลางกับจับคางอย่างครุ่นคิด

“ประการแรก เมื่อข้าบอกสวี่ชิงเอ๋อร์กำลังท้อง ผู้ชายคนนี้ไม่มีท่าทีอะไรเลย เขาดูไม่แปลกใจราวกับว่าเขาจะชินกับเรื่องนี้เสียแล้ว”

พวกชาวบ้านต่างตกใจ ซูหวานหว่านจึงบอกเหตุผลที่สองและพวกชาวบ้านต่างก็พากันเห็นด้วย

“ประการที่สอง การที่คนของสวี่ฟู่เข้ามาจับกุมพวกข้ามันดูช่างเหมาะเจาะเสียเหลือเกินนี้ กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ พวกเขาทั้งสองเป็นพวกเดียวกัน หากจะพูดให้ชัดเจน พวกเขาได้นัดหมายและวางแผนกันเอาไว้แล้วก่อนที่จะมาหลอกพี่ชายของข้า! หากสวี่ชิงเอ๋อร์แต่งงานออกเรือนไป เสแสร้งทำเป็นร้องไห้เล่นละครเช่นนี้ออกมา ถึงแม้ว่าสวี่ฟู่จะไม่พาคนมาจับข้า แน่นอนว่าครอบครัวของเราจะต้องจ่ายเงินชดเชยให้กับสวี่ชิงเอ๋อร์ เป็นการชดเชยที่พี่ชายข้าหลอกหลวงนางมาทำมิดีมิร้าย หากว่าเรื่องเป็นดั่งที่ข้าคาดเดาเอาไว้ สวี่ฟู่ก็เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับสวี่ชิงเอ๋อร์ในการหลอกผู้ชายหลายคนให้มาแต่งงาน เพื่อจะเรียกร้องค่าเสียหาย แปลว่าตัวของนางในตอนนี้ก็คงผ่านมือผู้ชายมาไม่รู้เท่าไรต่อเท่าไร ซ้ำยังไม่รู้ว่าเด็กในท้องของตัวเองนั้นเป็นลูกของใคร”

“ประการที่สาม พวกเขาแค่บอกให้พวกท่านมาจับกุมครอบครัวของข้า เจตนาที่แท้จริงอาจจะไม่ใช่หวังเอาเงิน แต่เป็นการมาทำลายชื่อเสียงของครอบครัวของเราเสียมากกว่า หรือบางทีเรื่องนี้อาจจะมีคนอยู่เบื้องหลังก็ได้”

‘แปะ’ ‘แปะ’

หลังจากที่ซูหวานหว่านพูดจบ ท่านนายอำเภอก็อดที่จะปรบมือให้ไม่ได้ “ไม่คิดเลยว่าสตรีเองก็ฉลาดได้เหมือนกัน! หากเจ้าเกิดมาเป็นผู้ชายข้าจะขอเจ้าไปทำงานกับข้ากับข้าด้วย!”

“ชมเกินไปแล้วเจ้าค่ะ” ซูหวานหว่านยิ้ม พวกชาวบ้านเองก็ชื่นชมในตัวนางด้วยเช่นกัน

แม้แต่จิตวิญญาณมิติฟาร์มก็อดไม่ได้เหมือนกันที่จะพูดชมออกมา “ในที่สุดเจ้าบ้านของข้าก็ฉลาดแล้ว ให้รางวัลเป็นคะแนน 10 แต้ม”

ซูจิ่นเฉียงที่อยู่ในห้องได้ยินเหตุการณ์ทั้งหมด เขาอดไม่ได้ที่จะเสียใจกับเรื่องนี้

นกที่กำลังบินอยู่บนท้องฟ้าก็ส่งเสียงร้องออกมา ซูหวานหว่านจึงใช้พลังวิเศษของนางฟังเสียงที่นกพูดออกมาและถามออกมาว่า “ท่านนายอำเภอ แท้จริงแล้วท่านรู้อยู่แล้วว่าพวกนางเป็นพวกต้มตุ๋นหลอกลวงผู้อื่นอยู่แล้วใช่หรือไม่เจ้าคะ? ที่ท่านมาที่นี่ก็เพื่อที่จะมาจับกุมพวกนางใช่หรือไม่?”

‘แปะ’ ‘แปะ’ ท่านนายอำเภอปรบมือออกมาอีกครั้งแล้วกระซิบว่าหลายหมู่บ้านในเมืองนี้มีเหตุการณ์หลอกลวงต้มตุ๋นมาแต่งงานเกิดขึ้นเยอะมาก ผู้คนที่อาศัยอยู่ตามชนบทโดนแบบนี้ไปจำนวนมาก ทว่าพวกเขาไม่กล้าไปรายงานหรือร้องเรียน

จนกระทั่งมีครอบครัวหนึ่งที่อยู่ในเมืองพบว่าลูกชายของตนเองถูกหลอกเอาเงินเก็บที่บ้านไปให้หญิงสาวคนหนึ่งจนหมด คนในครอบครัวของเขาก็อดไม่ได้ที่จะมาร้องเรียนกับพลลาดตระเวนเอาไว้ หลังจากนั้นก็ดูเหมือนจะได้ยินว่าที่หมู่บ้านแห่งนี้เริ่มมั่งคั่ง ข้าเลยคาดการณ์ว่าพวกเขาน่าจะมาที่นี่แล้วก็ได้ยินเรื่องที่ครอบครัวซูกำลังจะแต่งงานและกำลังจะมีลูกสะใภ้ ข่าวลือนี่แพร่ออกไปทั่ว เขาเลยอยากมาดูเสียหน่อย

ทว่าใครจะไปรู้ว่าเมื่อเดินทางมาถึงครึ่งทางก็ถูกกลุ่มคนของสวี่ฟู่เชิญมาด้วยกัน พลลาดตระเวนนายหนึ่งจึงกระซิบบอกกับเขาว่าพวกเขาคือผู้ต้องสงสัยว่าจะเป็นพวกต้มตุ๋นที่กำลังตามจับตัวอยู่ ท่านนายอำเภอเลยเล่นตามน้ำมา เพื่อมารอจับคนเหล่านี้

หลังจากพูดอยู่นาน ท่านนายอำเภอก็จิบน้ำชาเล็กน้อย ก่อนจะจับกุมตัวโจรต้มตุ๋นออกไป

เมื่อความกระจ่าง เหล่าชาวบ้านก็พากันแยกย้าย ส่วนฮวงเหล่าก็เร่งเร้าให้ซูหวานหว่านไปทำอาหารให้ตนเอง เด็กสาวจึงไม่มีทางเลือกใดนอกจากไปทำอาหารตามคำสั่ง

เพียงครู่เดียวเสียงของแม่เจิ้นก็ตะโกนออกมาจากครัว “หวานหว่าน แม่ทำโจ๊กฟักทองเอาไว้ เจ้าไปเรียกฉีเฉิงเฟิงให้มากินอาหารเย็นกับพวกเราเถอะ”

“เจ้าค่ะท่านแม่” ซูหวานหว่านยิ้มเยาะเย้ยให้กับฮวงเหล่า หลังจากนั้นก็ไปหาฉีเฉิงเฟิงที่บ้าน

เมื่อนางเดินมาถึงที่หน้าประตูบ้านของฉีเฉิงเฟิง ก็พบว่าประตูบ้านถูกปิดเอาไว้ นางกำลังจะเคาะประตู แต่ทันใดนั้นนางก็ได้ยินเสียงของผู้หญิงพูดออกมาจากข้างในบ้าน “พี่ฉีเฉิงเฟิง ข้าอยากจะได้ยินคำพูดของพี่ว่า ‘พี่รักข้า’ ”

“ฟังให้ดีนะ… ข้ารักเจ้า”

เสียงพูดของชายคนนั้นเบาจนดูเหมือนจะกระซิบ ทว่าซูหวานหว่านกลับได้ยินเสียงชัดเจน และทำให้นางรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมากเสียงนั้น… เป็นของฉีเฉิงเฟิงจริง ๆ!

ต่อมาซูหวานหว่านก็รู้สึกว่าเหมือนตัวเองกำลังโดนน้ำเย็นสาดใส่เข้ามาอย่างจัง ในใจของนางในตอนนี้รู้สึกชาไปหมดและเสียใจมาก