ในฐานะที่เป็นยอดฝีมือทางด้านเสียงเหมือนกันการสื่อสารระหว่างกันใช้เพียงไม่กี่จังหวะ หมิงเวยได้ยินสัญญาณจากหนิงซิวก็เข้าใจ
นี่เป็นแผนล่อเสือออกจากถ้ำจงใจให้ทั้งสามคนออกหน้าโดยรั้งนางไว้ที่นี่ อีกฝั่งหนึ่งต่างหากที่เป็นการแสดงสำคัญ เพียงแต่ว่าพวกเขาประเมินทักษะเคล็ดวิชาของหนิงซิวต่ำไปถึงได้ละเลยที่จะสร้างการป้องกัน
ล่อเสือออกจากถ้ำงั้นหรือ ล่อเสือออกมาส่วนแกะทิ้งไว้ด้านหลัง
เสียงนกหวีดไม้ไผ่ดังขึ้นข้างหู คนสามคนที่มีหน้าที่รั้งหมิงเวยเอาไว้ได้ยินเสียงนั้นก็หันหลังกลับกระโดดหนีไป เสียงนี้แสดงว่าพวกเขาทำภารกิจสำเร็จแล้ว
“คิดจะหนีหรือ” หมิงเวยมองดูด้วยท่าทีเฉยเมย ลูกธนูพุ่งออกจากแขนเสื้อ ด้านหลังมีกับดักเส้นไหมละเอียดที่ถักทอรวมกันกลายเป็นเชือกบิดเข้าล้อมรอบ
นางกระโดดขึ้นทันทีร่างกายกลายเป็นหมอกจนบางครั้งเหมือนอยู่ใกล้บางครั้งเหมือนอยู่ไกล
บุรุษลึกลับเหล่านั้นตกใจมากเมื่อครู่ที่พวกเขาประมือกันเขาคิดว่าตนเองรู้รายละเอียดของนางแล้ว
ฝีมือไม่เลวแต่ไม่ถึงกับแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับเคล็ดวิชาของนางแล้ว วรยุทธ์นั้นอ่อนแอมากมีเพียงฝีเท้าเท่านั้นที่ดีกว่า ดังนั้นเมื่อเผชิญการล้อมของทั้งสามจึงไม่พ่ายแพ้
ดังนั้นเมื่อเห็นสัญญาณจากฝั่งนั้นเขาจึงไม่คิดว่าตนเองจะหนีไปไม่ได้
จนกระทั่งลูกศรพุ่งออกมาจากแขนเสื้อของหมิงเวยเขาถึงพบว่า ‘มีเพียงฝีเท้าเท่านั้นที่ดีกว่า’ นั้นดีถึงขั้นไหนกันแน่ตนมองอย่างตั้งใจ แต่กลับมองทิศทางของนางไม่ออก เมื่อคิดว่ามองออกแล้ว แต่วินาทีต่อมากลับพบว่านางไม่ได้อยู่ตรงนั้น
ในที่สุดหมิงเวยก็หยุดลง และมองไปยังคนสามคนที่อยู่ข้างหน้าด้วยรอยยิ้ม “ไม่ใช่ว่าพวกเจ้าอยากรั้งข้าไว้หรือตอนนี้จะไปไหนเสียล่ะ”
บุรุษลึกลับก้มหน้าลงมองพบว่าพวกเขาทั้งสามถูกมัดด้วยเชือกไหม
คนของเขาสองคนพยายามดิ้นรน แต่ถูกเขาตะโกนใส่ว่า “อย่าขยับ เชือกนี้เกรงว่ายิ่งดิ้นมากเท่าไรก็จะยิ่งแน่นขึ้นเท่านั้น”
“ถูกต้อง เจ้าแข็งแกร่งกว่าพวกเขาจริงๆ”
หมิงเวยเดินเข้ามาใกล้แล้วเตะจนทั้งสามคนตกลงไปในหลุมตื้นๆ ที่ขุดไว้ก่อนหน้านี้จนหงายท้อง
บุรุษลึกลับนึกขึ้นมาได้ แต่ทั้งสามคนติดกันเช่นนี้จึงไม่สามารถยืนดีๆ ได้
“อย่าขยับให้เปลืองแรงเลยต่อให้ยืนขึ้นได้เส้นไหมจะหลุดง่ายขนาดนั้นได้อย่างไร”
ทั้งสามคนที่อยู่ในหลุมหยุดดิ้นรนบุรุษลึกลับพูดเสียงเย็น “ถึงท่านจะจับพวกเราได้ ตอนนี้ก็สายไปเสียแล้วพวกเราจัดการกำลังคน และอีกไม่นานก็ทำสำเร็จแล้ว”
“จริงหรือ” หมิงเวยยังคงยิ้มด้วยข้อความของหนิงซิวที่ส่งมาทำให้นางรู้ดีว่าสถานการณ์จริงเป็นอย่างไร
“ท่านไม่เชื่องั้นหรือ”
“เรื่องฝั่งนั้นค่อยว่ากัน แต่ตอนนี้พวกเจ้าเป็นนักโทษของข้าแล้วจัดการพวกเจ้าก่อนค่อยว่ากัน”
พูดจบหมิงเวยก็เอื้อมมือออกไปคว้าคอของหนึ่งในนั้นอย่างแรง “พูดมา! พวกเจ้าเป็นผู้ใดกันแน่ไม่พูดข้าจะหักคอเจ้าซะ!” ผู้ที่ถูกนางกุมคออยู่นั้นไม่หวั่นไหวแม้แต่น้อย
บุรุษลึกลับแค่นหัวเราะ “ท่านคิดว่าท่านจะถามอะไรได้ต่อให้ท่านฆ่าพวกข้า เรื่องที่ไม่ควรพูดพวกเราจะไม่พูดออกมาเด็ดขาด!”
หมิงเวยพยักหน้า “เช่นนั้นหรือ”
นางไม่โกรธเลยแม้แต่น้อย แต่ปล่อยมืออย่างรวดเร็ว นางเป็นเช่นนี้ทำให้บุรุษลึกลับสงสัยในเมื่อต้องการถามเหตุใดถึงยอมปล่อยไปง่ายๆ เช่นนี้
แต่กลับได้ยินหมิงเวยหัวเราะ “ข้าน่ะเป็นคนที่มีเมตตามากข้าไม่ต้องการฆ่าผู้ใด ในเมื่อพวกเจ้าไม่เต็มใจบอกเช่นนั้นข้าจึงใช้วิธีอื่นแทน”
พูดจบนางจับเชือกไหมที่แขวนไว้บนต้นไม้จากนั้นก็ออกแรงดึง และทั้งสามก็ถูกแขวนขึ้นไปบนนั้น หมิงเวยดึงลูกศรในแขนเสื้อมาพันอยู่หลายรอบจากนั้นก็ยิงไปที่ต้นไม้เพื่อเกาะยึดเอาไว้
นางปัดฝุ่นออกจากมือแล้วสูดหายใจ “หนักมากทำเอาสตรีเหนื่อยจริงๆ!”
พูดจบนางก็หยิบกิ่งไม้แล้วเดินไปหยุดตรงหน้าพวกเขา
บุรุษลึกลับมองนางก่อนเพ่งมองกิ่งไม้ในมือนาง กิ่งไม้ถูกลอกผิวหน้าด้านนอกออก และถูกเหลาเพื่อให้คมมากขึ้น สุดท้ายลองวาดที่ต้นขาของตนเองอยู่หลายครั้ง เขารู้สึกใจสั่นจู่ๆ ก็มีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี
“ท่าน ท่านคิดจะทำอะไร”
“เจ้าคิดว่าข้าจะทำอะไรล่ะ” หมิงเวยวางกิ่งไม้ที่ต้นขาของเขาแล้วลากลงมาที่สะโพกอย่างช้าๆ บุรุษลึกลับรู้สึกเย็นที่แผ่นหลังแล้วก็มีภาพโผล่ขึ้นมาในหัว…
เขากัดฟันแน่น และพูดอย่างโกรธเคือง “ถึงอย่างนั้นท่านก็ทำไม่สำเร็จหรอก! พวกเราไม่เคยถูกทรมานมาก่อนวิธีของท่านจะทำให้พวกเรากลัวได้อย่างไร”
“งั้นหรือ” ปลายกิ่งที่แหลมคมหยุดที่ระหว่างก้นและกดลงไป บุรุษลึกลับกัดริมฝีปากด้วยความสิ้นหวังมุ่งมั่นที่จะทนต่อความอับอาย
ทหารหน่วยกล้าตายเช่นพวกเขาการลงโทษที่โหดร้ายแบบไหนล้วนไม่เคยเห็น แม้ว่ามันจะน่าอายเล็กน้อย แต่คิดหรือว่าจะล้มเขาลงได้ ต้องอดทน ตราบใดที่ยังอดทนก็ถึงเวลาที่เขาจะต้องชำระบัญชีในภายหลัง…
ความเจ็บปวดที่คาดว่าจะได้รับไม่มาถึงจู่ๆ กิ่งไม้วกกลับไปอีกแล้วไล่ขึ้นไป แล้วรองเท้าข้างหนึ่งถูกถอดออกตามด้วยถุงเท้า…
บุรุษลึกลับลืมตาขึ้นเขาถอนหายใจด้วยความโล่งอกแล้วถามด้วยความแปลกใจว่า “ท่านทำอะไร”
“ลงโทษไงล่ะ!” หมิงเวยยิ้มตาหยี “ดูเจ้ารู้สึกผิดหวังนะ หรือหวังอยากให้ข้าลงโทษท่านตรงจุดนั้น” พูดแล้วนางก็ทำสีหน้าขยะแขยง “หวา ที่แท้เจ้าก็มีความชอบเช่นนี้ช่างน่าขยะแขยงจริงๆ!”
บุรุษลึกลับตกตะลึงจากนั้นก็พูดด้วยความโกรธเคือง “ผู้ใดมีความชอบเช่นนี้กันท่านอย่าพูดไร้สาระ! เห็นได้ชัดว่าท่าน…”
“ข้าทำไม ข้าไม่ได้คิดจะทำงั้นหรือ เจ้าคิดว่าข้าคิดจะทำอะไร จู่ๆ คิดเช่นนี้มาได้แสดงว่ามีจิตใจที่ไม่บริสุทธิ์”
“เดี๋ยว!” หมิงเวยไม่ต้องการทะเลาะกับเขาต่อไป และตะโกนว่า “เสี่ยวไป๋”
“เจ้าค่ะ” งูขาวโผล่ออกมาจากแขนเสื้อของนาง
“ลงโทษ” หลังจากดื่มจิง[1]และเลือดมาหนึ่งปีงูขาวตัวน้อยก็สามารถปรากฏตัวได้ตามต้องการ บุรุษลึกลับเห็นมันลอยออกมาความรู้สึกโล่งอกเมื่อครู่หายไปอีกครั้งเขาร้องด้วยความตกใจ
“ท่านไม่คิดใช้กิ่งไม้ แต่จะใช้มัน…”
หมิงเวยไม่พูดอะไรนางเชิดหน้าขึ้น บุรุษลึกลับรู้สึกถึงอะไรเย็นๆ ลื่นๆ ที่เลื้อยตามร่างกายไปที่ระหว่างขาของเขา เมื่อครู่คิดว่าหมิงเวยใช้กิ่งไม้เขาแค่รู้สึกอับอาย แต่ตอนนี้เขากลับกลัวเสียแล้ว
งู! มันคืองู! มีชีวิตด้วยมันเลื้อยเข้าไปในร่างกาย…เขารู้สึกขยะแขยงกับจินตนาการของตัวเอง เขาถูกห้อยหัวเช่นนี้เมื่อความรู้สึกขยะแขยงตีตื้นขึ้นมาทำเอาเขารู้สึกอยากสำลักอากาศ
อดทน! มีอะไรที่ทนไม่ได้กัน! เขาบอกตนเองเช่นนั้น แต่ใบหน้ากลับซีดเซียวในฐานะทหารหน่วยกล้าตายไม่มีอะไรที่ทนไม่ได้…
งูขาวเลื้อยขึ้นไปพันรอบเท้าของเขาแล้วครู่ต่อมา…
“ฮ่าๆๆ” บุรุษลึกลับหัวเราะเขารู้สึกจั๊กจี้ที่เท้างูขาวตัวเล็กๆ ตวัดปลายหางไปมา
“ฮ่าๆๆ ที่แท้ท่าน…แม่นาง…ฮ่าๆๆ เมื่อครู่แค่ทำให้ข้าตกใจ!”
หมิงเวยทำหน้าไร้เดียงสา “ข้าไม่ได้พูดอะไรเลยเป็นเจ้าที่คิดไปเอง” พูดจบนางก็ถอดรองเท้า และถุงเท้าอีกสองคน “พวกเจ้าไม่ใช่ว่ามีความอดทนสูงหรือ การลงโทษพวกท่านเช่นนี้ก็ไม่เลว ได้ ข้าจะคอยดูว่าพวกเจ้าทนได้นานเพียงใด”
พูดจบนางก็มองหาต้นไม้แล้วยืนพิง “เสี่ยวไป๋ ข้ามอบหน้าที่ให้เจ้าวนทรมานสามคนนี้ซะ”
“เจ้าค่ะนายท่าน” งูขาวตวัดปลายหางแรงขึ้น
“ฮ่าๆๆ” บุรุษลึกลับพบว่าแม้ว่าการลงโทษนี้จะไม่รุนแรง แต่ก็อดทนยากกว่าการทรมานอื่นเสียอีก โชคดีที่งูขาวไม่ได้จ้องผู้ใดเพื่อทรมาน แต่ให้เวลาพวกเขาได้พัก พวกเขาแอบยินดีในใจปลอบตัวเองให้อดทน เดี๋ยวอีกสักพักจะมีคนมาช่วยพวกเขา…
สตรีผู้นั้นพิงต้นไม้ตรงนั้นราวกับกำลังหลับอยู่ น่าแปลกใจจริงบอกนางไปว่าเป็นการล่อเสือออกจากถ้ำ แต่ดูนางไม่รีบร้อนใจอะไรเลย
พวกเขาไม่สังเกตเห็นว่าเมื่อลมพัดชายเสื้อที่โผล่หลังต้นไม้ก็ลอยเป็นแนวตรง ไม่ได้โค้งเหมือนผ้า แต่เหมือนกระดาษ…
……………
[1] จิง : สารจำเป็น หมายถึง สารประกอบชนิดหนึ่งที่เป็นสิ่งจำเป็นพื้นฐานของร่างกายและการดำรงชีวิต