[ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ : จักรพรรดิ์เทพมังกร]

บทที่ 364 : ล้างบางเมืองจิงฉู (13) – การกลับมาของหลิงหยุน!

หลี่หงเม่ยพูดจบ ก็มองหน้าหลิงหยุนพร้อมกับยิ้มกว้างให้ เธอรู้สึกงุนงงมากที่หลิงหยุนเอาแต่ยิ้มแล้วก็หัวเราะ..

“หลิงหยุน.. เธอ.. นี่เธอไม่เป็นอะไรมากใช่ไม๊? ป้าจะบอกอะไรให้นะ เธอไม่ต้องไปตามหาเถียนป๋อเตาให้ลำบากหรอก ทุกอย่างรอแม่เธอกลับมาจัดการจะดีกว่า เชื่อฟังป้าเถิดนะ!”

“เถียนป๋อเตามันประกาศไว้ว่าจะแก้แค้นเธอสองคนที่ทำร้ายมันเมื่อครั้งก่อน ถ้าเธอไปหามันตอนนี้ ก็เท่ากับไปรนหาที่นะ!”

หลิงหยุนยิ้มให้หลี่หงเม่ยพร้อมกับตอบไปว่า “ป้าหลี่ครับ.. เดี๋ยวจะมีอะไรสนุกๆให้ดู ป้าอยากเห็นไม๊ครับ?”

หลี่หงเม่ยตอบกลับไปด้วยสีหน้าประหลาดใจ “เช้าๆแบบนี้จะมีอะไรสนุกให้ดูกัน? ป้าว่าเด็กๆอย่าไปมีเรื่องกับเถียนป๋อเตาจะดีกว่านะ?”

หลิงหยุนหัวเราะพร้อมกับขยิบตาให้หลี่หงเม่ยและพูดขึ้นว่า “ไว้แม่กลับมาเมื่อไหร่ ผมจะเชิญป้าหลี่ไปทานข้าวที่บ้านนะครับ.. ผมขอตัวก่อนนะครับ!”

พูดจบ.. หลิงหยุนก็เร่งให้ถังเมิ่งและตู้กู่โม่เดินออกจากร้านขายของชำเล็กๆของหลี่หงเม่ย และรีบตรงไปที่รถฮัมเมอร์

“เด็กคนนี้.. นับวันยิ่งคบแต่คนแปลกๆ! ส่วนหมาจิ้งจอกสีขาวนั่นก็สวยงาม ท่าทางเหมือนคนไม่มีผิด!” หลังจากที่หลิงหยุนและทุกคนเดินออกไปจากร้าน หลี่หงเม่ยก็บ่นพึมพำกับตัวเอง

“นั่น..?! เด็กๆเลี้ยวรถไปทางตะวันออกนี่.. อย่าบอกนะว่าจะไปหมู่บ้านหลินเจียงกัน?!”

หลี่หงเม่ยถึงกับนิ่งอึ้งไปทันที!!

….

ที่ทางฝั่งตะวันออกของถนนหลินเจียง สำนักงานชั่วคราวของบริษัทรื้อถอน..

วันนี้เป็นวันหยุดนักขตฤกษ์ หลายคนได้หยุดงานพักผ่อน แต่สำนักงานแห่งนี้กลับเปิดทำงาน

เวลาเก้าโมงตรง พนักงานต่างก็มาทำงานกันเต็มออฟฟิศ หนึ่งในนั้นเป็นผู้ชายร่างสูงใหญ่อายุราวสามสิบเจ็ดปี ผมที่ใส่น้ำมันเงางามของเขาถูกหวีไว้อย่างเรียบร้อยพิถีพิถัน คิ้วรูปสามเหลี่ยมทั้งสองข้างซ่อนอยู่หลังกรอบแว่นสีทอง และกำลังหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง

ชายคนผู้นี้ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นลุงแท้ๆของกู่หยุนฟะชื่อกู่เหลียนซัน!

เมื่อเถียนป๋อเตาแจ้งไปว่า คลีนิคของนางฉินจิวยื่อบนถนนหลินเจียงนั้น ตารางการรื้อถอนได้กำหนดไว้ในเดือนพฤษภาคม แต่เพราะเป็นความต้องการของกู่เหลียนเฉิง การรื้อถอนจึงต้องร่นมาเร็วขึ้นก่อนกำหนดถึงครึ่งเดือน

กู่หยุนฟะต้องการเงินไปวางเดิมพันกับหลิงหยุน จึงต้องขอให้พ่อเขานำเงินสดออกมาหนึ่งร้อยล้าน ทำให้กู่เหลียนเฉิงผู้ร่ำรวยถึงกับขาดสภาพคล่องทางการเงิน จนต้องขายกิจการโรงแรมขนาดใหญ่ไป เพื่อนำเงินมาหมุน

เท่านั้นยังไม่พอ.. กู่เหลียนเฉิงยังต้องทำเรื่องกู้เงินจากธนาคารเป็นการเร่งเด่วน และการที่ธนาคารจะอนุมัติเงินกู้ให้เขาได้นั้น เขาจำเป็นต้องมีโปรเจคบางอย่างอยู่ในมือเพื่อนำเสนอให้กับทางธนาคารพิจารณาปล่อยเงินกู้ให้ การเร่งลงมือรื้อถอนบ้านเรือนบนถนนหลินเจียงจึงต้องรวบรัดให้เร็วขึ้น เพื่อที่เขาจะได้นำเอกสารการทำงานไปนำเสนอให้กับทางธนาคารได้

ยิ่งไปกว่านั้น กู่เหลียนเฉิงยังถูกหลิงหยุนเตะผ่าหมากจนต้องกลายเป็นขันที เมื่อไหร่ก็ตามที่เขาคิดถึงเรื่องนี้ เขาก็จะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ จนแทบล้มทั้งยืนไปเสียทุกครั้ง!

จนถึงตอนนี้กู่เหลียนเฉิงยังคงต้องนอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล แม้ตอนนี้เขาจะสามารถลุกเดินไปใหนมาใหนได้ เพราะเจ้าโลกของเขาได้ถูกตัดทิ้งไปแล้ว จึงไม่รู้สึกเจ็บปวดเหมือนเดิมอีก แต่ร่างกายท่อนล่างตั้งแต่เอวลงมาก็ยังไร้เรี่ยวแรง และไม่สามารถเดินยืดตัวตรงได้ แต่ก็สามารถสั่งการได้..

กู่เหลียนเฉิงจึงได้มอบงานรื้อถอนที่ถนนหลินเจียงให้กับน้องชายแท้ๆของเขา – กู่เหลียนซันเป็นผู้จัดการแทน กู่เหลียนซันรู้แล้วว่า หลิงหยุนคือคนที่ทำร้ายหลานชายของเขา-กู่หยุนฟะ และเป็นคนที่เตะพี่ชายของเขาจนต้องกลายเป็นขันที ด้วยเหตุผลเพียงเท่านี้ ก็เพียงพอที่เขาจะจัดการรื้อถอนทำลายบ้านของหลิงหยุนเป็นหลังแรก!

และยิ่งไม่ต้องพูดถึงค่าชดเชยในการรื้อถอนที่เขาจะไม่จ่ายให้! อีกทั้งไม่จำเป็นต้องให้นางฉินจิวยื่อยินยอมให้รื้อถอนด้วย เพราะเวลานี้ทั้งรองนายกเทศมนตรี และหัวหน้าสำนักงานรักษาความมั่นคงในจิงฉู ล้วนเป็นพวกเดียวกับเขา!

อีกทั้งตอนนี้ฉินจิวยื่อเองก็หายตัวไป ส่วนหลิงหยุนอยู่ที่ใหนก็ยังไม่มีใครรู้ ตอนนี้ครอบครัวของหลิงหยุนเหลือน้องสาวของเขา–หนิงหลิงยู่อยู่เพียงคนเดียวเท่านั้น และอีกไม่นานก็คงจะตกเป็นของลูกชายของเสียเจิ้นติง–เสียเจิ้นเหยินอย่างแน่นอน ไม่ช้า..ก็เร็ว!

กู่หยุนฟะเองก็ได้บอกกับกู่เหลียนซันไว้เรียบร้อยแล้วว่าต้องทำอย่างไรบ้าง?

ตอนแรกกู่เหลียนซันคิดว่าเรื่องการรื้อถอนโดยไม่รับความยินยอมจากเจ้าของบ้านนั้น ไม่น่าจะสามารถทำได้ง่ายๆ! แต่เขากลับคิดไม่ถึงว่า เมื่อได้แจ้งทางเถียนป๋อเตาว่าจะขอรื้อบ้านของหลิงหยุนก่อนเป็นหลังแรก เขากลับยินยอมพร้อมใจเปิดทางให้แต่โดยดี!

เมื่อกู่เหลียนซันสอบถามรายละเอียด จึงได้รู้ว่าทั้งเถียนป๋อเตาและหลานชายของเขา ล้วนเคยถูกหลิงหยุนกระทืบจนปางตาย และพวกเขาก็กำลังรอเวลาแก้แค้นอยู่พอดี!

นับว่าเป็นโชคดีของกู่เหลียนซันที่ทั้งสองฝ่ายมีเรื่องรุนแรงกันมาก่อน ในตอนเที่ยงตรงของวันพฤหัสบดี พวกวเขาก็พากันไปดื่มกินเพื่อสานไมตรี และตอนบ่ายก็พากันมาจัดการรื้อถอนบ้านของหลิงหยุน!

หลังจากรื้อถอนบ้านของหลิงหยุนสำเร็จแล้ว กู่เหลียนซันก็ถึงกับถอนหายใจอย่างโล่งอก พร้อมกับโทรรายงานกู่เหลียนเฉิงและกู่หยุนฟะ จากนั้นก็เอ่ยชมเถียนป๋อเตา ที่ตอนนี้ไม่ต้องพูดถึงว่าจะผยองพองขนเพียงใด!

นี่ไม่ได้เป็นเพียงแค่เรื่องแก้แค้นหลิงหยุน แต่ยังเป็นการผูกสัมพันธไมตรีกับเถียนป๋อเตา ซึ่งต่อไปจะเป็นประโยชน์กับงานของกู่เหลียนซันในวันข้างหน้าด้วย!

ความจริงที่ปรากฏในสองวันที่ผ่านมานี้ ชี้ชัดว่าการทำงานทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น แม้ว่าพวกเขาจะได้ค่าจ้างในการรื้อถอนที่ไม่สูงนัก แต่พวกเขายังมีหนทางหาเงินได้จากทางอื่นอีก..

วันนี้เป็นวันอาทิตย์ แม้ว่ากู่เหลียนซันเพิ่งจะไปหาเมียน้อยคนที่ห้าของเขามาเมื่อคืนนี้ แต่ก็ยังสามารถตื่นมาทำงานได้ตั้งแต่เช้าตรู่ เพราะเช้านี้มีประชุมเรื่องงาน

กู่เหลียนซันมัวแต่ยืนพูดเสียงดังโผงผางอยู่ในสำนักงาน จนไม่ทันสังเกตุเห็นว่ามีรถฮัมเมอร์มาจอดอยู่ที่ถนนด้านนอกสำนักงาน

“ที่นี่สินะ.. สำนักงานรื้อถอน?”

หลิงหยุนที่นั่งอยู่ข้างคนขับอ่านป้ายสำนักงานที่แขวนอยู่หน้าประตู และเขาก็สังเกตุเห็นว่ามีพนักงานอยู่ด้านในกันมากมาย หลิงหยุนรู้สึกพอใจอย่างมาก!

คำพูดของกู่เหลียนซันทุกคำนั้น หลิงหยุนได้ยินอย่างชัดเจน! เขาได้ยินน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นดีใจของกู่เหลียนซันที่พูดว่า – “พวกเราต้องไม่ปล่อยให้เจ้าของบ้านหลังอื่นๆมาต่อรองขอเงินชดเชย ถ้าจำเป็นต้องจ่าย ก็จ่ายในจำนวนที่ต่ำที่สุด แต่ฉันว่า.. หลังจากที่พวกเราจัดการเชือดไก่ให้ลิงดูไปแล้ว พวกมันคงจะไม่กล้ามาเรียกร้องอะไรมาก..”

หลิงหยุนฟังแล้วก็ได้แต่ขมวดคิ้วพร้อมกับคิดในใจว่า ‘เชือดไก่ให้ลิงดูงั้นรึ? นี่เจ้าเห็นครอบครัวของข้าเป็นเพียงแค่ไก่สินะ? แล้วเจ้าจะต้องเสียใจที่คิดแบบนั้น!’

“เอาล่ะ.. เข้าไปหาพวกมันได้แล้ว!”

หลิงหยุนแสยะยิ้มพร้อมกับเปิดประตูรถแล้วเดินออกไปโดยไม่รอถังเมิ่งและตู้กู่โม่ หลิงหยุนเดินตรงไปยังสำนักงานทันที

กู่เหลียนซันเดินถอยหลังไปยืนที่ประตู เสียงของเขายังคงดังก้อง และยังคงไม่ทันสังเกตุเห็นหลิงหยุน ในขณะที่คนอื่นๆที่กำลังฟังเขาพูดอยู่นั้น ต่างก็เห็นหลิงหยุนเดินตรงมาที่ประตู พร้อมกับชี้ให้กู่เหลียนซันดู..

กู่เหลียนซันหันไปมองตาม ก็เห็นหลิงหยุนเดินดุ่มๆเข้ามา จึงได้แต่คิดในใจว่า ‘หมอนี่เป็นใครกัน?’

คนในสำนักงานรื้อถอนต่างก็งุนงง และต่างก็มองหน้ากัน พร้อมกับคิดว่าใครกันมาสำนักงานตั้งแต่เช้า?

แต่เมื่อกู่เหลียนซันมองเลยไป เขาก็เห็นรถฮัมเมอร์จอดอยู่ด้านนอก ดูจากรถที่ขับเขาก็เดาได้ว่าน่าจะไม่ใช่คนไม่มีฐานะ เขาจึงได้แต่เก็บซ่อนความโกรธและความไม่พอใจไว้ใต้หน้ากากพร้อมกับถามขึ้นอย่างสุภาพ

“สวัสดีครับ.. ผมกู่เหลียนซันเป็นกรรมการของบริษัทรื้อถอนแห่งนี้ ไม่ทราบว่าคุณมาที่นี่มีธุระอะไร?”

“กู่เหลียนซัน?” หลิงหยุนคิดในใจว่าช่างบังเอิญเสียจริง ชื่อแซ่คล้ายกับกู่เหลียนเฉิง คงจะต้องเป็นพี่น้องกันอย่างแน่นอน!

หลิงหยุนยิ้มและตอบกลับไปว่า “ก็ไม่มีอะไรมาก.. ฉันก็แค่มาหาอะไรสนุกๆทำที่นี่ก็เท่านั้นเอง แล้วก็มีเรื่องบางอย่างจะถาม!”

เมื่อเข้าไปถึงหลิงหยุนก็เดินสำรวจไปรอบๆสำนักงาน กู่เหลียนซันและพนักงานคนอื่นๆต่างก็ยืนงง พร้อมกับคิดในใจว่า.. คนที่เดินอยู่นี้น่าจะยังเป็นแค่เด็กนักเรียน?!

ใบหน้าของกู่เหลียนซันเปลี่ยนเป็นไม่พอใจขึ้นมาทันทีพร้อมกับตะโกนไล่ “ไปๆ ออกไปได้แล้ว! ที่นี่ไม่ใช่สำนักงานสอบถาม ไม่เห็นหรือไงว่าพวกเรากำลังประชุมกันอยู่?”

หลิงหยุนหัวเราะ จากนั้นจึงตอบกลับไปยิ้มๆ “ประชุมเรื่องจะกดเงินค่าชดเชยน่ะเหรอ แล้วก็เรื่องเชือดไก่ให้ลิงดูสินะ? กู่เหลียนซัน.. ตอบฉันมา! คลีนิคประชาชนที่อยู่ทางด้านตะวันตกนั่น แกเป็นคนรื้อถอนใช่ไม๊?

หลิงหยุนไม่ต้องการเสียเวลากับเรื่องไร้สาระกับกู่เหลียนซันอีก เขาจึงตรงเข้าประเด็นทันที!

“ฉันไปกับคนอีกคนหนึ่ง.. แล้วมีอะไร? ว่าแต่.. แกน่ะเป็นใคร? แล้วมาถามเรื่องนี้ทำไม?!”

กู่เหลียนซันเริ่มรับรู้ได้ถึงความผิดปกติ และรู้สึกคุ้นหน้าเด็กคนนี้ขึ้นมา คล้ายกับว่าเขาเคยเห็นที่ใหนมาก่อน..

ไม่นาน.. กู่เหลียนซันก็เริ่มจำได้! เขาเห็นรูปเด็กหนุ่มคนนี้ในโทรศัพท์มือถือของกู่หยุนฟะ! และเขาก็คือหลิงหยุน!! หลิงหยุนกลับมาแล้วเหรอ!!

‘ชิบหายแล้ว!!! ใหนกู่หยุนฟะบอกว่าหลิงหยุนหายสาบสูญไปเป็นอาทิตย์แล้วไง? แล้วมันกลับมาได้ยังไงกัน? กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่?’

กู่เหลียนซันจำได้ว่ากู่หยุนฟะเคยเล่าให้เขาฟังว่าหลิงหยุนทั้งน่ากลัวและน่าสยดสยองเพียงใด เหงื่อเย็นๆค่อยๆไหลออกมาจากศรีษะของเขา!

หลิงหยุนเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของกู่เหลียนซันแล้วก็ได้แต่แสยะยิ้ม พร้อมกับพูดเสียงเบาว่า “ค่อยๆคิดสิ!”

กู่เหลียนซันร้องตะโกนออกมาอย่างคลุ้มคลั่ง “นี่แกคือหลิงหยุนใช่ไม๊? แกยังกล้ามาปรากฏตัวที่นี่อีกเหรอ? ไม่รู้หรือไงว่าตอนนี้สำนักงานรักษาความมั่นคงกำลังตามล่าตัวแกอยู่?!”

“งั้นเหรอ.. ฉันก็เพิ่งรู้ข่าวนี่ล่ะ! ยังไงก็ต้องขอบใจแกด้วยที่บอกฉันให้รู้!” หลิงหยุนแสยะยิ้มพร้อมกับเดินเข้าไปหากู่เหลียนซันช้าๆ

“แก.. นี่แกต้องการอะไร?!” ทันทีที่หลิงหยุนเดินตรงเข้ามาหา กู่เหลียนซันก็ร้องเสียงดังถามขึ้นทันที

“ในเมื่อแกเป็นคนรื้อถอนบ้านของฉัน.. แกรู้ใช่ไม๊ว่าฉันจะทำยังไงกับแก?”

หลิงหยุนยื่นมือซ้ายออกไป และรวบลำคอของกู่เหลียนซันไว้ จากนั้นก็ยกเขาขึ้นราวกับจับคอไก่

“ความจริงแล้วฉันก็ไม่ได้มีปัญหากับแก แต่มีปัญหากับหลานชายของแก แต่เอาเถอะ.. ฉันจะไม่ทำให้แกต้องถึงตายก็แล้วกัน!”

พูดจบ.. หลิงหยุนก็ใช้นิ้วจี้ไปตามจุดชีพจรสิบกว่าแห่งบนร่างกายของกู่เหลียนซันอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็พูดขึ้นว่า

“ฉันจัดการจี้จุดชีพจรต่างๆของแกไว้แล้ว แกจะไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ และทุกๆสามหรือห้านาที เส้นลมปราณของแกจะหดตัวหนึ่งครั้ง และมันจะทำให้แกเจ็บปวดจนแทบไม่อยากจะมีชีวิตอยู่ต่อเลยล่ะ”

จากนั้นหลิงหยุนก็ลากกู่เหลียนซันไปที่ประตู แล้วจัดการโยนเขาออกไปข้างถนนราวกับขยะชิ้นหนึ่ง

“ทุกคนยังจะเฉยอยู่ทำไม.. ออกไปข้างนอกได้แล้ว!”