ตอนที่ 655

Elixir Supplier

655 ปัญหาทางการแพทย์ ลูกอกตัญญู

 

อย่างที่โบราณว่าไว้ พวกเขาเคยอยู่สูง ความคิดจึงเปลี่ยนแปลงได้ยาก พวกเขาคิดอยู่เสมอว่า ความคิดของพวกเขาคือสิ่งที่ถูกต้อง สำหรับคนที่อยู่ต่ำกว่า พวกเขาปฏิบัติด้วยแบบนี้ถือเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว

 

“ไปหาที่พักกันก่อนเถอะ” เขาพูด

 

เขตเหลียนชานไม่ได้เป็นเมืองที่ไม่ค่อยเจริญมากนัก ดังนั้น พวกเขาจึงเลือกพักในโรงแรมที่ดีที่สุดของที่นี่

 

“ไปสืบเรื่องหวังเย้ามา” ชายคนนั้นพูด

 

“รับทราบครับ” คนขับพูด เขาและคนของเขาออกไปจัดการทันที

 

ใบโลกใบนี้ แค่มีเงินเรื่องทุกอย่างก็ง่ายขึ้น คำพูดของหวังเย้าและสีหน้าของเขาดูเหมือนจะเป็นคนมีคุณธรรม แต่เขาก็ยังคงคิดว่า มันเป็นเพราะเขายังไม่รู้ถึงความต้องการจริงๆของหวังเย้าต่างหาก เพราะตอนที่ตระกูลซูกับตระกูลหวูมาขอให้เขาไปรักษาคนไข้ที่บ้าน หวังเย้าก็ยังตกลงเลย

 

ไม่มีใครปฏิเสธโอกาสที่พวกเขาจะได้ยกระดับของตัวเองให้สูงขึ้น คุณธรรมที่เขาแสดงออด มันก็เหมือนกับใบมะเดื่อ(?) เขาแค่กำลังหาทางลงเพื่อให้ดูสมเหตุสมผลอยู่ก็เท่านั้น

 

หึ!

 

ในหมู่บ้านกลางเขา หวังเย้ายุ่งอยู่กับการรักษาคนไข้ หลังจากเสร็จงานแล้ว เขาก็ออกไปจากคลินิก

 

เขาก็หันไปเห็นเวินหว่านที่กำลังเดินเล่นอยู่กับลูกชายของเธอ เจิ้งเหว่ยจวินนั่งอยู่ที่ริมแม่น้ำสายเล็กในหมู่บ้าน เขากำลังมองดูต้นหลิวที่โตขึ้นริมแม่น้ำอยู่ คนทั้งสองมองเห็นหวังเย้าและได้เอ่ยทักทายเขาจากที่ไกลๆ เขาจึงยิ้มและโบกมือให้พวกเขา

 

หลังจบมื้อเย็น หวังเย้าก็ออกไปจากบ้านอีกครั้ง เมื่อเขาเดินไปหยุดอยู่ที่หน้าคลินิก นอกจากบ้านสองสามหลังที่ปลูกอยู่บนเขาแล้ว คลินิกก็คือจุดที่สูงที่สุดในหมู่บ้านกลางเขาแห่งนี้

 

บ้านแต่ละหลังมีแสงไฟส่องลอดออกมาทางหน้าต่าง เมื่อมองไปรอบๆ มีบ้านอยู่ 20 กว่าหลังที่ยังคงมืดสนิท บางหลังเจ้าของอาจจะยังไม่กลับ แต่ส่วนใหญ่เจ้าของได้ย้ายออกไปอยู่ในอพาร์ทเมนต์ที่ตัวเมืองเหลียนชานกันหมดแล้ว บ้านเหล่านั้นจึงถูกปล่อยให้ร้าง

 

ในตอนที่มีการทำสัญญากันนั้น พวกเขาได้ทำการตกลงกันแล้วว่า เมื่ออพาร์ทเมนต์สร้างเสร็จ พวกเขาจะมีเวลาหนึ่งปีในการย้ายออก บางคนแทบจะทนรอที่จะได้ย้ายออกไม่ไหว เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นบนเนินเขาซีชานคือสาเหตุหลักของการย้ายออกของชาวบ้านหลายๆคน ในตอนนี้ มันได้เกิดเรื่องขึ้นอีกครั้งกับคนนอกที่เข้ามาในหมู่บ้าน ซึ่งส่งผลให้ชาวบ้านย้ายออกเร็วยิ่งขึ้นไปอีก

 

“บางที ผ่านไปไม่นาน มันอาจจะกลายเป็นหมู่บ้านร้างไปก็ได้” หวังเย้ากระซิบ

 

เขายืนนิ่งอยู่ตรงนั้นสักพัก ก่อนที่จะหมุนตัวเดินขึ้นไปบนเนินเขา

 

ไม่มีอะไรเกิดขึ้นในค่ำคืนนั้น หวังเย้าลงมาจากเขาในเช้าตรู่ของวันถัดมา

 

มีคนไข้บางรายมารออยู่ที่ด้านนอกคลินิกแล้ว ตอนนี้ หลายๆคนที่มาเริ่มรู้เรื่องกฎของหวังเย้ามาบ้างแล้ว เพราะในหมู่พวกเขาส่วนใหญ่ได้สอบถามเรื่องนี้กันมาก่อน พวกเขารู้เวลาทำการของหวังเย้า หลายคนจึงเลือกที่จะมาแต่เช้าเพื่อรอคิว

 

หวังเย้าเปิดรับคนไข้ตามเวลาปกติ ด้านนอกคลินิก มีกลุ่มคนที่มาพร้อมกับป้ายและตีกลองดังลั่น

 

“พวกเขาทำอะไรน่ะ?” ชาวบ้านที่ได้ยินต่างออกมาจากบ้านของตัวเอง คนในหมู่บ้านต่างก็สงสัยเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น

 

“พวกเขาถึงขนาดเอาป้ายมาด้วยล่ะ” ชาวบ้านคนหนึ่งพูด

 

ป้ายแผ่นหนึ่งได้เขียนเอาไว้ว่า [หวังเย้า หมอต้มตุ๋น ทำคนตาย!]

 

ผู้คนในหมู่บ้านต่างพากันจับจ้องไปที่ตัวหนังสือสีแดงบนป้ายผ้าสีขาว

 

“อะไรกัน? เสี่ยวเย้าทำคนตายงั้นเหรอ?” ชาวบ้านคนหนึ่งถาม

 

“ก็ลองไปถามเขาดูสิ” ชาวบ้านอีกคนพูด

 

จางซิวหยิงก็รู้สึกสงสัยเช่นเดียวกัน ดังนั้น เธอจึงออกไปดูพร้อมกับชาวบ้านคนอื่นๆ เมื่อได้อ่านตัวหนังสือสีแดงสด หัวใจของเธอก็บีบรัดพร้อมกับใบหน้าที่ซีดเผือด

 

“เสี่ยวเย้า เกิดเรื่องขึ้นแล้ว” ชาวบ้านคนหนึ่งรีบร้อนวิ่งเข้าไปในคลินิกของหวังเย้า

 

“มีเรื่องอะไรเหรอครับคุณลุง?” หวังเย้าถาม

 

“มีคนมาสร้างเรื่องให้เธอน่ะสิ พวกเขาบอกว่าเธอฆ่าคนตาย” ชาวบ้านพูด

 

“หา?” หวังเย้าตกใจ เขาลุกขึ้นและมองคนไข้ที่อยู่ภายในคลินิก “ต้องขอโทษด้วยนะครับ วันนี้ผมมีเรื่องด่วนต้องไปจัดการ รบกวนทุกท่านมาวันอื่นนะครับ”

 

“โอ้ ได้ๆ” คนไข้แต่ละคนต่างก็มีความคิดต่างกันออกไป บางคนก็รีบลุกออกไปทันที เหลืออยู่สองคนที่ยังไม่ไปไหน

 

“หมอหวัง มีอะไรให้พวกเราช่วยไหม?” คนไข้คนหนึ่งถาม

 

พวกเขาต่างก็เป็นคนจิตใจดี และเข้าใจหวังเย้า ดังนั้น พวกเขาจึงเลือกที่จะอยู่เพื่อดูว่าพอจะช่วยอะไรได้บ้าง

 

“ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณมากนะครับ” หวังเย้ายิ้ม

 

เขาเดินออกไปด้านนอก แล้วก็เห็นพ่อแม่ของเขารีบร้อนเข้ามาหา

 

“พ่อแม่ ผมรู้เรื่องแล้วครับ ไม่ต้องห่วงนะ” หวังเย้าพูด

 

เขาเดินออกไปจากคลินิกและมุ่งหน้าไปยังกลุ่มคนที่มาสร้างปัญหา

 

“มันเป็นเขา หวังเย้า ไอ้หมอปลอม” ชายคนหนึ่งพูด “เขาทำคนตาย!”

 

“ไอ้หมอต้มตุ๋น!”

 

“ไอ้ฆาตกร!”

 

“หุบปาก!” หวังเย้าตะโกนออกไปเต็มเสียง หึ่ม! เสียงของเขาดังราวกับเสียงฟ้าร้อง

 

“โอ๊ย หูฉัน!” กลุ่มคนที่อยู่บนถนนต่างเอามือกุมหูทั้งสองข้างของตัวเอง

 

“พวกคุณเป็นใคร? แล้วใครที่ผมทำให้ตาย?” หวังเย้าถามในขณะที่มองไปยังผู้นำของคนกลุ่มนี้

 

“แกจะไม่รู้ได้ยังไง?ไ ผู้นำกลุ่มถาม “อย่ามาทำเป็นไม่รู้หน่อยเลย! แกมันไอ้ฆาตกร!”

 

“เงียบซะ!” พวกเขาอยู่ห่างกันแค่ไม่กี่เมตรเท่านั้น หวังเย้าเพียงแค่โบกมือออกไปครั้งหนึ่ง

 

ชายที่เพิ่งจะเปิดปาก กลับไม่มีเสียงพูดออกมาแม้แต่น้อย

 

“คนหลอกลวงไม่มีสิทธิ์มาพูดอะไรที่นี่” หวังเย้าพูด

 

“เขาเป็นอะไรไปน่ะ?” คนที่ยืนอยู่ข้างๆชายที่เป็นผู้นำกลุ่มตกตะลึง

 

เกิดอะไรขึ้นกับฉันกัน? คนที่โดนกับตัวยิ่งรู้สึกกลัวมากกว่าใคร เขารู้สึกว่าลำคอของเขาถูกบางอย่างอุดเอาไว้ คำพูดต่างๆถูกหยุดเอาไว้ในลำคอ และไม่มีทางให้ออก ราวกับมีกำแพงกั้นอยู่ตรงนั้น

 

“ออกมา อย่าคิดจะหลบเลย” หวังเย้าเดินเข้าไปหาฝูงชน

 

สายตาของเขาตกไปอยู่กับชายหนุ่มที่สวมแว่นตากันแดด แขนเสื้อของเขามีสายสีดำคาดอยู่และปักคำว่า “กตัญญู” ติดเอาไว้

 

ชายหนุ่มเดินออกมา

 

“พ่อของเธอตายแล้วเหรอ?” หวังเย้าถาม

 

ใช่ เขาตายหลังจากที่กินยาของแกยังไงล่ะ” ชายหนุ่มพูด

 

“เขาตายเพราะโมโหนาย เพราะนายมันอกตัญญู” หวังเย้าพูด

 

ครั้งก่อนที่เขาได้เจอคนไข้ เขาก็พอจะเห็นสัญญาณบางอย่างแล้ว แต่เขาก็ไม่คิดว่า เรื่องในครั้งนั้นจะเป็นการจบชีวิตของชายวัยกลางคนผู้ที่ดูเหมือนจะอดทนมาอย่างยาวนานไปอย่างรวดเร็ว

 

“เชี่ย! ก็เห็นกันชัดๆอยู่แล้ว ว่ามันเป็นเพราะยาของแกน่ะ” ชายหนุ่มพูด

 

“ยาไม่มีปัญหาเลย ถ้านายสงสัย ก็เอายาไปตรวจดูสิ” หวังเย้าพูด “พ่อของนายก็ตายไปแล้ว ก็เอาร่างเขาไปทำการชันสูตรซะสิ”

 

“ผลมันก็เห็นๆกันอยู่แล้ว” ชายหนุ่มพูด

 

“เป็นลูกอกตัญญูจริงๆ! เงียบปากซะ!” หวังเย้าชี้นิ้วออกไป

 

ปากของชายหนุ่มยังคงอยู่ที่เดิม แต่เขากลับไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้เลย

 

“นายไม่สมควรจะมาพูดไร้สาระอะไรตรงนี้” หวังเย้าพูด

 

เหล่าคนที่ตามมาเพื่อสร้างปัญหาต่างก็พากันอึ้งงัน ถ้าเกิดกับคนแค่คนเดียว มันก็คงจะเป็นเรื่องบังเอิญ แต่นี่เกิดขึ้นถึงสองคน? ผู้ชายคนนี้เป็นพ่อมดหรือยังไง?

 

พวกเขาเตรียมตัวถอยห่างเพื่อจะหนีไป

 

“ทั้งหมด!” หวังเย้ามองไปยังอีกสิบกว่าคนที่เหลือ “คนตายเป็นญาติหรือพ่อของพวกคุณรึเปล่า? บอกมา!”

 

คนในกลุ่มต่างก็คิดในใจ จะมาตะคอกใส่พวกเราทำไม เราไม่ได้รู้จักเขาเลยสักนิดเดียว! แต่ก็ไม่มีใครกล้าพูดออกไป หากพูดออกไป ก็เห็นได้ชัดอยู่แล้วว่ามันเป็นการหาเรื่องใส่ตัว

 

“ไปเร็ว!” มีคนกระซิบบอกคนอื่นๆ แล้วพวกเขาก็หมุนตัวจะออกไป

 

เมื่อหมุนตัวไปด้านหลัง พวกเขาก็พบว่าทางเดินของพวกเขาถูกปิดกั้นเอาไว้ มีชายร่างกายใหญ่โตสวมสวมแว่นตากันแดดยืนเรียงกันอยู่ และปิดทางพวกเขาเอาไว้

 

“เชียนเชิง จะเอายังไงดีครับ?”

 

ซุนหยุนเชิงและเจิ้งเหว่ยจวินเข้ามาหา

 

เสียงตะโกนโหวกเหวกของคนเหล่านี้ ทำให้พวกเขาต้องออกมาดู

 

“ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้ไปไหนทั้งนั้น” หวังเย้าพูด

 

กลุ่มคนที่มาเพื่อสร้างเรื่องต่างก็เริ่มรู้สึกเสียใจขึ้นมา

 

“พ่อหนุ่ม มันเป็นความผิดของพวกเราเอง” หนึ่งในคนกลุ่มนั้นพูด “เขาเป็นคนจ้างพวกเรามา เธอช่วยปล่อยพวกเราไปได้ไหม?”

 

“อืม ดีมาก” หวังเย้าพูด “งั้นก็ไปคุยกับตำรวจแล้วกัน”

 

“หา! พ่อหนุ่ม เธอจำเป็นต้องทำถึงขนาดนั้นเลยเหรอ?” หนึ่งในนั้นพูด

 

หวังเย้าเลิกสนใจพวกเขา และกดโทรหาตำรวจ

 

วี้ว๊อ! เสียงไซเรนตำรวจดังใกล้เข้ามา เจ้าหน้าที่ตำรวจลงมาจากรถและถามออกไปว่า “มีเรื่องอะไรเหรอ?”

 

“พวกเขารวมตัวกันมาสร้างเรื่องให้ผมครับ มันเป็นการกล่าวเท็จ” หวังเย้าอธิบายอย่างง่ายๆ

 

“ใช่ พวกเราเป็นพยานได้” ชาวบ้านพูด

 

“พาพวกเขาไป!” เจ้าหน้าที่ตำรวจที่นำทีมมาสั่งการ

 

“ขอบคุณนะครับ คุณหลี่” หวังเย้าพูด

 

“เกรงใจไปแล้ว หมอหวัง” เจ้าหน้าที่หลี่พูด

 

“นี่พวกเขารู้จักกันด้วยเหรอ?” หนึ่งในคนกลุ่มนั้นพูดขึ้นมา “นี่มันรวมหัวกันนี่นา!”

 

“เยี่ยม แจ้งข้อหาป้ายสีเจ้าหน้าที่ไปอีกหนึ่งข้อหา” เจ้าหน้าที่หลี่พูด

 

“หา ผมผิดไปแล้ว” หนึ่งในนั้นพูด

 

เจ้าหน้าที่ตำรวจจัดการทุกสร้างเรียบร้อยในเวลาอันสั้น

 

“ขอบคุณทุกคนมากนะครับ” หวังเย้าประสานมือคำนับขอบคุณ

 

“หมอไปตรวจคนไข้ต่อเถอะ” เจ้าหน้าที่หลี่พูด

 

หวังเย้าเดินกลับไปที่คลินิก “พ่อ แม่ เรื่องจบแล้ว อย่างคิดมากเลยนะครับ”

 

“โอ้ ดีๆ” จางซิวหยิงและหวังเฟิงฮวาต่างก็โล่งใจ

 

เดิมที พวกเขากังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มาก แต่พวกเขาไม่คิดเลยว่า ลูกชายของพวกเขาจะรับมือกับเรื่องนี้ได้อย่างง่ายดาย

 

ภายในสถานีตำรวจ กลุ่มคนกำลังถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งคำถามอยู่

 

“เกิดอะไรขึ้น?” เจ้าหน้าที่ตำรวจถามชายหนุ่มที่เป็นผู้นำกลุ่ม เขาไม่ยอมพูดอะไรและทำตัวเหมือนคนบื้อใบ้ “คิดว่าฉันจะโง่เหรอ?”

 

คนที่อยู่ในกลุ่มนั้นพูด “เขาไม่ได้แกล้งโง่ แต่เขาเป็นแบบนั้นเพราะหมอคนนั้นนั่นแหละ!”

 

“คิดว่าเราจะเชื่อคำพูดของพวกนายเหรอไง? เกิดอะไรขึ้น?” เจ้าหน้าที่ตำรวจถาม

 

“ไม่ ฉันก็บอกไปแล้ว มันเป็นเรื่องจริงนะ” คนในกลุ่มพูด “ถ้ามันเป็นเรื่องไม่จริง ฉันยอมห้ฟ้าผ่าเลย ฉันสาบานได้”

 

พวกเขาทั้งหมดต่างพากันบอกความจริงออกมาอย่างไม่รอช้า

 

เจ้าหน้าที่ตำรวจหันไปหาชายหนุ่ม “โอเค ไม่ต้องพยายามทำไม้ทำมือหรอก ยังไงฉันก็ไม่เข้าใจ เดี๋ยวแม่นายก็จะมาแล้ว”

 

เมื่อได้ยินว่าลูกชายของเธอถูกจับ เสวี่ยเหมยลี่ที่ยังไม่หายเศร้าเรื่องการตายของสามี ก็รีบร้อนเดินทางไปที่สถานีตำรวจ

 

“คุณตำรวจ ลูกชายของฉันอยู่ที่ไหนคะ?” เธอถาม

 

“อยู่ตรงนั้น” เจ้าหน้าที่พูด

 

จ้าวชงหยางเห็นแม่ของเขา จึงทำไม้ทำมือเรียกหาเธอ

 

“ชงหยาง เกิดอะไรขึ้นกับลูกกัน?” เมื่อเห็นสภาพของลูกชาย เสวี่เหมยลี่ก็ตกใจ สามีของเธอเพิ่งจะตายไป แล้วลูกชายก็ยังมาเป็นแบบนี้อีก มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? หรือพระเจ้ากำลังลงโทษฉันอยู่? “คุณตำรวจ นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นกันแน่?”

 

เจ้าหน้าที่จึงได้เล่าเรื่องทั้งหมดให้เธอฟัง

 

“ชงหยาง มันเป็นเรื่องจริงเหรอ?” เสวี่ยเหมยลี่ไม่อยากจะเชื่อ

 

หลังจากที่นิ่งไปสักพัก จ้าวชงหยางก็พยักหน้า

 

“ทำไมถึงได้โง่แบบนี้!” เธอตบไปที่หน้าของเขา “คุณตำรวจคะ ฉันต้องทำยังไงกับเรื่องนี้ดีคะ?”

 

“ข้อหากล่าวเท็จผู้อื่น จะถูกจำคุกสามปีหรือน้อยกว่านั้น” เจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่งพูด

 

แน่นอนว่า พวกเขาไม่มีสิทธิตัดสินว่ามันร้ายแรงแค่ไหน เรื่องเหล่านี้จะอยู่ในมือของศาล