ร่างกายของฉันที่ถึงจุดสุดยอดไปแล้วครั้งหนึ่งในห้องอาบน้ำนอนอ่อนแรงอยู่บนเตียง

วันนี้ทั้งวันเกิดเรื่องขึ้นมากมายเหลือเกิน ฉันพาร่างที่ยอมแพ้กระทั่งความกลัวไปบ้านแห่งความตาย ร่วมสวดภาวนากับผู้คนที่นั่นเป็นครั้งสุดท้าย พร้อมกับอธิษฐานอยู่ในใจขอให้ยกโทษที่ฉันไม่ใช่นักบุญหญิงตัวจริง จากนั้นก็ได้พบชีเดล และราธบันก็มา เขาบาดเจ็บ และเกือบตาย

เรื่องทุกอย่างปนเปอยู่ภายในหัว ทันใดนั้นฉันก็นึกถึงตอนที่เขาลืมตา

ราธบันยังมีชีวิตอยู่ แค่นั้นก็พอแล้ว

ฉันหลับตาลงเมื่อรู้สึกได้ว่าเส้นความกังวลที่ขึงแน่นมาตลอดทั้งวันเริ่มหย่อนลง

‘ถ้าหลับไปแบบนี้…’

ทว่าก่อนหลับไป ฉันอยากยืนยันว่าเรื่องที่เกิดขึ้นจนถึงตอนนี้ไม่ใช่ภาพลวงตา ฉันจึงเอ่ยเรียกชื่อเขา

“…ราธบัน”

มือของเขาที่เช็ดไปทั่วร่างหยุดลงเมื่อได้ยินฉันเรียก ฉันรอคอยคำตอบของเขา และในขณะที่กำลังจะเข้าสู่ห้วงนิทรา เขาก็ตอบกลับมาด้วยวิธีการที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน

“ฮึก!”

ในตอนที่ลืมตาขึ้นเพราะตกใจกับสัมผัสตรงหน้าท้อง สิ่งที่เข้ามาในสายตาคือภาพของราธบันที่กำลังจุมพิตตรงนั้นอย่างระมัดระวัง เขาที่ตั้งใจเช็ดฉันยังคงอยู่ในสภาพตัวเปียก ฉันเบี่ยงตัวออกขณะเห็นหยดน้ำที่เกาะอยู่บนเส้นผมสั้น กำลังร่วงลงบนหน้าท้องของฉัน ทว่าทั้งหมดที่ฉันทำได้คือแค่ขยุกขยิกตัวเท่านั้น เพราะมือของราธบันยึดเชิงกรานไว้แน่น

“ราธบัน ทำ ทำอะไร…”

ความคิดที่ว่า คงไม่หรอก ผุดขึ้นในหัว

ราธบันเป็นอัศวินแห่งวิหาร เขาคือคนที่สาบานต่อหน้าพระเจ้าว่าจะมีชีวิตอยู่โดยละเว้นกิเลสไปตลอดชีวิตและปฏิบัติตามกฎของเขาอย่างเคร่งครัดยิ่งกว่าใคร แม้กระทั่งคราวก่อนที่ฉันยั่วยวนเขาเพราะอิทธิพลของรอย เขาก็ยังไม่ยื่นมือออกมาหาฉันจนถึงที่สุด

ดังนั้นฉันจึงคิดว่าเรื่องที่เขาทำในห้องอาบน้ำเมื่อครู่ก่อนจะเป็นสิ่งสุดท้ายที่เขาสามารถทำได้ ยิ่งไปกว่านั้นคือร่างกายของเขายังไม่หายดี ดังนั้นฉันจึงนึกว่าเขาจะหยุดเพียงแค่นี้

แต่มันเป็นการเข้าใจผิดอย่างใหญ่หลวง

ริมฝีปากที่วนอยู่รอบสะดือกำลังเลื่อนลงไปด้านล่างอย่างลื่นไหล

“ราธบัน!”

ฉันขยับตัวพลางจับผมเขาด้วยความตกใจ แต่ราธบันก็ไม่หยุด เสื้อผ้าแทบจะฉีกขาดในระหว่างที่จับเขาลากในตอนที่หมดสติ อีกทั้งยังถึงกับเปียกน้ำ ริมฝีปากของเขาแตะลงบนเสื้อที่น่าอับอายเกินกว่าจะเรียกว่าสวมใส่

ลิ้นของเขาลากลงไปตามส่วนเว้าโคงที่เผยให้เห็นเพราะเปียกน้ำอย่างไม่ลังเล ราวกับระหว่างนั้นมีบางอย่างที่หอมหวานที่สุดในโลกกำลังไหลออกมา ทันทีที่เนื้อส่วนที่อ่อนไหวอย่างเต็มที่ถูกกระตุ้น ลมหายใจก็ไหลทะลักออกมา

“ฮา อ๊ะ อ๊า!”

ภาพในสมองเปลี่ยนเป็นขาวโพลนในชั่วพริบตา การพยายามลุกขึ้นด้วยความตกใจกลายเป็นฟองอากาศ[1] ด้วยมือของราธบันอีกครั้ง เขาออกแรงจับกระดูกเชิงกรานราวกับรู้อยู่แล้วว่าฉันจะเป็นเช่นนี้ ด้วยเหตุนี้ ฉันจึงทำได้เพียงยอมรับการกระตุ้นทั้งหมดที่เขามอบให้โดยไม่อาจหนีไปได้

เสียงเปียกแฉะดังไปทั่วห้องที่แห้งอีกครั้ง ตอนนี้ไม่อาจแก้ตัวได้แล้วว่ามันเป็นเพราะน้ำในห้องอาบน้ำ

“อ๊ะ ฮะ อ๊า! ดะ เดี๋ยวก่อน! ราธบัน!”

น้ำเสียงดิ้นรนของฉันทำให้เขาหยุดการเคลื่อนไหวไปชั่วครู่ ฉันได้พักหายใจด้วยความโล่งใจที่การกระตุ้นอันบ้ากระหน่ำหยุดลง แต่ไม่นานมือของเขาก็เริ่มแก้เงื่อนของชุดชั้นในที่เปียกชื้นของฉัน ฉันส่งเสียงครางในทุกครั้งที่สัมผัสได้ว่านิ้วมือที่สั่นระริกลื่นหลุดไปครั้งแล้วครั้งเล่า

ฉันรู้ดีว่าต่อจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น อนาคตที่กำลังเข้ามาใกล้ทุกทีมันน่าเขินอายจนแทบทนไม่ไหว แผ่นผ้าเปียกชื้นตกลงด้านนอกเตียงนอน ในชั่วขณะที่ตระหนักได้ว่าระหว่างฉันกับเขาไม่เหลืออะไรแล้วจริงๆ ร่างกายของฉันก็หดหนีโดยไม่รู้ตัว

ราธบันขยับตัวที่ฝังอยู่ส่วนล่างของฉันชั่วครู่ เขาถอดเสื้อที่เหลืออยู่บนร่างอย่างเร่งรีบ ผ้าที่หนักเพราะเปียกน้ำตกลงบนพื้นเสียงดัง ฉันรวบรวมความกล้ามองไปด้านล่าง

“…!”

พระเจ้าช่วย ฉันยกมือขึ้นมาปิดปากโดยไม่รู้ตัว เขาดูเหมือนเงาดำเพราะแสงจันทร์อันเลือนราง แต่ถึงกระนั้น อาจเพราะส่วนนั้นของเขาแข็งขืนจนน่าตกใจ ฉันจึงยังมองเห็นได้ในแวบเดียว ชั่วขณะที่มั่นใจได้ถึงความใคร่ที่เขากักเก็บไว้ ร่างกายก็สั่นด้วยความหวาดหวั่น

เพราะฉันรับรู้ได้ว่าเขาเองก็ต้องการฉัน มากเท่ากับที่ฉันต้องการเขา

เขายื่นแขนออกมาและวางบนร่างกายของฉันทันที

“อ๊ะ…”

ชั่วขณะที่สัมผัสโดน ฉันถึงได้รู้ว่าไม่ได้มีแค่ฉันที่แฉะ ปลายองคชาตของเขาเป็นเงาวาวราวกับน้ำลายกำลังไหล

“ฮา…”

เขาถอนหายใจแล้วลดกายลงอย่างเชื่องช้า เข้ามาอยู่ระหว่างกลีบร่องที่มีน้ำไหลเยิ้ม

ฉันกลั้นหายใจ ส่วนเขาหายใจแรงทันทีที่ส่วนนั้นของเขาสัมผัสกับช่องทางรักของฉัน ฉันนึกว่าราธบันจะสอดใส่เข้ามาทันที แต่เขากลับไม่ยอมขยับ ส่วนล่างของฉันที่กลืนกินปลายแก่นกายเข้าไปเล็กน้อยร้อนรุ่มราวกับถูกเปลวไฟ

ฉันอยากให้เขารีบจัดการความร้อนนี้ไวๆ จึงขยุกขยิกตัวอย่างรบเร้า ทันใดนั้นส่วนนั้นของเขาที่เข้ามาเพียงปลายก็ดันเข้ามาด้านในของฉันอีกเล็กน้อย

“อ๊ะ ฮึก!”

ฉันส่งเสียงครางและสั่นสะท้านขึ้นมาทันที เวลาเดียวกับที่ใบหน้าของราธบันบิดเบี้ยว ก่อนถอนตัวออกไป ความรู้สึกที่เขาห่างออกไปทำให้ฉันยื่นมือออกไปด้วยความเสียดาย เขาก้มหัวลงแนบใบหน้ากับมือของฉันราวกับสัตว์เดรัจฉานที่ทำตามคำสั่ง มือสัมผัสถูกใบหน้าที่เคร่งเครียดของเขา ท่าทางนั้นราวกับกำลังอดทนอะไรบางอย่างอย่างสุดความสามารถ

“ราธบัน…ทำไม…”

ทำไมเขาถึงหยุด ความคิดมากมายผุดขึ้นมาในหัว ท่าทางที่ไม่ขยับเขยื้อนของเขาเริ่มทำให้ฉันเกิดความไม่สบายใจ ถ้าหากเขาหยุดแบบนี้ ถ้าหากเขาขยับตัวอีกครั้ง แล้วเอ่ยว่าทำไม่ได้ ถอนตัวออกไป จากนั้นใส่เสื้อ และออกไปล่ะ

ลมหายใจพลันสะดุดทันทีที่คิดได้เช่นนั้น จู่ๆ พระเจ้าก็นึกสงสารลูกแกะ[2] ที่เชื่อฟังคำสอนของตนมากกว่าผู้ใดเลยเรียกสติเขากลับมาในช่วงเวลาแบบนี้อย่างนั้นเหรอ เพราะงั้นราธบันถึงได้รู้สึกอับอายที่ทำอะไรแบบนี้กับฉันอยู่ใช่ไหม ความรู้สึกที่พลุ่งพล่านจนถึงเมื่อครู่ก่อนสงบลงอย่างรวดเร็วจนรู้สึกได้ ฉันเอ่ยถามเสียงสั่นอย่างระมัดระวัง

“ราธบัน…ถ้าเจ้าไม่ต้องการล่ะก็…ถะ ถ้าไม่อยาก…”

แม้จะกล่าวเช่นนั้น แต่ฉันกลับจับแขนเขาเอาไว้ ราวกับขอร้องไม่ให้เขาจากไปแบบนี้ ในตอนที่นิ้วมือของฉันลูบไล้แขนแกร่งของเขา ราธบันตัวสั่นอย่างแรงราวกับเสียวซ่าน จากนั้นเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบพร่า

“ขออภัย”

ดวงตาของเขาเป็นประกาย

“ทะ ทำไมจู่ๆ…”

“ข้าจะกล่าวอีกครั้ง โปรดอย่าอภัยให้ข้า”

คำพูดนั้นกลายเป็นดั่งสัญญาณ

***

อย่างไรก็ดูเหมือนท่าทางที่สองจิตสองใจของเขาจะทำให้นักบุญหญิงคิดเป็นอื่น นางจะรู้หรือไม่ว่าเขากลัวว่าหากเขาปล่อยไปเช่นนี้จะทำให้นางเจ็บเลยพยายามควบคุมตนเอง

ไม่อยากทำอย่างนั้นหรือ? นั่นสิคือคำถามที่เขาต้องถาม ทว่าไม่จำเป็นต้องตอบแล้ว มันสายไปแล้ว แม้ตอนนี้นางจะบอกว่าไม่อยากทำ เขาก็ไม่มีความมั่นใจที่จะควบคุมสติของตนเองอีกต่อไป

สัญชาตญาณดึงร่างกายเขากลับมาอีกครั้ง ราธบันจับแก่นกายตนเอง ส่วนนั้นของเขาที่แข็งขืนและใหญ่กว่าครั้งไหนๆ แทรกกายเข้าไปในส่วนอ่อนนุ่ม

“ฮ่อก!”

ลมหายใจของนางสะดุด นิ้วที่ลูบคลำแขนของเขาอย่างอ้อนวอนเมื่อครู่ก่อนแข็งเกร็ง ก่อนคว้าจับแขนเขาอย่างแรงจนเปลี่ยนเป็นสีขาว ทว่าราธบันก็ไม่หยุดเคลื่อนไหว

เขาเคยสัมผัสอะไรที่ร้อนและอ่อนนุ่มถึงเพียงนี้ในชีวิตมาก่อนบ้างไหมนะ ราธบันรู้สึกกระหายจนเหมือนหัวจะลุกไหม้ เขาต้องการมากกว่านี้ มากอีก มากขึ้นอีก จนกว่าตนจะลุ่มหลงโดยสมบูรณ์

“อ๊ะ อ๊ะ อ๊าาา!”

ร่างกายของเขาเข้าไปในตัวของนักบุญหญิงทีละน้อย ครู่ก่อนเพียงแค่แลกลิ้นกันยังทำให้เขาคิดว่าคงไม่มีความสุขสมใดที่มากกว่านี้อีกแล้ว ทว่าในตอนนี้ ในทุกช่วงเวลา เขากำลังได้ผ่านประสบการณ์ใหม่ในชีวิต

ไม่ใช่คนเดียว เป็นช่วงเวลาอันน่ามหัศจรรย์ที่นางนำมาให้

ราธบันเข้าใจแล้วว่าทำไมกฎระเบียบของวิหารถึงได้ควบคุมความสัมพันธ์ของชายหญิงอย่างเข้มงวด สิ่งนี้ไม่อาจหยุดได้ในทันทีที่มันเริ่มขึ้น กฎระเบียบและกฎเกณฑ์ทั้งหมดที่ควบคุมชีวิตเขามาจนถึงตอนนี้หายไปทันทีที่ได้ลิ้มลอง หลงเหลือเพียงสัญชาตญาณของสัตว์เดรัจฉานที่ไม่อาจควบคุมได้

“อา ระ ราธบัน…ชะ ช้าหน่อย…นะ…”

ดูเหมือนสัญชาตญาณของเขาจะตะกละตะกลามมากเกินไป หากไม่เช่นนั้น

ราธบันขยับเอวเร็วขึ้น

“ฮึ อ๊าาา!”

…ก็คงไม่มีทางไม่ฟังคำใดเลยเช่นนี้

การเคลื่อนไหวอย่างฉับพลันทำให้นางเปล่งเสียงสั่นเครือ ราธบันก้มหน้าลงเลียน้ำตาที่ไหลออกมาของนาง จากนี้ไปเขาจะไม่พลาดอะไรก็ตามที่ออกมาจากนาง

ไม่ว่าจะเป็นน้ำตาเพียงหยดเดียวที่นางหลั่งออกมา เสียงร้องครางเพียงพยางค์เดียว หรือกระทั่งลมหายใจเพียงเฮือกเดียว เขาหวังว่าทุกสิ่งทุกอย่างของนางจะเข้าไปอยู่ในตัวเขา

ทุกสิ่งทุกอย่างในช่วงเวลานี้คือของของเขา

สัญชาตญาณที่อยากครอบครองได้ห่อหุ้มตัวเขา แม้จะรู้ว่าร่างกายของนางที่รับส่วนใหญ่โตเข้าไปกำลังแข็งเกร็งด้วยความตึงเครียด แต่ราธบันก็หยุดเคลื่อนไหวไม่ได้ ไม่นานเขาก็ดันเข้าไปจนสุด ราธบันปรับลมหายใจหลังจากเข้าไปจนถึงส่วนที่ลึกที่สุดของนาง

“ฮา…”

ความอ่อนนุ่มที่โอมล้อมตัวเขาทำให้รู้สึกดีจนไม่อาจบรรยายได้ จนเขาอยากจะอยู่แบบนี้ไปชั่วชีวิต แต่เขาเองก็รู้ดีว่านี่ยังไม่ใช่จุดจบ ราธบันถอนเอวไปด้านหลังอย่างเชื่องช้า ทันใดนั้น ภายในของนางที่ห่อหุ้มเขาอยู่ก็งับส่วนนั้นของเขาแน่นราวกับบอกว่าไม่ให้ไป

“อา…”

เสียงครวญครางที่ไม่เคยออกมาแม้ถูกกรงเล็บของปีศาจทิ่มแทงดังขึ้น ร่างกายรู้สึกเหมือนถูกโยนเข้าไปในหินลาวาร้อน ราธบันรู้สึกเหมือนทุกอย่างกำลังหลอมละลายพลางดึงส่วนนั้นของตนออกมาจนถึงจุดเสียวซ่าน

นักบุญหญิงเปล่งเสียงคล้ายสะอื้นทันทีที่ส่วนที่อวบหนาที่สุดเกี่ยวอยู่กับปากทางเข้า ราธบันจับเอวของนางแน่นอีกครั้ง จากนั้นก็ดันร่างของตนเข้าไปอย่างไม่ลังเล

พั่ก!

ผิวเปียกชื้นกระแทกกันจนส่งเสียงดังกระทบอีกครั้ง

“…!”

ปากของนักบุญหญิงอ้าออกจนทำไม่ได้กระทั่งส่งเสียงร้อง เขาพอจะรู้ว่าดวงตาที่เบิกกว้างกำลังบอกอะไร ราธบันโน้มใบหน้าลง ลิ้นของเขารุกล้ำเข้าไปในโพรงปากอย่างไม่ลังเล เป็นจูบที่เร่าร้อนราวกับจะถอนรากถอนโคน

“ฮึก อือ อื้ออ!”

เสียงร้องครางดังขึ้นพร้อมกับเอวของราธบันที่ขยับอีกครั้ง เขาสอดใส่จนลึก แล้วกระแทกย้ำส่วนปลาย ราธบันข่มเสียงครางที่จะระเบิดออกมาพลางเสพสมความสุขที่ร่างกายของนางมอบให้ตนจนแทบบ้า จากนั้นถอนตัวออกมาอีกครั้ง ก่อนแทรกกายของตนเข้าไปในร่างของนางที่แหกอ้าอีกรอบซ้ำแล้วซ้ำเล่า

เขาอยากเข้าไปสัมผัสให้ลึกกว่านี้ จนทำให้ร่างกายนี้จดจำเขาไปชั่วนิรันดร์

การขยับเข้าออกอย่างรุนแรงอันบ้าคลั่งเริ่มเคลื่อนไหวเป็นจังหวะ ขณะเดียวกับที่เสียงหายใจของนักบุญหญิงเริ่มเร่าร้อนขึ้นอย่างรวดเร็ว ตอนนี้สิ่งที่สอดใส่ด้านในของนางไม่ทำให้เจ็บปวดอีกต่อไป ราธบันกลืนกินทุกอย่างที่นางปล่อยออกมา ภายในห้องร้อนขึ้นด้วยอุณหภูมิร่างกายและลมหายใจอันร้อนแรง

เขาสาบานตนว่าจะเดินบนเส้นทางแห่งการเชื่อฟังพระเจ้าและรับใช้นักบุญหญิง

สิ่งที่เขาสาบานเป็นความศรัทธาอย่างแท้จริงซึ่งไม่มีสันดานเดิมของความเป็นมนุษย์ปะปนแม้แต่น้อย ทว่าตอนนี้ตนกำลังมีสภาพเป็นอย่างไรกัน

ข้อห้าม ขาดศีลธรรม เหลวแหลก

คำต่างๆ ที่เขาเชื่อมั่นว่าจะไม่เกิดขึ้นกับตนไปตลอดชีวิตกำลังกดทับตัวเขา

เสียงของทั้งคู่ดังขึ้นเรื่อยๆ เสียงครวญครางที่เหลื่อมกันในคราแรก บัดนี้ซ้อนทับกันเป็นหนึ่งเดียวราวกับดังออกมาจากคนผู้เดียว เป็นเสียงที่จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อต่างคนต่างต้องการที่จะทำด้วยกัน

ร่างกายที่เคยคิดว่ามีข้อจำกัดกลับขยายใหญ่ขึ้นได้อีก แม้จะไม่เคยมีใครสอนว่าบัดนี้เหลือเวลาอีกไม่นานก็จะเกิดความสุขสมอันยิ่งใหญ่ แต่เขาก็รับรู้ได้

“อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะอ๊ะอ๊ะ!”

นักบุญหญิงร้องเสียงหลงพลางสะบัดหัว ราธบันดึงร่างนางเข้ามากอดอย่างแรง ก่อนฝังตัวเข้าไปด้วยแรงทั้งหมดที่มี

ความใคร่ของเขาระเบิดออกในส่วนที่ลึกที่สุด มันปลดปล่อยออกมาไม่หยุดให้สมกับที่เขากักเก็บไว้ตลอดเวลาที่ผ่านมา อัดแน่นด้านในจนล้นและสุดท้ายก็ทะลักออกมา

หลังจากจ้องมองส่วนที่เกิดฟองสบู่ซึ่งยังเชื่อมกันอยู่อย่างแนบแน่น ราธบันก็เงยหน้าขึ้นแล้วคลี่ยิ้มอย่างสดใส ก่อนดึงร่างที่นอนอ่อนเพลียของนางเข้ามากอด ดวงตาของอัศวินผู้เหลวแหลกที่ได้รับชีวิตใหม่เป็นประกายในความมืด

เขาสวมกอดร่างในอ้อมแขนอย่างรักใคร่เป็นที่สุดพลางคิด

ห้ามอภัยให้ข้าเป็นอันขาด

ท่านนักบุญหญิงของข้า

ค่ำคืนยังคงดำเนินต่อไป

[1]ฟองอากาศ (수포) ในที่นี่ใช้ในเชิงเปรียบเทียบ หมายถึงสภาพที่พยายามไปก็ไม่สำเร็จ ไร้ประโยชน์

[2]ลูกแกะ (어린양) ในที่นี้ลูกแกะหมายถึงผู้ศรัทธาในพระเจ้า มีปรากฏในพระคัมภีร์หลายบทว่าพระเจ้าเปรียบมนุษย์ของพระองค์เป็นดั่งแกะ