บทที่ 374 เป็นไข้

บทที่ 374 เป็นไข้

อวี้ฮ่าวหรานหันหน้ามองสาวสวยที่ขดตัวนอนอยู่ข้างเขา ชายหนุ่มอดสะดุ้งไม่ได้ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าเมื่อวานมาตามหาปิ่นหยกที่นี่

“แล้วเผลอมานอนบนเตียงตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย?”

เขานิ่งงันไป

ไม่ใช่เรื่องเล็ก…เขานอนร่วมห้องกับผู้หญิง ทั้งยังใกล้ชิดกันมากเสียด้วย แม้แต่คราวก่อนกับสวีรุ่ยก็ยังไม่ใกล้ชิดกันขนาดนี้

ครั้งนั้นเป็นเพราะอารมณ์พาไป เขาไม่ได้คิดเป็นอื่น หากแต่ครั้งนี้ต่างออกไป

ร่างอรชรอยู่ห่างจากเขาแค่คืบเดียว เอื้อมมือไปเพียงนิดก็สัมผัสกายเธอได้ ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ระวังตัวแม้แต่น้อย

เมื่อคิดได้เช่นนั้น แม้อวี้ฮ่าวหรานจะมีสติครบถ้วน หากแต่ร่างกายยังคงตอบสนอง ช่วงเช้าร่างกายบางส่วนของผู้ชายทั้งหลายย่อมตื่นตัว มันทำให้เขา…รู้สึกร้อนรุ่มร่างกายช่วงล่าง

ยิ่งไปกว่านั้นสัญชาตญาณของเขายังรุนแรงกว่าคนทั่วไปอีกด้วย! หากแต่หลังจากพยายามสงบจิตใจ เขาทำสำเร็จในท้ายที่สุด

“หือ? ดูแปลก ๆ อยู่นะ” เมื่อได้สติ เขาสังเกตร่างบางซึ่งนอนอยู่ใกล้มือ

บัดนี้แก้มของเธอแดงเรื่อเล็กน้อย

เมื่อครุ่นคิดถึงความเป็นไปได้ เขาจึงรีบวางมือบนหน้าผากเธอ

“โอ๊ะ!”

ชายหนุ่มถึงกับนิ่งงัน

“ตัวร้อนจี๋เลย!”

ชายหนุ่มรู้ว่าเธอไม่สบายทันทีที่มือของเขาสัมผัสหน้าผากเธอ ซูหว่านเอ๋อตัวร้อนจี๋

เธอเป็นไข้…

เขาอดจะร้อนใจไม่ได้ ไข้ของเธอขึ้นสูงมากทีเดียว!

แต่เดิมหญิงสาวก็ร่างกายไม่แข็งแรงอยู่แล้ว ลำพังแค่กิจกรรมเมื่อวานเธอเองก็ดูเหมือนจะทนไม่ไหว

“ไม่…ไม่แต่งงานกับหลี่จิงเทียน…ฉันจะแต่ง…ฉันจะแต่งกับอวี้ฮ่าวหราน…”

เธอคงรู้สึกว่ามีคนแตะหน้าผากตนเองอยู่ ถึงได้พูดเพ้อออกมาโดยไม่รู้ตัว

นี่มัน…

เขามองหน้าเธอ เธอคงยังไม่ได้สติแน่นอน ไม่เช่นนั้นด้วยนิสัยของเธอแล้ว ตลอดชีวิตนี้คำพูดทำนองนี้คงไม่มีทางได้หลุดออกมาจากปากเธอ

เขาไม่รอช้า เรื่องนี้เป็นเรื่องเร่งด่วน เขารีบลุกจากเตียงและอุ้มเธอขึ้นมา

ความรู้สึกผิดตีตื้นขึ้นในใจเมื่อสัมผัสได้ถึงไอร้อนจากร่างกายเธอ อีกทั้งเธอยังไม่ปริปากบ่นสักคำ

หากแต่ชายหนุ่มรู้ดี อย่างน้อยเธอก็ไม่ควรถูกดึงเข้าโลกมายาอีกต่อไป

เธออดทนมาตลอดทั้งคืนโดยไม่ทักท้วงแต่อย่างใด ชวนให้ใจเขาสั่นไหวไม่น้อย

หลังจ่ายเงินค่าที่พัก เขาก็รีบอุ้มเธอขึ้นรถทันที รถสปอร์ตสีเหลืองสดแล่นออกไปอย่างรวดเร็ว!

แถวนี้เป็นย่านชานเมือง ไม่มีโรงพยาบาลตั้งอยู่ทั้งสองข้างทาง

อวี้ฮ่าวหรานเร่งเครื่องเต็มที่ ใช้เวลากลับมาถึงเมืองฮ่วยอันราวสองชั่วโมง แน่นอนว่าระหว่างทางเขาไม่ลืมที่จะใช้พลังวิญญาณของตนขับความร้อนในกายของเธอออกไป

ด้วยอาการของเธอตอนนี้ ยากที่จะใช้พลังวิญญาณในการรักษาได้หายสนิท หากแต่อย่างน้อยเขาก็พยายามอย่างเต็มที่

ครึ่งชั่งโมงต่อมา ณ โรงพยาบาล

“นี่! เธอตัวร้อนขนาดนี้ ทำไมเพิ่งพามาโรงพยาบาลคะ?”

หมอต่อว่าเขาเล็กน้อย

“ขอโทษครับ พอดีเรามาจากนอกเมืองน่ะครับ…”

เมื่อถูกหมอตำหนิ อวี้ฮ่าวหรานก็เลือกจะอธิบายและยอมรับความผิดของตน

“เอาล่ะ คุณไม่ต้องขอโทษฉันหรอก น่าจะไม่เป็นอะไรมาก แค่เธอร่างกายไม่แข็งแรง ถ้าเป็นคนทั่วไป กินยาและนอนพักสักหน่อยก็น่าจะหายดีแล้วละค่ะ”

แม้คุณหมอสาวจะไม่สบอารมณ์นัก แต่ยังพูดจารื่นหูกับเขา

“แล้วเธอล่ะครับ?”

“สำหรับเธอ ฉันว่าน่าจะต้องให้น้ำเกลือสักพัก ตอนนี้เธอร่างกายอ่อนเพลียมาก จะจ่ายยาแรงให้กินไม่ได้ ไม่อย่างนั้นอาจจะอาการทรุดลงกว่าเดิม”

“ได้เลยครับ ให้เธอเข้าพักรักษาตัว ขอห้องที่ดีที่สุดเลยครับ!”

อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้ารับและเอ่ยสำทับ คุณหมอสาวเหลือบมองหน้าเขา

“ห้องที่ดีที่สุดของเราราคาคืนละ 10,000 เกือบ 20,000 หยวนเลยนะคะ! คุณคิดให้ดีก่อนเถอะค่ะ”

เธอรู้สึกว่าเขาดูไม่เหมือนคนที่จะมีปัญญาจ่ายค่าห้อง

“เอาห้องนั้นเลยครับ!”

อวี้ฮ่าวหรานชะงักไปชั่วขณะ ก่อนจะว่าขึ้นอย่างเหนือกว่า

เขาเป็นถึงประธานบริษัทเครือฮ่าวหราน อย่าว่าแต่หนึ่งหมื่นหยวนเลย ต่อให้วันละสิบล้านหยวนก็ไม่มีปัญหา!

ถึงอย่างไรครั้งนี้ก็เป็นความผิดของเขา หากชายหนุ่มไม่ใจร้อนรีบพาเธอไปหาโบราณวัตถุที่มีพลังจักรวาลโบราณอยู่ เธอคงไม่ไข้ขึ้นหนักขนาดนี้

“ได้ค่ะ คุณไปจัดการค่าใช้จ่ายก่อน ค่าห้องพิเศษ นอกจากจะเป็นคนไข้อาการสาหัส คนไข้ทั่วไปต้องจ่าย 50,000 หยวนนะคะ”

เธอบอกขณะที่ในใจนึกสนใจขึ้นมา คนไข้แค่มีไข้ แต่เขากลับให้เธอเข้ารักษาตัวในห้องพิเศษ

จริง ๆ แล้วชายหนุ่มในเสื้อผ้าที่ดูธรรมดาคนนี้อาจเป็นทายาทมหาเศรษฐี?

กระบวนการเข้ารักษาตัวเสร็จสิ้นในเวลาไม่นาน ซูหว่านเอ๋อนอนหมดสติขณะถูกให้น้ำเกลือ

อวี้ฮ่าวหรานอยู่เฝ้าไข้เธอภายในห้อง

ชายหนุ่มพลันนึกได้ว่าหากเธอฟื้นขึ้นมา อาจต้องการกินผลไม้หรือดื่มน้ำ อย่างไรเสียเรื่องเมื่อวานก็กะทันหันเสียจนไม่มีเวลากินข้าว

“ผมออกไปข้างนอกแปปหนึ่ง เดี๋ยวกลับมานะครับ”

อวี้ฮ่าวหรานบอกขึ้น หากแต่ต้องตกใจเมื่อเธอรู้สึกตัวตื่นแล้ว

“ค่ะ…คุณไปเถอะ”

ซูหว่านเอ๋อยังไม่ได้สติดี เธอทำได้เพียงปรือตาลืมขึ้น เมื่อเห็นเช่นนี้ อวี้ฮ่าวหรานก็ชะงัก กล่าวขอโทษเธอทันที

“ผมขอโทษจริง ๆ นะครับ เมื่อวาน…”

“ไม่…ไม่เป็นไรค่ะ…เป็นเพราะฉันเองก็อยากเห็นปิ่นหยกนี้ เป็นฉันเอง…ที่อยากไปที่นั่น”

เธอไม่เว้นช่วงให้เขาเอ่ยขอโทษอีก พลางยืนกรานอย่างหนักแน่น

“ครับ คุณนอนพักก่อนนะ เดี๋ยวผมจะไปหาผลไม้มาให้กิน”

อวี้ฮ่าวหรานเห็นแก้มซีดเซียวของเธอ เขารู้ว่าเธอคงไม่มีเรี่ยวแรงพูดมากนัก จึงหันหลังเดินออกจากห้องไป

ตอนนี้เป็นเวลาเก้าโมงเช้า ชายหนุ่มก็ต่อสายโทรหาหลี่หรง

“เกิดเรื่องนิดหน่อย เธอลาหยุดไปดูแลถวนถวนให้พี่ทีสิ”

“มีเรื่องอะไรเหรอพี่เขย?”

หลี่หรงสงสัยเมื่อได้ฟังคำเขา

เธอลาหยุดวันนี้และกำลังเล่นกับถวนถวนอยู่ แต่ตอนนี้มันไม่ใช่เรื่องสำคัญแล้ว

“เรื่องเล็กน้อยน่ะ เกิดอุบัติเหตุตอนที่พี่พาบางคนไปสำรวจโบราณวัตถุ เดี๋ยววันนี้ก็กลับบ้านได้แล้วละ”

อวี้ฮ่าวหรานไม่ได้เล่าละเอียดนัก เขารู้ว่าน้องภรรยาตนเองหัวดื้อแค่ไหน

“ได้เลยพี่เขย…คราวหน้าก็ระวังหน่อยนะ ฉันอยู่ทางนี้ไม่เป็นไร กำลังเล่นกับถวนถวนอยู่เลย”

“อืม อย่างนั้นพี่วางสายก่อนนะ”

เขาวางสายและเดินออกจากโรงพยาบาลไป เป็นจังหวะซึ่งสวนกับกลุ่มคนที่อุ้มเด็กเข้ามาในโรงพยาบาล

“หมออยู่ไหน? หมออยู่ที่ไหน? หายหัวไปไหนกันหมด?”

ทันทีที่พวกเขาก้าวเข้ามาในโรงพยาบาล ชายวัยกลางคนผู้เป็นพ่ออุ้มลูกสาวตะโกนลั่นด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด

ชายชราอีกสองคนข้าง ๆ ตะโกนขึ้นผสมโรงเช่นกัน

“หมอตายไปหมดแล้วหรือไง?! ออกมารักษาหลานชายของฉันเดี๋ยวนี้!”

ท่าทางพวกเขาจะเป็นคนไร้มารยาทขั้นสุด การกระทำของพวกเขาทำให้ผู้พบเห็นถึงกับหน้านิ่ว

อวี้ฮ่าวหรานไม่ใส่ใจคนเหล่านี้ ก้าวเท้าเดินออกจากโรงพยาบาลต่อ

ภายในโรงพยาบาล

หลังโวยวายยกใหญ่ นางพยาบาลก็ออกมาดูสถานการณ์ในไม่ช้า