บทที่ 375 กดขี่ข่มเหง
บทที่ 375 กดขี่ข่มเหง
“คุณคะ ห้ามส่งเสียงดังในโรงพยาบาลนะคะ คนไข้อยู่ที่นี่เยอะแยะค่ะ”
พยาบาลสาวบอกด้วยความสุภาพ
“นี่! อะไรของเธอ! กล้าดียังไงมาว่าฉัน? ถ้าหมอไม่โผล่หัวมาฉันจะพังโรงพยาบาลให้หมด!”
ผู้หญิงวัยกลางคนท่าทางไม่เป็นมิตรซึ่งเดินนำหน้ามาว่าถากถาง พยาบาลสาวนิ่งค้าง สีหน้ากระอักกระอ่วนด้วยความทำตัวไม่ถูก
“ยังกล้ามาขวางทางฉันอีก? ตาบอดหรือยังไง? หลบไป!”
เธอเห็นพยาบาลสาวยืนนิ่งขวางทาง จึงอดต่อว่าด้วยความหงุดหงิดไม่ได้
คนสองคนวิ่งออกมาในจังหวะนี้เอง
“เกิดอะไรขึ้นคะ?”
เมื่อเห็นเช่นนั้น หญิงวัยกลางคนไม่สนใจพยาบาลสาวอีก
“หมอมาสักทีนะ! ลูกชายฉันบอกว่าปวดท้องมาก รีบรักษาเขาสิ…เป็นหมอประสาอะไร?!”
“ห๊ะ? ปวดท้องเหรอคะ?”
หมอคนหนึ่งชะงักเมื่อได้ยิน
“ใช่ค่ะ! เร็วเข้าสิยะ! ยืนนิ่งอยู่ได้ พาลูกฉันไปรักษาเร็ว ๆ เลย ขอห้องที่ดีที่สุดเลยนะคะ”
เธอไม่สนใจใครหน้าไหนทั้งสิ้น สีหน้าของหมอดูยิ่งลำบากใจ
“คุณคะ ถ้าเป็นในกรณีนี้ เรามีห้องพิเศษอยู่หลายห้องก็จริง แต่ว่าเพิ่งจะมีคนเข้าแอดมิดในห้องสุดท้ายเมื่อกี้นี้เองค่ะ”
ห้องที่อวี้ฮ่าวหรานพาหญิงสาวพักรักษาตัวคือห้องสุดท้าย…
“แล้ว…ลูกของคุณน่าจะแค่อาหารเป็นพิษธรรมดา ถึงได้ปวดท้อง ไม่จำเป็นต้องแอดมิตหรอกค่ะ”
เขาเห็นเด็กในอ้อมแขนของเธอ แม้จะร้องไห้ด้วยความปวดแค่ไหน แต่เห็นได้ชัดว่าไม่ได้อาการหนักแต่อย่างใด
“ว่าไงนะ? หมายความว่ายังไง? ดูถูกฉันเหรอ? ฉันขอบอกเลยนะ สามีฉันมีอิทธิพลมาก! อย่าบังคับให้ฉันต้องให้เขาทำลายโรงพยาบาลนี้!”
เธอหัวเสียทันทีที่ได้ยิน เสียงแหลมหูดังก้องไปทั่ว ดึงดูดให้ทุกคนหันมอง
คุณหมอสาวไร้หนทางออก ดูจากการแต่งตัวของอีกฝ่าย พื้นเพครอบครัวคงไม่ธรรมดา
“แต่ว่าคุณคะ ห้องพิเศษห้องสุดท้ายเพิ่งมีคนแอดมิตไป และ…”
“แล้วยังไง? ปวดท้องไม่เรียกว่าป่วยเหรอ? ให้คนนั้นออกมาแล้วให้ลูกชายฉันอยู่แทนสิ!”
เธอพูดแทรกขึ้นอย่างก้าวร้าว ถ้อยคำไร้เหตุผลเต็มที
“ไม่ได้หรอกนะคะ!”
เมื่อคุณหมอสาวได้ยิน สีหน้าก็อดเปลี่ยนไปไม่ได้ นึกไม่ถึงว่าครอบครัวนี้จะไร้เหตุผลขนาดนี้!
“โรงพยาบาลเรามีกฎเกณฑ์อยู่ ใครมาก่อนก็ได้รักษาก่อนค่ะ!”
“อย่ามาเถียงฉันนะ! มาก่อนอะไรกัน? ลูกชายฉันสำคัญที่สุด! เธอจะไม่ยอมทำตามใช่ไหม!”
เธอตอกกลับทันควัน ไม่คิดเห็นใจคนอื่นแต่อย่างใด
“ถ้าเธอไม่ทำ งั้นฉันจะทำเอง!”
ว่าจบเธอก็ส่งลูกชายให้ชายสูงวัยด้านหลัง เดินดุ่ม ๆ ไปยังห้องพิเศษด้วยตนเอง
“คุณคะ! ทำอย่างนี้ไม่ได้นะคะ! ถ้าเกิดเรื่องขึ้นคุณต้องรับผิดชอบนะคะ!”เมื่อเห็นเช่นนั้น คุณหมอสาวจึงรีบขวางทางเอาไว้
คุณหมอหนุ่มอีกคนเข้ามาห้ามเช่นกัน
“คุณครับ จะฝ่าฝืนกฎของโรงพยาบาลไม่ได้นะครับ”
คนไข้คนอื่นจับจ้องมองหญิงวัยกลางคนด้วยความไม่พอใจ แต่ละคนพากันต่อว่าเธอ
“ใช่แล้ว มาก่อนก็ต้องได้ก่อนสิ จะทำเกินไปแล้ว”
“นี่…เดี๋ยวนี้คนเราก็เป็นอย่างนี้กันไปหมด มารยาทแย่จริง ๆ”
“ไม่ได้เป็นเจ้าของโรงพยาบาลสักหน่อย จะมาทำตัวเอาแต่ใจได้ยังไง?”
“…”
ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ เธอถูกคุณหมอทั้งสอง และพยาบาลขวางทางไว้ คล้ายไม่ยอมให้เธอทำเรื่องไร้สาระ
“ให้ตายเถอะ! พวกเธอไม่อยากมีงานทำสินะ!”
เวลานี้เอง!
สุ่มเสียงก้องที่ชวนให้คนฟังรู้สึกหวั่นเกรงก็ดังขึ้น
ชายวัยกลางคนที่ดูน่าเกรงขามก็ก้าวเข้ามา แม้จะไม่มีรอยสักบนร่างกาย หากแต่ทุกคนก็สัมผัสได้ถึงความน่ากลัวของเขา
“คุณคะ…พวกเขารังแกฉัน ไม่ยอมให้ลูกชายเราเข้ารักษา คุณจะว่ายังไงคะ?”
เมื่อเธอเห็นสามีตนเองจึงอดจะโวยวายขึ้นไม่ได้
“ฮึ่ม! จะเอายังไงได้ล่ะ? พวกคุณไม่รู้จักผมกันสินะ เหล่ยเซียวไงล่ะ! ถึงจะไม่มีลูกน้องมาด้วย แต่ว่าถ้าคิดจะมาดูถูกกันโรงพยาบาลนี้ไม่เหลือแน่!”
ชายที่เรียกตนเองว่าเหล่ยเซียวมีท่าทีก้าวร้าว และท่าทางเกรี้ยวกราดของเขาก็ทำให้ผู้คนไม่กล้ากล่าวตำหนิ
ความเงียบสงัดก่อตัวขึ้นทั่วบริเวณ
“ไอ้เวรนี่! หลีกทางไปสิ!”
เมื่อเห็นคุณหมอยืนสกัดกั้นอยู่ เหล่ยเซียวก็ผลักพวกเขาออกไป
“ไปสิ! พาลูกชายผมไปรักษาเดี๋ยวนี้!”
เหล่ยเซียวให้ภรรยาของเขาเดินนำไปก่อน เมื่อเธอเห็นว่าไม่มีใครกล้าพูดอีก สีหน้าพลันฉายแววภาคภูมิใจ
“เฮอะ! พวกคุณก็แค่คนขี้ขลาดรังแกคนไม่มีทางสู้ พอสามีฉันมาก็จ๋อยกันหมด”
เวลานี้เธอวางตัวสูงส่ง ใครเล่าจะกล้ากระตุกหนวดเสือ
“เหล่ยเซียวคนนี้…ฉันเคยได้ยินมาว่าเป็นเจ้าพ่ออสังหาฯ แถวนี้ เขารวยมาก พวกเราไม่มีทางต่อกรกับเขาได้หรอก”
“จบเห่แล้วล่ะ คนไข้ที่อยู่ห้องพิเศษคนนั้นจะไม่เดือดร้อนเพราะเขาเหรอ?”
“นี่ เรื่องของพวกเศรษฐี เราไม่มีปัญญาจัดการหรือควบคุมไม่ได้หรอก ไม่อย่างนั้นคงซวยไปด้วย”
“…”
ทุกคนมองทั้งครอบครัวซึ่งมุ่งหน้าก้าวอาด ๆ ไปท่ามกลางเสียงกระซิบกระซาบ
ซูหว่านเอ๋อยังคงไม่ได้สติเต็มร้อย เธอไม่ได้นอนทั้งคืน นอกจากจะรู้สึกหนาวสั่นไปทั่วร่างแล้ว ก็ยังงัวเงียอยู่ตลอดเวลา
หากแต่เมื่อนึกได้ว่าอวี้ฮ่าวหรานจะซื้อผลไม้กลับมาให้เธอกิน เธอจึงฝืนตัวเองไม่ให้หลับ
ประตูห้องกลับถูกถีบเปิด!
“เข้ามาเลย! ที่รัก เข้ามาเลย”
เหล่ยเซียวเดินนำเข้ามา กวาดสายตามองสำรวจไปทั่วห้อง เห็นว่ามีซูหว่านเอ๋ออยู่เพียงลำพังในห้อง
หญิงวัยกลางคนข้างกายเขาเห็นแล้วว่าเหยียดขึ้นทันที
“ฮึ่ย! แค่ผู้หญิงคนเดียวจะเทียบกับลูกชายฉันได้ยังไง?”
หากแต่เหล่ยเซียวกลับพบว่าหญิงสาวในห้องสวยมาก ทั้งเธอยังป่วยอยู่ เพียงแค่เห็นร่างบอบบางของเธอก็เพียงพอที่จะทำให้ชายทุกคนเห็นใจ
“อะแฮ่ม…”
เขากระแอมขึ้นเบา ๆ ตั้งใจจะเปลี่ยนไปห้องอื่น แต่หลังครุ่นคิดดู เขาขึ้นหลังเสือมาแล้ว ภรรยาของเขาคงไม่ยอมโดยง่าย
เมื่อเธอหันไปเห็นท่าทีของสามีตนเอง เธอถึงกับทนไม่ไหว ระเบิดอารมณ์โกรธออกมาทันที!
“ออกไปซะ! นังหน้าด้าน ฉันสั่งให้แกคลานออกไปเดี๋ยวนี้ ห้องนี้เป็นของลูกชายฉัน!”
ท่าทางที่ร้ายกาจอยู่แล้วยิ่งทวีรุนแรงขึ้น
ซูหว่านเอ๋อนอนอยู่บนเตียง รู้สึกไร้เรี่ยวแรงและเวียนศีรษะ เมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น เธอจึงอดที่จะตื่นตระหนกไม่ได้
“แต่ว่า…ฉันมาก่อน…”
เธอพยายามออกเสียงอธิบาย