บทที่ 376 น่าสะพรึงกลัว
บทที่ 376 น่าสะพรึงกลัว
“มาก่อนอะไร? ลูกชายฉันมาถึงแล้วก็ต้องได้สิ! ไม่สำเหนียกตัวเองบ้างเลยนะ กล้าดียังไงมาเทียบกับลูกชายฉัน?”
เธอพูดขัดคำพูดซูหว่านเอ๋อ เมื่อเห็นแบบนี้ เธอจึงง้างมือขณะเดินไปทางเตียง
เธอเกลียดสาวสวยเป็นธรรมดาอยู่แล้ว ยิ่งได้เห็นปฏิกิริยาของสามีวันนี้ ยิ่งชวนให้เธอโกรธกว่าเดิม
“แกไม่คลานออกไปเองสินะ! ดี! เดี๋ยวฉันจะโยนแกออกไปเอง!”
สิ้นคำ เธอก็เอื้อมมือออกไปคว้าแขนเรียวเล็กของอีกฝ่ายไว้
“คุณ…ปล่อยนะคะ…”
ซูหว่านเอ๋อหน้าตาตื่น สายตาฉายแววหวาดกลัว เธอพยายามดิ้นหนีจากมืออีกฝ่ายหากแต่ไม่มีเรี่ยวแรงแต่อย่างใด
เธอไม่เคยเจอกับคนประเภทนี้มาก่อน
“ฉันบอกให้แกออกไปไง!”
เมื่อหญิงวัยกลางคนคว้าแขนอีกฝ่ายได้ เธอออกแรงบีบอย่างแรง!
“โอ๊ย! คุณทำอะไรคะ…ทำอะไรของคุณ”
ซูหว่านเอ๋อรู้สึกเจ็บแขนมากจนต้องร้องออกมา น้ำตาเอ่อคลอที่ดวงตา
“เฮอะ ทำอะไรน่ะเหรอ? นังหน้าด้าน ฉันก็กำลังสั่งสอนแกอยู่ไง!”
เธอตอกกลับพร้อมสีหน้าดูถูก และรังแกอีกฝ่ายอย่างไม่ออมแรง
เหล่ยเซียวหน้านิ่วเล็กน้อยเมื่อเห็นเช่นนี้ เห็นใบหน้าราวดอกสาลี่ต้องหยาดฝน*[1] แบบนี้ ทำเอาเขาทนไม่ได้
หารู้ไม่ว่าการกระทำของเขายิ่งทำให้ภรรยาไม่พอใจ
ตอนนี้มีผู้คนมากมายมามุงดู แม้จะไม่เห็นด้วยกับการกระทำของเธอ หากแต่เหล่ยเซียวก็น่ากลัวเกินไป
ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีใครกล้าปริปาก ทว่าในตอนนี้เอง!
น้ำเสียงทุ้มต่ำดังก้องสะเทือนหูของทุกคนราวสายฟ้าฟาด!
“รนหาที่ตายหรือยังไง?!”
ทุกคนต่างสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงนี้!
อวี้ฮ่าวหรานกลับมาพร้อมผลไม้ หากแต่พบว่ามีคนมุงเต็มหน้าห้อง ชายหนุ่มก็รู้สึกถึงความผิดปกติทันที
เมื่อเปิดตาเทวะมอง กลับเห็นภาพที่ทำให้ตัวเองโกรธขั้นสุด!
คนพวกนี้! ให้ตายเถอะ!
ฝูงชนที่ยืนออหน้าประตูถูกผลักออกไปตาม ๆ กันด้วยพลังวิญญาณ!
อวี้ฮ่าวหรานค่อย ๆ ก้าวเดินเข้าไป ถึงคราวต้องจัดการกับคนในห้อง!
“นังนี่! เมื่อกี้แกเรียกใครว่านังหน้าด้าน?”
เหล่ยเซียวหวั่นเกรงกับเสียงตะโกนก่อนหน้านี้จนสั่นเทาไปทั้งตัว แต่ตอนนี้ได้เห็นว่าเป็นชายหนุ่มร่างโปร่งซึ่งกำลังเดือดดาลถึงขีดสุด
เขานึกไม่ถึงว่าจะมีคนกล้าขึ้นเสียงใส่ตนเอง
“ไอ้เวรนี่! ไม่ดูตาม้าตาเรือว่าหาเรื่องใส่ตัว ที่ปิดประตูเพราะกลัวจะถูกฉันเล่นงานแกสินะ?”
เขาว่าขัดและเอ่ยปรามาสอีกฝ่าย
ในสายตาของเขา อีกฝ่ายเป็นเพียงเด็กหนุ่ม พอต้องลงสนามสู้คงไม่ต่างอะไรกับพวกกระจอกไม่ใช่เหรอ?
ทว่าตอนนี้อวี้ฮ่าวหรานไม่ได้สนใจเขา แต่เป็นผู้หญิงที่กำลังบีบแขนซูหว่านเอ๋ออยู่ต่างหาก ชายหนุ่มจึงรีบไปดึงมือหล่อนออก
คนธรรมดาที่ฝึกเพียงวิชาการต่อสู้มาก็เหมือนกับมดตัวหนึ่งเท่านั้น!
“หลบไป!”
สิ้นเสียงตะโกน เขาไม่แม้แต่ขยับตัว พลังวิญญาณรุนแรงแผ่ซ่านส่งผลให้ร่างของชายวัยกลางคนซึ่งตั้งท่าจะลงมือกระเด็นออกไป!
“ตู้ม!”
ร่างของเขากระแทกกำแพง เหล่ยเซียวรู้สึกว่าอวัยวะภายในแทบฉีกขาด ความเจ็บปวดแล่นผ่านอก จนกระทั่งกระอักเลือดออกทางปาก!
ชาย…ชายหนุ่มคนนี้ เป็นไปได้อย่างไร…
เขาพยายามยกศีรษะขึ้นมองชายหนุ่มที่มีท่าทางเย็นชาด้วยความสะพรึงกลัว
เหล่ยเซียวไม่อาจรู้ได้ว่าเหตุใดอีกฝ่ายถึงสามารถเล่นงานเขาจนบาดเจ็บสาหัสภายในชั่วพริบตา!
“แกเป็นใคร? ทำไมถึงได้แข็งแกร่งอย่างนี้?!”
เหล่ยเซียวรวบรวมกำลังเอ่ยถามขึ้น
ราวกับเขาถูกเกราะเหล็กกระแทกใส่…ไม่สิ บางทีอาจถึงขั้นกำแพงเหล็ก!
เมื่ออวี้ฮ่าวหรานได้ยินคำถาม เขาก็ทำเพียงแค่เหลือบมอง และไม่คิดสนใจอีกต่อไป
หากต้องตอบคำถามคนพวกนี้ทุกคน ชายหนุ่มจะไม่เหนื่อยแย่เหรอ?
หญิงวัยกลางคนว่าขึ้นในจังหวะนี้
“แก…แกอย่าเข้ามานะ…”
เมื่อเห็นว่าสามีที่ตนเองพึ่งพาได้ล้มสิ้นท่า สีหน้าอวดดีก่อนหน้านี้ของเธอกลับกลายเป็นหวาดกลัวสุดขีด!
เมื่อเห็นอีกฝ่ายเผลอและอยู่ในอาการหวั่นเกรง ซูหว่านเอ๋อจึงรีบดึงแขนตนเองออก ก่อนขยับตัวไปคุดคู้อยู่อีกฟากของเตียง
อวี้ฮ่าวหรานเดินมาคว้าคอของหญิงวัยกลางคนตรงหน้า
“แกนี่ถนัดรังแกคนอื่นดีนะ!”
ชายหนุ่มมองสีหน้าหวาดกลัวของเธออย่างเหยียดหยาม ไอสังหารก่อตัวขึ้นในใจเขา
เธอรีบส่ายหน้า
“อ่อก…อ่อก…”
เธอต้องการพูดบางอย่าง หากแต่น่าเสียดายที่เธอถูกบีบคออยู่จนไม่สามารถเอ่ยสิ่งใดได้
“รู้ไหมว่านรกเป็นยังไง?”
ท่าทีอวี้ฮ่าวหรานพลันแปรเปลี่ยนเป็นขี้เล่น หากแต่มันแฝงเจตนาเข่นฆ่า!
ภาพหลอนในอดีตค่อย ๆ ปรากฏขึ้นต่อหน้า!
เธอทำได้เพียงร่ำร้องด้วยความสะพรึงกลัว ก่อนตกอยู่ในสภาพเหม่อลอยเมื่อสบตามองเขา เธอสัมผัสถึงเพียงแค่ขุมนรกที่ไร้สิ้นสุด!
โลกมายาที่เธอได้เห็นคือกองซากศพและทะเลเลือดอันน่าสยดสยอง ซากศพเปรอะเปื้อนเลือดแดงสด และคราบเลือดบนกระดูกขาวที่ยังไม่แห้งดี!
พวกมันดูเหมือนจะเห็นเธอ และพุ่งตรงเข้ามาหาเธออย่างเกรี้ยวกราด!
“กรี๊ด! โอ๊ย…ไม่นะ!”
เธอพลันสะดุ้งได้สติจากโลกมายา สีหน้าเหยเกขณะกรีดร้องด้วยความหวาดกลัว
อวี้ฮ่าวหรานผลักเธอออก
เขารู้ว่าภาพหลอนนี้ได้ฝังลึกในใจของเธอแล้ว ต่อไปเธอจะไม่อาจหลบหนีไปจากฝันร้ายนี้ได้
“คุณเป็นอะไรไหมครับ?”
หลังจัดการทั้งสองคนเสร็จ อวี้ฮ่าวหรานจึงรีบหันมาถามซูหว่านเอ๋อ
“ไม่เป็นไรค่ะ…แค่เจ็บแขนนิดหน่อย”
เธอขยับแขนอ่อนแรง เหงื่อเย็นไหลลงจากหางคิ้ว
“หือ? ไหนให้ผมดูหน่อยครับ”
เมื่อเห็นเช่นนี้ เขารีบยกแขนของเธอขึ้นมา แขนเรียวเล็กปรากฏรอยช้ำม่วง!
หลังจากเธอถูกบีบแขนอย่างแรง รอยช้ำคงจะเกิดตามมา!
หญิงคนนั้นทำเกินไปแล้ว! โชคดีที่เขาสามารถรักษาอาการแบบนี้ได้
“คุณนอนลงก่อนครับ เดี๋ยวผมจะจัดการเอง”
อวี้ฮ่าวหรานช้อนมองดวงตาแดงก่ำของเธอ จึงอดจะรู้สึกสงสารไม่ได้
“อ๊ะ… เบา ๆ หน่อยค่ะ…ฉันเจ็บ”
บริเวณที่เกิดรอยช้ำถูกแตะโดนเมื่อเธอขยับตัว คิ้วเรียวขมวดมุ่นเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว
“ไม่เป็นไรแล้วนะครับ”
อวี้ฮ่าวหรานยกมือขึ้นลูบส่งพลังวิญญาณเข้าไป รอยช้ำเป็นวงกว้างเริ่มจางไปอย่างรวดเร็ว
ไม่กี่วินาทีต่อมา รอยช้ำขนาดใหญ่ก็เลือนหายเมื่อเขายกมือออก
ซูหว่านเอ๋ออึ้งเล็กน้อย แม้ตัวเองจะไม่รู้เรื่องมากนัก หากแต่เธอรู้ว่าวิธีเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องธรรมดาอย่างแน่นอน
“สุดยอดไปเลยค่ะ อวี้ฮ่าวหราน คุณทำได้ยังไงคะ?”
สายตาสุกสกาวราวมุกดำของเธอจ้องมองมือของเขาด้วยความสงสัย
“ฮ่า ๆ แค่วิชาเล็ก ๆ น้อย ๆ น่ะครับ”
อวี้ฮ่าวหรานไม่ได้อธิบายละเอียดนัก ยิ่งพูดจะยิ่งวุ่นวายเสียเปล่า ๆ ทันใดนั้นประตูก็ถูกเปิดออกจากด้านนอก!
“คุณครับ! ผมเป็นผู้อำนวยการ! ได้โปรดอย่าทำร้าย…หืม?”
ชายวัยกลางคนอายุราวสี่สิบปีพรวดพราดเข้ามาในห้อง หากแต่ไม่ทันได้พูดจบ เขากลับแปลกใจเมื่อเห็นว่าภาพที่เห็นต่างจากที่ตนเองคาดการณ์เอาไว้
[1] ดอกสาลี่ต้องหยาดฝน = ใบหน้าของสตรีที่เมื่อร้องไห้ก็ยังดูงดงาม