บทที่ 364 ทำนายดวงชะตา

พลิกชะตา หมอเทวดาอันดับหนึ่ง

วีรสตรีผู้แข็งแกร่งยืนอยู่ตรงหน้าเฉิงผิง ภาพวาดที่อยู่บนบ่าร่วงลงสู่พื้นยามลมพัดผ่าน

บัณฑิตอาวุโสตีอกชกหัว เขาร้องไห้ให้กับแผงลอยภาพวาดของตน พอกำลังจะอ้าปากตะโกนขึ้น แต่เงินที่ถูกยื่นมาให้นั้นหยุดเขาไว้เสียก่อน

ไม่มีทั้งเสียงร้องไห้ ไม่มีทั้งเสียงตะโกนโวยวาย แต่ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นก็พาให้คนมองมาด้วยความสงสัย ทว่าไม่มีผู้ใดหยุดเข้ามามุงดู

“แข็งแกร่ง…อ่า…แม่นางน้อยรู้จักข้าหรือ” เฉิงผิงถามเสียงตะกุกตะกัก มองแม่นางน้อยที่จ้องเขาไม่วางตารู้สึกอกสั่นขวัญแขวนอยู่ไม่น้อย

เขาหัวหมุนไปหมด ตนเองมาอยู่ที่นี่พักหนึ่งแล้ว แต่ก็มีคนมาทำนายดวงชะตาไม่มากนัก ทว่ากลับไม่มีหญิงสาวเลยแม้แต่คนเดียว

หรือนางอาจจะเป็นลูกสาวใครสักคนที่เขาเคยดูดวงให้

แต่ก็ไม่ใช่อยู่ดี เพราะเขาไม่ได้อยู่ในพื้นที่ของตน ทั้งยังไม่ได้บอกชื่อแซ่ แล้วเหตุใดนางถึงเรียกชื่อตนเองเช่นนั้น

“อ้าว เจ้านักต้มตุ๋นนี่! ”

หญิงสองคนที่เดินตามตะโกนด้วยความประหลาดใจ

เมื่อเห็นหญิงทั้งสอง เฉิงผิงทั้งประหลาดใจและรู้สึกมึนงง

“อ่าว แม่นางสาม แม่นางซี่ เหตุใดพวกท่านถึงมาที่นี่ได้” เขาพูดด้วยรอยยิ้ม

แม่นางสามเดินไปข้างหน้าแล้วคว้าแขนของเขาไว้ ส่วนแม่นางซี่คว้าแขนอีกข้าง ซ้ายขวาถูกประกบไว้

“เจ้าหนีมาถึงที่นี่เชียวรึ! ” พวกนางตะโกนอย่างตื่นเต้นดีใจ แล้วมองไปที่เฉิงเจียวเหนียง “นายหญิง เจอตัวเขาแล้วเจ้าค่ะ! ”

เฉิงผิงเข้าใจทันทีว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนจะยิ้มอย่างขมขื่น

“แม่นาง ก็แค่เงินเพียงหนึ่งเหวิน ท่านต้องจริงจังถึงเพียงนี้เลยรึ…” เขาพูดอย่างหมดอาลัยตายอยาก “ถ้าอย่างนั้น ท่านจะให้ข้าทำอะไร หากให้คืนเงิน เห็นทีจะไม่ได้ เพราะข้าทำนายดวงชะตาไปแล้ว ต้องมีค่าตอบแทน…หากไม่พอใจ ก็ระบายอารมณ์ด้วยการทุบตีข้าเถิด”

เขาพูดมากเช่นนี้ คนตรงหน้าก็ไม่มีใครโต้ตอบเขาเลย พอเงยหน้าขึ้นก็เห็นว่าหญิงสาวคนนั้นยังคงจ้องมองตนอยู่ มองไปทั่วทุกอณูอย่างจริงจัง ส่วนหญิงอีกสองคนที่อยู่ด้านข้างก็หัวใจเต้นผิดจังหวะ

แต่เฉิงผิงกลับถอนหายใจ สีหน้าผ่อนคลาย หันหน้าซ้ายทีขวาที ราวกับให้นางมองเห็นได้ชัดเจนและครบทุกส่วน

“เหมือนไหม” แล้วเขาก็ถามขึ้น

เหมือนอะไรหรือ แม่นมทั้งสองงงงวย มองไปที่เฉิงเจียวเหนียงแล้วก็ต้องตกใจ

หยดน้ำตาไหลลงบนใบหน้าของนายหญิง

“นายหญิง! ” พวกนางตกใจมาก

แม้จะอยู่ด้วยกันไม่นาน แต่หญิงสาวคนนี้มักจะนิ่งเงียบและยิ้มเพียงเล็กน้อยขณะพูดคุยกับพวกนาง แม้จะเรียกไม่ได้ว่าสนิทสนม แต่อย่างน้อยไม่เคยเห็นนางชักสีหน้า ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเสียใจหรือหลั่งน้ำตาเลย

เฉิงผิงดูสงบนิ่ง ยื่นมือสัมผัสใบหน้าของตน

“เหมือนเช่นนี้เลยหรือ” เขาพูดพลางอ้าปากหัวเราะเสียงดัง “ถ้าอย่างนั้นก็ดูให้หนำใจเลย”

ลมเหนือพัดผ่าน พัดเอาหิมะบนต้นไม้ตามถนนปลิวกระจัดกระจายไป

หญิงนางหนึ่งรีบสะบัดเสื้อคลุม ยกขึ้นมาบังให้กับเฉิงเจียวเหนียง แต่นางก็ช้าไปหนึ่งก้าว หิมะได้ตกใส่หญิงสาวที่นั่งอยู่ เสื้อผ้าสีเข้มประดับไปด้วยละอองแวววาว

ผู้ติดตามทั้งหลายไม่ได้รู้สึกอะไร เพราะรู้ว่าหญิงสาวผู้นี้แปลกประหลาดนัก แต่หญิงทั้งสองของตระกูลเฉิงและบัณฑิตอาวุโสจ้องมองด้วยความตะลึง

“จะ จะมองให้หนำใจจริงๆ หรือ” บัณฑิตอาวุโสบ่นพึมพำ

นับตั้งแต่พูดว่าดูให้หนำใจ แม่นางน้อยก็นั่งลงและจ้องมองอยู่นาน

น่าสนใจนัก บัณฑิตอาวุโสไม่ขายภาพวาดแล้ว ยืนอยู่ข้างๆ จ้องมองตามเช่นกัน

อย่างไรเสีย เงินที่ชดเชยค่าขาตั้งรูปและภาพเขียนก็เพียงพอแล้ว

จะว่าไป แม่นางน้อยคนนี้ดูแข็งแกร่งนัก ดูท่านั่นสิ เหมือนกับจะเล็งปืนผาหน้าไม้เลยทีเดียว

หญิงทั้งสองสบตากันอย่างอดไม่ได้ ทั้งคู่คิดถึงเรื่องหนึ่งขึ้น ไม่ใช่ว่า…เป็นเรื่องนั้นนะ

เจ้านักต้มตุ๋นนี่ไม่ได้หล่อเหลาเท่าไรนัก สู้ท่านชายหวังสิบเจ็ดก็ไม่ได้…

“พวกเจ้าคิดมากไปแล้ว มันไม่ใช่เช่นนั้น” บัณฑิตอาวุโสพูดพลางส่ายศีรษะ

หญิงทั้งสองจ้องเขม็งไปที่เขา

“เจ้ารู้อะไร! ” พวกนางกระซิบ

“รู้ดีกว่าพวกเจ้า นัยน์ตาของนางไม่ได้มีเรื่องอย่างที่เจ้าคิด” บัณฑิตอาวุโสเอ่ยโดยไม่รู้สึกประหม่าเลยแม้แต่น้อย

ฝั่งนี้กระซิบกระซาบถกเถียงกัน ส่วนทางฝั่งของเฉิงผิงตะโกนมานานแล้วแต่ก็ไม่มีคนดินเข้ามา เขาถอนหายใจอย่างจนปัญญา ในที่สุดก็หันมามองเฉิงเจียวเหนียง ดูเหมือนว่าเขาเพิ่งเห็นว่านางจ้องมองตนอยู่ อ้าปากหัวเราะลั่น จึงเดินเข้ามาหา

“แม่นาง ให้ข้าทำนายดวงชะตาให้ท่านไหม เพียงหนึ่งเหวินเท่านั้น สะเดาเคราะห์ไม่เสียเงิน” เขาเอ่ย

แต่เฉิงเจียวเหนียงกลับตกใจจนลุกยืนขึ้นทันทีแล้วก้าวถอยหลัง

การตอบสนองเช่นนี้ของนาง ทำให้คนอื่นตกใจ

มีสิ่งที่นายหญิงหวาดกลัวอยู่บนโลกนี้ด้วยหรือ

กล้าฆ่าคน…ผู้ติดตามคิดในใจ

กล้าฟ้องร้องญาติของตน…หญิงทั้งสองคิดในใจ

สามารถฉีกขาตั้งไม้ไผ่ที่ตนผูกอย่างแน่นหนาได้…บัณฑิตอาวุโสคิด

“เจ้านักต้มตุ๋น ไปให้พ้น…ใครให้เจ้ามาหลอกกันถึงที่นี่” หญิงทั้งสองรีบตะโกนพร้อมกับโบกมือไล่“ไป ไปยืนตรงนั้นให้ดูก็พอ”

“จริงๆ แล้ว เขาทำนายได้แม่นมากเชียวนะ” บัณฑิตอาวุโสเอ่ย

ช่วงก่อนหน้านี้ เด็กคนนี้ตั้งแผงทำนายดูดวงบนพื้นที่ของตน เมืองเล็กมีคนไม่มากทั้งยังอากาศหนาวเย็น บัณฑิตอาวุโสดีใจที่มีเขาเป็นเพื่อน ยิ่งเป็นคนโชคร้ายที่กิจการซบเซายิ่งกว่าเขาอีกต่างหาก

หลายวันก่อน เขาบังเอิญให้เด็กคนนี้ทำนายดวงชะตา จ่ายเงินหนึ่งเหวิน ได้คำทำนายว่าโชคดี โดยบอกว่าเขาจะมีโชคลาภในช่วงหลายวันนี้

แน่นอนว่าในเวลานั้นเขาไม่เชื่อ ทั้งยังหัวเราะเยาะเขาอยู่หลายวัน แต่บัดนี้ มองดูถุงเงินในมือ ก็อดไม่ได้ที่จะคิดว่านี่คือโชคลาภที่เขาว่าไว้!

แม้ว่าจะสูญเสียขาตั้งรูปและภาพเขียนหลายรูป แต่ค่าชดเชยกลับมากกว่านั้นมาก

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องบังเอิญหรือไม่ก็ตาม เขาหวังว่าเด็กคนนี้จะมีงานเข้ามา…

แม้ว่าจะเป็นเงินเพียงหนึ่งเหวิน แต่หากเอาอกเอาใจแม่นางน้อยผู้ร่ำรวยคนนี้ได้ บางทีอาจทำให้เขาร่ำรวยขึ้นก็เป็นได้!

“แม่นางน้อย อย่าได้กลัวไปเลย” เฉิงผิงพูดด้วยรอยยิ้ม “โชคจะดีหรือร้าย ไม่ใช่ว่าเจ้าหลบหนี เจ้ากลัวแล้วจะไม่เกิด ในความเป็นจริง ปล่อยวางได้ ก็ไม่ต้องกลัวอะไรแล้ว”

ไม่ใช่ว่าเจ้าหลบหนี เจ้ากลัวแล้วมันจะไม่เกิดหรือไม่มี…

เฉิงเจียวเหนียงมองไปที่เขาแล้วหลับตาลง น้ำตาไหลลงมาหนึ่งหยดแล้วเงยหน้าขึ้น

“ได้” นางตอบพลางยิ้มเบา

เพียงแต่รอยยิ้มนี้แทบเหมือนกับร้องไห้

เฉิงผิงแสร้งทำเป็นมองไม่เห็น ยิ้มตามแล้วผายมือเชื้อเชิญ

เฉิงเจียวเหนียงก้าวไปที่โต๊ะเล็กอันผุพังของเขา

“ง่ายมาก แค่เขย่าเงินเหรียญใหญ่แล้วโยนลงมาก็พอแล้ว” เฉิงผิงพูดด้วยความดีใจ พลางหยิบเงินเหรียญใหญ่ออกมาสามเหรียญ

ขณะที่เฉิงเจียวเหนียงกำลังจะยื่นมือออกไปรับ เฉิงผิงกลับดึงกลับ

“คือว่า กฎของบรรพบุรุษ การทำนายโชคชะตาต้องมีของมาแลกเปลี่ยน ฉะนั้น เจ้าต้องให้เงินก่อน…” เฉิงผิงพูดด้วยรอยยิ้ม และยื่นมืออีกข้างออกไป

ผู้ติดตามที่อยู่ด้านข้างรีบหยิบเงินจำนวนหนึ่งออกมาทันที

เฉิงผิงรีบดึงมือกลับโดยไม่รับ ผู้ติดตามประหลาดใจและงุนงงไม่น้อย

“ขอแค่หนึ่งเหวิน” เฉิงผิงยื่นนิ้วสองนิ้วออกมาและหยิบจากมือของผู้ติดตาม

“เหตุใดถึงเก็บเงินหนึ่งเหวินหรือ” เฉิงเจียวเหนียงเอ่ยแล้วลุกขึ้นยืนทันที น้ำเสียงของนางดูโกรธเคืองไม่น้อย

ทำให้คนรอบข้างตกใจขึ้นอีกครั้ง

นิ้วของเฉิงผิงค้างอยู่กลางอากาศ

“มาก มากไปหรือ” เขาพูดตะกุกตะกัก “แต่ว่าแม่นางน้อย ไม่จ่ายเงินไม่ได้จริงๆ …มันเป็นกฎของตระกูลข้า…”

“เงินทั้งหมดนี้ข้าให้เจ้า เจ้าไม่ใช่อยากจะได้เงินหรือ เหตุใดถึงไม่รับเล่า” เฉิงเจียวเหนียงเอ่ย หยิบเงินในมือของผู้ติดตามแล้วยื่นไปที่หน้าของเฉิงผิง “รับไป! ”

เฉิงผิงหลบไปด้านหลังด้วยความเขินอาย

“อย่างไรก็ตาม กฎก็คือกฎ…” เขาพูด ค่อยๆ กางนิ้วทั้งสองออกมา มองไปที่เฉิงเจียวเหนียงอย่างระมัดระวัง “ต้องการเงินเพียงหนึ่งเหวิน น้อยกว่านี้ไม่ได้ มากกว่านี้ไม่รับ…”

เฉิงเจียวเหนียงมองมาที่เขาด้วยใบหน้าขาวซีด นางขยับริมฝีปากแต่ไม่พูด ลองเชิงมองดูเฉิงผิงค่อยๆ หยิบเหรียญหนึ่งเหวินขึ้นมา

นางนำเงินที่เหลือยื่นให้กับผู้ติดตามแล้วนั่งลง ไม่มีท่าทีโกรธเคืองจะคว่ำโต๊ะ หรือถุยน้ำลายใส่เฉิงผิงอย่างที่ทุกคนคาดเดา แต่นางกลับสงบนิ่งราวกับว่าความตื่นเต้นก่อนหน้านี้ไม่เคยเกิดขึ้น

เฉิงผิงหยิบเงินใส่กระเป๋าด้านหน้าอย่างระมัดระวัง จากนั้นค่อยๆ ยื่นมือออกไปส่งเงินเหรียญใหญ่ทั้งสามเหรียญให้

เฉิงเจียวเหนียงยื่นมือออกมา เงินเหรียญใหญ่ก็ตกลงบนฝ่ามือของนาง

“ถือ เขย่า และคิดในสิ่งที่เจ้าต้องการ แล้วโยนมันลง…” เฉิงผิงพูดพลางทำเป็นตัวอย่าง

เฉิงเจียวเหนียงกำมือและค่อยๆ เขย่า

“ใช่ ใช่ อย่างนั้นแหละ…”

คำพูดของเฉิงผิงคล้ายกับเสียงกล่อมเด็กไม่ปาน

นางเม้มปากยิ้มบางอย่างห้ามไม่อยู่ สายตาพร่ามัวขึ้นอีกครั้งเพราะน้ำตา นางพลิกมือแล้วโยนเงินเหรียญใหญ่ทั้งสามลงบนโต๊ะ

เฉิงผิงถอนหายใจด้วยความโล่งอก ทุกคนโดยรอบก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเช่นกัน

นึกไม่ถึงว่าการทำนายดวงชะตาจะเหนื่อยถึงเพียงนี้….

“ให้ข้าดูก่อน” เฉิงผิงสะบัดเสื้อนั่งลงบนเก้าอี้เตี้ยแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม

แต่ในเวลานี้ เนื่องจากมีผู้คนมากมายอยู่ข้างกาย จึงดึงดูดความสนใจของคนเดินผ่านไปมาไม่น้อย ถึงขั้นมีบางคนมามุงดูด้วยเช่นกัน

เฉิงผิงก้มศีรษะมอง รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาหายไปในทันใด เขาเงยหน้าขึ้นอย่างหวาดกลัว มองไปที่เฉิงเจียวเหนียงราวกับไม่เชื่อสายตา

“แม่นางน้อย เหตุใดท่านถึงเป็นคนชะตาขาด! ” เขาตะโกน

คนรอบข้างต่างตกใจกับสีหน้าของเขา

“คนชะตาขาดคืออะไรหรือ” หญิงสองคนถามอย่างเร่งรีบ

“ก็คือคนตาย! ” เฉิงผิงตอบพลางจ้องมองไปที่เฉิงเจียวเหนียงด้วยความประหลาดใจ “ถ้าไม่ได้ตายไปแล้ว ก็กำลังจะถึงฆาต”

ฝูงชนตกตะลึงจนอ้าปากค้างทันทีที่คำพูดนี้เปล่งออกมา