Ch.178 – พลังสมาธิเลเวล E

Provider : Muntra

 

**มีของขวัญปีใหม่มาฝากครับ ตั้งแต่วันนี้ไป จนถึงวันที่ 2 ผมจะลงให้วันละ 2 ตอนนะ

สวัสดีปีใหม่ทุกท่านครับ

 

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep. 178 – พลังสมาธิเลเวล E

 

แต่แทบจะในทันที ฉินเฟิงก็ต้องเจอกับปัญหา

 

เจ้าตัวพบว่าแม้ในครั้งนี้ตนจะสามารถแยกประสาทสัมผัสพลังสมาธิออกมาได้อย่างเท่าเทียมถึง 9 สาย แต่สิ่งที่ตามมาหลังจากทำมัน คือความรู้สึกอ่อนแออย่างไม่อาจฝืนทน

 

ครึ่งชั่วโมงต่อมา ใบหน้าของฉินเฟิงก็กลายเป็นซีดเซียว พลังงานแทบจะหมดสิ้น จำเป็นต้องถอนพลังสมาธิกลับคืน

 

“คนอย่างฉัน มีหรือจะยอมแพ้ง่ายๆ?”

 

ฉินเฟิงหยิบน้ำผึ้งเรืองแสงที่เพิ่งแลกเปลี่ยนออกมา เปิดขวดและกลืนน้ำผึ้งภายใน พลังสมาธิฟื้นฟูกลับมาอย่างรวดเร็ว

 

พลังสมาธิเริ่มกลับไปควบรวมกันในหนทางสู่เจตจำนงศักดิ์สิทธิ์อีกครั้ง เริ่มเดินหน้าต่อไป

 

“มาลองกันอีกครั้ง!”

 

“จัดไปอีกขวด!”

 

หลังจากทำเช่นนี้ซ้ำๆ 7 – 8 รอบ ฉินเฟิงก็มาถึงปลายทางของหยกขาว หลังจากมุ่งหน้าจนมาถึงทางแยก 27 สาย ฉินเฟิงก็ตระหนักได้ถึงแสงสว่างวาบคล้ายดอกไม้ที่ผลิบานเบื้องหน้าเขา พลังสมาธิถูกบังคับถอนคืน

 

ช่วงเวลาต่อมา ฉินเฟิงก็สัมผัสได้ว่าพลังสมาธิที่กลับมา มันเพิ่มพูนขึ้น เติบใหญ่ขึ้นเรื่อยๆจนทะลวงขีดจำกัดในปัจจุบัน

 

อย่างไม่ทันตั้งตัว พลังสมาธิของฉินเฟิง ไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามันได้ก้าวขึ้นสู่เลเวล E แล้ว!

 

ดวงตาของฉินเฟิงสว่างไสว จับจ้องไปยังแสงศักดิ์สิทธิ์ที่ปรากฏขึ้น

 

“หนทางสู่เจตจำนงศักดิ์สิทธิ์ช่างทรงพลังจริงๆ!” ฉินเฟิงเก็บพลังสมาธิ เมื่อไร้ซึ่งสิ่งใดกระตุ้น หนทางสู่เจตจำนงศักดิ์สิทธิ์ก็สลายไป แต่ในสายตาของฉินเฟิง ปรากฏสามแถวด้านล่างสุดของหยกขาว กำลังสาดแสงเรืองรองออกมา

 

ฉินเฟิงลองนับจำนวนดู พบว่าบนหนทางสู่เจตจำนงศักดิ์สิทธิ์มีทั้งสิ้น 9 แถว หากแต่ละแถวเป็นตัวแทนของเลเวลในแต่ละระดับ บางทีนี่อาจบ่งบอกได้ว่า หนทางสู่เจตจำนงศักดิ์สิทธิ์ อาจสามารถช่วยฝึกฝนพลังสมาธิจนไปถึงเลเวล SS เลยก็ได้!

 

ร้ายกาจเกินไปแล้ว!

 

สมบัติเช่นนี้ จะต้องไม่ให้คนนอกล่วงรู้!

 

“ไป๋หลี ช่วยเก็บมันให้ฉันหน่อยสิ” ฉินเฟิงวางหนทางสู่เจตจำนงศักดิ์สิทธิ์ (ผ้าคลุมไหล่)ลง เมื่อมันหายเข้าไปอยู่ในพื้นที่มิติของไป๋หลี เขาถึงค่อยรู้สึกสบายใจขึ้น

 

หนทางสู่เจตจำนงศักดิ์สิทธิ์ไม่จำเป็นต้องฝึกฝนเป็นพิเศษใดๆในตอนนี้ เพราะฉินเฟิงทราบดี ว่าการที่ตนสามารถทะลวงสู่สามแถวของหยกขาวก่อนหน้านี้ ไม่ใช่เพราะเขามีพรสวรรค์ แต่เป็นเพราะพลังสมาธิของตนมาถึงเลเวล F9 อยู่ก่อนแล้วต่างหาก กล่าวได้ว่าเหลืออีกแค่ก้าวเดียวสั้นๆก็ตัดผ่านมันไปได้แล้ว

 

อย่างไรก็ตาม หากคิดทำลายแถวที่ 4 น่ากลัวว่ามันจำเป็นต้องใช้เวลาสั่งสมพลังสมาธิอีกสักพัก

 

ต่อไปเป็นตาของเทคนิคมังกรไฟ ฉินเฟิงหยิบม้วนหนังสัตว์ขึ้นมา

 

ยามก้มลงมองมัน จะพบกับอักษรรูนสีแดงเพลิงกำลังเต้นเร่า หนังทั้งผืนคล้ายกับบอลไฟที่กำลังสาดแสง

 

“พลังพิเศษดูดกลืน!”

 

ฉินเฟิงไม่เหมือนคนอื่นๆ ที่หากคิดเรียนรู้เทคนิคมังกรไฟ จะต้องค่อยๆเพ่งสำรวจมันอย่างระมัดระวัง พยายามรับรู้ถึงทุกๆรูน และสลักรูนเหล่านั้นลงบนดาวเคราะห์อบิลิตี้

 

แต่สำหรับฉินเฟิง รูนพวกนี้ ตราบใดที่เขาใช้พลังพิเศษติดตัวของตน เขาก็จะสามารถเรียนรู้มันได้เลยในทันที

 

เจ้าตัวหลับตาลง พลังสมาธิเลเวล E อันทรงพลังกวาดผ่านไป ดาวเคราะห์เพชรหมุนวนอย่างบ้าคลั่ง

 

ม้วนหนังสีแดงเพลิงบนมือถูกแผดเผา ไฟจากมันถูกดูดซับเข้าสู่หว่างคิ้วของฉินเฟิง ในพริบตามันก็กลายเป็นไหม้เกรียม จากนั้นก็กลายสภาพเป็นสีเทา ก่อนจะแหลกสลายเป็นผงขี้เถ้า

 

ท่ามกลางดาวเคราะห์เพชรของฉินเฟิง รูนไฟจำนวนมหาศาลถูกกลืนกินโดยศิลานรก ถูกแพร่เชื้อใส่กลายเป็นไฟโลกันต์ จากนั้นก็ถูกดึงดูดเข้าไปในดาวเคราะห์เพชรที่กำลังหมุนวน แสงสีดำและแดงค่อยๆปกคลุมไปตลอดทั้งดาวเคราะห์ มังกรยาวสีแดงดำเริ่มก่อร่างขึ้น

 

เฝ้ารอจนกระทั่งรูนทั้งหมดถูกดึงดูดเข้าไป ร่างมังกรจึงค่อยกลายสภาพเป็นสมบูรณ์ แลดูมีชีวิตชีวา คล้ายสามารถบินเหินไปที่ใดก็ได้ดั่งใจนึก

 

เทคนิคอบิลิตี้มังกรไฟ —เรียนรู้เสร็จสิ้นแล้ว!

 

ภายในวันเดียว สมบัติสองชิ้นในมือ ทั้งหมดถูกดูดกลืนโดยฉินเฟิง

 

ด้วยของขวัญจากสรวงสวรรค์อันยอดเยี่ยมนี้ มันช่วยให้ความก้าวหน้าของฉินเฟิงติดปีก โผทะยานขึ้นสู่ฟากฟ้า!

 

อย่างไรก็ตาม การยกระดับในเลเวลต่างๆก่อนหน้าเลเวล E มันเป็นแค่น้ำจิ้มเท่านั้น หลังจากก้าวขึ้นสู่เลเวล E แล้ว อัตราเร็วในการยกระดับจะเชื่องช้าลงเป็นอย่างมาก มันยากมากๆที่จะทำสำเร็จในค่ำคืนเดียวเหมือนที่แล้วๆมา!

 

 

วันถัดมา ฉินเฟิงใช้อุปกรณ์สื่อสารติดต่อหาชิหลง บอกว่าเขาตั้งใจจะออกจากเมืองฟูเฉิง

 

“คุณไม่สนใจจะเที่ยวเล่นในเมืองฟูเฉิงอีกสักหน่อยหรือ เมืองของเรายังมีทิวทัศน์ที่สวยงามอีกเยอะที่คุณยังไม่ได้ชมเลยนะ” ชิหลงกล่าวด้วยรอยยิ้ม

 

“ไม่ได้หรอกครับ ผมมีบางสิ่งบางอย่างที่ต้องทำ เพราะยังไงซะผมก็มีสถานที่ชุมชนเล็กๆต้องคอยดูแล” ฉินเฟิงกล่าวพลางแสดงท่าทีกังวลเล็กน้อยถึงสถานชุมชนของเขา

 

แน่นอนว่านี่เป็นเพียงข้ออ้าง เขากำลังเล่นละคร

 

“ฮ่าๆ เข้าใจแล้วๆ งั้นอย่าเพิ่งรีบไปนะ เพราะฉันได้เตรียมรถเอาไว้ให้คุณแล้ว ถือว่าเป็นของขวัญแทนคำขอบคุณ … ขอบคุณที่มิสไป๋เข้ามาช่วยชีวิตฉันเอาไว้” ชิหลงกล่าวพลางหัวเราะร่า

 

เมื่อออกจากประตูโรงแรม เบื้องหน้าฉินเฟิงและไป๋หลี ปรากฏรถศึกล่องเวหาคันยาวที่ดูหรูหรา มันมีทั้งระบบขับขี่อัตโนมัติ พื้นที่ภายในก็กว้างขวาง เป็นลิมูซีนที่สะดวกสบายเป็นอย่างยิ่ง ไม่มีส่วนประกอบใดที่เป็นของไม่ดีเลย

 

ราคาของรถศึกล่องเวหาคันนี้เลยแพงมาก มีมูลค่ากว่า 20 ล้านเหรียญ

 

ชิหลงน่ะไม่สามารถทำเงินได้เร็วเหมือนอย่างฉินเฟิง ดังนั้น 20 ล้านนี้ มันทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดอยู่บ้างเล็กน้อย แต่เขาก็ยินดีจ่ายมัน เพราะท้ายที่สุดแล้ว ก่อนหน้านี้ฉินเฟิงมอบเงินให้เขากว่า 30 ล้าน ถ้าจะให้พูดกันตรงๆ คือชิหลงไม่ต้องการให้ความประทับใจที่ฉินเฟิงมีต่อเขาลดน้อยลง

 

“ขอบคุณ ผมขอรับไว้ด้วยความยินดี”

 

“ไม่ต้องเกรงใจไป หลังจากนี้พวกเราคงได้ร่วมสู้กันอีก ถ้าเวลาและโอกาสมันเหมาะสม ก็อย่าลืมพี่ชายคนนี้ล่ะ!”

 

“แน่นอน!” ฉินเฟิงพยักหน้า ชิหลงเป็นคนดีไม่เลว อย่างน้อยก็มีสมอง การกลายเป็นเพื่อนกับบุคคลเช่นนี้ ถือว่าช่วยอำนวยความสะดวกได้มาก

 

ในขณะที่อีกฝ่ายคิดตรงกันข้าม เจ้าตัวกำลังนึกคิดว่าหากกลายเป็นศัตรูกับฉินเฟิง ชีวิตหลังจากนี้ของเขาคงไม่น่ารื่นรมย์!

 

และที่ฉินเฟิงยอมรับมัน เขามิได้เกรงใจแต่อย่างใด เพราะบนผืนแผ่นดินในปัจจุบัน มันยากนักต่อการเดินทางระยะไกล วิกฤตอาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ดังนั้นผู้ใช้พลังหากยังอยากมีชีวิตอยู่ ก็จำเป็นต้องมีพาหนะที่สามารถใช้เดินทางได้ในระยะไกล

 

สรุปโดยสังเขป การที่ชิหลงทำเช่นนี้ ก็เพื่อการันตีว่าหากในภายหลังมีบางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้น จะได้ช่วยเหลือกันและกันได้

 

ฉินเฟิงขับรถศึกล่องเวหาคันใหม่ออกจากฟูเฉิง เฝ้ารอจนกระทั่งออกจากพื้นที่รักษาการณ์ของเมือง ฉินเฟิงก็หักโค้งไปอีกทิศหนึ่ง เปลี่ยนเส้นทางเบื้องหน้า

 

และเส้นทางนี้ มิใช่เส้นทางที่ใช้เดินทางกลับสู่เมืองเฉิงหยาง

 

ในที่สุด จุดประสงค์เดิมของฉินเฟิงที่เข้าร่วมกอบกู้เมืองหาน ก็จะได้บรรลุเสียที

 

ฉินเฟิงก้มลงมองอุปกรณ์สื่อสาร ย้อนนึกไปถึงภาพเหตุการณ์ก่อนที่ตนจะกลับมาเกิดใหม่

 

บนท้องถนน รถบรรทุกสินค้าขนาดใหญ่วิ่งไปตามเส้นภูเขา เหนือรถบรรทุกใหญ่แต่ละคัน จะมีมือปืนหนึ่งคนคอยยืนคุมอยู่ ทว่าปัจจุบัน เหล่ามือปืนกลับแสดงท่าทีเกียจคร้านเฉื่อยชา ในมือมิได้จับปืน แต่จับบุหรี่ขึ้นจุดสูบ

 

นี่คือทีมขนส่งสินค้าที่แสนธรรมดา หากมีอะไรที่ไม่ธรรมดาเกี่ยวกับเรื่องนี้ ก็คงจะไม่พ้นสินค้าที่พวกเขาขนส่ง ในความเป็นจริงสมควรพูดว่า ‘ลอบ’ขนส่งซะมากกว่า เพราะสินค้าของพวกเขาก็คือ–

 

–ทาส!

 

ขบวนรถบรรทุกกำลังมุ่งหน้าไปยังเมืองไห่ หากมองจากแผนที่ในมุมสูง เมืองไห่จะอยู่อีกปลายสามเหลี่ยมหนึ่ง อีกสองเหลี่ยมเป็นเมืองเฉิงหยางและฟูเฉิง

 

และเมืองไห่(ทะเล)ก็เหมือนกับชื่อของมัน เป็นเมืองติดริมทะเล เป็นปราการแข็งกระด้างที่อาจถูกคลื่นทะเลซัดลงเมื่อใดก็ได้

 

เพราะที่นี่เกิดการต่อสู้ขึ้นแทบทุกวัน นอกจากนี้ยังเป็นพื้นที่อันตราย ที่ผู้ใช้พลังอาจตายได้ทุกเมื่อ เป็นสนามรบที่คนส่วนใหญ่เอาชีวิตมาทิ้ง

 

บนรถบรรทุกเป็นหญิงสาวในย่านสลัม ทั้งหมดกำลังถูกนำไปขายให้กับเมืองไห่

 

ก่อนที่ฉินเฟิงจะเกิดใหม่ และเขาได้รับหน้าที่คุ้มกัน เจ้าตัวไม่ได้รู้เรื่องนี้

 

แน่นอนว่าเขาย่อมรู้ในภายหลัง แต่เพื่อให้ตนเองรอดพ้นจากความตาย จึงไม่มีแรงมากพอที่จะใส่ใจคนอื่น

 

ไม่นานเกินรอ รถบรรทุกขนาดใหญ่หลายสิบคันก็ส่งเสียงคำราม พุ่งผ่านไปอย่างรวดเร็ว โดยไม่เห็นรถของฉินเฟิงที่ซ่อนอยู่ตรงหัวมุมภูเขา

 

ฉินเฟิงสตาร์ทเครื่อง และขับรถศึกไล่ตามอีกฝ่ายไปตามเส้นทาง

 

มือปืนที่อยู่บนหลังคารถขนสินค้า สังเกตเห็นรถของฉินเฟิงทันที

 

“ไอหย๋า? ทำไมจู่ๆพวกเศรษฐีถึงโผล่มาที่นี่ได้ล่ะเนี่ย?”

 

ทำไมถึงรู้ว่าเป็นเศรษฐีน่ะหรือ? แน่นอนว่ามันต้องเป็นเพราะรูปทรงซีดานของรถศึกน่ะสิ แถมตัวรถยังยาวเหยียดแบบนี้ ไม่ใช่ว่ามันใช้ขับเพื่อโอ้อวดหรอกหรือ?

 

เพราะสำหรับในทุ่งล่า รถแบบนี้มันไม่ค่อยมีประโยชน์เท่าไหร่ กล่าวว่ายากต่อการใช้งาน

 

ดังนั้นรถประเภทนี้ ในมุมมองของคนเลเวล G ยังไงก็เป็นรถของพวกคนรวยชัดๆ!