บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ บทที่ 207

เช่นนั้นเองในที่สุดความจริงก่อนหน้าได้ถูกเปิดเผยคงต้องขอบคุณเสียงโหยหวนของแทนเนอร์

ใบหน้าของเจเรมี่เปลี่ยนเป็นความน่าสะพรึงกลัวทันทีขณะที่ความกระหายเลือดที่ไม่ควบคุมไม่ได้พุ่งเข้ามาในดวงตาเขา

ด้วยความโกรธ เขาชูกำปั้นชกหน้าของแทนเนอร์อย่างแรง

แทนเนอร์สะดุดไปข้างหลัง ขณะที่ไม่สามารถทรงตัวให้ยืนอยู่ได้ จิตใจของเขางุนงงกับการถูกต่อย

แก้วไวน์และจานพังไปทั่วพื้นเมื่อเขากระแทกเข้ากับโต๊ะยาวด้านหลัง

แต่อย่างไรนั้น เจเรมี่ไม่หยุดแค่นั้น แต่เขาดึงแทนเนอร์ขึ้นมาและต่อยลงไปอีกสองครั้ง

เลือดไหลออกมาจากมุมริมฝีปากของแทนเนอร์ขณะนี้ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด

ไม่มีใครกล้าหยุดเจเรมี่ในตอนนี้

ชายคนนั้นดูน่ากลัวมากในขณะนั้นและเขาน่ากลัวเกินไป ทุกคนรู้สึกว่าการเข้าใกล้เกินไปจะทำให้พวกเขามอดไหม้ด้วยเปลวไฟแห่งความโกรธที่กลืนกินเขา

เจเรมี่เอาแต่คิดว่าเขาคิดผิดตลอดสามปีที่ผ่านมา

โดยเฉพาะในประเด็นของความบริสุทธิ์ของมาเดลีน เขาไม่สามารถขจัดความรู้สึกของการถูกปิดตาได้

ตอนนี้ในที่สุดเขาถอดผ้าคลุมที่ปิดตาออก ในแง่ของความจริง เขาพบว่ามันยากที่จะเผชิญหน้ากับหัวใจของเขาเอง นับประสาอะไรกับใบหน้าที่เวียนว่ายอยู่ในความคิดของเขา …

เมื่อเห็นฉากที่คลี่คลายคดี มุมปากแห่งความสวยงามของมาเดลีนถูกยกขึ้นมาเล็กน้อย

สุดท้ายแล้ว

ในที่สุด เธอก็ได้ยินแทนเนอร์เปิดเผยความจริงเบื้องหลังของการใส่ร้ายป้ายสีเธอ

สุดท้าย เธอก็ถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์

มาเดลีนรู้สึกว่าบาดแผลในใจลดความเจ็บลงเล็กน้อย

แต่ว่านะ เธอยังคงห่างไกลจากการรักษาหลุมทั้งหมดที่ทำหัวใจของเธอมีปัญหาหรือแม้แต่การปลอบประโลมจากความโกรธอันร้อนแรงของความเกลียดชังภายในตัวเธอ

“แทนเนอร์! พูดอะไรแบบนั้นใส่ร้ายฉันได้ไง?” เมเรดิธกล่าวว่า ดวงตาของเธอเป็นสีแดง เธอโกรธจากความรู้สึกผิด

เธอต้องปกป้องตัวเองตอนนี้

โดยธรรมชาติแล้ว เอโลอิสพยายามอย่างเต็มที่เพื่อปกป้องเธอ “นี่ไอ้ชั่วคนนั้นพ่นเรื่องไร้สาระอะไรออกมา? ราวกับว่าต้องการให้เมเรดิธถูกใส่ร้าย ทุกคนรู้อยู่แล้วว่ามาเดลีนผู้หญิงคนนั้นใจง่ายแค่ไหน!”

แทนเนอร์ได้รับบาดแผลจากการโจมตีเล็กน้อยที่คิ้ว สังเกตุได้จากรสชาติของเลือดที่เต็มปากของเขา ด้วยความกลัวที่ว่าเขาจะถูกมาเดลีนตามหักคอ แทนเนอร์กลับกลัวมากกว่าหากเจเรมี่จะทำร้ายเขาจนตาย

การโดนต่อยทำให้เขาสร่างเมา และเขารู้ว่าเขาบอกทุกอย่างแล้วกับสิ่งที่เขาควรพูดและไม่ควรพูด แต่สิ่งเดียวที่สำคัญที่สุดของเขาในตอนนี้ คือการปกป้องชีวิตของเขาเอง!

“ผมไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับมันเลย คุณวิทแมน ผมทำตามคำสั่งของ เมเรดิธ ครอว์ฟอร์ด เธอเป็นคนที่บอกให้ฉันโกหกว่าได้ทำอะไรบางอย่างกับมาเดลีน และใช่ ผมยอมรับว่าชอบมาเดลีน ครอว์ฟอร์ด แต่ผมสาบานได้เลยว่าผมไม่เคยแตะต้องเธอเลย! และที่เกี่ยวกับการลักพาตัว ไม่มีส่วนใดเกี่ยวข้องกับมาเดลีนเช่นกัน นั่นคือความจริงทั้งหมด”

“แทนเนอร์ ลองค์! พระเจ้ากำลังมองทุกสิ่งที่นายทำ นายจะใส่ร้ายในสิ่งที่ฉันไม่ได้ทำได้ไง? ฉันจะฟ้องนายในข้อหาหมิ่นประมาทหากนายยังคงใส่ร้ายฉัน!” เมเรดิธตั้งใจแน่วแน่ที่จะไม่ปล่อยให้แทนเนอร์พูดต่อไป “ยังรออะไรอยู่? โยนเขาออกไป! หรือพวกแกกำลังรอให้เจเรมี่ทำเอง?”

เธอสั่งบอดี้การ์ดอย่างไม่สบอารมณ์

บอดี้การ์ดรีบหันไปจับแทนเนอร์ที่ล้มพับไปกับพื้น และถีบเขาออกไปจากประตูโรงแรมทันที

แทนเนอร์อาจถูกโยนออกไป แต่ทุกคนในห้องจัดเลี้ยงได้ยินคำพูดที่เขาพูดอย่างชัดเจน

“มัน…มันเป็นแค่การทะเลาะวิวาทเล็ก ๆ ได้โปรด ทุกคน ตอนนี้มันจบแล้ว ขอให้มีความสุขตลอดทั้งคืน” เมเรดิธฝืนยิ้มขณะที่เธอพยายามจะคืนบรรยากาศยามค่ำคืนให้เป็นปกติ จากนั้นเธอหันไปหาเจเรมี่หลังจากสร้างสีหน้าที่เจ็บปวดรู้สึกแย่กับเรื่องนี้แล้ว “เจเรมี่ โปรดอย่าเชื่อคำที่ แทนเนอร์พูด…”

“ฉันรู้แต่แรกแล้ว มาเดลีนจะไม่ทำสิ่งนี้!” อาวุโสวิทแมนขัดคำแก้ตัวของเมเรดิธด้วยน้ำเสียงโกรธเคืองของเขา “ทุกสิ่งทุกอย่างเธอคือคนอยู่เบื้องหลังทั้งหมด! เธอเป็นคนเดียวที่ร่วมมือกับอันธพาลคนนั้นเพื่อใส่ร้ายมาเดลีน นี่เธอลักพาตัวลูกชายของตัวเองเพื่อทำร้ายหล่อนได้ไงกัน? เธอ เธอ … ฉันไม่อยากจะเชื่อ!”

เมเรดิธส่ายหัวน้ำตาปริ่ม “นั่นไม่เป็นความจริงนะคะ คุณปู่วิทแมน ท่านไม่สามารถตัดสินฉันจากคำพูดของอันธพาลฝั่งเดียว ฉันจะลักพาตัวแจ็คได้ไง? เขาเป็นลูกของฉันนะ! ฉันจะมีจิตใจแบบนั้นได้ไงกัน?”

“ใช่ ลูกสาวของฉันจะไม่มีวันทำแบบนี้ อาวุโสวิทแมน เราจะเชื่อคำพูดของอันธพาลไม่ได้เด็ดขาด” การแสดงออกของเอโลอิสนั้นดุร้าย อารมณ์ของเธอสงบกว่าของเมเรดิธมาก

นั่นเป็นเพราะเธอเชื่อมั่นอย่างแน่วแน่ว่าลูกสาวที่มีค่าของเธอจะไม่มีวันทำแบบนี้

“ฮึ่ม!” อาวุโสวิทแมนพูดอย่างเย็นชา เขาไม่เชื่อคำที่เธอพูด