บทที่ 454
บทที่ 454
จ้านอู่ฉางสร้างแผนลวงเพื่อหวังโจมตีค่ายกลางของกองทัพเทียนหยวน แต่ในท้ายที่สุดถังหยินกลับรู้ทันและเข้าซ้อนแผน ทำให้จ้านอู่ตี้ ฮ่าวจ้าว และคนอื่น ๆ หมดทางหนีรอดอย่างสิ้นเชิง…
อาจกล่าวได้ว่าศึกนี่สร้างความเสียหายร้ายแรงยิ่งต่อกองกำลังของซ่งเทียน ด้วยหลังจากการต่อสู้ กองกำลังของซ่งเทียนก็ถือได้ว่าสูญเสียอำนาจในการต่อกรกับถังหยินไปแล้วโดยสิ้นเชิง …จะมีก็แต่รอเวลาล่มสลายเท่านั้น
ทางค่ายกองทัพเทียนหยวน
ตอนนี้ถังหยินไม่จำเป็นต้องสร้างขวัญกำลังใจพวกเขาอีกต่อไป ด้วยขวัญกำลังใจของพวกทหารได้เพิ่มขึ้นถึงจุดสูงสุดแล้ว !!
ในความคิดของพวกเขา การตีเมืองจางหยูเป็นเรื่องง่ายยิ่ง ทว่าสิ่งที่พวกเขาต้องพิจารณาในตอนนี้ คือจะสร้างความเสียหายต่อขวัญกำลังใจและความหวังของศัตรูอย่างไรได้บ้าง ? เพื่อให้การโจมตีของพวกเขาดำเนินไปอย่างราบรื่นยิ่งขึ้นและการสูญเสียมีน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นได้
ดังนั้นแล้วเพื่อรอเวลาที่เหมาะสม กองทัพเทียนหยวนจึงไม่ได้เคลื่อนทัพและหยุดพักอยู่เช่นนั้นเป็นเวลา 3 วัน….
ในช่วง 3 วันนี้พวกทหารเฟิงพากันพักผ่อนนอนหลับอย่างสบายใจ ผิดกับภายในเมืองจางหยู ที่ทุกคนรู้สึกราวกับว่าภัยพิบัติครั้งใหญ่กำลังจะมาถึงพวกเขาแล้ว โดยเฉพาะกับซ่งเทียน ที่จนถึงตอนนี้เขายังมองไม่เห็นความหวังแม้แต่น้อย ! เนื่องด้วยในขณะนี้จ้านอู่ฉางนั้นแทบจะสูญเสียทั้งจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้และเหตุผลที่จะมีชีวิตไปแล้ว !!
การตายของจานอู่ตี้ส่งผลกระทบต่อเขามากเกินไป ชายผู้นี้จึงไม่เหลือกะจิตกะใจจะวางแผนกลศึกอันใดอีก !!
ตอนนี้จึงอาจเรียกได้ว่าซ่งเทียนไม่มีใครให้พึ่งพาได้อย่างแท้จริง แม้ว่าจะยังมีทหารหลายหมื่นคนในกองทัพ แต่พวกเขาก็รวมตัวกันได้ไม่มีประสิทธิภาพมากพอ
ทำให้ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา ซ่งเทียนไม่สามารถข่มตาหลับได้เลย
ในวันที่สี่ หลีเทียนและอัยเจีย ที่ออกเดินทางไปยังเมืองฉางหนิงเพื่อไปรับมารดาของเจี๋ยนฟานได้กลับมาแล้ว
…ก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน เมื่อพวกเขาสองคนมาถึงเมืองฉางหนิง และพบจวนตระกูลเจี๋ยน คนทั้งสองก็ไม่รอช้า เร่งประกาศตัวตนพร้อมกับบอกว่าอยากพบหญิงชราผู้เป็นเจ้าของจวน จากนั้นจึงทำการเล่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับเจี๋ยนฟานในนางฟังทั้งหมด
หลังจากที่ซ่งเทียนชิงบัลลังก์ หญิงชราก็ต่อต้านการเข้ารับตำแหน่งในกองทัพของเจี๋ยนฟานมาโดยตลอด มาตอนนี้เมื่อได้ยินว่าเขาถูกจับโดยกองทัพเฟิง หญิงชราก็ดูจะกังวลใจยิ่ง เพราะหากเจี๋ยนฟานไม่ยอมแพ้ งั้นแล้วผลลัพธ์สุดท้ายก็คงมีแต่ความตายเป็นแน่แท้ !
ดังนั้นแล้ว ไม่ว่ายังไงนางก็ต้องไปที่ค่ายกองทัพเฟิงเพื่อเกลี้ยกล่อมลูกของนางให้ได้ !!!
หลังจากตัดสินใจได้ หลีเทียนและอัยเจียก็ไม่รอช้า พวกเขาใช้เวลาเก็บสัมภาระในวันเดียว ก่อนที่จะพากันออกเดินทางไปยังค่ายของกองทัพเฟิง
เมื่อได้ยินว่าหลีเทียนและอัยเจียพามารดาของเจี๋ยนฟานมาได้สำเร็จ ถังหยินก็รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งและปฏิบัติต่อหญิงชราด้วยความเคารพ
ซึ่งเมื่อพบกัน ก็ต้องเป็นมารดาของเจี๋ยนฟานที่ตกใจ ด้วยนางไม่เคยคิดเลยว่าถังหยินจะยังหนุ่มขนาดนี้ เขาดูเหมือนจะอายุน้อยกว่าลูกชายของนางด้วยซ้ำไป อย่างไรก็ตามด้วยสถานะและอำนาจของถังหยิน มารดาของเจี๋ยนฟานจึงไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกไป นางเพียงคุกเข่าลงบนพื้นและโค้งคำนับให้กับถังหยิน ก่อนที่จะพูดด้วยเสียงสั่นเทาพลางน้ำตาไหลพราก “นายท่าน ลูกชายของข้าอาจจะช่วงเกินท่านไปบ้าง ทว่าโปรดท่านเมตตาเขาด้วย ไว้ชีวิตของเขาด้วยเถอะเจ้าคะ !!”
ถังหยินพอใจกับท่าทีของหญิงชรายิ่ง เขายื่นมือไปพยุงนางและพูดด้วยรอยยิ้ม “ลุกขึ้นเถอะ !”
หลังจากให้ที่นั่งแก่กับหญิงชรา ถังหยินก็ทักทายอีกครั้งราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น และเมื่อเห็นว่ามารดาของเจี๋ยนฟานกำลังฟุ้งซ่านกับคำพูดของตน ชายหนุ่มจึงไม่ได้พูดอันใดต่อ
เจี๋ยนฟานถูกพาเข้ามาอย่างรวดเร็วโดยมีกลุ่มศรทมิฬคอยคุมเขาเอาไว้
ตั้งแต่ที่เข้ามาถึง เจี๋ยนฟานก็ได้ตัดสินใจแล้ว ดังนั้นเขาจึงพูดอย่างไม่อ้อมค้อมออกไป “ถังหยิน นี่มันเสียเวลาเปล่า ข้าไม่ยอมก้มหัวให้กับเจ้าหร…” คำพูดของเขายังไม่จบสิ้นดี เมื่อเขาเห็นเงาดำพุ่งเข้าใส่จากด้านข้าง
ขณะนี้เจี๋ยนฟานถูกมัดด้วยเชือกและข้างหลังเขายังมีกลุ่มศรทมิฬที่ปิดกั้นทางหนีไว้ ดังนั้นเจี๋ยนฟานจึงไม่สามารถหลบหรือขัดขืนได้เลย ก่อนที่ชั่วพริบตานั้น หน้าผากของเจี๋ยนฟานจะถูกกระแทกอย่างแรงด้วยฝ่ามือจนร่างของเขาทรุดลงไปจนเกือบจะล้มลงกับพื้น
“อึก !?” เจี๋ยนฟานร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เขาเงยหน้าขึ้นด้วยความเดือดดาลว่าใครกันที่ทำแบบนี้ แต่เมื่อมองไป ดวงตาของเจี๋ยนฟานก็ต้องเบิกกว้างขึ้น เช่นเดียวกับใบหน้าของเขาที่เต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
เจี๋ยนฟานอ้าปากค้าง พูดด้วยท่าทีตกใจปนหวาดกลัว “ทะ.. ท.. ท่าน.. แม่.. ?”
ที่แท้เงาดำที่ตบลงบนหน้าผากของเจี๋ยนฟานก็คือมารดาชราของเขานั้นเอง ! และการกระทำดังกล่าว มันก็ทำให้ทหารทั้งค่ายตกตะลึง !
…แม้แต่ถังหยินซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ผู้บัญชาการก็ยังหัวเราะอย่างเชื่องช้าด้วยไม่รู้จะพูดอะไร
“อย่ามาเรียกข้าว่าแม่ ! ข้าไม่มีลูกชายที่ไม่ซื่อสัตย์เหมือนเจ้า และตระกูลเจียงก็ไม่มีหลานชายที่ไม่ซื่อสัตย์เช่นเจ้า !” หญิงชราโกรธมากจนร่างกายของนางสั่นสะท้าน เช่นเดียวกับใบหน้าที่ซีดและริมฝีปากที่เขียวราวกับว่าจะเป็นลมได้ทุกเมื่อ
เมื่อเจี๋ยนฟานหายจากอาการตกใจ เขาก็ไม่สนใจความเจ็บปวดที่หน้าผากอีกต่อไป เจี๋ยนฟานคุกเข่าลงบนพื้นทันที “ท่านแม่ !… ท่านแม่ !?” หลังจากตะโกนออกมา 2 ครั้ง น้ำตาของเขาก็ร่วงลงขณะที่ร้องถามด้วยเสียงสั่น ๆ ว่า “ท่านแม่มาที่นี่ได้ยังไง… ?”
หลังจากถามอย่างนั้น เจี๋ยนฟานก็อยากจะตบหน้าของตัวเอง ด้วยคำพูดเหล่านี้ก็เทียบเท่ากับเรื่องไร้สาระ เพราะไม่จำเป็นต้องถามก็ย่อมต้องรู้ได้เองอยู่แล้ว คงเป็นถังหยินที่พามาเป็นแน่ !
เมื่อนึกได้ เจี๋ยนฟานพลันเงยหน้าจ้องมองไปยังถังหยินและตะโกนขณะที่กัดฟันแน่น “ถังหยิน ข้าทำตามข้อตกลงแล้ว ถ้าต้องการจะฆ่าข้า ก็จงข้าฆ่าข้าเสียเถอะ แต่ถ้าเจ้ากล้าที่จะแตะต้องแม้แต่ปลายผมของนาง ข้าจะไม่ยกโทษให้แน่ !!”
สาเหตุที่มารดาของเจี๋ยนฟานต้องลงไม้ลงมือกับลูกของนาง เป็นเพราะหญิงชราต้องการแสดงให้ถังหยินและแม่ทัพคนอื่น ๆ ได้เห็น แต่ตอนนี้เมื่อเจี๋ยนฟานโวยวายออกมาเช่นนี้ มันก็ทำให้หญิงชราโกรธและวิตกกังวลในเวลาเดียวกัน และเพราะแบบนั้น นางจึงพลันโบกไม้เท้าในมือและทุบมันเข้าที่ตัวของเจี๋ยนฟานอย่างแรง !!
แม่เฒ่าใช้แรงทั้งหมดที่มี และแม้ว่านางจะอายุมากและเรี่ยวแรงก็แทบไม่มีเหลือแล้ว หากแต่เจี๋ยนฟานก็ไม่กล้าที่จะต่อต้านแม้แต่น้อย เขายินยอมรับการทุบตีแต่โดยดี
ในเวลานี้แม้แต่แม่ทัพทั้งฝั่งซ้ายและขวาก็ไม่สามารถทนดูได้อีกต่อไป ด้วยหากยังคงทุบตีเช่นนี้ต่อไป เจี๋ยนฟานอาจถึงตายได้เลย !
ภายใต้สายตาของถังหยิน แม่ทัพโดยรอบต่างพากันก้าวไปข้างหน้าเพื่อหยุดมารดาของเจี๋ยนฟาน ก่อนที่พวกเขาจะเอ่ยปากออกมาว่า
“ใจเย็นก่อน ! เราคุยกันได้ !”
“ใช่ ๆ! ป้าเจี๋ยนใจเย็น ๆ อย่าปล่อยให้ความโกรธทำลายร่างกายของท่านเลย”
เมื่อมีคนเข้ามาขวาง หญิงชราก็พลันหยุดมือก่อนที่จะพูดตัดพ้อออกมา “ช่างเป็นความโชคร้ายของตระกูลของเรานัก ! ข้าสงสัยว่าตระกูลเจี๋ยนของข้าก่อกรรมอะไรเอาไว้กัน ? ทำไมถึงได้มีลูกชายที่ไม่ซื่อสัตย์จนทำให้ต้องอับอายขายขี้หน้าเช่นนี้ ?! ข้าไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว !” หลังจากที่พูดจบ หญิงชราก็ผลักฝูงชนและพุ่งไปที่เสาเต็นท์อย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นเช่นนั้น แม่ทัพโดยรอบก็ต่างพากันตกตะลึง และแม้แต่เจี๋ยนฟานที่นอนอยู่บนพื้นเอง เขาถึงกับใบหน้าซีดขาว ดวงตาเบิกกว้าง มีเหงื่อเย็น ๆ ไหลออกมาทั่วร่างกาย !!
ในทางกลับกัน มูฉิงซึ่งอยู่ข้าง ๆ ชายเลือดร้อนได้เคลื่อนไหวก่อนใคร เขาไม่ได้ช่วยมารดาของเจี๋ยนฟาน หากแต่จับข้อมือของหยวนยู่ไว้และส่ายหัวห้ามปราม ทำให้หยวนยู่ขมวดคิ้ว ด้วยแม้ว่าเขาจะเกลียดชังเจี๋ยนฟาน แต่พวกเขาคงจะไม่ปล่อยให้มีหญิงชรามาหมดลมตายกลางค่ายของพวกเขาเช่นนี้ !
หมับ !
ก่อนที่จะล้มลงฟาด มารดาของเจี๋ยนฟานก็ได้ถูกถังหยินพยุงเอาไว้ได้ทันเสียก่อน
เขาเอื้อมมือไปประคองมารดาของเจี๋ยนฟานและพูดเบา ๆ ว่า “ทำอะไรกัน !? การกระทำเช่นนี้ไม่ทำให้อะไรมันดีขึ้นหรอกนะ ! สามีก็ล่วงลับไปแล้ว ถ้าอย่างนั้นแล้วอนาคตของตระกูลเจี๋ยนเล่า ?” ขณะที่ชายหนุ่มพูด มารดาของเจียงฟานก็เอาแต่ร้องไห้อย่างไร้เสียง
ถังหยินขมวดคิ้วแน่น เขาหันมองไปที่เจี๋ยนฟานและร้องตะโกน “มีอะไรอยากจะพูดอีกหรือไม่ ?”
เมื่อมองไปยังมารดาที่กำลังร้องไห้อยู่บนพื้น หัวใจของเจี๋ยนฟานก็พลันรู้สึกเหมือนถูกฉีกแหวก โชคดีที่มารดาของเขาได้รับการช่วยเหลือจากถังหยิน ด้วยหากมีอะไรเกิดขึ้นจริง แม้ว่าเขาจะตายมันก็ยังคงไม่น่าให้อภัย !
เมื่อเห็นท่าทีแบบนั้น ถังหยินก็พลันพูดอย่างเย็นชา “เจ้าเคยคิดบ้างไหม ว่าหลังเจ้าตายแล้ว มารดาของเจ้าจะสามารถเผชิญหน้ากับเพื่อนบ้านและตระกูลของตัวเองได้อย่างไร หากมือของเจ้าเปื้อนไปด้วยเลือดของชาวเฟิงด้วยกันเช่นนี้ ? ทำเรื่องเช่นนี้ลงไปแล้วเจ้ายังกล้าสู้หน้าใครอีกอย่างนั้นเหรอ ?!!!” ขณะที่เขาพูด ถังหยินก็ได้ชักดาบวงพระจันทร์ของเขาออกมาและโยนมันขึ้นไปในอากาศ ก่อนที่ดาบนั่นจะตกลงตรงหน้าของเจี๋ยนฟาน
จากนั้นถังหยินก็ตะโกนบอกเหล่าทหารด้านหลังเจี๋ยนฟานว่า “ปลดเชือกออก !”