บทที่ 455

บทที่ 455

คราวนี้เป็นทีเจี๋ยนฟานที่ต้องตกตะลึงบ้างแล้ว เช่นเดียวกับมารดาของเขาและคนอื่น ๆ โดยรอบที่มึนงงไม่น้อย

เพราะในสายตาของหญิงชราและแม่ทัพโดยรอบแล้ว เจี๋ยนฟานนั้นหัวแข็งเกินกว่าที่ใครจะควบคุมได้ !

มองไปที่ดาบวงพระจันทร์ตรงหน้า เจี๋ยนฟานก็พลันเหงื่อไหลออกมามากมาย ..แค่เพียงเอื้อมมือเท่านั้น ความตายที่ร้องขอก็จะมาเยือนแล้ว !! แต่ถ้าเป็นดั่งที่ถังหยินบอกเล่า ? ว่าหลังจากที่ตาย มารดาของเขาจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไรต่อไปจากนั้น ?

เจี๋ยนฟานมองไปที่ดาบวงพระจันทร์ ในขณะที่ทั้งเต็นท์อบอวลไปด้วยความเงียบงัน เช่นเดียวกับสายตาของทุกคนที่ต่างจับจ้องไปยังเจี๋ยนฟาน

….ยิ่งเวลาผ่านไป ใบหน้าของเจี๋ยนฟานก็ซีดมากขึ้น เช่นเดียวกับเม็ดเหงื่อที่ไหลท่วมกาย

ราวกับว่าเขาตัดสินใจได้แล้ว เจี๋ยนฟานกัดฟันแน่นพลางยื่นมือที่สั่นเทาออกไป ก่อนที่เขาจะหยุดกลางอากาศครู่หนึ่งจากนั้นก็จับด้ามดาบดึงขึ้น

เมื่อเห็นเช่นนั้น ผู้คนรอบข้างก็พากันตกอกตกใจ นี่เจี๋ยนฟานกำลังจะฆ่าตัวตายจริง ๆ งั้นหรือไร ? แล้วถ้าเขาตายไปแบบนี้ งั้นมันจะไปมีประโยชน์อะไรที่พามารดาของเจี๋ยนฟานมาที่นี่กัน ?

ขณะที่ทุกคนพึมพำในใจ เจี๋ยนฟานก็พลันหันไปหาผู้เป็นมารดา “ลูกอกตัญญูผู้นี้ทำให้ท่านแม่ต้องเดือดร้อน !”

หลังจากที่พูดจบ เขาก็พลันลุกขึ้นยืนและไม่ได้มองไปที่คนรอบข้างแต่อย่างใด หากทว่ากลับมองตรงไปที่ถังหยิน ก่อนที่ในเวลาเดียวกันนั้นเจี๋ยนฟานจะก้าวไปข้างหน้าและยกดาบขึ้นเดินตรงไปหาชายหนุ่ม

เขากำลังจะทำอะไร ? ปฏิกิริยาของหยวนอู่และหยวนเปียวนั้นรวดเร็วยิ่ง พวกเขาพากันพุ่งเข้ามาขวางหน้า ทำการปกป้องชายหนุ่มเอาไว้ หากแต่ถังหยินกลับไม่ได้กังวลเหมือนคนอื่น ๆ ด้วยยังไงเสียเจี๋ยนฟาน ณ ตอนนี้ก็ไม่สามารถใช้พลังปราณได้

ชายหนุ่มเอื้อมมือไปผลักหยวนอู่และหยวนเปียวออก จากนั้นจึงกระซิบกับทั้งสองว่า “ไม่ต้องกังวลไป !” ก่อนที่จะเผยรอยยิ้มออกมาและมองไปยังเจี๋ยนฟานซึ่งกำลังเดินเข้ามาหาอย่างช้า ๆ

เจี๋ยนฟานมาถึงเบื้องหน้าถังหยินอย่างรวดเร็ว และในจังหวะที่ทุกคนคิดว่าเขาจะโจมตีถังหยิน สิ่งที่ไม่คาดคิดก็พลันเกิดขึ้น เจี๋ยนฟานคุกเข่าลงต่อหน้าถังหยินและก้มศีรษะลง ในเวลาเดียวกัน ก่อนที่เขาจะจับดาบวงพระจันทร์ด้วยมือทั้งสองข้างแล้วยกขึ้นเหนือศีรษะ “นายท่าน !”

เมื่อได้ยินคำนี้ แม่ทัพทุกคนต่างก็ประหลาดใจและมีความสุข เพราะในที่สุด… เจี๋ยนฟานก็เต็มใจที่จะยอมจำนนต่อพวกเขาแล้ว !!!

ถังหยินรู้สึกดีใจ ทว่าเขาไม่ได้แสดงออกมา ชายหนุ่มเพียงเอื้อมไปหยิบดาบวงพระจันทร์แล้วใส่กลับเข้าไปในฝักจากนั้นจึงก้มตัวลงและจับแขนของเจี๋ยนฟานด้วยมือข้างเดียวแล้วยกอีกฝ่ายขึ้น “เจี๋ยนฟาน ตอนนี้เจ้าเต็มใจที่จะเข้าร่วมกับข้าหรือไม่ ?”

“ขอรับ นายท่าน !” เจี๋ยนฟานก้มศีรษะลงและตอบกลับ

“แสดงว่าเจ้าคิดที่จะกลับใจแน่แล้ว ?” ถังหยินยังคงถามต่อไป

“ข้าคิด !” แม้ว่าเขาจะตัดสินใจทรยศเสี่ยวชางและยอมจำนนต่อถังหยินแล้ว แต่หัวใจของเจี๋ยนฟานก็ยังเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด เขาต้องการหาข้ออ้างให้ตัวเอง และเห็นได้ชัดว่าความเมตตาในการช่วยมารดาของเขาเป็นเหตุผลที่ดีที่สุด ใช่แล้ว… ทั้งหมดนี้ก็เพื่อมารดา !!

“ฉลาดมาก !” ถังหยินพยักหน้าและหัวเราะด้วยความพึงพอใจ เขาตบไหล่เจี๋ยนฟานแล้วพูดว่า “จากนี้ไปเราถือเป็นพี่น้องกันแล้ว และในฐานะพี่น้อง ตราบใดที่ข้ายังมีกิน มีเสื้อผ้าสวมใส่ และมีที่พักอาศัย พวกเจ้าทุกคนเองก็จะได้ตามนั้นเช่นกัน !”

…คำพูดเหล่านี้กระแทกใจทุกคนที่ได้ยิน ทำให้พวกเขาภักดีและเต็มใจที่จะติดตามชายหนุ่มไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่ !

เมื่อมองไปยังถังหยิน เจี๋ยนฟานพลันรู้สึกขัดแย้งอย่างบอกไม่ถูก และแม้ว่าเจี๋ยนฟานจะเป็นเพียงแม่ทัพที่ต่ำต้อย แต่ในอนาคต ความภักดีของเขาที่มีต่อถังหยินนั้นกลับไม่น้อยไปกว่าแม่ทัพคนอื่น ๆ เลย !!

เมื่อเรื่องตรงนี้จบลง ถังหยินจึงยินยอมให้เจี๋ยนฟานและมารดาผู้ชราของอีกฝ่ายพักอยู่ในค่ายเสียสองสามวัน

อันที่จริงแล้ว ถึงแม้ชายหนุ่มจะไม่ให้ความสำคัญกับระเบียบวินัยของทหาร แต่เขาก็มีหลักการของตัวเอง นั่นคือในกองทัพไม่มีใครได้รับอนุญาตให้นำสมาชิกในครอบครัวติดตามมาด้วย ประการแรกเพราะเขากลัวทหารจะเสียสมาธิ และประการที่สองเพราะคนเหล่านั้นจะกลายเป็นภาระเวลาเกิดปัญหา !

ส่วนเหตุที่ถังหยินรั้งตัวมารดาของเจี๋ยนฟานไว้ อย่างแรกก็เพื่อปลอบเจี๋ยนฟาน อย่างที่สองก็เพราะต้องการหลักประกัน ด้วยชายหนุ่มกลัวว่าเจี๋ยนฟานจะผิดคำพูด !!

ถังหยินเป็นคนที่ระมัดระวังตัวมาก เขาจะไม่เชื่อใจใครสักคน แม้ว่าชายหนุ่มจะต้องการได้รับความไว้วางใจจากพวกเขาเหล่านั้นก็ตามที

ภายในค่ายกองทัพหลวง แม่ทัพทั้งหลายได้มารวมตัวกัน และเมื่อได้ยินว่าถังหยินต้องการจะโจมตีจางหยูอีกครั้ง หยวนยู่ที่กระหายการต่อสู้ก็คิดไม่ยอมที่จะอยู่เฉย ๆ อีกต่อไป เขาเดินไปที่โต๊ะและโค้งคำนับขณะกล่าวว่า “นายท่าน ขอทหาร 5 พันนาย แล้วข้าจะเข้าโจมตีทางใต้เอง !”

เนื่องจากค่ายหลักของเทียนหยวนตั้งอยู่ที่ทางใต้ มันจึงทำให้อีกฝ่ายเพิ่มการป้องกันที่ฝั่งใต้ ดังนั้นแล้วการให้หยวนยู่เป็นผู้นำทัพจึงถือเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด !

ว่าแล้วถังหยินก็พลันพยักหน้า ก่อนที่เขาจะหยิบลูกศรคำสั่งออกมาและขว้างไปยังหยวนยู่ขณะกล่าวว่า “หยวนยู่ ข้าจะมอบทหาร 2 หมื่นนายให้ เจ้าจงมุ่งเน้นไปที่การโจมตีประตูทางทิศใต้ อนุญาตให้สำเร็จเท่านั้นห้ามล้มเหลวเด็ดขาด ทำได้หรือไม่ ?!”

“นายท่านไม่ต้องเป็นห่วงขอรับ !” หยวนยู่จับลูกธนูไว้แน่น ราวกับกลัวว่าถังหยินจะนำมันกลับไป

“มูฉิง ! จ้านหู !”

“ขอรับ !” ทั้งสองรับคำแล้วก้าวออกมา

ถังหยินสั่งการทันที “พวกเจ้าจงนำกำลัง 4 หมื่นเข้าโจมตีเมืองเวลาเดียวกับที่หยวนยู่เข้าตี !!”

“รับทราบขอรับ !” ทั้งสองตอบรับพร้อมกัน

“ดี” ถังหยินกล่าวอีกครั้ง “จีหยิง !”

“ขอรับ !”

“เจ้าจงบัญชากองทัพอินทรีสวรรค์เข้าโจมตีเมือง แต่ข้าอยากให้เจ้ามุ่งเน้นไปที่การสร้างความวุ่นวายให้มากที่สุด ส่วนเรื่องวิธีการ …เจ้าตัดสินใจเองได้เลย !”

เนื่องจากศึกครั้งก่อน ถังหยินจึงไม่คิดใช้กองทัพอินทรีสวรรค์เป็นกำลังโจมตีหลักอีกต่อไป และตราบใดที่พวกเขาสามารถยึดกองกำลังของศัตรูได้ มันก็จะถือเป็นประโยชน์สำหรับกองทัพอินทรีสวรรค์ในการฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว !!

อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าจีหยิงจะไม่ชอบใจนัก เขากล่าวแทรกขึ้นมาในทันทีว่า “ท่านแม่ทัพหยวนยู่และแม่ทัพมูฉิงกับแม่ทัพจ้านหูได้บุกทะลวง งั้นแล้วกองทัพอินทรีสวรรค์ของข้าก็จะเข้าโจมตีเมืองเช่นกัน !”

เมื่อได้ยินเขาพูดแบบนั้น ถังหยินก็พลันหัวเราะ และหลังจากมองไปที่จีหยิงอย่างลึกซึ้ง เขาก็จึงพยักหน้าก่อนพูดด้วยใบหน้าที่เคร่งเครียด “เอาล่ะ ! เอาตามที่เจ้าว่าเลย แต่ถ้าเจ้าล้มเหลว ก็ให้รู้ไว้นะว่าผลจะเป็นอย่างไร !”

“เข้าใจขอรับ !” จีหยิงตอบรับอย่างมั่นใจ

ในท้ายที่สุดถังหยินก็ได้กล่าวออกมาว่า “ให้แม่ทัพและทหารที่เหลืออีก 4 หมื่นมุ่งเน้นไปที่การโจมตีเมืองฝั่งตะวันตก” หลังจากพูดแบบนั้นเขาก็มองไปรอบ ๆ ฝูงชนแล้วยิ้ม “หวังว่า ข้าจะไม่ใช่คนสุดท้ายที่เข้าไปในเมืองนะ ?!”

หลังจากได้ยินคำพูดนั้น มูฉิง จีหยิง หยวนยู่ จ้านหู และแม่ทัพคนอื่น ๆ ก็พากันรู้สึกราวกับว่าหัวใจของพวกเขาเต็มไปด้วยพลังงาน เพราะพวกเขาต่างก็ต้องการที่จะเป็นคนแรกที่จะตีฝ่ากำแพงเมืองเข้าไป !!

เมื่อเห็นว่าถังหยินไม่ได้เอ่ยชื่อตนออกมา เจี๋ยนฟานที่รู้สึกแปลกจึงได้ยกมือขึ้นและถามว่า “แล้วข้าเล่า ? หรือว่านายท่านยังไม่เชื่อใจข้ากัน ?”

ถังหยินถอนหายใจเบา ๆ ปากกล่าวว่า “พวกเรากำลังจะไปรบกับกองทัพเปิง คนเหล่านั้นคงล้วนแล้วแต่เป็นคนคุ้นหน้าคุ้นตาของเจ้าทั้งนั้น ดังนั้นแล้วเจ้าจึงควรที่จะอยู่ที่นี่มากกว่า” เจี๋ยนฟานมองไปที่ถังหยินด้วยความขอบคุณ เขาไม่ถามอันใดอีก เพียงก้าวเดินกลับเข้าไปในแถวแล้วทำตัวนิ่งเงียบอย่างที่เคยเป็น

จากนั้นก็เป็นอู่เหมยและอู่อิงที่พูดออกมา “แล้วพวกข้าเล่า ? พวกข้าควรโจมตีฝั่งไหนดี ?” คำพูดนั้นทำให้ถังหยินตกใจในตอนแรก แต่แล้วเขาก็ยิ้มอย่างสบาย ๆ ขณะพูดว่า “พวกเจ้าอยู่ที่นี่แหละ !”

ชายหนุ่มไม่เคยเชื่อใจในความสามารถคนทั้งสอง ดังนั้นแม้ว่าเขาจะพาพวกนางไปด้วยเสมอ หากแต่ถังหยินก็ไม่เคยคิดอนุญาตให้พวกนางนำทัพหรือทำสงคราม

ซึ่งถ้าเป็นก่อนหน้า อู่เหมยและอู่อิงคงจะยอมไปแล้ว แต่ด้วยนี่เป็นการต่อสู้ครั้งสุดท้าย ดังนั้นแล้วพวกนางจึงไม่คิดนิ่งเฉยอีก เพราะไม่งั้นคงไม่มีโอกาสอีกแล้วที่จะได้ทำเช่นนี้ !!!

“ ไม่ ! คราวนี้ ! …ต้องสู้ !” ท่าทีของพวกนางแน่วแน่ ดวงตาของหญิงสาวทั้งสองแข็งกร้าวราวกับว่าไม่ยอมให้ใครปฏิเสธ

เมื่อเห็นท่าทีแบบนั้น ถังหยินก็ได้แต่กลอกตาและถอนหายใจ ก่อนที่เขาจะพูด “ทหารส่วนใหญ่จะออกไปรบ ทำให้ทั้งค่ายว่างเปล่า และถ้าเราถูกศัตรูโจมตีค่าย งั้นแล้วความพยายามทั้งหมดของเราก็จะถือว่าสูญเปล่า ! ดังนั้นเราจึงต้องมีแม่ทัพที่น่าเชื่อถือและโดดเด่นคอยคุ้มกันค่าย ด้วยตราบใดที่ยังเป็นเช่นนี้ ทหารและข้าก็จะสามารถผ่อนคลายและต่อสู้อยู่ข้างหน้าได้ อย่าบอกนะว่าในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ พวกเจ้าไม่คิดช่วยข้าเลย ?!”