ข้าสามารถช่วยคนตายให้ฟื้น ข้าสามารถต่อกระดูกที่หักได้ แต่ว่ามันไร้ประโยชน์ ไร้ประโยชน์ เขาตายแล้ว เขาตายแล้ว…
ท่านพ่อ ท่านพ่อ เป็นเช่นนี้ได้เยี่ยงไร เป็นเช่นนี้ได้เยี่ยงไร
“อาฝั่ง ไปไม่ได้! ประตูถูกปิดแล้ว! ไปไม่ได้! ”
ไปได้สิ ไปได้ รีบไป ไปสิ
เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง ดวงตาลุกเป็นไฟ ท้องฟ้าครึ่งหนึ่งกลายเป็นสีแดง เสียงร้องไห้ เสียงร้องตะโกนดังขึ้น
รีบไปเร็ว! รีบไปเร็ว!
รีบดับไฟเร็ว จวนหลังใหญ่ของตระกูลเฉิงสร้างขึ้นอย่างวิจิตรงดงามทั้งยังมีกับดักมากมาย สามารถโจมตีและตั้งรับ นับประสาอะไรกับแค่ไฟ คนตระกูลเฉิงจะกลัวไฟได้อย่างไร คนตระกูลเฉิงจะกลัวไฟได้อย่างไร!
ท่านแม่ ท่านป้า ท่านอาสะใภ้และน้องสาวทั้งหลาย ถึงแม้ในจวนจะเหลือเพียงผู้หญิงก็สามารถเปิดกับดักดับไฟได้!
ภัยธรรมชาตินั้นไร้ความปราณี แต่ภัยพิบัติที่เกิดจากน้ำมือมนุษย์นั้นเลวร้ายที่สุด
ยันต์กันภูตผี มีดดาบ ลูกธนูและคันธนูสีแดงสดที่แฝงความดุร้ายส่องแสงอันเยือกเย็นผ่านแสงเปลวไฟนั้น
ทั้งนายและบ่าว ทั้งคนชราและเด็กน้อย แมว สุนัข แมลง นก…
ไม่เหลือเลย…
ไปเร็ว ไป…
ข้ารู้จักกับดักเป็นอย่างดี ข้าสามารถปลูกเรือน วาดแบบได้ แต่มันไร้ประโยชน์ ไร้ประโยชน์ พวกนางตายกันหมดแล้ว ตายกันหมดแล้ว….
เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร! เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร!
หิมะกองบนถนนนอกเมืองไม่มีใครทำความสะอาด หิมะครึ่งหนึ่งละลายไปพร้อมกับผู้คนที่เดินผ่านไปมา อีกครึ่งหนึ่งถูกเหยียบอัดจนแข็งตัว
เฉิงผิงทรุดลงกับพื้นและร้องตะโกน
ผู้ติดตามเตะเขา
“ลุกขึ้นเร็ว”
เฉิงผิงนอนราบกับพื้น ไม่เคลื่อนไหว
“ข้า ข้าเดินไม่ไหวแล้วจริงๆ…” เขาพูดเสียงเบา “เท้าจะหลุดแล้ว…”
ผู้ติดตามเตะเขาหลายที อย่างไร เฉิงผิงก็ไม่ยอมลุกขึ้น
จะว่าไปแล้ว เดินมาก็นานแล้วเหมือนกัน เห็นได้จากแม่นมทั้งสองที่เดินตามหลังมาติดๆ ในตอนแรก แต่บัดนี้กลับเดินรั้งท้าย
เดินออกมานานแค่ไหนแล้วหรือ
ผู้ติดตามตกตะลึงไม่น้อย อดไม่ได้ที่จะแหงนหน้ามองท้องฟ้า จากพระอาทิตย์เที่ยงวัน บัดนี้พระอาทิตย์ตกดินแล้ว
โอ้สวรรค์…
“นายหญิง นายหญิง ได้โปรด ได้โปรด” แม่นางสามตะโกนขึ้นอย่างอดไม่ได้ “ได้โปรดร้องไห้ระบายความรู้สึกที่เป็นทุกข์ออกมาเถิด พวกเราไม่เดินต่อแล้ว…ขาจะหักแล้ว…”
ไม่เหลือคราบน้ำตาบนใบหน้าของเฉิงเจียวเหนียง มีเพียงท่าทางเหม่อลอย และขาที่ก้าวเดินต่อ
“ข้าไม่เป็นอะไร ข้าไม่เป็นอะไร”
นางก็ยังตอบคำถามยามมีคนถามขึ้น
“ข้าแค่อยากเดิน แค่อยากเดิน”
นางตอบเช่นนี้ทุกครั้ง
แม่นางซี่และแม่นางสามเดินต่อไปไม่ไหว พวกเขาหยุดเดินอย่างโซเซ มองดูหญิงสาวตรงหน้าก้าวเดินบนถนน กระโปรงของนางเต็มไปด้วยน้ำโคลนและหิมะ ถ่วงน้ำหนักอยู่ด้านหลังราวกับจะกดทับร่างอันผอมบางของนางให้โซเซไปมา
ใกล้มืดแล้ว ใกล้มืดแล้ว ถึงเวลาเซ่นไหว้แล้ว ดูสิ ท่านพ่อข้ายืนอยู่บนแท่นเซ่นไหว้นั่นอีกครั้ง
เฉิงเจียวเหนียงอดไม่ได้ที่จะยิ้มขึ้นแล้วเร่งฝีเท้าของนาง
ท่านพ่อไม่ได้ขึ้นไปบนแท่นเซ่นไหว้มานานมากแล้ว ไม่เพียงแต่ท่านพ่อ แต่ยังรวมถึงท่านลุง ท่านอา พี่ชายและน้องชายทั้งหลายด้วย ไฟที่ลุกโชนสูงท่ากับมนุษย์คนหนึ่งพัดผ่านร่างของพวกเขาอย่างไร้ความปราณี
รีบไป รีบไปเร็ว!
โซ่เหล็กตรึงมือและผูกเท้าของพวกเขาไว้ พาดผ่านไหล่ของพวกเขาในฐานะเครื่องบูชายัญ หม้อทองแดงที่เดือดอยู่ด้านข้างกำลังรอที่จะเพลิดเพลินกับพิธีกรรมในครั้งนี้
รีบไปเร็ว! เฉิงเจียวเหนียงโน้มตัวกุมหัวใจ!
ปวดมาก ปวดมาก!
ปวดหัวใจมาก!
รีบไปสิ! รีบไปสิ!
นางทำนายชะตาได้ ทำนายอนาคตได้ แต่มันไร้ประโยชน์ ไร้ประโยชน์ พากเขาตายกันหมดแล้ว พวกเขาตายกันหมดแล้ว…
“เป็นเช่นนี้ต่อไปคงไม่สู้ดีนัก ขาจะใช้การไม่ได้แล้ว…” ผู้ติดตามหลายคนขมวดคิ้วเอ่ย
“ตีนางให้สลบเถอะ…” เฉิงผิงพูดเสียงเบาด้วยกำลังที่เหลือเพียงน้อยนิดบนพื้น
ตีให้สลบหรือ
ผู้ติดตามขมวดคิ้วแล้วมองไปยังหญิงสาวที่อยู่ด้านหน้า
หญิงสาวที่เดินอยู่ล้มลงในชั่วพริบตา
“นายหญิง! ” ทุกคนกรีดร้องแล้วรีบวิ่งไป
เฉิงเจียวเหนียงไม่ได้เป็นลม แต่กับนอนราบกับพื้นดินที่หนาวเย็น มองดูสรวงสรรค์และพื้นดินจากด้านข้าง แสงยามพระอาทิตย์ตกดินส่องให้เห็นเส้นขอบสีทอง เสียงร้องข้างหูของนางดูเหมือนจะเบาลง ไกลออกไปเรื่อยๆ
ไปเร็ว ไปสิ
แสงยามค่ำคืนที่ไร้ขอบเขต แผดเผาท้องฟ้าไปครึ่งหนึ่ง นางออกไปไม่ได้
คันธนูมากมายล้อมรอบ เพียงแค่นางเคลื่อนไหว ลูกธนูก็จะโหมพุ่งเข้าใส่
ช่างเป็นพระราชวังที่งดงาม ช่างเป็นคันธนูที่งดงาม
เฉิงเจียวเหนียงเอามือแตะพื้น ลูกธนูของนางล่ะ คันธนูของนางล่ะ
ชายผู้หนึ่งเดินเข้ามาใกล้ทีละก้าวในยามค่ำคืนที่มืดมิด
ไป ไป เดินเข้ามาให้ข้าดูชัดๆ ว่าเหตุใด เหตุใดถึงเป็นเจ้าได้
ลูกธนูดั่งห่าฝนโปรยปรายพุ่งเข้าใส่นางราวกับตาข่ายขนาดใหญ่
เฉิงเจียวเหนียงหลับตา
นางยิงธนูได้ นางร่ายรำเพลงดาบได้ แต่มันไร้ประโยชน์ ไร้ประโยชน์ นางตายแล้ว ตายด้วยน้ำมือของคนที่นางไม่คิดไม่ฝัน…
ลืมไปแล้ว ก็ดีเหมือนกัน
จะจดจำไปทำไม…ไม่ใช่ความทรงจำที่สวยงามอะไร
อาฝั่ง ลืมมันไปเสียเถิด
หยางซ่าน!
จะลืมได้อย่างไร! จะลืมได้อย่างไร! แม้จะต้องทนทุกข์ทรมานทุกวัน แม้จะต้องร้องไห้ทุกคืน ก็ลืมไม่ลง!
คนของตระกูลข้า! ความอาฆาตแค้นของตระกูลเฉิง!
เฉิงเจียวเหนียงจับพื้นแล้วร้องตะโกนด้วยเสียงแหบ ร้องจนหัวใจแทบแตกสลายก็ยังไม่ยอมหยุด
เสียงนั้นทำให้ผู้ติดตามที่วิ่งตามมาตกใจขึ้นอีกครั้ง
“ตะโกนออกมา ตะโกนออกมา ปล่อยให้นางตะโกน”
เฉิงผิงซึ่งนอนราบอยู่กับพื้นรีบตะโกนขึ้น
เสียงนี้ดังเข้าไปในหูของเฉิงเจียวเหนียง นางเงยหน้าขึ้นแล้วมองมา พอเห็นชายที่นอนราบกับพื้นผ่านขาที่ยืนกันอย่างวุ่นวาย
อันที่จริง นางรู้อยู่แล้วว่านางไม่ใช่เฉิงฝั่งของที่นี่ และที่นี่ไม่ใช่บ้านของนาง
เพียงแต่ยังคงมีความหวังริบหรี่รออยู่
เคยกล่าวไว้แล้วว่ามันเป็นความจริงที่เกิดขึ้นแล้ว เพียงแต่ไม่ยอมรับเท่านั้นเอง
แต่ทว่า นางตายแล้ว ตายกันไปหมดแล้ว ตายแล้วก็คือตายแล้ว ไม่ว่าจะตายอย่างมีความสุขหรือทุกข์ระทม ความตายก็คือความตาย ไม่มีอะไรหลงเหลือไว้แล้ว ทุกอย่างผ่านไปแล้ว เหตุใดถึงมาที่นี่ได้…
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับข้า พวกเจ้ามองไม่ออกหรือ นางเป็นของนางเอง! พวกเจ้าจะโทษข้าไม่ได้! ” เฉิงผิงรีบอธิบาย
นี่มันเรื่องอะไรกัน ตกลงเกิดอะไรขึ้นกันแน่
นางออกแรงดันตัวเองขึ้น ลุกขึ้นไม่ได้ แต่ก็ทั้งหมอบทั้งคลาน คลานมาที่ฝั่งนี้ นางมองชายหนุ่มด้วยสายตาที่พร่ามัว
บอกข้าที เจ้าบอกข้าได้แน่ ใช่หรือไม่ ท่านบรรพบุรุษ…
บรรพบุรุษของข้า!
บอกชนรุ่นหลัง บอกชนรุ่นหลังผู้นี้ที!
เหตุใดข้าถึงกลับมาที่นี่!
บรรพบุรุษของข้า!
“ตระกูลเฉิงแห่งเจียงโจวมาจากฉู่โจว เจี้ยนเหมินพังทลาย แม่น้ำเหิงเฮงตัดขาด บรรพบุรุษนักทำนายดวงชะตาเป็นอาชีพต้อยต่ำ เชี่ยวชาญในด้านมืดและสิ่งชั่วร้าย อาศัยกระดองเต่าแสวงหาผลประโยชน์ คนอ่านเป็นมีจำนวนมาก ได้รับเงินหนึ่งร้อยชุบชีวิต สุดท้ายหนทางแสวงทรัพย์ดับสลาย (เหล่าจึ)”
เสียงชายหนุ่มหัวเราะดังอยู่ข้างหู ลูบหน้านางด้วยมือทั้งสอง
“อาฝั่ง เจ้าจงจำไว้ว่าบรรพบุรุษของตระกูลเฉิงเราเคยแข็งแกร่งมากเพียงใด”
“ท่านพ่อ ท่านบรรพบุรุษมีชื่อว่าอะไร”
“บรรพบุรุษชื่อผิง นามรองว่าจุน”
เฉิงผิง บรรพบุรุษของข้า
เฉิงเจียวเหนียงมองไปที่ชายผู้นั้น นางคลานไป คลานไป ราวกับว่านางคลานไปไม่ถึงเสียที
ทันใดนั้นก็มีคนทุบเข้าที่ท้ายทอยของนาง ดวงตาของเฉิงเจียวเหนียงมืดสนิทและสลบไปในที่สุด