เฉิงเจวี้ยนไม่รอให้เธอตอบ พึมพำแค่ว่า “ต้องพิจารณาเสร็จแล้วแน่ๆ ”
มุมปากยกขึ้น น้ำเสียงทุ้มต่ำยังคงเฉื่อยชาตามแบบฉบับของเขา แฝงไปด้วยเสียงแหบพร่า
ภายในรถอากาศแห้งและเบาบาง
ประสาทสัมผัสฉินหร่านดูเหมือนจะดีขึ้นกว่าเดิมมาก สัมผัสได้ถึงมือที่โอบรอบเอวของเธออย่างชัดเจนและรับรู้ได้ถึงอุณหภูมิที่ร้อนระอุ
เขาเข้าใกล้เธอในระยะประชิด ดวงตาคู่นั้นทั้งมืดทั้งสว่าง ทั้งอ่อนโยนทั้งจริงจังราวกับสะท้อนแสงหิมะ
ฉินหร่านขยับมือซ้าย เขาไม่ได้กดมือซ้ายของเธอแรงเกินไป แค่พลิกหน่อยเดียวก็หลุดแล้ว เธอไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่พลิกฝ่ามือแล้วจับมือเขาไว้เหมือนเป็นคำตอบ
เฉิงเจวี้ยนหลุบตาลง ดวงตาสดใสคู่นั้นมองฉินหร่าน เขาไม่คิดว่าเธอจะตอบอะไรได้ในเวลานี้
จริงๆ เลย…
ให้ตายเถอะ…
เฉิงเจวี้ยนลดศีรษะลง…
……
……
**
ถิงหลาน
นายท่านเฉิงกับเฉิงเวินหรูเลือกเวลาที่ฉินหร่านไม่มีเรียนมาเยี่ยมฉินหร่าน เนื่องจากฉินหร่านไปหาเพื่อน ทั้งสองจึงนั่งรอที่โซฟาโดยไม่รีบเร่ง
เฉิงเวินหรูพิงโซฟาก้มหน้าเล่นโทรศัพท์
นายท่านเฉิงยังยืนสอบถามสถานการณ์ฉินหร่านในช่วงนี้กับเฉิงมู่อยู่อีกด้านหนึ่ง
เฉิงมู่กำลังชงชาที่ห้องครัวพร้อมกับตอบละเอียดยิบ “คุณหนูฉินเรียนหนังสือตลอดเลยครับ โดยปกติจะเข้านอนหลังเที่ยงคืน” เขาหยุดไปสักพักก็พูดว่า “ทานข้าวก็ยังอ่านหนังสือ”
นายท่านเฉิงขมวดคิ้วเป็นกังวลเมื่อได้ยินดังนั้น ถอนหายใจ “เธอเรียนหนักขนาดนี้เลยเหรอ?”
พ่อบ้านเฉิงเห็นนายท่านเฉิงก็พลันนึกถึงฉินหร่านตอนที่อยู่อวิ๋นเฉิง…
เขาชะงักเล็กน้อยแต่ก็ยังไม่ได้บอกความจริงกับนายท่านเฉิง ตอนนั้นฉินหร่านไม่เอาการเอางานเลยนอกจากเล่นเกม พอมีเวลาว่างก็ไปช่วยพวกผู้บัญชาการเฉียนสืบคดี…
เมื่อได้ยินเฉิงมู่บอกว่าฉินหร่านขยันมาก พ่อบ้านเฉิงก็รู้สึกหลอนอยู่หน่อยๆ
นี่คุณหนูฉินจะทำอะไรอีก?
ขณะที่เขากำลังคิด ก็มีเสียงดังมาจากโถงทางเดิน ทันทีที่พ่อบ้านเฉิงเงยหน้าขึ้นก็พบว่าเป็นฉินหร่านกับเฉิงเจวี้ยน
เฉิงเจวี้ยนเปลี่ยนรองเท้าอย่างเหนื่อยหน่าย ทักทายนายท่านเฉิงแบบขอไปที
นายท่านเฉิงไม่ได้สนใจเขา แต่เอื้อมมือจัดแจงเสื้อผ้าแล้วมองไปที่ฉินหร่าน ใบหน้าเคร่งขรึมดูอ่อนละมุนขึ้น “ช่วงนี้เรียนเหนื่อยไหม? อาทิตย์หน้าอยากออกไปเที่ยวหรือเปล่า เวินหรูชอบสถานที่เก่าๆ มณฑลใกล้ๆ มีสวนป่าที่เพิ่งบุกเบิกด้วยนะ”
ฉินหร่านถอดผ้าพันคอที่คอออกแล้ววางบนโซฟาอย่างส่งๆ เธอนับเวลาแล้วก็มองไปทางนายท่านเฉิงเหมือนอยากจะขอโทษ “ช่วงนี้อาจจะไปไม่ได้ รอจัดการทุกอย่างให้เสร็จก่อนดีกว่า”
การประเมินห้องปฏิบัติการกำลังจะมาถึง อาจารย์ใหญ่สวีกับซ่งลี่ว์ถิงให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก เธอจึงประมาทไม่ได้
ยังต้องเตรียมอะไรอีกหลายอย่าง
“อืม” นายท่านเฉิงพยักหน้าด้วยความเสียดาย วางแผนว่าพอผ่านช่วงเวลานี้ไปค่อยกลับมาหาฉินหร่านอีกครั้ง
เฉิงเวินหรูก้มตัวหยิบแก้วน้ำ เธอมองฉินหร่านแล้วยิ้ม “ไม่ต้องไปสนใจพ่อฉันหรอก คณบดีพวกเธอได้เตรียมรายงานการประเมินห้องปฏิบัติการมหาวิทยาลัยเมืองหลวงของเดือนมีนาปีหน้าให้พวกเธอหรือยัง?”
“คุณหนูใหญ่ ทำไมคุณถึงพูดเรื่องนี้กับคุณหนูฉินตอนนี้ล่ะครับ” พ่อบ้านเฉิงหัวเราะ เขามองไปทางเฉิงเวินหรู “คุณหนูฉินเพิ่งจะเข้าปีหนึ่งเอง คุณอย่ากดดันเธอมากเลย”
พ่อบ้านเฉิงจำได้ดีว่าตอนนั้นเฉิงเวินหรูแทบบ้าตายกับการประเมินทั่วไป
โหวกเหวกโวยวาย
ปลายนิ้วเฉิงเจวี้ยนแกะกระดุมเสื้อกันลมพลางมองฉินหร่าน “เธอขึ้นไปอ่านหนังสือเถอะ”
ฉินหร่านทักทายทุกคนอย่างสุภาพพร้อมกับถือโทรศัพท์ขึ้นไปชั้นบนเพื่ออ่านหนังสือและดูวิดีโอ
จนกระทั่งเธอหายลับไป นายท่านเฉิงถึงได้นั่งหลังตรงขึ้นและรับชาจากเฉิงมู่ที่รินมาจากในครัว พอได้ยินที่เฉิงเวินหรูพูด ดวงตาขุ่นมัวก็หรี่ลง
เขาต่างจากเฉิงเวินหรูและคนอื่นๆ เขารู้ดีว่าโจวซานลงทุนแย่งตัวฉินหร่านกับมหาวิทยาลัยAเพื่อให้ได้มาซึ่งทรัพยากร
ด้วยสติปัญญาของฉินหร่าน การเข้าห้องปฏิบัติการก็มีปัญหาอยู่แค่ว่าช้าหรือเร็วเท่านั้น
นายท่านเฉิงยกถ้วยชาพลางเหลือบมองพ่อบ้านเฉิง “สถาบันวิจัยเพิ่งเปิดตัวนักศึกษาปีสองของมหาวิทยาลัยเมืองหลวงไม่ใช่เหรอ พวกเราต้องเตรียมตัวกันตั้งแต่เนิ่นๆ”
พ่อบ้านเฉิง “…”
ไม่กี่วันก่อนใครเป็นคนบอกว่าอธิการบดีโจวจะให้คุณหนูฉินเข้าสถาบันวิจัยอีกสองปีข้างหน้านะ? ตอนนี้พลิกลิ้นไปซะแล้ว
นายท่านสายตาสั้นไปหน่อย
นายท่านเฉิงพูดเสร็จก็ดื่มชาสบายๆ พอมองไปทางเฉิงเจวี้ยน ใบหน้าก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม “ทำไมไม่ยอมกลับบ้าน?”
“ก็ไม่มีอะไร” เฉิงเจวี้ยนถอดเสื้อคลุมออก เขานั่งตรงข้ามนายท่านเฉิง พิงโซฟา แววตาเป็นสีจางๆ ถ้าเป็นวันธรรมดาทั่วไปเขาคงไม่มานั่งอธิบายแบบนี้แน่ๆ วันนี้เหมือนจะอารมณ์ดีถึงได้อธิบายให้นายท่านเฉิงฟังอย่างละเอียด “ตอนนี้คนตระกูลเฉิงคงตามหาผมกันเยอะ ผมไม่สะดวกที่จะกลับไป”
ส่วนเรื่องที่ว่าทำไมถึงไม่สะดวกนั้น เฉิงเจวี้ยนไม่พูดต่อ
แต่นายท่านเฉิงกลับรู้ดี
เนื่องจากเรื่องหัวหน้าหน่วยสองในเมือง C เฉิงเจวี้ยนจึงกลายเป็นที่รู้จักในตระกูลเฉิง ทันทีที่เขากลับไป หลายคนในคนตระกูลเฉิงจะต้องมาหาเขาและมีคนสนับสนุนเขามากขึ้น ดังนั้นเขาจึงบอกว่าไม่สะดวก
นายท่านเฉิงวางถ้วยชาลง เม้มริมฝีปากพลางมองเฉิงเจวี้ยน นัยน์ตาแฝงไปด้วยความไม่พอใจ “แกน่าจะรู้ดีกว่าฉันนะ? อีกไม่กี่ปีข้างหน้า หร่านหร่านจะต้องเข้าสถาบันวิจัย สถาบันวิจัยไม่ได้เป็นแค่สถาบันวิจัยมาตั้งนานแล้ว ต้องพัวพันอยู่กับกองกำลังหลายฝ่าย ผลงานวิจัยที่ถูกแย่งชิงและถูกไล่ออกจากสถาบันวิจัยไม่ใช่แค่หนึ่งหรือสองเท่านั้น นั่นเป็นที่ของตระกูลสวี ไม่มีใครฟังคุณชายสามตระกูลเฉิงอย่างแกหรอก พอถึงตอนนั้นแกจะปกป้องได้เหรอ?”
เฉิงเจวี้ยนเอนศีรษะไปข้างหลัง พอได้ยินดังนั้นก็หัวเราะเบาๆ และพูดอย่างง่วงเหงาหาวนอน “อย่าไปคิดมากเลย”
นายท่านเฉิง “…”
อยากหวดปากมันซะจริงๆ
พอใกล้ถึงเวลาอาหารเย็น นายท่านเฉิงกับเฉิงเวินหรูก็อยู่ทานอาหารเย็นที่นี่จนเสร็จ นายท่านเฉิงนัดฉินหร่านออกไปเที่ยวครั้งหน้าไว้ดิบดี จากนั้นก็กลับไปพร้อมกับเฉิงเวินหรู
ด้านหลัง เฉิงเจวี้ยนกำลังมองแผ่นหลังนายท่านเฉิงกับเฉิงเวินหรู
หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็หยิบโทรศัพท์ออกมาเล่นอย่างเอื่อยเฉื่อย
หน้าจอโทรศัพท์สว่างขึ้น
ถ้าตอนนี้ฉินหร่านอยู่ข้างๆ เขา เธอจะต้องจับได้ว่าหน้าจอโทรศัพท์ของเขากำลังหยุดอยู่ที่หน้าเว็บไซต์ทางการของ129
**
เมือง C
วันนี้เวลาห้าโมงครึ่งกองถ่ายรายการจะเลิกกองก่อนเวลา ตอนนี้กองถ่ายเคยชินจนเป็นเรื่องปกติไปแล้ว จิ่งเหวินเข้ามากอดฟัดฉินหลิง “ที่แท้พวกเธอสองพี่น้องก็เป็นเด็กหัวแหลมกันทั้งคู่!”
พอปล่อยตัว ฉินหลิงไปก็เดินขึ้นไปด้านบนอย่างอารมณ์ดี
จิ่งเหวินมาส์กหน้าหลังจากกลับไปถึงห้อง
โทรศัพท์ที่วางไว้บนโต๊ะดังขึ้น เธอจึงกดรับสาย เป็นนักวางแผนในวงการคนหนึ่งที่เธอรู้จัก
“คุณโทรหาฉันมีธุระอะไรคะ?” จิ่งเหวินนั่งเก้าอี้ข้างคอมพิวเตอร์ เปิดเสียงโทรศัพท์
นักวางแผนทักทายเธอเสร็จก็เข้าเรื่องสำคัญ “ควีนจิ่ง คุณรู้จักเถียนเซียวเซียวไหม? ผมมีเรื่องอยากให้คุณช่วยหน่อยน่ะ”
นักวางแผนยังทำธีมเพลงไม่เสร็จ ช่วงนี้เถียนเซียวเซียวกำลังเป็นกระแส มีคนในวงการไปเจอเพลงแบล็คกราวด์ในหน้าเพจของเธอเข้า นักวางแผนถูกใจเพลงนี้มากและอยากซื้อลิขสิทธิ์ทำเป็นธีมเพลง ดัดแปลงเพียงเล็กน้อยก็สามารถเอามาทำเป็นเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่องใหม่ได้แล้ว
นักวางแผนเห็นว่าเถียนเซียวเซียวเป็นหน้าใหม่และไม่ใช่นักร้องอะไร การซื้อลิขสิทธิ์เพลงจึงไม่จำเป็นต้องเสียค่าใช้จ่ายอะไรมาก การที่สามารถซื้อเพลงประกอบภาพยนตร์ที่เข้ากับภาพยนตร์ได้โดยไม่ต้องจ่ายเงินเป็นจำนวนมากถือว่าเป็นเรื่องที่ดีที่สุดสำหรับทีมงาน
ทว่ากลับไม่มีการตอบรับจากทางฝั่งของเถียนเซียวเซียวเลย
เขาเห็นจิ่งเหวินรู้จักกับเถียนเซียวเซียว จึงติดต่อจิ่งเหวินมาโดยตรง
นักวางแผนเคยร่วมงานกับจิ่งเหวินมาแล้วครั้งหนึ่ง เธอถือว่าเป็นคนที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงในวงการบันเทิง และจิ่งเหวินเองก็อยากสร้างคอนเนคชั่นให้เถียนเซียวเซียวด้วย หลังจากมาส์กหน้าเสร็จ เธอจึงไปหาเถียนเซียวเซียวเพื่อพูดคุยถึงเรื่องนี้
เถียนเซียวเซียวเคารพนับถือจิ่งเหวิน ฉินซิวเฉินและรุ่นพี่คนอื่นๆ เสมอมา หากจิ่งเหวินมาหาเธอเร็วกว่านี้ เธออาจจะขายลิขสิทธิ์ให้ไปแล้ว แต่หลังจากเหยียนซีเตือน…
“ควีนจิ่ง เพลงนี้ฉันไม่ขายลิขสิทธิ์ค่ะ” เถียนเซียวเซียวมองจิ่งเหวินอย่างขอโทษขอโพย
ด้านหลัง พี่เวินคอยส่งสัญญาณผ่านทางสายตาให้เถียนเซียวเซียวตอบตกลงจนเกือบจะชักไปแล้ว
จิ่งเหวินไม่คาดคิดว่าเถียนเซียวเซียวจะไม่ขาย เธออึ้งไปพักหนึ่ง แต่ก็เคารพในการตัดสินใจของเถียนเซียวเซียว เธอพูดกับเถียนเซียวเซียวไม่กี่ประโยคก็เดินออกไป