ตอนที่ 665

Elixir Supplier

665 ออกเดท

 

หวังเย้าเข้าไปเช็คอินในโรงแรมพร้อมกับกระเป๋าเดินทางของเขา ส่วนชูเหลียนและซูเสี่ยวซวีก็พากันกลับไปที่บ้าน

 

“ทำไมหมอหวังถึงไม่อยากพักอยู่ที่กระท่อมล่ะคะ?” ซูเสี่ยวซวีถาม

 

“ที่หมอหวังพักอยู่ที่กระท่อมก่อนหน้านี้ ก็เพราะว่าเขามาเพื่อรักษาคุณหนู ดังนั้น มันก็เลยเป็นเรื่องเหมาะสมสำหรับเขาที่จะพักที่นั่น” ชูเหลียนพูด “แต่ครั้งนี้ เขามาด้วยจุดประสงค์ที่ต่างออกไป บางทีเขาอาจจะคิดว่า การพักอยู่ที่กระท่อมคงจะไม่ใช่เรื่องเหมาะสมสำหรับเขาอีกต่อไปแล้วก็เป็นได้ค่ะ”

 

ซูเสี่ยวซวีเข้าใจคำอธิบายของชูเหลียน “เย็นนี้ หนูกับหมอหวังจะไปดินเนอร์ด้วยกันนะคะ”

 

“รับทราบค่ะ” ชูเหลียนพูด

 

“น้าเหลียนคะ น้าเหลียนช่วยจองโต๊ะในร้านอาหารให้หนูหน่อยได้ไหมคะ?” ซูเสี่ยวซวีถาม

 

“ได้สิคะ ไม่มีปัญหาเลย” ชูเหลียนพูด

 

ปักกิ่งเป็นเมืองใหญ่และเต็มไปด้วยร้านอาหารมากมายที่เหมาะสำหรับวาระต่างๆ บางที่ก็เหมาะสำหรับคุยเรื่องธุรกิจ บางที่ก็เหมาะสำหรับทานอาหารเพียงลำพัง ส่วนบางที่ก็เหมาะสำหรับการพบปะของคู่รักและเพื่อนฝูง ในปักกิ่งมีร้านอาหารมากมายให้เลือกไม่เคยขาด

 

หลังจากซูเสี่ยวซวีกลับมาถึงที่บ้าน ซงรุ่ยปิงก็ไม่ได้พูดอะไรมาก แต่เธอก็ยังคงรู้สึกกังวลเล็กน้อย เมื่อเห็นว่า ลูกสาวของเธอดูมีความสุขมากจนออกนอกหน้า

 

ยัยเด็กบ๊อง! เธอคิด

 

“อืมมม จะใส่ชุดอะไรดีน้า?” ซูเสี่ยวซวีมีเสื้อผ้าให้เลือกอยู่มากมาย

 

ซงรุ่ยปิงเคาะประตูและเดินเข้าไปด้านใน “ทำอะไรอยู่เหรอจ๊ะ?”

 

“คุณแม่คะ คุณแม่คิดว่าคืนนี้หนูจะใส่ชุดอะไรดีคะ?” ซูเสี่ยวซวีถาม

 

“ลูกแม่ใส่ชุดไหนก็สวยจ๊ะ” ซงรุ่ยปิงพูด

 

“ค่ะ” ซูเสี่ยวซวีก็ยังคงไม่รู้ว่าจะใส่ชุดอะไรอยู่ดี

 

“เลือกชุดที่ดูเรียบง่ายและสวยหน่อยก็ได้แล้วล่ะจ๊ะ” ซงรุ่ยปิงพูด

 

แล้วในที่สุด เธอก็ช่วยเลือกชุดให้ลูกสาว ซึ่งเป็นชุดที่ช่วยขับเน้นเรียวขางามของซูเสี่ยวซวีได้เป็นอย่างดี ผิวพรรณของเธอเรียบเนียนราวกับหยกขาว เธอดูงดงามในชุดสวยตัวนี้

 

เธอยังแต่งหน้าด้วยเล็กน้อย นี่เป็นครั้งแรกในการแต่งหน้าของเธอ หลังจากที่หายจากอาการป่วย

 

“ดูเป็นยังไงบ้างคะ?” ซูเสี่ยวซวีหมุนตัวเป็นวงกลมต่อหน้าแม่ของเธอ

 

“ลูกสวยมากเลยจ๊ะ! ลูกสาวของแม่สวยที่สุดในโลกเลย” ซงรุ่ยปิงพูด

 

หลังจากสวมชุดที่เลือกมาเป็นอย่างดีแล้ว ซูเสี่ยวซวีก็ยิ่งดูสวยขึ้นกว่าเดิมอีกหลายเท่า เธอดูราวกับดอกไม้ที่กำลังเบ่งบาน

 

ซงรุ่ยปิงถอนหายใจ

 

“มันใกล้จะได้เวลาแล้ว หนูต้องไปแล้วล่ะค่ะ” ซูเสี่ยวซวีพูด

 

“เดินทางระวังๆนะจ๊ะ” ซงรุ่ยปิงพูด

 

“ค่ะ คุณแม่” ซูเสี่ยวซวีพูด

 

“ดูแลเธอให้ดีล่ะ ชูเหลียน” ซงรุ่ยปิงไม่ลืมที่จะย้ำเตือนกับชูเหลียน

 

“แน่นอนค่ะ คุณผู้หญิง” ชูเหลียนพูด

 

ในขณะเดียวกัน หวังเย้าก็กำลังยืนอยู่ตรงหน้าต่างของห้องพักและมองดูท้องถนนที่วุ่นวายด้านล่าง ดูเหมือนถนนจะไม่เคยว่างเลยสักวัน ไม่ว่าจะเป็นเวลาไหนหรือฤดูกาลไหนก็ตามที

 

“เป็นเมืองที่วุ่นวายจริงๆ!” เขาพึมพำออกมา

 

ไม่ว่าจะดูในทีวีหรือมาเห็นด้วยตาตัวเอง หวังเย้าก็ต้องยอมรับว่า ปักกิ่งคือหนึ่งในเมืองที่วุ่นวายที่สุดในโลก

 

ปี๊บ! ตื๊ด!

 

ในขณะที่เขากำลังเหม่อลอยอยู่ตรงหน้าต่าง มือถือของเขาก็ส่งเสียงดังขึ้น

 

เขากดรับสาย “ฮัลโหล!”

 

“หมอหวัง เราอยู่ที่ล็อบบี้แล้วค่ะ” ซูเสี่ยวซวีพูด

 

“ผมจะลงไปเดี๋ยวนี้” หวังเย้าพูด

 

เขากดวางสาย จัดการล็อคประตูและลงไปยังชั้นล่าง ที่ล็อบบี้ ซูเสี่ยวซวีได้กลายเป็นที่สนใจของใครหลายๆคน

 

“สวัสดีครับ คุณผู้หญิง ผมขอทราบชื่อของคุณได้ไหมครับ?” ชายคนหนึ่งถาม

 

“ขอโทษนะคะ คงบอกไม่ได้” ซูเสี่ยวซวีพูด

 

ภายในเวลาเพียงแค่ห้านาที มีผู้ชายถึงสี่คนที่เข้าหาซูเสี่ยวซวีและพยายามพูดคุยกับเธอ หนึ่งในนั้นเป็นชายวัยกลางคน ส่วนอีกคนเป็นชายหัวล้านอายุประมาณ 50 ซึ่งดูเหมือนจะร่ำรวยอย่างมากด้วย

 

แม้แต่พนักงานโรงแรมก็ยังอดชื่นชมซูเสี่ยวซวีไม่ได้ “เธอสวยมากเลย!”

 

“ใช่ เธอสวยกว่าพวกดาราหนังซะอีก” พนักงานหญิงพูด

 

“เธอว่า หล่อนจะทำศัลยกรรมมารึเปล่า?” เธอถามเพื่อนร่วมงาน

 

“หมอศัลย์ที่ไหนที่สามารถทำให้ฉันสวยได้ขนาดนี้ด้วยเหรอ?” เพื่อนร่วมงานของเธอถาม

 

“นั่นน่ะสิ! ฉันจะต้องหาหมอคนนั้นให้เจอให้ได้เลย” เธอพูด

 

มีคนที่ถึงขนาดแอบถ่ายรูปของซูเสี่ยวซวีเอาไว้ด้วย

 

ในขณะที่คนในล็อบบี้กำลังคุยเรื่องซูเสี่ยวซวีอยู่นั้น หวังเย้าก็ลงมาถึงชั้นล่างพอดี ดวงตาของเขาพล่ามัวไปชั่วขณะ เขาสามารถมองเห็นซูเสี่ยวซวีได้ในทันที เธอดูโดดเด่นจนเกินกว่าจะมองข้ามไปได้ เหมือนกับดวงจันทร์ที่อยู่บนฟ้า หรือดอกพีโอเนียที่อยู่กลางทุ่งหญ้า เธอสามารถดึงดูดความสนใจของผู้คนได้เป็นอย่างดี

 

“หมอหวัง!” ซูเสี่ยวซวีเดินเข้าไปหาหวังเย้า

 

“เชี่ยอะไรกันเนี่ย?” มีบางคนอดที่จะสบถออกมาไม่ได้

 

“จริงเหรอเนี่ย?” ชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่ในล็อบบี้พูดขึ้นมา

 

“ดูเขาสิ! อย่างกับพวกบ้านนอกเข้ากรุงเลย” ชายหนุ่มคนหนึ่งพูด

 

“เธอตาบอดรึไงกัน?” อีกคนพูดขึ้นมา

 

“ขอโทษที่ทำให้เธอต้องรอนะ” หวังเย้าพูด เขาได้ยินคำพูดทั้งหมดของคนที่อยู่ภายในล็อบบี้ แต่เขาก็เพียงแค่ยิ้มเท่านั้น

 

“ไม่เป็นไรเลยค่ะ เราเพิ่งมาถึงไม่นานเหมือนกัน” ซูเสี่ยวซวีพูด

 

“เพิ่งมาถึงงั้นเหรอ? เขาไม่รู้เลยหรือไง ว่าเขาปล่อยให้เธอต้องรออยู่นานแค่ไหนน่ะ?” ชายวัย 30 คนหนึ่งพูดขึ้นมา “ยกโทษให้ไม่ได้!”

 

“ถ้าฉันมีแฟนสวยขนาดนี้นะ ฉันจะตัวติดกับเธอตลอดเวลาเลย” ชายหนุ่มวัยประมาณ 20 พูด

 

“เลิกฝัน แล้วก็เช็ดน้ำลายที่ปากของตัวเองซะ” เพื่อนของเขาพูด

 

ในขณะที่ทุกคนต่างกำลังอิจฉาหรือไม่เข้าใจอยู่นั้น หวังเย้าและซูเสี่ยวซวีก็พากันเดินไปนั่งในรถหรูและขับออกไป

 

“ฉันไม่เข้าใจเลยจริงๆ” ชายหนุ่มที่อยู่ในล็อบบี้พูดขึ้นมา

 

หลายคนต่างก็ไม่เข้าใจเช่นเดียวกัน

 

“ชาติที่แล้วเขาจะต้องทำคุณความดีเอาไว้เยอะมากแน่ๆ ชาตินี้เขาถึงได้โชคดีขนาดนี้น่ะ” ชายอีกคนพูด

 

“หมอหวังคะ อยากกินอาหารชานตงไหมคะ?” ซูเสี่ยวซวีถาม

 

“อยากสิ แต่ผมกินอาหารอะไรก็ได้ทั้งนั้นแหละ” หวังเย้าพูด

 

เขาไม่ได้เป็นคนเลือกกินอยู่แล้ว ในเมื่อหวังเย้าเป็นคนจังหวัดฉี ซูเสี่ยวซวีจึงได้เลือกร้านอาหารชานตงที่ดีที่สุดมาร้านหนึ่ง ซึ่งเป็นร้านที่ชูเหลียนเป็นผู้แนะนำ

 

ร้านอาหารไม่ได้ดูหรูหรางดงามสะดุดตาคน มันตั้งอยู่ท่ามกลางตึกสูงมากมายจนอาจทำให้ใครหลายๆคนมองเลยผ่านไปได้ง่ายๆ แต่ลานจอดรถของร้านกลับแน่นเอี๊ยด แสดงให้เห็นถึงความนิยมของร้านนี้ได้เป็นอย่างดี

 

เมื่อเดินเข้าไปด้านใน หวังเย้าก็พบว่า ภายในร้านอาหารแทบจะไม่เหลือที่นั่งแล้ว

 

ชูเหลียนได้จัดการของห้องส่วนตัวเอาไว้ให้ล่วงหน้าแล้ว ภายในห้องมีการตกแต่งที่งดงามสบายตา

 

อาหารของทางร้านเป็นอาหารชานตงแบบดั้งเดิม ถึงหวังเย้าจะเป็นคนจากจังหวัดฉี แต่นี่ก็เป็นครั้งแรกที่เขาได้มากินอาหารชานตงแท้ๆในปักกิ่ง

 

ภายในห้องมีเพียงเขาและซูเสี่ยวซวีเท่านั้น

 

“หมอหวังคะ ฉันคิดว่า กำลังภายในของฉันพัฒนาขึ้นด้วยค่ะ” ซูเสี่ยวซวีพูด

 

“อืม ผมรู้สึกถึงมันได้” หวังเย้าพูด

 

“เวลาที่ไม่ได้ตรวจคนไข้ หมอมีงานอดิเรกอะไรเหรอคะ?” ซูเสี่ยวซวีถาม

 

“งานอดิเรก…อืม…” หวังเย้าเริ่มใช้ความคิด

 

เขาใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการตรวจคนไข้, ปลูกสมุนไพร, และทำยาสมุนไพร พวกมันเป็นทั้งหน้าที่และงานอดิเรกของเขา เมื่อเขาไม่มีอะไรให้ทำจริงๆ เขาก็จะหยิบตำราแพทย์ขึ้นมาอ่าน ดูเหมือนว่า ชีวิตของเขาจะจืดชืดมาก

 

“ปลูกต้นไม้ล่ะมั้ง” หวังเย้าพูด

 

“จริงเหรอคะ?” ซูเสี่ยวซวีถามด้วยความประหลาดใจ “ปลูกต้นไม้เหรอ?”

 

“อืม ผมจะบอกยังไงดีล่ะ?” อยู่ๆหวังเย้าก็รู้สึกอับอายขึ้นมา เขารู้สึกว่า คำพูดของเขากลายเป็นตลกฝืดสำหรับซูเสี่ยวซวีแทน

 

“ผมอยากจะท่องเที่ยวไปทั่ว เพื่อไปดูสถานที่ที่มีชื่อเสียงในประเทศจีน เพื่อให้ได้เรียนรู้เรื่องการแพทย์ของในแต่ละพื้นที่ไปในตัวด้วย” หวังเย้าพูด

 

ตั้งแต่ที่เขาเป็นนักศึกษาเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัย เขาก็อยากจะออกไปท่องเที่ยวทั่วประเทศจีนสักครั้ง เขาวางแผนเอาไว้ว่า หลังจากที่เขาประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน เขาก็จะหาเวลาออกไปท่องเที่ยว เพื่อจะได้ไม่ต้องมาเสียใจในภายหลัง แต่หลังจากที่เรียนจบ เขากลับยังหางานทำไม่ได้ ดังนั้น แผนการของเขาก็ต้องชะลอออกไปด้วย ตอนนี้ พอซูเสี่ยวซวีถามขึ้นมา มันก็ทำให้เขานึกขึ้นมาได้

 

“หมอชอบเที่ยวเหรอคะ?” ซูเสี่ยวซวีถาม

 

“ใช่ ผมชอบเที่ยว” หวังเย้าพูด

 

“ฉันก็เหมือนกันค่ะ” ซูเสี่ยวซวีพูด

 

ในเมื่อทั้งสองต่างก็ขื่นชอบในเรื่องของการท่องเที่ยว พวกเขาจึงได้หัวข้อสนทนาอื่นที่นอกเหนือไปจากการรักษาการฝึกฝนกำลังภายในมาคุยกัน ซูเสี่ยวซวีรู้เกี่ยวกับการท่องเที่ยวในหลายๆเรื่อง ก่อนที่เธอจะป่วยด้วยโรคร้าย เธอก็เคยท่องเที่ยวไปในหลายพื้นที่ เมื่ออยู่กับหวังเย้า เธอก็กลายเป็นคนช่างคุยไปในทันที ทั้งที่เมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่น เธอไม่ใช่คนที่พูดมากเลย

 

แต่เธอก็ยังรู้สึกขัดเขินเล็กน้อย เพราะถึงยังไง นี่ก็เป็นการเดทครั้งแรกของเธอกับหวังเย้า

 

เวลาที่อยู่กับซูเสี่ยวซวี หวังเย้าก็มีความรู้สึกที่พิเศษเช่นเดียวกัน เธอเป็นคนสวยและนิสัยน่ารัก ทั้งยังบอกความรู้สึกที่เธอมีต่อเขาโดยไม่มีปิดบัง เขาคิดเอาไว้มากมายหลายอย่าง ว่าเขาควรจะเข้าหาเธอยังไงเพื่อเป็นการเริ่มความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสอง

 

ในเมื่อเขาก็ชอบเธอ เขาจึงตัดสินใจว่า เขาจะพยายามใช้เวลาอยู่กับซูเสี่ยวซวีให้มากที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้ เขาได้ติดสินใจแล้ว และที่เขามาปักกิ่ง ก็เป็นเพราะว่าพวกเขาต่างก็คิดถึงกันและกัน

 

“หมอหวังคะ พรุ่งนี้ อยากให้ฉันพาคุณไปเที่ยวที่อื่นในปักกิ่งไหมคะ?” ซูเสี่ยวซวีถาม

 

“อยากสิ ยังมีหลายที่เลยที่ผมยังไม่เคยไป” หวังเย้าพูด

 

ที่ด้านนอกห้องส่วนตัว มีชายหนุ่มหลายคนกำลังคุยกันอยู่

 

“นายแน่ใจนะ ว่าในห้องนี้มีสาวสวยอยู่ในนั้นน่ะ?” หนึ่งในพวกเขาถามขึ้นมา

 

“แน่ใจสิ เธออยู่ในนั้นแน่นอน แล้วเธอก็สวยโคตรๆเลยด้วย” เพื่อนของเขาพูด

 

“ดี ฉันจะลองเข้าไปแนะนำตัวกับเธอดู” หนึ่งในพวกเขาพูด

 

“พวกเธอมาทำอะไรกันที่นี่?” ชูเหลียนหยุดเขาเอาไว้

 

“อย่ามายุ่งเรื่องของคนอื่น” ชายหนุ่มพูดอย่างไม่สนใจมารยาท

 

“เธอก็สวยเหมือนกันนี่นา” ชายหนุ่มอีกคนพูดขึ้นมา “ฉันชอบผู้หญิงแก่กว่านะ”

 

ชูเหลียนมองดูเหล่าชายหนุ่ม ที่ดูเหมือนจะเมาได้ที่กันแล้ว “ฉันต้องการให้พวกเธอออกไปเดี๋ยวนี้”

 

“ทำไมเราต้องฟังเธอด้วย? คิดว่าตัวเองเป็นใครวะ?” หนึ่งในพวกเขาถามอย่างหยาบคาย

 

“นี่ เธอสนใจไปเที่ยวกับฉันไหม?” เพื่อนของเขาถาม

 

“ก็ได้ เราไปกันเลยไหม?” ชูเหลียนถาม

 

“หา? ไปสิไป! พวกนายรออยู่นี่นะ ฉันจะขอออกไปเที่ยวกับคนสวยก่อนล่ะ เธอเป็นสเปคของฉันเลย ส่วนอีกส่วนฉันยกให้” ชายหนุ่มพูด

 

“ฉันคิดว่า พวกนายทุกคนควรมากับฉันดีกว่านะ มันคงจะน่าสนุกกว่านี่มาก” ชูเหลียนพูด

 

“เอาจริงเหรอ?” ชายหนุ่มอีกคนถาม “เธอนี่รสนิยมแปลกดีนะ”

 

เหล่าชายหนุ่มที่เมามายเดินตามชูเหลียนออกไปด้านนอก

 

“สุดสวย เธอกำลังจะไปที่ไหนเหรอ?” หนึ่งในพวกเขาถาม

 

ปึก! ตุบ! ตั๊บ!

 

“โอ๊ย!” ชายหนุ่มทั้งหมดต่างร้องออกมาและพากันหมดสติอยู่ที่พื้น

 

“หึ!” ชูเหลียนส่งเสียงหึออกมาอย่างเย็นชา ก่อนจะเดินกลับไปในร้านอาหาร