บทที่ 68 ไล่ล่า (2)
เมื่อเข้ามาสู่ระยะ 30 จั้งแล้ว ซูเฉินก็ไม่ต้องฝืนรับการโจมตีจากจางเซิ่งอันฝ่ายเดียวอีก
ในเมื่อสามารถโต้กลับได้แล้ว เขาไม่มีทางปล่อยให้จางเซิ่งอันโจมตีดั่งใจอยากได้อีกแล้ว
จางเซิ่งอันมองระเบิดเพลิงปักษาที่บินเข้ามาใกล้ เขาจึงจำต้องเหินร่างขึ้นหลบอย่างไม่ยินยอม
ระเบิดเพลิงปักษาซัดผ่านเท้าเขาไปไม่เท่าไร กระแทกเข้ากับต้นไม้ไม่ไกล เปลวเพลิงโหมลุกขึ้นทันที
แม้จะไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่ก็ทำให้ในใจจางเซิ่งอันกดดันขึ้นได้
นี่เป็นครั้งแรกที่จางเซิ่งอันถูกบีบให้ต้องหลบการโจมตี
อีกทั้งยังเกือบถูกบีบให้ต้องหาทางหนีอีกครั้ง
ซูเฉินพุ่งเข้าใส่ก่อนที่อีกฝ่ายจะทันเหินร่างหลบ ระหว่างทางก็กอบใบไม้มาเต็มกำมือ จากนั้นก็ซัดมันออกไปก่อนเท้าจะแตะพื้น
เสียงใบไม้ทั้งหลายกรีดผ่านอากาศ พุ่งซัดไปยังจางเซิ่งอันดั่งลูกดอก
ฝ่ามือดอกไม้บิน
ต้องยอมรับเลยว่าฝ่ามือดอกไม้บินตระกูลกู่นั้นเป็นวิชาที่ใช้ง่ายมาก กระทั่งคมใบไม้หรือกรวดก้อนเล็กก็สามารถนำมาใช้โจมตีได้ แถบนี้มีของเช่นนั้นอยู่มาก ดังนั้นจางเซิ่งอันจึงต้องคอยเหวี่ยงคันศรตนเพื่อสกัดพวกมันแล้วล่าถอยไปอย่างต่อเนื่อง
แม้จะโจมตีไม่ถูกจางเซิ่งอันถึงสองครั้งติดต่อกัน หากแต่จางเซิ่งอันก็ยังถูกบีบคั้นจนไม่อาจหาจังหวะโจมตีซูเฉินได้เลย
ดังนั้นเด็กหนุ่มจึงฉวยจังหวะนี้เพื่อย่นระยะห่างลงอีก
เขารวดเร็วกว่าจางเซิ่งอันอยู่แล้ว และหลังจากโจมตีออกไปหลายครั้งเข้า ระยะห่างก็ยิ่งสั้นลงเรื่อย ๆ จาก 30 จั้งเหลือเพียง 28 จั้ง
แม้จะย่นไปเพียง 2 จั้ง แต่แรงกดดันที่จางเซิ่งอันได้รับกลับเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ
ซูเฉินออกท่าโจมตีอีก
ฟู่ว !
ลูกไฟขนาดยักษ์พุ่งออกไป
คือทักษะลูกไฟนั่นเอง
เทียบกับระเบิดเพลิงปักษาแล้ว ทักษะลูกไฟนั้นอ่อนแอกว่ามาก แต่มันก็มีข้อดีของมัน มันสร้างไว ใช้พลังน้อย ดังนั้นวิชานี้จึงใช้คล่องมือกว่านัก
ซูเฉินไล่ล่ามานาน จึงเรียนรู้แล้วว่าเขาต้องคอยโจมตีใส่จางเซิ่งอันไม่หยุดเพื่อปิดโอกาสให้อีกฝ่ายโจมตีเขากลับ และด้วยวิชารุนแรงของเขาใช้เวลานานกว่าจะสร้างขึ้นมาได้ ดังนั้นใช้ตอนนี้จึงไม่เกิดประโยชน์ใด กลับกัน วิชาง่าย ๆ เหล่านี้ก็เพียงพอจะสกัดกั้นจางเซิ่งอันได้แล้ว ส่งผลให้ซูเฉินหาจังหวะได้
จางเซิ่งอันหายใจออกโดยแรง ก่อนกระแทกออกไปหนึ่งฝ่ามือเพื่อทำลายลูกไฟ
ซูเฉินย่นระยะได้อีก 1 จั้ง
เด็กหนุ่มสะบัดมืออีกครา ทำการส่งก้อนกรวดซัดเข้าใส่จางเซิ่งอัน
ก้อนกรวดพุ่งเข้าไปแข็งแกร่งดั่งก้อนเหล็ก บีบให้จางเซิ่งอันต้องหลบไปด้านข้าง
ซูเฉินใกล้เข้ามาอีกนิดหนึ่ง
มีดบินจากพลังต้นกำเนิดแปรเปลี่ยนเป็นเส้นแสงสีน้ำเงินแล้วซัดเข้าใส่จางเซิ่งอัน
หลังจากซูเฉินสังหารหลีแล้ว เขายังพอเหลือพวกมันอยู่บ้าง ไม่มีโอกาสได้ใช้พวกมันจนกระทั่งวันนี้
จางเซิ่งอันไร้หนทาง ไม่อาจหลบมีดบินเช่นนี้ได้ ดังนั้นจึงเปล่งเสียงร้องลั่น เกราะเขียวพลันปรากฏคุ้มร่าง กันมีดบินไว้ ก่อนจะยืมแรงปะทะนั้นเพื่อถอยหลังหนีไป จากนั้นมือขวาพลันปลดคันศรมารพฤกษา ยิงศรมนัสหวีดหวิวมาทางซูเฉิน
ซูเฉินหลบมันไม่ได้ และไม่คิดหลบมันเช่นกัน
หากเขาคิดหลบ ระยะห่างที่เขาพยายามย่นระยะมาก็จะเพิ่มขึ้นอีก
ดังนั้นเด็กหนุ่มจึงพุ่งเข้าใส่ศรมนัสโดยตรง
เขาหยิบยันต์พลังต้นกำเนิดขึ้นมาทาบบนตัว ก่อนที่มันจะแปรเปลี่ยนเป็นชุดเกราะเหลือง ช่วยป้องกันการโจมตีที่กำลังหวีดหวิวเขามาได้ทันท่วงที
ศรมนัสระเบิดใส่ซูเฉิน ก่อเกิดเป็นคลื่นปราณชั่วร้ายทรงพลัง
ซูเฉินไม่เกรงกลัวอันใด พุ่งตัวติดตามต่อไปไม่หยุดยั้ง
1 ศร !
2 ศร !
3 ศร !
แต่ละศรล้วนมุ่งทะลวงจิต หมายเอาชีวิตเขาทั้งสิ้น
หากแต่ซูเฉินไม่คิดใส่ใจ ยังคงติดตามต่อไปไม่ลดละ !
เกราะของเขาเริ่มกะพริบเป็นจังหวะ แต่ก็ไม่อยากหยุดการกระทำเขาไว้ได้
23 จั้ง
22 จั้ง
21 จั้ง
ซูเฉินย่นระยะได้ 3 จั้ง หลังรับ 3 ศรจากศัตรู สุดท้ายก็เหลือระยะห่างเพียง 20 จั้งเท่านั้น
จู่ ๆ เด็กหนุ่มก็พลันพลิกฝ่ามือ ส่งกระสุนพลังต้นกำเนิดระลอกใหญ่ที่ก่อร่างขึ้นแล้วซัดผ่านอากาศไปทันที
จางเซิ่งอันรู้ว่าตนกำลังตกที่นั่งลำบาก
กระสุนระลอกนี้นับเป็นวิชาที่แกร่งที่สุดที่เขาเจอในการต่อสู้ครั้งนี้
ยิ่งซูเฉินเข้าใกล้เขาก็ยิ่งรับมือได้ยาก
ดังนั้นจางเซิ่งอันจึงใช้ยันต์พลังต้นกำเนิดเพื่อป้องกันการโจมตีนั้น แล้วปลดคันศรลงมาโจมตีอีกครา
ทว่าครั้งนี้ไม่ได้ยิงศรออกไป หากแต่เป็นมารพฤกษาที่เปล่งเสียงร้องบาดแก้วหู จากนั้นวิญญาณโศกรูปร่างคล้ายปีศาจก็เริ่มปรากฏขึ้นหลากหลายตน พากันล่องลอยในอากาศ จากนั้นเริ่มหันไปกรีดร้องตะโกนใส่ซูเฉิน
เสียงกรีดร้องเหล่านี้บาดจิตบาดใจนัก ซูเฉินรู้สึกมึนชาไปทั่วร่าง ทำให้เขาไม่อาจเคลื่อนกายได้ดั่งใจ
จางเซิ่งอันหัวเราะบ้าคลั่งออกมา ระหว่างที่หัวเราะ วิญญาณโศกนักไม่ถ้วนก็พุ่งเข้าไปหมายจะเอาชีวิตซูเฉิน บรรยากาศโดยรอบเย็นยะเยือกลงในพลัน
ซูเฉินทำเพียงหยิบขวดยาหนึ่งขึ้นมาแล้วคว่ำมันลง
ดั่งเกล็ดน้ำแข็งเจอแสงตะวันแรงกล้า วิญญาณโศกทั้งหลายส่งเสียงร้องด้วยความหวาดกลัว
แท้ที่จริงแล้วมันก็คือยาสามตะวัน ที่ใช้เพื่อรักษาบาดแผลในจิตอันเกิดจากการโจมตีโดยภูตผีและวิญญาณโดยเฉพาะ อีกทั้งยังสามารถใช้ขับไล่วิญญาณโศกได้อีกด้วย
แม้การใช้มันหมดทั้งขวดจะมากเกินไปสักหน่อย แต่ซูเฉินหาได้ใส่ใจไม่
เหล่าวิญญาณโศกพากันล่าถอยไป
ส่วนซูเฉินพุ่งเข้าใส่ !
เขาย่นระยะได้อีก 3 จั้ง
ระเบิดเหยี่ยวเพลิงหนึ่งปรากฏขึ้นในมือ
เหยี่ยวเพลิงกรีดเสียง ก่อนจะสยายปีกแล้วพุ่งเข้าใส่จางเซิ่งอัน
จางเซิ่งอันพลิกฝ่ามือ โยนยันต์พลังต้นกำเนิดที่แปรสภาพเป็นใบแสงออกมาเพื่อรับมือกับเหยี่ยวเพลิง
แล้วก็ยิงศรออกมา 3 ดอก
ซูเฉินใช้วิชาหอคอยพิสุทธิ์เคลื่อนกายหลบการโจมตี ย่นระยะได้อีก 3 จั้ง
ตอนนี้เหลือเพียง 14 จั้งเท่านั้น
ซูเฉินเขวี้ยงเพลิงอัสนีลูกหนึ่งใส่จางเซิ่งอัน
จางเซิ่งอันเคยเห็นพลังของเพลิงอัสนีมาแล้ว ดังนั้นจึงไม่กล้าฝืนรับการโจมตี ทำได้เพียงพยายามหลบเท่านั้น
แต่ไม่คาดคิดนักว่าเพลิงอัสนีกลับไม่ได้ถูกโยนมาทางเขา แต่เป็นด้านหลังเขาต่างหาก ซึ่งมันก็เป็นจุดที่เขาหลบไปพอดิบพอดี
ตูม !
เมื่อมันระเบิดก็เกิดเปลวเพลิงลุกไหม้ทันที
ยันต์พลังต้นกำเนิดอีกแผ่นแปรเปลี่ยนเป็นเกราะแสง ช่วยสกัดการโจมตีไว้ได้อีกครั้ง หากแต่ครั้งนี้เขาไม่อาจสกัดกั้นแรงผลักของพลังที่มีมากเกินไป สุดท้ายจางเซิ่งอันก็ถูกกระแทกกระเด็นไปทิศตรงกันข้าม
ซึ่งก็คือทิศที่ซูเฉินอยู่
เขาย่นระยะห่างลงได้อีกครั้ง
10 จั้ง !
จางเซิ่งอันรู้ว่าตนกำลังแย่ ด้วยเพลิงอัสนีทำลายเกราะเขาจนแหลกไม่มีชิ้นดี
และยังไม่ทันได้สร้างขึ้นมาใหม่ ซูเฉินก็พลันเงื้อมือขึ้นมาแล้ว
ปืนนักล่าเพลิง
ตูม !
เมื่อปืนระเบิดออกก็ยิงเอาลูกกระสุนออกมา
“อ๊ากกกก !”
โลหิตสาดทั่วทิศ จางเซิ่งอันเปล่งเสียงกรีดร้องออกมา
บนอกจางเซิ่งอันปรากฏรอยกระสุนใหญ่ 2 นัด
เขาบาดเจ็บ !
เขาบาดเจ็บจริง ๆ!
นับเป็นครั้งแรกที่เขาได้รับบาดเจ็บในการต่อสู้ครั้งนี้
ซูเฉินย่นระยะห่างเหลือเพียง 10 จั้ง ทั้งยังสามารถทำให้เขาบาดเจ็บได้ด้วยการโจมตีครั้งเดียวอีก
“ไม่ !” จางเซิ่งอันกู่ร้องขึ้นอย่างบ้าคลั่ง
เขาส่งลูกเตะไปที่ลำต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง ใช้แรงนั้นส่งร่างตนถอยหลังไป พร้อมกันนั้นก็ดึงคันศรอย่างรุนแรง
ศรมนัสดอกแล้วดอกเล่าพุ่งออกมา กลายเป็นห่าลูกศรไปในที่สุด
เห็นดังนั้น ซูเฉินก็หยิบเอายันต์พลังต้นกำเนิดออกมา เปลี่ยนมันเป็นเกราะ ก่อนที่เด็กหนุ่มจะใช้ผู้พิทักษ์แห่งเม็กกับร่างกายตนเอง และแม้แต่จังหวะเช่นนี้เขาก็ยังคงไม่หยุดฝีเท้า ใช้ออกด้วยก้าวย่างหมอกอสรพิษจนถึงขั้นสุด ไล่ล่าจางเซิ่งอันอย่างดุเดือด !
เถาวัลย์รากไม้ทั้งหลายเริ่มขยับเขยื้อนอยู่ที่พื้น ไม่นานก็พุ่งขึ้นมาคว้าซูเฉินที่กำลังเคลื่อนตัวไป
ดังนั้นซูเฉินจึงใช้ระเบิดเหยี่ยวเพลิงทำลายมันจนสิ้นและไล่ล่าจางเซิ่งอันต่อ
เถาวัลย์หนามของจางเซิ่งอันเมื่อถูกไฟก็พ่ายไป ไม่อาจรั้งซูเฉินไว้ได้เพียงนิด ทำให้ซูเฉินเข้าใกล้มาได้อีก 3 จั้ง
เมื่อเป็นเช่นนั้น เด็กหนุ่มก็พลันเปิดใช้นัยน์ตาวิญญาณและวิชาตรึงวิญญาณติดต่อกันโดยเร็ว ทำให้ตอนนี้ระยะห่างเหลือเพียง 3 จั้งเท่านั้น
3 จั้งนับว่าใกล้มากแล้ว
ซูเฉินยกดาบหมาป่ากลืนจันทร์ก่อนจะฟาดลงมา
วิญญาณหมาป่าส่งเสียงหอนออกมายามปรากฏตัว มันกระโจนใส่จางเซิ่งอันทันที
“จางเซิ่งอัน ตายเสีย !” ซูเฉินตะโกนก้อง