ตอนที่ 118 หาเรื่องใส่ตัว?

“มิฉะนั้นข้าจะกระโดดลงแม่น้ำ! ข้าจะปีนขึ้นไปบนคานไม้แล้วกระโดดลงไปเพื่อฆ่าตัวตาย! เว้นเสียแต่ท่านจะยอมแต่งงานกับคุณชายไป๋!”

คำพูดของซูเสี่ยวเหยี่ยนที่พูดออกมาทำให้ทุกคนแตกตื่น คาดไม่ถึงว่าจะได้ยินคำพูดเช่นนี้

ซูหวานหว่านถอนหายใจ นางพยายามใจดีกับน้องสาวคนนี้! ไม่ว่าจะเป็นอาหารประเภทไหนที่น้องสาวอยากกิน เด็กสาวก็มักจะหามาให้และเมื่อเข้าไปในเมืองนางก็ยังซื้อที่ติดผมมาให้ตลอด!

ผลลัพธ์ที่ได้ล่ะ? เปล่าประโยชน์! ทั้งยังคิดร้ายกับนางอีก! ซูหวานหว่านรู้สึกเบื่อหน่ายกับเรื่องเหล่านี้เต็มทน ในชาตินี้น้องสาวของนางคงไม่มีวันทำตัวดี ๆ กับนางแล้ว ซูหวานหว่านจึงเอ่ยออกมา “หากเจ้าต้องการที่จะตายแบบไหนก็เพียงบอกมาแล้วกัน พี่สาวคนนี้สามารถช่วยเจ้าได้แน่!”

“นี่ ท่าน ท่านเป็นคนแบบนี้….” ซูเสี่ยวเหยี่ยนในตอนนี้เปรียบเสมือนเปลวไฟที่ถูกน้ำเย็นเทสาดลงไป

“เหตุใดเจ้าถึงเป็นคนโหดเหี้ยมเพียงนี้!” ป้าของไป๋ซุนชุ่ยชี้ไปที่ซูหวานหว่านด้วยท่าทางผิดหวังอย่างมาก ไม่คิดเลยว่าซูหวานว่านจะเป็นสตรีเช่นนี้!

ซูหวานหว่านกล่าวอย่างประชดประชัน “เจ้าคิดว่าเจ้าจะให้ซูเสี่ยวเหยี่ยนมาพูดโน้มน้าวให้ข้าเปลี่ยนใจยอมแต่งงานกับหลานชายของเจ้าใช่หรือไม่? เจ้าฝันกลางอยู่หรืออย่างไร!”

เดิมทีทุกคนอาจจะคิดว่าซูหวานหว่านเป็นคนใจร้าย แต่หลังจากที่เห็นเหตุการณ์นี้มันก็ชัดเจนในทันทีว่าซูเสี่ยวเหยี่ยนทำเกินไป

แม่เจิ้นผู้เป็นมารดาไม่สามารถทนดูได้อีกต่อไป “ซูเสี่ยวเหยี่ยน! ข้าไม่เคยสั่งสอนให้เจ้าเป็นคนแบบนี้! เจ้าทำให้ข้ารู้สึกผิดหวังมาก อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ว่าเหตุใดไป๋ซุนชุ่ยถึงมาสู่ขอเจ้าแต่งงาน! ไม่ใช่เพราะว่าเจ้าแอบขโมยเงินจากที่บ้านไปให้เขาหรอกรึ! ทั้งยังทำตัวเช่นนี้กับพี่สาวของเจ้าอีก! ข้ารู้สึกเหนื่อยหน่ายกับเจ้าเต็มทีแล้ว! เจ้ารักใครเจ้าก็ไปอยู่กับเขาซะ! ข้าไม่ต้องการเจ้าแล้ว! ครอบครัวนี้ไม่อนุญาตให้เจ้ามาอยู่อาศัยด้วย!”

ซูต้าเฉียงเม้มริมฝีปากแน่น ไม่ปริปากเอ่ยคำใด แต่ท่าทางของเขานั้นค่อนข้างเห็นด้วย!

ซูหวานหว่านตกใจเมื่อได้ยินสิ่งที่แม่เจิ้นเอ่ยออกมา นางไม่คิดเลยว่าซูเสี่ยวเหยี่ยนจะขโมยเงินไปให้คนอื่นในขณะที่นางไม่อยู่บ้าน นางรู้สึกเสียใจนัก สีหน้าของเด็กสาวพลันเปลี่ยนไปและพูดออกมาอย่างรังเกียจว่า “ข้าจำไม่ได้แล้วว่ามีเจ้าเป็นน้องสาว ดังนั้นจึงไม่มีประโยชน์ที่เจ้าจะมาพูดข่มขู่ข้า”

กล่าวจบซูหวานหว่านก็มองไปที่ไป๋ซุนชุ่ยและคนอื่น ๆ พร้อมพูดว่า “ไม่ว่าเจ้าจะพูดโน้มน้าวข้าอย่างไร ข้าก็จะไม่มีวันแต่งงานกับเจ้าในฐานะอนุหรือเมียน้อยเด็ดขาด พวกเจ้ากลับไปได้แล้ว”

ซูหวานหว่านเหลือบมองซูเสี่ยวเหยี่ยน ซึ่งกำลังยืนตะลึงงันอยู่ข้าง ๆ และพูดออกมา “พาอนุที่เจ้ามาสู่ขอไสหัวออกไปจากบ้านข้าไปเสีย!”

ชาวบ้านต่างจ้องมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไป๋ซุนชุ่ยเองไม่รู้ว่าจะเอาหน้าวางไว้ที่ไหน ดังนั้นพวกเขาจึงเดินออกไป พร้อมกับของที่แบกมา

ซูเสี่ยวเหยี่ยนที่ยืนงงอยู่ด้านข้างถูกซูหวานหว่านจ้องมองเงียบ ๆ นางจ้องไปที่ซูหวานหว่านด้วยแววตาโกรธเคือง นางกัดฟันแน่นและวิ่งไล่ตามออกไปพร้อมกับตะโกนว่า “คุณชายไป๋ รอข้าด้วย!”

ดูเหมือนนางจะไม่เต็มใจที่จะยอมรับความผิดที่ตนกระทำลงไปและอยู่กับครอบครัวดังเดิม ทว่านางกลับอยากเป็นเมียน้อยของคนอื่นเสียอย่างั้น!

หัวใจของซูหวานหว่านเย็นเยือกดุจดั่งน้ำแข็ง แม่เจิ้นทรุดตัวนั่งลงกับพื้นและเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ซูหวานหว่านฟัง

เมื่อไม่กี่วันก่อน จู่ ๆ ซูเสี่ยวเหยี่ยนก็มาขโมยแป้งชาดของแม่เจิ้นมาผัดหน้า จากนั้นใช้ข้ออ้างต่าง ๆ เพื่อตัวติดกับแม่เจิ้นตลอดเวลา แม้แต่เข้าไปในห้องนอนของนางเพื่อไปค้นข้าวของและแอบขโมยเงินที่ซูหวานหว่านทิ้งเอาไว้ให้เพื่อจ่ายเงินให้กับพวกชาวบ้านเป็นค่าวัตถุดิบบนภูเขา

คราแรกนางแอบขโมยออกมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ทว่าคราวหลังกลับหยิบเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนนางเริ่มลอบสังเกตความผิดปกติของลูกสาวและแอบตามซูเสี่ยวเหยี่ยนไป คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้เห็นซูเสี่ยวเหยี่ยนแอบขโมยเงินมาให้กับไป๋ซุนชุ่ย! ทั้งยังไปให้ท่าไป๋ซุนชุ่ยอีก เมื่อคู่หมั้นของไป๋ซุนชุ่ยรู้เข้าก็โกรธเป็นมาก สั่งให้คนใช้จับตัวซูเสี่ยวเหยี่ยนไปเฆี่ยนตี แต่โชคดีที่มีคนเข้ามาห้ามเสียก่อน ไม่เช่นนั้นซูเสี่ยวเหยี่ยนคงจะถูกเฆี่ยนตีจนตาย!

ไม่ว่าอย่างไรซูเสี่ยวเหยี่ยนก็ยังไม่ถอดใจยอมแพ้! คิดแผนการขึ้นมาเพื่อที่จะจับไป๋ซุนชุ่ยเอาไว้ โดยการยิงปืนนัดเดียวแต่ได้นกสองตัว*[1] และให้ไป๋ซุนชุ่ยมาสู่ขอซูหวานหว่านแต่งงาน!

ซูหวานหว่านตกใจกับเรื่องราวทั้งหมดและทันใดนั้นนางก็รู้สึกว่าจำเป็นจะต้องมีคนคอยดูแลบ้านเพิ่มขึ้น นางได้เขียนจดหมายฝากนกไปให้กับผู้ดูแลหลิวที่ร้านอาหารจั๋วเซ่อเพื่อไหว้วานให้เขาหาสาวใช้และคนรับใช้มาที่นี่สักสองสามคน

แม่เจิ้นและซูต้าเฉียงยังคงอยู่ในความเศร้าโศก พวกเขาอยู่ในบ้านและไม่ยอมออกไปไหนเลย ซูหวานหว่านและฉีเฉิงเฟิงช่วยกันทำอาหารเช้า จากนั้นก็พากันนั่งล้อมวงกินอาหารร่วมกัน เมื่อกินเสร็จจึงออกจากบ้าน ทำตัวปกติราวกับไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น นางได้ถือตะกร้าแล้วเดินสำรวจรอบ ๆ หมู่บ้านเพื่อดูว่าทุ่งนาในหมู่บ้านมีที่ไหนบ้างที่จะเหมาะสมกับการปลูกพริก

เด็กสาวสำรวจจากทุ่งนาบริเวณรอบ ๆ หมู่บ้านไปยังที่นาที่ห่างไกลออกไป ซูหวานหว่านสำรวจอยู่นานจนพระอาทิตย์ใกล้จะตกดิน นางตัดสินใจจะเดินกลับบ้าน ทว่าพลันใดนั้นก็เหลือบไปเห็นเห็ดที่ขึ้นอยู่ใต้ต้นสน จึงเดินเข้าไปหมายจะเก็บ ทว่ากลับได้ยินเสียงคนพูดคุยดังขึ้น เป็นเสียงของหญิงสาวที่พูดจานุ่มนวลอ่อนหวาน

“คุณชายไป๋~ ท่านอย่าโกรธข้าไปเลย ท่านจะต้องยอมรับข้าเป็นอนุมิฉะนั้นแล้วข้าก็ไม่มีที่ไปอีกแล้ว”

นี่ไม่ใช่เสียงของซูเสี่ยวเหยี่ยนหรอกหรือ? ซูหวานหว่านขมวดคิ้วยื่นมือออกไปแล้วค่อย ๆ ขยับใบไม้แหวกดู แล้วนางก็เห็นชายหญิงคู่หนึ่งกำลังนอนกอดกันแน่นอยู่ที่พื้น

นั่นไม่ใช่ซูเสี่ยวเหยี่ยนหรอกหรือ!

ซูเสี่ยวเหยี่ยนและไป๋ซุนชุ่ยมาทำเรื่องบัดสีบัดเถลิงตรงนี้ได้อย่างไรกัน! ซูหวานหว่านตกใจกับสิ่งที่เห็นมาก

“ก็ได้ แต่… เจ้าจะต้องแสดงความจริงใจของเจ้าให้ข้าเห็นก่อน” ไป๋ซุนชุ่ยพูดพร้อมกับถอดกางเกงของตัวเองออก และถกกระโปรงของซูเสี่ยวเหยี่ยนขึ้นอย่างรีบร้อน

ถึงแม้ว่าวันนี้คำพูดของนางดูรุนแรง ทว่านางก็ไม่ต้องการให้ซูเสี่ยวเหยี่ยนทำเรื่องผิดพลาด เด็กสาวตะโกนออกมา “พวกเจ้ากำลังทำอะไรกัน!”

ไป๋ซุนชุ่ยรีบใส่กางเกงของตนเองพร้อมกับลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว

“ท่านพี่… ไม่สิ ซูหวานหว่านเจ้าจะมาสนใจข้าทำไม! เจ้าบอกว่าเจ้าไม่มีน้องสาวเช่นข้า แม้แต่แม่แท้ ๆ ก็ยังไม่ต้องการลูกสาวอย่างข้าเลย! พวกเราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกแล้ว เจ้าจะมาขัดขวางความสุขของข้าทำไมกัน!”

ความสุข? หัวใจของซูหวานหว่านแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา “ซูเสี่ยวเหยี่ยน เจ้าเป็นคนพูดเองนะ ข้าเตือนเจ้าแล้วอย่ามาเกลียดข้าหรือโทษข้าในภายภาคหน้าล่ะ”

พูดจบซูหวานหว่านก็เดินออกไป ซูเสี่ยวเหยี่ยนยังคงทำตัวติดกับไป๋ซุนชุ่ย ทว่าตอนนี้เขาก็หมดอารมณ์ที่จะทำเรื่องอย่างว่ากับซูเสี่ยวเหยี่ยนแล้ว จึงเดินออกไปอย่างไม่สนใจนางอีก ทำให้ซูเสี่ยวเหยี่ยนต้องรีบวิ่งตามเขาออกไป

ซูหวานหว่านกลับมาถึงบ้านก็พบว่าแม่เจิ้นและซูต้าเฉียงเข้านอนเรียบร้อยแล้ว ส่วนฉีเฉิงเฟิงก็ไม่อยู่ นางไม่รู้จะพูดกับใคร จึงเดินไปที่ห้องนอนตัวเองและปิดประตูพร้อมกับถอดจิตเข้าไปในมิติฟาร์มเพื่อวางแผนและเลือกเมล็ดพริกที่ดีที่สุดนำไปเพาะปลูก เมื่อนางเลือกเสร็จเรียบร้อยแล้วจึงจะเข้านอน ทว่าหลิงเชอกลับยืนกรานว่าจะพาซูหวานหว่านไปดูพระจันทร์ด้วยกัน

เขาจะสามารถออกไปข้างนอกได้ที่ไหน!?

ซูหวานหว่านหัวเราะ จ้องไปที่ท้องฟ้าอย่างครุ่นคิดและพูดว่า “หากข้าเดาไม่ผิด ตอนนี้กลุ่มดาวเหนือน่าจะปรากฏอยู่บนท้องฟ้าและคาดว่ามันจะสว่างขึ้นเรื่อย ๆ มีแนวโน้มที่จะกลบรัศมีของดาวใต้ไปด้วย”

ซูหวานหว่านมักพูดอะไรที่เข้าใจยากและฟังไม่เข้าใจ หลิงเชอจึงเอ่ย “เจ้าช่วยพูดให้เหมือนกับคนทั่วไปได้หรือไม่”

หลิงเชอจ้องมองไปที่ซูหวานหว่านด้วยใบหน้าจริงจัง “ที่จริงแล้วเจ้าไม่ใช่ซูหวานหว่านและไม่ใช่คนสมัยนี้ใช่หรือไม่?”

ทำไมเขาเดาได้อย่างแม่นยำเยี่ยงนี้! ซูหวานหว่านพยักหน้ารับ “จริง ๆ แล้วไม่ใช่”

หลิงเชอถอนหายใจออกมา “ที่จริงวันนี้ไม่มีดาวใต้ แต่มันค่อย ๆ ปรากฏขึ้นและสว่างขึ้นเมื่อเจ้าปรากฏตัวขึ้น ไม่ว่าอย่างไรก็ตามตอนนี้ดาวเหนือกำลังจะปรากฏขึ้น เดาสิว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้นต่อไปในอนาคต?”

หลิงเชอกำลังหมายถึง… จะมีสตรีมาจากยุคสมัยใหม่และแต่งตัวเหมือนกับนางมาอย่างงั้นหรือ?

“งั้นผู้นั้นจะเป็นใครกัน?”

ซูหวานหว่านถามออกมาด้วยความตื่นตระหนก

[1] ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว แปลว่าลงทุนครั้งเดียวได้ผลกำไร 2 ทาง หรือ ทำอย่างเดียวได้ผล 2 อย่าง