ตอนที่ 690 การโจมตีจากโทษทัณฑ์

Worlds’ Apocalypse Online หมื่นสวรรค์สิ้นโลกา ออนไลน์

สายลมจากคมดาบพัดกระพือ

เศษแขนขาที่โดนตัดหั่น ร่วงหล่นกระทบผืนทราย ถูกกลบถมหายลงไปอย่างรวดเร็ว

กู่ฉิงซานเก็บดาบกลับคืน และหันไปแสดงออกถึงท่าทีขอโทษต่อต้นไม้เขียวชอุ่ม “ต้องขออภัยด้วยที่ทำให้อาณาเขตของท่านสกปรก”

ต้นไม้ใหญ่ส่งเสียงฮึมฮัม “ไม่เป็นไรหรอก ก็แค่เรื่องเล็กน้อย”

กู่ฉิงซานยิ้ม “เช่นนั้นผมขอลาก่อน”

“ไปเถอะ แต่จงจดจำเอาไว้ให้ดี ว่ายามเมื่อว่างเว้นสามารถมาที่นี่ได้ตลอดเวลา”

“ผมเข้าใจแล้ว ลาก่อน”

กู่ฉิงซานทะยานตัวสูงขึ้นอีกครั้ง

เขาควานหาทิศทาง และบินตรงไปยังตลาดมืด

คราวนี้เขาไม่พบกับใครเข้ามาขัดขวางอีกแล้ว ในไม่ช้ากู่ฉิงซานก็บินหายไปจากอาณาเขตที่สงบร่มเย็นของต้นไม้ใหญ่ เผชิญกับพายุทรายอีกครั้ง

แล้วหลังจากนั้นเขาก็หายไป

แมงป่องสีดำขนาดเล็กผุดออกมาจากพื้นทรายอีกครั้ง ส่งเสียงฮึดฮัดให้กับต้นไม้ใหญ่เบื้องหน้ามัน

นี่คือแมงป่องเล็กตัวเดียวกันกับที่ลอบสังเกตดูกู่ฉิงซานเมื่อก่อนหน้านี้

ต้นไม้ใหญ่สั่นไหวสองสามครั้ง กล่าวปฏิเสธอีกฝ่าย “ลืมมันเสียเถอะ”

แต่เจ้าแมงป่องน้อยยังคงงึมงำต่อไป

ต้นไม้ใหญ่ “อา…นั่นเป็นเพราะเขาเป็นคนสุภาพอย่างไรเล่า และข้าก็ชอบคนสุภาพ”

แมงป่องน้อยบ่นด้วยความไม่พอใจ

ต้นไม้ใหญ่อธิบายอย่างอดทน “ยิ่งไปกว่านั้น นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ข้าได้เห็นมนุษย์ที่สามารถใช้ทักษะระดับสูงของทั้งสองอาชีพได้ ในร่างกายของเขา จะต้องมีความลับอันน่าทึ่งซุกซ่อนเอาไว้อย่างแน่นอน ถึงสามารถจัดการกับปัญหานี้ได้อย่างง่ายดาย”

ขณะกำลังพูดคุย เศษซากศพที่ถูกห่อหุ้มด้วยเม็ดทรายก็ผุดขึ้นมา

มันคือซากศพของคนนับสิบที่ถูกสังหารลงโดยกู่ฉิงซานเมื่อครู่

นอกจากร่างศพแล้ว ก็ยังมีน้ำเต้าที่บรรจุน้ำแร่ วางไว้บนพื้นเช่นกัน

“สิ่งเหล่านี้น่าจะเพียงพอแล้วสำหรับมื้อเย็น และนั่นเป็นน้ำแร่ที่เขามอบให้ เจ้าลองชิมดูสิว่ามันรสชาติดีหรือไม่?”

แมงป่องตัวน้อยกวาดตามองเศษซากศพนับสิบ ก่อนจะสลับไปมองขวดน้ำเต้าอีกครั้ง แต่ก็ยังไม่พอใจ

มันฮึดฮัดใส่ต้นไม้ใหญ่

ต้นไม้ใหญ่ถอนหายใจ “เจ้าก็แค่อยากกินของสด”

ทันใดนั้นเอง บนร่างของหนึ่งในซากศพก็สาดประกายแสงสีแดงออกมา

มันเป็นเสียง ‘ติ๊ดๆ’ ของเครื่องจักร

การสนทนาของต้นไม้ใหญ่ถูกขัดจังหวะลง

ทั้งตัวมันและแมงป่องน้อยถูกดึงดูดโดยเจ้าเครื่องนี้

แมงป่องน้อยรับฟังอยู่สักพัก สุดท้ายยอมแพ้ หันไปส่งเสียงจิ๊ๆ ให้กับต้นไม้ด้วยความสงสัย

“อ๊ะๆ ไม่ต้องมาถามข้า ข้าไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับด้านเทคโนโลยี เอาไว้ถ้าเจ้าสามารถเรียนรู้ได้มากกว่านี้ ก็ลองไปศึกษามันเองในอนาคตก็แล้วกัน” เสียงของต้นไม้ใหญ่กลายเป็นหงุดหงิด

แล้วเครื่องจักรที่กะพริบสีแดงถี่ๆ หยุดลงอย่างกะทันหัน

ไม่นานนัก หลายสิบจุดดำก็ปรากฏขึ้นจากขอบฟ้าไกล

จุดดำเหล่านี้บินด้วยความเร็วอันน่าตื่นตายิ่ง ไม่นานมันก็ตกลงเบื้องหน้าซากศพนับสิบ

“บอส ค้นพบพี่น้องพวกเราแล้ว แต่น่าเสียดาย ทุกคนไม่มีใครรอดเลย” คนหนึ่งรายงาน

“ตอนแรกฉันก็คิดว่ามีอะไรบางอย่างผิดปกติเกี่ยวกับฟังก์ชันตรวจสอบสัญญาณชีวิตซะอีก แต่ตอนนี้คงไม่ผิดแล้ว มีใครบางคนกล้าที่จะฆ่าพวกเราจริงๆ!” สีหน้าของบอสกลายเป็นมืดมน

ภายในกลุ่มผู้มาใหม่ ฟุ้งไปด้วยเจตนาร้าย

พวกเขากำลังกระหายที่จะค้นหาเจ้าบ้าที่กล้าทำร้ายเพื่อนของตน!

“ตาแก่เก้า ช่วยไปตรวจสอบหน่อยสิ” บอสกล่าว

“รับทราบ”

หนึ่งในกลุ่มฝูงชน คนตัวเล็กๆ ก้าวออกมาข้างหน้า และดึงเครื่องจักรที่เพิ่งส่งเสียงติ๊ดๆ เมื่อครู่ออกจากร่างศพ

และไม่รู้เหมือนกันว่าเขาทำได้อย่างไร แต่เครื่องจักรขนาดเล็กได้เริ่มถูกเปิดใช้งานอีกครั้ง

ต่อมา สิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ก็ฉายกลายเป็นจอม่านแสงกระจ่างใสขึ้นต่อหน้าทุกคน

ตั้งแต่จุดเริ่มต้นที่พบหน้า กระทั่งถึงจุดสิ้นสุดที่กู่ฉิงซานสังหารสมาชิกแก๊งไปในดาบเดียว

ทุกคนเฝ้ารับชมกระบวนการทั้งหมดอย่างเงียบๆ

“ไอ้บ้า! ถึงพวกเราเพิ่งจะมาอยู่ในโลกเกรย์แฮนด์ได้ไม่นานก็จริง แต่พวกเราก็ไม่ใช่กลุ่มคนที่เจ้าขยะนั่นจะสามารถมารังแกได้!” บางคนสบถด้วยความโกรธ

“ถูกต้อง!”

“มันไม่ควรจะเป็นแบบนี้”

“ถ้าปล่อยไปสักสองสามวัน เรื่องที่พวกเราหลายคนถูกฆ่าตายก็คงจะแพร่งพรายออกไปโดยเจ้าหมอนั่น แบบนี้มันไม่ได้หมายความว่ากองกำลังของพวกเราจะถูกหัวเราะเยาะหรือ?”

“ใช่ ยอมไม่ได้!”

เห็นทุกคนตอบรับ บอสก็พยักหน้าด้วยความยินดี

เขากล่าวต่อ “เจ้าเด็กเปรตนั่น มันกำลังมุ่งหน้าไปยังตลาดมืด พวกเราจะไปจับตัวมัน แล้วก็ฆ่ามันซะ!”

“แต่สกิลดาบของมันแปลกประหลาดจริงๆ ขอให้ทุกคนระมัดระวังตัวกันด้วย”

“เอาล่ะ ตอนนี้ พวกเราก็มาช่วยกันเก็บซากศพกันก่อน แล้วค่อยเตรียมตัวไป!”

“รับทราบ!” ฝูงชนตะโกนตอบ

พวกเขารีบเก็บรวบรวมซากศพของสหายทันที

แมงป่องน้อยที่กำลังเฝ้าดูคนเหล่านั้น เมื่อเห็นซากศพอยู่เก็บมันก็ชะงักไป

‘(นั่นมันอาหารของฉันนะ!)’

แมงป่องน้อยวิ่งเข้าหากลุ่มคน ตะโกนใส่พวกเขา

การปรากฏตัวของมันได้ดึงดูดความสนใจของคนเหล่านั้นทันที

อันที่จริง มันเป็นเรื่องปกติที่จะพบสิ่งมีชีวิตอย่างแมงป่องในทะเลทราย

ดังนั้น ในตอนแรกทุกคนจึงเพิกเฉยต่อมัน

แต่ตอนนี้ เจ้าสิ่งมีชีวิตเล็กๆ นี่ มันกลับกล้าที่จะหยุดทุกคนไม่ให้รวบรวมศพ

ดูเหมือนว่ามันอยากจะกินศพเพื่อนๆ ของเขาเป็นอาหารเย็นใช่ไหม?

‘แมงป่องสารเลวเอ๊ย!’

ชายที่อยู่ใกล้ที่สุด ก้าวออกมาข้างหน้า ง้างเท้ายกขึ้น เตรียมที่จะย่ำแมงป่องน้อยให้จมลงสู่ความตาย

แต่ทันทีที่ยกเท้าขึ้น ทั้งคนทั้งร่างของเขาก็ล้มลง

‘เอ๊ะ?’

‘นี่มันเกิดอะไรขึ้น’

คนอื่นๆ หันไปมอง และเริ่มตรวจสอบด้วยความระมัดระวังทันที

แต่เขาก็พบว่าชายคนนี้ได้ตายไปแล้ว

“ศัตรูลอบโจมตี!”

ชายคนหนึ่งบังเกิดปฏิกิริยาตอบสนอง เขาตะโกนก้อง

หลายสิบคนได้สติกลับคืน เร่งชักอาวุธประจำกายของตนออกมา เตรียมพร้อมต่อสู้

พวกเขาหันไปมองรอบๆ อย่างระแวดระวัง

จากนั้น ทั้งหมดก็ล้มลงกับพื้น

พวกเขาขาดใจตายลงอย่างกะทันหัน ไม่มีหลงเหลือเลย

ในความว่างเปล่า สีเขียวขจีค่อยๆผุดออกมา

แสงสีเขียวนี้บินจากหลายสิบศพที่มาใหม่ และกลับมาตกลงบนต้นไม้อีกครั้ง

เวลานี้ ต้นไม้แลดูเปล่งประกายสดใสมากขึ้นกว่าเดิม

เมื่อเห็นว่าผู้คนเหล่านี้ล้มเหลวในการแย่งอาหาร แถมยังกลับกลายเป็นอาหารซะเอง แมงป่องน้อยก็กระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ

มันส่งเสียงงึมงำๆ ไปทางต้นไม้ใหญ่

ต้นไม้ใหญ่ตอบกลับมา “ใช่ อาหารเย็นวันนี้อุดมสมบูรณ์จริงๆ และข้าคิดว่ามันน่าจะเพียงพอไปถึงวันพรุ่งนี้ เจ้าควรจะพอใจแล้วนะ ลูกชายของข้า”

แมงป่องน้อยพยักหน้า

“ก็ดี” ต้นไม้ใหญ่ถอนหายใจโล่งอก

พร้อมกันกับคำพูดของมัน ร่างศพทั้งหมดก็จมหายลงไปในผืนทราย

ผืนทรายอันกว้างใหญ่เริ่มเกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง

เม็ดทรายกระจัดกระจายไปทุกทิศทาง

พื้นดินสีดำเบื้องล่างขนาดใหญ่เท่าเมือง ค่อยๆยกตัวสูงขึ้น

พื้นดินสีดำนี้…

ไม่สิ นี่มันไม่ใช่พื้นดิน แต่เป็นผิวสีดำที่แข็งแกร่งและมีความทนทานสูงลิ่วต่างหาก!

ผิวอันแข็งแกร่งที่ปลดปล่อยกลิ่นอายความชั่วร้ายออกมาตามธรรมชาติ แผ่ขยายออกไปไกลสุดขอบฟ้า

แต่ในพริบตา ด้วยผิวที่สร้างขึ้นเองตามธรรมชาติอันโหดร้ายนี้ กลิ่นอายทั้งหมดพลันถูกสะกดข่มเอาไว้อย่างกะทันหัน ไม่เหลือทิ้งร่องรอยรั่วไหลใดๆ ออกมาอีกเลย

หลังจากนั้นไม่กี่ลมหายใจ ร่างของมันก็ได้เปิดเผยออกจากทรายโดยสมบูรณ์

ปรากฏว่ามันคือแมงป่องดำที่มีขนาดตัวเทียบเท่าได้กับเมืองเมืองหนึ่ง!

ตลอดทั้งตัวของมันเป็นสีดำ แลดูน่าหวาดกลัวจนไม่อยากจะเชื่อ

แม้ว่ามันจะหมอบนิ่งๆ อย่างเงียบๆ มิได้เคลื่อนกายไปไหน แต่เชื่อเถอะว่า หากทุกคนได้มาเห็นมันกับตา ไม่ว่าใครหัวใจก็คงแทบจะหยุดเต้น

ซึ่งที่หัวใจหยุดเต้นไปก็มิใช่อื่นใด แต่มันคือความหวาดกลัวของบุคคลที่มีต่อสิ่งมีชีวิตขนาดยักษ์! เป็นลางสังหรณ์แห่งความตายที่บังเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ มิใช่สิ่งที่จะสามารถหลีกเลี่ยงได้

สถานที่เดียวของแมงป่องยักษ์ที่ไม่เป็นสีดำ แต่เป็นสีเขียวโดดเดี่ยวก็คือต้นไม้ใหญ่

เป็นต้นไม้ใหญ่ที่สามารถต้านทานแรงลมและทรายอันไร้ที่สิ้นสุด

ซึ่งเมื่อทุกอย่างปรากฏออกมาแล้ว คุณจะพบว่าแท้จริงมันไม่ใช่ต้นไม้ธรรมดา แต่เป็นหางมฤตยูของแมงป่องต่างหาก!

ตลอดทั้งโลกที่ฟุ้งไปด้วยพายุทราย น่ากลัวว่าจะไม่มีอาวุธใด ร้ายแรงไปกว่าหางมฤตยูนี้อีกแล้ว!

“ไปเถอะ ได้เวลากลับบ้านแล้ว”

แมงป่องยักษ์ส่งเสียงหึ่งๆ

ซึ่งนี่เป็นเสียงเดียวกันกับต้นไม้ใหญ่ก่อนหน้านี้

แมงป่องน้อยส่งเสียงเล็กแหลมสองครั้ง ดูเหมือนว่ามันจะร้องขออะไรบางอย่าง

“ก็ได้ๆ เจ้าปีศาจน้อยโลภมากเอ๊ย ข้าจะให้เจ้าได้กินขนมขบเคี้ยวไปพลางๆ ก่อนก็แล้วกัน” แมงป่องยักษ์กล่าวด้วยรอยยิ้ม

เบื้องหลังมัน ปรากฏศพๆหนึ่งผุดขึ้นมา

แมงป่องน้อยค่อยๆ ย่องเข้าไปใกล้ๆ อย่างระมัดระวัง

และมันก็ค้นพบว่า นี่คือคนที่พยายามจะเหยียบมันในตอนแรก

แมงป่องน้อยปีนขึ้นไปบนใบหน้าของศพด้วยความพึงพอใจ

จากนั้นก็เริ่มกัดแทะ…

แมงป่องยักษ์เริ่มคืบคลานไปอย่างช้าๆ ท่ามกลางผืนทราย

“ชายคนที่จากไปก่อนหน้านี้ เจ้ายังต้องการจะกินเขาอยู่อีกหรือไม่?” แมงป่องยักษ์เอ่ยถาม

แมงป่องน้อยกำลังวุ่นอยู่กับการกิน มันไม่ยอมตอบ แต่ยกหางชูขึ้นมาจากเบื้องหลัง และกวัดแกว่งซ้ายขวา สุดท้ายชี้ลงมายังอาหารที่อยู่เบื้องหน้าแทน

“อืม เจ้าทำถูกต้องแล้ว หากเป็นคนที่หยาบคายเหล่านี้เจ้าย่อมสามารถกินได้เต็มที่ เพราะพวกมันไม่มีประโยชน์อื่นใดอีกนอกจากกลายมาเป็นอาหาร” แมงป่องยักษ์แสดงท่าทีพอใจ

“จิ จิ?” แมงป่องน้อยถามด้วยความสงสัย

แมงป่องยักษ์สอนสั่งสายเลือดของตัวเอง “เหตุผลที่ความสุภาพเป็นสิ่งสำคัญ นั่นเพราะท่ามกลางสิ่งมีชีวิตนับร้อยล้านพันล้านอันน่าเกรงขาม มันล้วนเต็มไปด้วยปริศนาที่ไม่รู้จัก แต่หากเจ้าแสดงมารยาทที่ดีต่อพวกเขา ให้เหมาะสมเหมือนกันกับเจ้าหนุ่มคนนั้น เจ้าก็จะสามารถมีชีวิตรอด อายุยืนยาวต่อไปได้อย่างแน่นอน”

“จิ จิ?”

แมงป่องน้อยโต้กลับ เหมือนว่าจะเข้าใจแต่ก็ไม่เข้าใจ

แล้วทั้งสองก็ค่อยๆ ไกลห่างออกไป

อีกด้านหนึ่ง

กู่ฉิงซานที่กำลังบินอยู่กลางอากาศจู่ๆก็ต้องลดระดับลงอย่างกะทันหัน

เขาไม่ลังเลเลยที่จะใช้ศิลาวิญญาณ จัดค่ายกลป้องกัน ค่ายกลแจ้งเตือน ค่ายกลปกปิด ค่ายกลโจมตี และค่ายกลกักวิญญาณ ซ้อนๆ ทับกัน

ซึ่งสิ่งที่ต้องแลกมา มันไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยเลย

อย่างไรก็ตาม กู่ฉิงซานจำเป็นต้องจ่ายศิลาวิญญาณเพื่อสิ่งเหล่านี้

เนื่องจากพลังวิญญาณของเขากำลังพลุ่งพล่านขึ้นมาอย่างฉับพลัน มันเข้าสู่สภาวะที่มิอาจระงับข่มได้

หรืออีกความหมายหนึ่งก็คือ

หายนะจากโทษทัณฑ์ที่สองของเขา ได้สิ้นสุดลง

ณ เวลานี้ กู่ฉิงซานได้ยกระดับขึ้นมาอยู่ในขอบเขตพันวิบัติขั้นปลายเป็นที่เรียบร้อย!

………………………………….