“ฮะ อือ อึก! อื้อ!”
แอสรันหลับตาฟังเสียงที่ดังอยู่เบื้องล่างตน ความพึงพอใจราวกับกำลังเพลิดเพลินกับทำนองเพลงอันอัศจรรย์พาดผ่านบนใบหน้าของเขา ส่วนล่างเขาขยับอย่างรวดเร็วต่างจากสีหน้าที่ดูผ่อนคลาย
ขณะที่เขาขยับสะโพกอย่างรุนแรง แก่นกายสีแดงเข้มที่ใหญ่จนน่ากลัวก็แทงเข้าไปในส่วนล่างอันบอบบางของนางอย่างไร้ความปรานี
“อ๊ะ อือ อื้อออ! ชะ ช้าหน่อย!”
เสียงอ้อนวอนอย่างสั่นเครือเพียงพอที่จะทำให้ทุกคนเห็นใจ แต่แอสรันกลับแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินและขยับกายเร็วยิ่งขึ้น
“อา อ๊ะอ๊ะ!”
ยิ่งเขาขยับ เสียงครางก็ยิ่งแหลมสูง แอสรันชื่นชอบเสียงเช่นนี้ของนางเหลือเกิน เสียงของนางที่สัมผัสแค่เพียงเขาโดยทิ้งทุกอย่างเอาไว้
เขาจำรายละเอียดไม่ได้แล้วว่าผ่านไปกี่วันหลังจากพาลีน่ากลับมา สิ่งที่เขาจำได้มีเพียงความจริงที่ว่าเขามีอะไรกับนางมาตลอด เขาสอดใส่เข้าไปนับครั้งไม่ถ้วนจนไม่รู้ว่าเมื่อวานถึงจุดสุดยอดไปกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง
เมื่อใดก็ตามที่นางล้มหมดสติลง แอสรันก็จะคอยดูแลและรอคอยจนกว่านางจะฟื้นขึ้นมาใหม่ ครั้นเมื่อได้สติกลับมาก็จะเริ่มมีอะไรกันอีกครั้ง คำพูดที่นางพึมพำออกมาว่า “เหมือนสัตว์เดรัจฉานเลย…” ในตอนหอบหายใจทำให้เขายิ้ม
ถูกต้อง เขาเป็นสัตว์เดรัจฉาน และหวังว่านางจะกลายเป็นสัตว์เดรัจฉานที่มาอยู่เคียงข้างเขาเช่นกัน
ชั่วขณะที่สัมผัสถึงส่วนที่ลึกที่สุดของนาง เขาที่ขยับเข้าออกส่วนล่างอย่างไร้สติก็หยุดการเคลื่อนไหว ส่วนนั้นของเขากระตุกและขยายใหญ่ขึ้น นางตระหนักขึ้นมาทันทีว่าเวลาแห่งการปลดปล่อยมาถึงอีกแล้ว ร่างกายตอดรัดผู้บุกรุกตามสัญชาตญาณ และชั่วขณะที่กำลังรู้สึกเสียวซ่านจนแทบคลั่ง
“แฮ่ก…!”
แอสรันใช้ความอดทนทั้งหมดถอนร่างออกมาจากสรวงสวรรค์ แก่นกายที่หลุดออกจากรูปลดปล่อยน้ำกามออกมา ชั่วพริบตา หน้าท้อง หน้าอกและใบหน้าของนางก็เปรอะเปรื้อนไปด้วยน้ำของเขา
ลมหายใจถี่กระชั้นของลีน่าสงบลงแล้ว มือที่ประสานค่อยๆ ลื่นหลุดและตกลงบนเตียงนอน ท่าทางเช่นนั้นทำให้แอสรันรู้ว่านางหมดสติไปอีกแล้ว
“เฮ้อ…”
แอสรันจับส่วนนั้นของตนที่ค่อยๆ หดตัว สายตาของเขามีความกังวลแวบผ่าน เขายังไม่พึงพอใจ กอดนางที่สลบไปแบบนี้อีกสักครั้งดีไหม? หลังจากนั้นนางก็น่าจะลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง แล้วจ้องเขม็งอย่างขุ่นเคือง แต่เดี๋ยวสายตาคู่นั้นก็จะถูกย้อมไปด้วยความสุขสมอีกครั้ง
สุดท้ายแอสรันก็ถอนหายใจและถอนตัวออกมา จากนั้นกอดนางที่หมดสภาพไว้ในอ้อมแขน ทันทีที่มือของเขาช่วยเช็ดน้ำกามที่กระเซ็นใส่หน้า นางก็ส่งเสียงครางแผ่วเบา แอสรันมองหน้าอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนก้มหัวลงอย่างเชื่องช้า
เป็นการจุมพิตที่ระมัดระวังจนยากจะเชื่อว่านี่คือคนที่ร่วมรักอย่างหยาบคายและรุนแรงจนถึงเมื่อครู่ก่อน ลมหายใจที่พัวพันกันทำให้ลีน่านิ่วหน้าเล็กน้อย แอสรันคลี่ยิ้มออกมาทันที
ผ่านไปครู่หนึ่ง สายตาของเขาก็มองไปยังร่องรอยของตนที่ยังหลงเหลืออยู่บนหน้าอกและหน้าท้องของนาง หากปล่อยไว้เช่นนี้ อีกเดี๋ยวคงจะกลายเป็นคราบ แอสรันเอื้อมมือออกไปเพื่อเช็ดให้ แต่เมื่อเห็นเตียงนอนที่ยุ่งเหยิง เขาก็เดาะลิ้นแล้วอุ้มลีน่าขึ้น
ประตูเปิดออกเองราวกับมีข้ารับใช้ในทุกเส้นทางที่เขาเดินผ่าน ตอนที่เขาไปถึงห้องอาบน้ำ ก็พร้อมสำหรับอาบน้ำเรียบร้อยแล้ว
แม้จะเรียกว่าห้องอาบน้ำ แต่อันที่จริงเป็นสถานที่ที่มีอ่างขนาดใหญ่ถูกจัดเตรียมไว้ กระเบื้องสีฟ้าแบบต่างๆ สร้างลวดลายงดงามและถูกฝังอยู่อย่างถี่ยิบที่พื้นของอ่าง บนเพดานและผนังยังมีของตกแต่งสีขาวและสีทองจับจองพื้นที่ไว้อย่างประณีต หากพูดถึงความหรูหรา นับเป็นสถานที่ที่ไม่ด้อยไปกว่าที่ไหนในแผ่นดิน
ใครจะไปนึกว่าสิ่งที่เขาสนใจอยู่บ้างเล็กน้อยเพื่อบรรเทาความเบื่อหน่ายของเวลาอันแสนยาวนานที่ต้องใช้ในโลกฝั่งนี้จะถูกใช้แบบนี้กัน
แอสรันอุ้มนางเดินเข้าไปในอ่าง เมื่อน้ำอุ่นที่ชวนให้รู้สึกดีอย่างพอเหมาะโอบล้อมเรือนร่าง เสียงร้องครางอย่างผ่อนคลายก็ดังออกมาจากปากของลีน่าทันที แอสรันใช้ฝ่ามือวักน้ำอุ่นขึ้นมาเทเหนือรอยคราบที่ติดอยู่ตรงหน้าอก ทำซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่หลายครั้ง สิ่งที่เริ่มแห้งก็ถูกชำระล้างด้วยน้ำและหายไป ทันใดนั้น ดอกไม้สีแสงที่เขากัดและดูดพลันเผยขึ้นมาบนเรือนร่างของนาง
แอสรันทำความสะอาดลีน่าอยู่แบบนั้นสักพัก ก่อนจะอุ้มนางขึ้นมานั่งและสำรวจดูนางช้าๆ
‘น่าจะเตรียมไว้มากกว่านี้’
แม้เขาจะไม่เคยต้องการ แต่พวกคนที่อาศัยอยู่ในเกาะจอมเวทก็ยังบูชาแอสรันเป็นพระเจ้าและส่งสิ่งของจำนวนมากไปที่หอคอยเพื่อเป็นเครื่องบรรณาการอย่างสม่ำเสมอ อย่างไรเขาก็ไม่สนใจสิ่งที่พวกมนุษย์กระทำอยู่แล้วจึงปล่อยให้พวกเขาทำตามใจชอบ แต่หากเขารู้ว่าของที่ได้รับในตอนนั้นจะนำมาใช้กับลีน่า เขาคงจะใส่ใจมันมากกว่านี้
ทันทีที่แอสรันโบกมือน้อยๆ พื้นที่ก็พลันบิดเบี้ยวและเริ่มแตกร้าว หลังจากนั้นไม่นาน อีกด้านหนึ่งพลันมีเครื่องประดับกว่าร้อยชิ้นเทกระจาดลงมา เสียงซู่ซ่าดังขึ้น ท่ามกลางสิ่งของที่จมดิ่งลงไปใต้น้ำ แอสรันหยิบสร้อยคอที่มีอัญมณีหรูหราและเม็ดใหญ่ที่สุดฝังอยู่ขึ้นมาสวมที่คอลีน่า
อัญมณีสีแดงเลือดส่องประกายอยู่เหนือผิวขาวสว่าง แอสรันมองมันด้วยแววตาพึงพอใจ และหยิบของอย่างอื่นขึ้นมาอีก ของที่สวมอยู่บนตัวนางค่อยๆ มากขึ้นเรื่อยๆ ที่คอ ที่แขน ที่ขา และที่เอว
สมัยก่อน เขาเคยนึกสงสัยว่าเหตุใดมนุษย์ถึงได้สร้างของเช่นนี้ขึ้นมาและสวมมัน แต่ตอนนี้ ดูเหมือนเขาจะเข้าใจความรู้สึกนั้นขึ้นมาบ้างแล้ว
‘แต่ว่านะ…’
นิ้วมือของเขาดันอัญมณีเม็ดใหญ่ที่ห้อยอยู่ตรงคอ ทันใดนั้น ร่องรอยแดงที่อยู่ใต้ล่างก็เผยให้เห็นอีกครั้ง แอสรันจุมพิตลงเหนือรอยนั่น
นางสวมอัญมณีเหล่านี้แล้วงดงามก็จริง แต่การไม่สวมอะไรเลยจะยิ่งงดงามที่สุด
พอเขาจุมพิตและดูดหน้าอก ส่วนล่างของเขาก็เริ่มยกหัวขึ้นมาอีกครั้ง
“จิ๊”
เมื่อตระหนักได้ถึงมัน แอสรันก็เดาะลิ้นอย่างหงุดหงิดใจ เขารู้เหตุผลที่ไม่ว่าเขาจะมีอะไรกันมากเท่าไรก็ยังไม่พอใจสักทีเป็นอย่างดี แม้จะถึงจุดสุดยอด แต่เขาก็ไม่ได้ปลดปล่อยน้ำกามของตนในตัวลีน่า
‘ถึงจะไม่ง่ายก็เถอะ แต่อย่างไร…’
ตอนนี้นางอยู่ในสภาพที่สูญเสียพลังศักดิ์สิทธิ์ หากนางตั้งท้องลูกของเขาทั้งอย่างนี้ ใครจะรู้ว่าปีศาจที่เกิดขึ้นในสายรกของนางจะเติบโตรวดเร็วมากแค่ไหนและชีวิตของนางอาจจะตกอยู่ในอันตรายก็ได้
‘แล้วทำไม…’
หลังจากเป็นกังวลต่อร่างกายของลีน่า แอสรันก็เกิดความสงสัยกับการกระทำของตนเอง
นางเป็นตัวเมียของเขา เป็นตัวเมียที่มีเพื่อตั้งท้องลูกของเขา ทว่า ตอนนี้เขากลับไม่คาดหวังลูกจากนาง
แอสรันใช้มือที่เปียกน้ำลูบหน้า หากไม่ให้นางเป็นตัวเมียของเขา แล้วเขาคิดว่านางเป็นอะไร
ติ๋ง ติ๋ง ภายในห้องอาบน้ำมีเพียงเสียงหยดน้ำที่ไหลจากเส้นผมสะท้อนอย่างเงียบงัน
ใบหน้าของแอสรันที่หยุดนิ่งอยู่ครู่หนึ่งพลันบิดเบี้ยว
ใช่แล้ว บัดนี้นางไม่ใช่ตัวเมียของเขาอีกต่อไป นางเป็น…
“…คู่ชีวิตของข้า”
นางที่ไม่รู้ว่าคำคำนั้นมีความหมายอย่างไรสำหรับปีศาจ ยังคงนอนหลับอย่างเงียบสงบ
ตัวเมียที่คลอดลูกให้ปีศาจถือเป็นตัวตนที่ล้ำค่ายิ่งนัก
พวกปีศาจคาดหวังอย่างยิ่งที่จะมีลูกเป็นของตัวเอง แต่แม้จะเรียกว่าลูก ในความเป็นจริงเรียกได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของตนเอง เพราะยิ่งมีจำนวนมากเท่าไร พลังของตนก็ยิ่งแกร่งกล้ามากเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าพลังเวทจะแข็งแกร่งเพียงใด ก็มักจะเกิดเหตุการณ์ที่ตัวเมียเสียชีวิตจากการโอบอุ้มลูก ดังนั้นการตั้งท้องลูกของปีศาจจึงพบเห็นไม่บ่อยนัก เพราะฉะนั้น หากมีใครเสนอตัวจะคลอดลูกของตนให้ พวกเขาก็จะให้และรับฟังสิ่งที่ต้องการทุกอย่าง
ตัวผู้จะทุ่มเทและดูแลเอาใจใส่อย่างเต็มที่จนกว่าตัวเมียของตนจะตั้งท้องและคลอดลูกออกมา แต่ก็หยุดแค่ตรงนั้น เมื่อใดที่ลูกเกิดออกมาแล้ว ความสัมพันธ์ก็จบลงตรงนั้น ตัวเมียสำคัญก็จริง แต่ก็เป็นความสัมพันธ์ที่มีข้อแลกเปลี่ยน ดังนั้นเมื่อข้อแลกเปลี่ยนสิ้นสุดลงก็ไม่ใช่ตัวตนที่จำเป็นสำหรับอีกฝ่ายอีกต่อไป
‘ไม่’
แอสรันรู้สึกอึดอัดใจอย่างยิ่งทันทีที่คิดว่าสักวันหนึ่งการแลกเปลี่ยนระหว่างลีน่ากับเขาจะจบลง และไม่มีเรื่องให้พบกันอีกแล้ว
ต่อให้ลูกเกิดออกมาแล้ว แอสรันก็ยังต้องการให้นางอยู่เคียงข้างเขา
ให้นางเอ่ยเรียกชื่อเขาและร้องขอสิ่งต่างๆ มากมายอย่างไม่มีที่สิ้นสุด แล้วเขาก็จะทำตามคำขอของนางให้สำเร็จด้วยจิตใจอันเบิกบานไปตลอด ภาพของนางที่มองดวงอาทิตย์ตกด้วยสีหน้าที่ราวกับจะไม่พลาดไปสักเสี้ยววินาทีตอนที่ทั้งสองคนบินขึ้นไปบนฟ้า เขาจดจำภาพนั้นได้โดยไม่พลาดแม้แต่เส้นผมที่พลิ้วไหวสักเส้นเดียว
นางอยากเห็นทุกสิ่งทุกอย่างบนโลก เช่นนั้นแล้วเขาก็อยากดูแลนางให้ปลอดภัยจนกว่าจะหมดลมหายใจ จนกว่าจะเป็นก้าวเดินสุดท้ายที่นางก้าวออกไป
ไม่ใช่ข้อแลกเปลี่ยนที่ต่างคนต่างได้รับสิ่งที่ต้องการ แต่คือความรู้สึกที่อยากให้ทุกอย่างโดยที่ไม่ได้สัญญาอะไรกับนาง แอสรันรู้ดีว่ามันคืออะไร
บัดนี้ แอสรันพบว่าเขากำลังคิดว่าเรื่องของลูกจะเป็นอย่างไรก็ไม่สำคัญแล้ว
สิ่งที่หวังไม่ใช่ลูก แต่คือหัวใจของนาง
แอสรันอุ้มนางที่ตัวเปียกขึ้น ห่อด้วยผ้าขนหนูผืนใหญ่ แล้วเดินไปที่ห้องนอน เขานั่งลงบนเตียง แล้วเริ่มเช็ดร่างที่อยู่ในอ้อมแขนอย่างพิถีพิถัน เป็นเพราะกังวลว่าเครื่องประดับที่เขาสวมให้จะสร้างบาดแผลบนผิวบอบบาง มือของเขาจึงระมัดระวังยิ่งกว่าจับถ้วยแก้วที่แตกง่ายเสียอีก
ไม่รู้เพราะนางรู้สึกเจ็บยอดอกที่ถูกขบกัดและดูดหรือไม่ จึงได้ส่งเสียงครางและนิ่วหน้าทันทีที่เขาคลุมหน้าอกอวบอิ่มที่จับเต็มมือด้วยผ้าขนหนูอย่างระวัง เขาทั้งเห็นใจแต่ขณะเดียวกันก็ยิ่งเกิดความรู้สึกอยากแกล้งอย่างน่าประหลาด เพราะเขารู้ว่านางจะคิดถึงแต่เรื่องเขาในช่วงเวลาที่ถูกแกล้ง
หลังจากแอสรันเช็ดตัวให้ลีน่าเสร็จ ก็สวมชุดที่ทำจากผ้านุ่มๆ เพื่อไม่ให้รู้สึกหนาว แล้ววางบนเตียงนอน พูดตามตรงตอนนี้สัญญาพวกนั้นเริ่มเลือนหายไปจากหัวของเขาแล้ว ขอเพียงได้อยู่กับนางที่นี่ไปตลอดกาลโดยไม่ต้องคิดอะไรทั้งสิ้น เขาก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว
ไม่สิ สิ่งที่ต้องการยังมีอีกอย่าง
เขาอยากให้นางยิ้มให้เขาตอนที่ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง เอ่ยเรียกชื่อเขาด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน บอกว่าต้องการแค่เพียงเขา เช่นนั้นแล้วไม่ว่าเรื่องอะไรเขาก็ทำได้ทั้งนั้น
ขณะที่แอสรันกำลังคิดเช่นนั้นเอง
“อึก…”
เปลือกตาของลีน่าที่ดูเหมือนจะปิดไปอีกสักพักสั่นน้อยๆ ก่อนที่เสียงครางอย่างอ่อนล้าจะดังขึ้น ขณะที่แอสรันเดินเข้าไปหานางเพราะตกใจที่เห็นดังนั้น นางก็ลืมตาพรวดขึ้นมา
นัยน์ตาสีฟ้าสว่างจ้องแอสรันเงียบๆ สายตาคู่นั้นดูไม่คุ้นเคย แถมยังเป็นสายตาที่ไร้ความรู้สึกอย่างสิ้นเชิง
“ลีน่า…?”
เห็นได้ชัดว่าคือนาง แต่สายตาที่ทำให้รู้สึกเหมือนเป็นคนอื่นทำให้แอสรันตกใจจนเรียกนางออกไป ทันใดนั้น หลังจากกะพริบตาอยู่หลายครั้ง นางก็ลุกขึ้นอย่างฉับพลัน แล้วโผเข้ากอดเขา
“ลีน่า ทำไม…”
“แอสรัน”
นางกอดแอสรันและกระซิบชื่อของเขาที่ข้างหู คำพูดเพียงคำเดียวก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้สติของแอสรันเป็นอัมพาต ทว่า นางกลับไม่หยุดแค่นั้น มือที่โอบลำคอไล้ลงไปตามคอหนาของอีกฝ่าย
กล้ามเนื้อที่ถูกดูแลอย่างดีพลันกระตุกในทุกที่ที่นิ้วเรียวขาวเฉียดผ่าน นิ้วที่ลากลงมาตามแนวไหล่หายเข้าไปในเสื้อที่แอสรันใส่อย่างยุ่งเหยิง ปลายเล็บแหลมข่วนไปที่แผ่นหลังของเขาอย่างระมัดระวัง
แอสรันลมหายใจสะดุด การกระทำที่ไม่คาดคิดของลีน่าทำให้ไฟราคะถูกจุดขึ้นในตัวเขาในพริบตา
จนถึงตอนนี้ มีแต่เขาที่ปรารถนาในตัวนางก่อน เขาใคร่ ส่วนนางรับ ทว่าตอนนี้นางกำลังต้องการเขาก่อนเป็นครั้งแรก เอื้อก ลูกกระเดือกขยับอย่างรุนแรงเพื่อกลืนความปรารถนาอันยิ่งใหญ่ที่ไร้รูปร่าง
มือที่ข่วนแผ่นหลังของเขากลับมาด้านหน้าโดยไม่รู้ตัว จากนั้นก็ค่อยๆ เริ่มถอดเสื้อผ้าของเขาทีละชิ้น
สิ่งที่ทำให้ปีศาจผู้แข็งแกร่งทำไม่ได้กระทั่งขยับเขยื้อนกลับไม่ใช่เวทมนตร์ ไม่ใช่ดาบแหลม แต่เป็นสัมผัสมือนุ่มนิ่มจากคนที่เขารัก
ผ้าที่ปกปิดตัวเขาตกลงบนเตียงนอนระหว่างที่เขาอยู่นิ่งอย่างไม่รู้ต้องทำอย่างไร ชั่วขณะที่มือของลีน่าสัมผัสกับส่วนล่างที่ตั้งโด่ แอสรันก็หยุดหายใจทันที
“ฮึก!”
ทันใดนั้น ร่างกายของนางที่ก้มศีรษะก็สั่นน้อยๆ คล้ายกับกำลังหัวเราะ แววตาของนางที่เห็นเมื่อครู่ก่อนยังกวนใจเขาไม่หยุด แอสรันจึงอยากมองนางอีกสักครั้ง ทั้งยังสงสัยว่าใบหน้าของนางที่ต้องการเขาเป็นอย่างไรด้วย
ตอนที่แอสรันกำลังจะเชยคางของนางขึ้น นางก็ขยับมือดึงกางเกงของเขาลง แล้วก้มใบหน้าของตนเองลงไปหาแก่นกายที่ผงาดตั้งอย่างแข็งกร้าวของเขา
“อึก!”
ความรู้สึกที่สมองถูกแผดเผาคงเป็นเช่นนี้กระมัง แอสรันรู้สึกราวกับโลกกำลังละลาย ประสาทสัมผัสและความคิดทั้งหมดหลอมรวมกันอย่างไร้ขีดจำกัด กลายเป็นกลุ่มก้อนขนาดใหญ่ เขาไม่อาจคิดอะไรทั้งสิ้น สิ่งที่เขาทำได้มีเพียงยอมรับแรงบีบคั้นอันบอบบางที่หลั่งไหลออกมาจากตัวเขา
ริมฝีปากแดงนุ่มนิ่มบดเบียดปลายหัวที่ตั้งตระหง่าน มือเล็กคว้าแท่งเนื้อสีแดงเข้มเอาไว้ แล้วลูบมันขึ้นลงอย่างเชื่องช้า
“ฮา… ฮึก…”
เขาควรจะให้นางลุกขึ้น และถามว่าทำไมจู่ๆ ก็ทำแบบนี้
สติส่วนสุดท้ายที่เหลืออยู่บอกกับเขาเช่นนั้น แต่ร่างกายของแอสรันได้พ่ายแพ้ต่อผู้บุกรุกอย่างสมบูรณ์ไปแล้ว ยิ่งศีรษะของนางขยับ เสียงลมหายใจที่ลอดผ่านช่องฟันที่ขบกัดก็ยิ่งหนักหน่วงขึ้น ส่วนนั้นของเขาขยับเข้าออกปากของนางซ้ำแล้วซ้ำเล่า และมันวาวไปด้วยน้ำกามที่หลั่งออกมา ทันใดนั้น ทันทีที่นางกัดและดูดส่วนนั้นเข้าไปจนสุด แอสรันก็ปลดปล่อยน้ำของเขาออกมาอย่างทนไม่ไหว
“ลีน่า ข้าจะ…!”
ขณะที่เขารีบจับนางที่ยังก้มหัวกัดส่วนนั้นของเขายกขึ้น นางก็กลืนน้ำของเขาที่หลั่งเข้าไปในปากแล้ว ความตื่นตระหนกและความปรารถนาที่จะพิชิตซึ่งถูกเติมเต็มมากกว่าที่เคย ทำให้แอสรันหยุดเคลื่อนไหว นางที่ก้มศีรษะอยู่ครู่ใหญ่ลุกขึ้นและดึงเขาเข้าไปกอด แล้วเบียดหน้าอกขาวอวบอิ่มที่ใบหน้าของเขาเล็กน้อยพลางกล่าวอย่างออดอ้อน
“แอสรัน กอดข้า”
ดวงตาของนางที่เขามองไม่เห็นกำลังเปล่งประกายลุกโชน อีเบลลีน่ากล่าวด้วยน้ำเสียงของลีน่า
“กอดข้าได้เท่าที่ท่านต้องการ”
***
ควับ!
ปีศาจตัวหนึ่งถูกผ่าเป็นสองท่อนด้วยดาบของราธบัน มันถูกผ่าอย่างแม่นยำเกินไป ปีศาจจึงโอนเอนไปมาและพบว่าอีกครึ่งหนึ่งของมันร่วงลงไปโดยยังไม่ทันได้ยอมรับความตาย นั่นคือภาพสุดท้ายที่ปีศาจตัวนั้นได้เห็นในโลกใบนี้
“อ๊ากกก!”
เสียงร้องของชาวบ้านดังขึ้นด้านหลังโดยที่ยังไม่มีเวลาให้เช็ดเลือดของปีศาจที่สาดกระเซ็นใส่ใบหน้า ราธบันหมุนตัวกลับ ตรงนั้นมีปีศาจกำลังอ้าปากกว้างเพื่อจะกินเด็กทารก ราธบันเขวี้ยงดาบที่อยู่ในมือไปอย่างไม่ลังเล หนังหนาถูกฟันขาด กระดูกหักเสียงดัง เวลาเดียวกับที่แขนของปีศาจและเด็กทารกกลิ้งไปบนพื้น
แม่ของเด็กที่กำลังจะหมดสติคลานเข้าไปอย่างบ้าคลั่งและคว้าลูกตนเองมากอดแนบอก ปีศาจโกรธเกรี้ยวกับเรื่องที่ของกินที่กำลังจะเข้าปากหายไปมากกว่าเรื่องที่มือของมันถูกตัดขาดเสียอีก มันยื่นมือข้างที่เหลือไปหาแม่ลูกคู่นั้น ทว่าก่อนที่มือข้างนั้นจะได้เข้าไปใกล้ มันก็ถูกราธบันเตะอย่างแรง ลอยขึ้นกลางอากาศไป
แม่เด็กกอดลูก ก่อนจะกรีดร้องแล้ววิ่งหนีไปอย่างไร้สติ หลังจากราธบันตรวจสอบว่าทางที่นางวิ่งไปไร้ปีศาจ ก็หยิบดาบที่ตกอยู่บนพื้นขึ้นมาฟันคอปีศาจ
“หัวหน้า!”
ก่อนที่คอของปีศาจจะได้ร่วงลงสู่พื้นดิน เสียงของอัศวินที่ตามหาเขาก็ดังขึ้น
“ทางฝั่งลานกว้าง!”
“มีจำนวนเพิ่มขึ้นขอรับ!”
ได้ยินดังนั้น ราธบันก็เงยหน้ามองฟ้า เฮกซ่าที่กำลังกระพือปีกอยู่เหนือหมู่บ้านยังคงจ้องราธบันเขม็ง
‘มันรู้จักใช้สมองสินะ’
ดูเหมือนปีศาจตัวนั้นจะตระหนักได้ว่าหากปะทะกับเขาโดยตรง มันจะบาดเจ็บสาหัสหรือไม่ก็ต้องล่าถอยไป เป็นอย่างที่คาดไว้ พอราธบันเรียกพลังศักดิ์สิทธิ์ของเขาออกมาห่อหุ้มดาบ เฮกซ่าก็ส่งเสียงดุร้ายพลางเรียกปีศาจตัวเล็กออกมาอีกครั้งทันที
เฮกซ่าใช้ปีศาจอ่อนแอใต้ปกครองของมันผลาญพละกำลังของหน่วยอัศวินแห่งวิหาร จากนั้นก็ค่อยโฉบตะครุบพวกเขา
ราธบันเอ่ยถามอัศวินที่เข้ามาหา
“คุณอีริสเล่า?”
“อยู่ที่หอประชุมของหมู่บ้านกับเดอร์บัลขอรับ!”
ได้ยินดังนั้น ราธบันก็พยักหน้า ตอนนี้สถานที่ที่พวกเขากำลังปกป้องอยู่ก็คือหอประชุมของหมู่บ้าน แม้คนที่สามารถหลบหนีได้จะออกจากหมู่บ้านไปหมดแล้ว แต่คนที่สูญเสียครอบครัวหรือคนที่บาดเจ็บยังไม่อาจออกไปจากหมู่บ้านได้โดยง่าย และหากอยู่เช่นนั้นเฉยๆ ปีศาจที่บินไปมาอยู่บนฟ้าก็จะต้องบินโฉบลงมาราวกับนกอินทรีย์หิวโหยที่ลงมาจับหนูเป็นแน่ เหล่าอัศวินจึงพาคนเหล่านั้นเข้าไปในหอประชุมของหมู่บ้าน
“ดูรอบข้างให้ดี ต้องตีเฮกซ่าให้ได้ก่อนจะยืดเยื้อ”
“ขอรับ หัวหน้า!”
เมื่อเห็นแววตาของราธบันที่สงบนิ่งจนเย็นชา เหล่าอัศวินก็ตอบรับอย่างฮึกเหิม แม้จะเห็นเฮกซ่าเติบโตขึ้น แต่ราธบันหาได้แสดงความหวาดกลัวใดๆ ทั้งสิ้น
ราธบันปรับท่าทางจับดาบ เขาต้องจับเฮกซ่าให้ได้ก่อนที่พละกำลังของเขาจะเหือดหาย
‘ถ้าอย่างนั้นแล้ว…’
เขาจะต้องจับเฮกซ่าให้ได้ในครั้งเดียวอย่างไร้ข้อผิดพลาด พลังศักดิ์สิทธิ์สีฟ้าครามส่องประกายอย่างแรงกล้าบนดาบที่เขาจับไว้แน่น