หน้าแรกของหนังสือเริ่มเกริ่นจากประโยคที่ว่า
‘ท่ามกลางโลกเก้าร้อยล้านชั้น มันเต็มไปด้วยโลกมากมาย ไร้ที่สิ้นสุด’
และในบรรดาโลกมากมาย ไร้ที่สิ้นสุดเหล่านั้น จะมีบางโลกที่พิเศษ แตกต่างออกไป
โลกที่พิเศษออกไปนี้ คือโลกแรกๆ ที่ถือกำเนิดขึ้น และบางโลกยังถึงขั้นดำรงอยู่มาก่อนที่ทวยเทพจะถือปรากฏขึ้นซะอีก
อธิบายคร่าวๆ เช่นนี้ก็น่าจะเดาออกแล้ว ใช่ มันคือโลกที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ มิใช่โลกที่ถูกสร้างขึ้นโดยเทพวิญญาณ
โลกดังกล่าวนี้ จะถูกเรียกรวมๆ กันว่า ‘โลกยุคก่อนประวัติศาสตร์’
และโลกที่กู่ฉิงซานอยู่ในขณะนี้ ก็คือ ‘โลกยุคก่อนประวัติศาสตร์’
ไม่มีใครรู้ว่ามันดำรงอยู่มานานแค่ไหน แต่ที่แน่ๆ มันย่อมข้ามผ่านเหตุการณ์ต่างๆ มามากมายยิ่งกว่าโลกนับล้านๆ ใบในปัจจุบัน
เพียงเพราะโลกยุคก่อนประวัติศาสตร์มันมีแหล่งกำเนิดที่มีคุณสมบัติอย่างหนึ่งที่ไม่เหมือนใคร
นั่นคือ ‘ไม่มีวันดับสูญ’
ทุกสรรพสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นโดยเทพวิญญาณ เมื่อมีจุดเริ่มต้น ก็ย่อมต้องมีจุดสิ้นสุด
ทว่าโลกยุคก่อนประวัติศาสตร์หาใช่ไม่ เพราะมันครอบครองคุณสมบัติ ‘ไม่มีวันดับสูญ’ อยู่
กระทั่งช่วงเวลาที่หน้าประวัติศาสตร์เกิดภัยพิบัติร้ายแรงขึ้น โลกยุคก่อนประวัติศาสตร์ก็เพียงแค่พังทลายลงชั่วคราวเท่านั้น
แต่หลังจากนั้นเพียงไม่กี่ปีต่อมา กฎเกณฑ์แห่งโลกก็จะกลับมารวมตัวกันอีกครั้ง
แล้วโลกยุคก่อนประวัติศาสตร์ก็จักถือกำเนิดขึ้นใหม่อีกครา
แน่นอน ว่าการถือกำเนิดใหม่ของโลกยุคก่อนประวัติศาสตร์ ย่อมต้องมีบางสิ่งแตกต่างไปจากที่เคยเป็นมาเล็กน้อย
ท่ามกลางโลกนับล้านล้าน เจ้าคุณสมบัติ ‘ไม่มีวันดับสูญ’ ที่ครอบครองพลังเหนือล้ำยิ่งกว่าเทพวิญญาณนี้ มันได้กลายเป็นหนึ่งในสิ่งที่เหล่าตัวตนทรงอำนาจให้ความสนใจมากที่สุด
อย่างในโลกที่เต็มไปด้วยทะเลทรายแห่งนี้เอง โดยสิ้นเชิงแล้ว มันเคยตกอยู่ภายใต้การครอบครองของตัวตนทรงอำนาจทั้งสิ้นสามสิบเจ็ดคน มีการพังทลายลงตามธรรมชาติมาแล้วกว่าหกสิบเอ็ด ครั้ง เกิดหายนะครั้งใหญ่เก้าครั้ง และตกอยู่ในสภาวะสงครามกว่าเจ็ดพันเก้าร้อยยี่สิบห้าคราว
หนังสือเล่มนี้ ที่อยู่ในมือของกู่ฉิงซาน เป็นหนังสือที่บันทึกรายละเอียดก่อน และหลังการล่มสลายครั้งที่ห้าของโลกทะเลทราย
ในเวลานั้น มีจ้าววงการที่แข็งแกร่งเป็นพิเศษ ได้โค่นอดีตเจ้าของโลกทะเลทราย และกลายเป็นผู้ครอบครองมันคนใหม่แทน
ส่วนในเรื่องที่เขาแข็งแกร่งเป็นพิเศษ นั่นก็เพราะเขามีความสามารถเฉพาะอยู่อย่างหนึ่ง นั่นก็คือ…
ก๊อบปี้ตัวเอง
เขาสามารถก๊อบปี้ตัวเองได้อย่างสมบูรณ์แบบ
นี่แตกต่างไปจากเทคนิคมนตราแยกร่างหรือสร้างร่างอวตาร แต่มันคือการผลิตคนที่มีชีวิตอย่างแท้จริง
ซึ่งร่างที่เกิดขึ้นมา จะเหมือนกับอย่างไรเกิดใหม่ ไม่เว้นกระทั่งในด้านของความแข็งแกร่ง
ทว่าเมื่อร่างใหม่ได้รับการฝึกปรืออย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่แรกเริ่ม จนก้าวกระโดดขึ้นมายังจุดสูงสุดของตัวต้นแบบได้อีกครั้ง
เมื่อก้าวมาถึงตัวต้นแบบในระดับจ้าววงการได้แล้ว ร่างก๊อบปี้ก็จะเริ่มสร้างตัวก๊อปี้ของตัวเองขึ้นมาอีกคราว และดำเนินกระบวนการดั่งที่กล่าวไปข้างต้นเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ
ด้วยวิธีนี้ คนใหม่ก็จะเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ความแข็งแกร่งของเขาก็จะเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด โดยไม่ได้รับอันตรายใดๆ
ในช่วงเวลาที่จ้าววงการคนนี้เอาชนะเจ้าของโลกทะเลทราย เขาก็ก๊อบปี้ตนเองไปได้กว่าเจ็ดสิบคน!
กล่าวได้ว่าตัวเขาเพียงคนเดียว แต่กลับมาสามารถสำแดงพลังได้เทียบเท่ากับตัวเขาเองเจ็ดสิบคน!
ส่วนเหตุผลที่เขาเข้ายึดครองโลกทะเลทรายนี่ก็เพื่อต้องการที่จะศึกษากฎเกณฑ์ของคุณสมบัติ‘ไม่มีวันดับสูญ’ ของโลกใบนี้
ตอนแรก ทุกอย่างก็เป็นปกติดีอยู่หรอก
เขาได้รับข้อมูลเชิงลึกมากมายจากการตรวจสอบโลกใบนี้
อย่างไรก็ตาม ทันใดนั้น วันหนึ่งจ้าววงการที่แข็งแกร่งคนนี้ ที่เริ่มศึกษากฎ ‘ไม่มีวันดับสูญ’ ก็เริ่มกลายเป็นบ้า
ร่างก๊อบปี้ของเขาเจ็ดสิบกว่าคนได้โจมตีกันเอง และไม่เพียงสังหารตนเองตกตายลงเท่านั้น แต่ยังถึงขั้นทำลายโลกทั้งใบลงอีกด้วย
รายละเอียดทั้งหมดจบลงเพียงเท่านี้ กู่ฉิงซานอ่านจบ ก็ปิดหนังสือลง
หนังสือเอ่ยถาม “คุณต้องการที่จะดูเนื้อหาอื่นๆอีกหรือไม่?”
กู่ฉิงซานมองไปข้างหน้า
ที่ปากทางเข้าเมือง ทหารติดอาวุธนับสิบ กำลังเฝ้ามองดูฝูงชนอย่างใกล้ชิด
เมื่อใดก็ตามที่มีคนเดินเข้าประตูไป ทหารทั้งหมดจะกุมปืนเตรียมเล็งไปทางคนคนนั้น เพื่อเตรียมพร้อมไว้ก่อน หากเกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน จะได้จัดการได้อย่างทันท่วงที
ขณะเดียวกัน ผู้ที่ต้องการจะเข้ามาในเมือง ก็จะต้องยื่นมือออกมา และวางมันลงบนหนังสือเล่มหนึ่งที่ลอยอยู่ในอากาศ
มันคือหนังสือปกเงินหนา
หนังสือเล่มนี้มีชื่อเรียกว่า ผู้ตรวจสอบสิ่งมีชีวิต
ผู้ตรวจสอบสิ่งมีชีวิตจะเป็นผู้ตัดสินว่า สมควรอนุญาตให้บุคคลเบื้องหน้าได้รับสิทธิ์ในการเข้าไปในเมืองหรือไม่
ในขณะนี้ คิวค่อนข้างยาว และการตรวจสอบก็เป็นไปอย่างเชื่องช้า กู่ฉิงซานเองก็ไม่รู้ว่าจะต้องต่อคิวไปถึงเมื่อไหร่
กู่ฉิงซานกล่าว “ถ้าเป็นไปได้ ฉันอยากจะหาอะไรอ่านก่อน เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับโลกใบนี้ รบกวนหน่อยนะ”
“โปรดรอสักครู่”
หนังสือรับคำ และบินขึ้นไปบนท้องฟ้า
ไม่นานนัก หนังสืออีกเล่มหนึ่งก็ตกลงเบื้องหน้ากู่ฉิงซาน
กู่ฉิงซานพลิกหน้ากระดาษของมัน และเริ่มตั้งใจอ่านอย่างจริงจัง
หนังสือเล่มนี้เป็นเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับอารยธรรมที่เกิดขึ้นในโลกทะเลทรายแห่งนี้
มันเป็นโลกอารยธรรมด้านมนตรา ซึ่งได้มาถึงจุดสูงสุดแห่งความรุ่งเรืองในระยะเวลาหนึ่งหมื่นสามพันปี
ในช่วงเวลานั้น อารยธรรมของโลกใบนี้ก็ได้เชื่อมต่อเข้ากับโลกอีกหลายร้อยล้านใบ ผู้คนสามารถเดินทางข้ามผ่านไปมาระหว่างชั้นโลกได้อย่างอิสรเสรี
จนกระทั่งวันหนึ่ง อารยธรรมแห่งโลกใบนี้ ก็ล้มเลิกการสำรวจโลกภายนอก
เพราะพวกเขาล่วงรู้แล้วว่าโลกที่พวกตนอาศัยอยู่ คือโลกยุคก่อนประวัติศาสตร์
ดังนั้น พวกเขาจึงตัดสินใจที่จะสำรวจโลกที่พวกเขาอาศัยอยู่แทน
ไม่กี่ปีต่อมา
ในชั่วข้ามคืน อารยธรรมทั้งหมดก็ล่มสลายลงอย่างกะทันหัน
โลกนับล้านๆได้สูญเสียการเชื่อมต่อกับอารยธรรมนี้
ไม่กี่วันถัดมา ตัวตนทรงอำนาจจากโลกอื่นก็เข้าตรวจสอบสถานการณ์เพราะความอยากรู้อยากเห็น
พวกเขาค้นพบว่าโลกทั้งใบทรุดตัวลงโดยสมบูรณ์ และอารยธรรมที่เคยรุ่งเรืองก็เหลือเพียงเศษซากปรักหักพังนับไม่ถ้วน
ทุกคนตายกันหมดแล้ว ตายกันหมดเลย
ทั้งๆ ที่มันกำลังอยู่ในช่วงรุ่งโรจน์ถึงขีดสุด และกำลังพัฒนาขึ้นแท้ๆ
ฉากนี้ทำให้ผู้ตรวจสอบในเวลานั้นต้องสั่นสะท้าน
อารยธรรมอันยอดเยี่ยม ได้สิ้นสุดลง ปิดม่านการแสดงของมันไปอย่างเงียบๆ
กู่ฉิงซานปิดหนังสือ ขมวดคิ้วเล็กน้อย
“คุณต้องการจะอ่านอะไรอีกหรือไม่?” หนังสือถาม
กู่ฉิงซานมองไปข้างหน้า
และพบว่าแถวยังคงเคลื่อนไปอย่างเชื่องช้า
“โอเค ขอหนังสือให้ฉันอีกสักเล่มเถอะ”
หนังสือเล่มนี้บินขึ้นไปบนท้องฟ้าทันที และหนังสืออีกเล่มหนึ่งก็ตกลงเบื้องหน้ากู่ฉิงซาน
กู่ฉิงซานรับมัน เปิดหนังสือ และเห็นถึงกระบวนการล่มสลาย และก่อกำเนิดใหม่ของโลก
ในระหว่างต่อแถวเข้าคิว เขาอ่านหนังสือหลายเล่มติดต่อกัน และค้นพบว่าโลกใบนี้เมื่อล่มสลายลง มันก็จะถือกำเนิดใหม่อยู่เสมอ
ขณะเดียวกัน ตัวตนทรงอำนาจนับไม่ถ้วนที่ครอบครองโลกใบนี้ ล้วนไม่มีผู้ใดมีจุดจบที่ดี
ต่อมา ผู้คนก็เริ่มจะเข้าใจ
โลกยุคก่อนประวัติศาสตร์อาจจะมี ‘คำสาป’ แปลกๆ หรืออะไรบางอย่างอยู่ก็ได้
และด้วยเหตุนี้เอง จึงไม่มีใครกล้าที่จะเข้ามายังโลกใบนี้
จนกระทั่งเมื่อหนึ่งพันเจ็ดร้อยปีก่อน
เจ้าของตลาดมืดได้มายังโลกใบนี้
เขาละทิ้งความคิดที่จะครอบครองโลกทั้งใบ แต่เลือกที่จะสร้างเฉพาะตลาดมืดขึ้นมาแทน
นับตั้งแต่นั้นมา ก็ไม่มีเรื่องเลวร้ายอะไรเกิดขึ้นอีกเลย การค้าขายสามารถดำเนินไปอย่างปกติสุข
และเนื่องจากเจ้าของตลาดมืดแห่งนี้ก็เป็นผู้ทรงพลังไม่เลวเช่นกัน ดังนั้นจึงไม่มีใครกล้าเสี่ยงที่จะเข้ามายุ่มย่ามกับตลาดมืดแห่งนี้
แต่เจ้าของตลาดมืดก็ไม่ใช่คนใจคอคับแคบ หากจ้าววงการคนอื่นๆคิดหมายจะมาสำรวจโลกใบนี้ เขาก็มิได้ขัดขวางแต่อย่างใด
เขาอนุญาตให้ตัวตนทรงอำนาจเข้าไปในส่วนลึกของโลกใบนี้ เพื่อสำรวจหาความลึกลับของมันได้ตามใจต้องการ
ด้วยเหตุนี้เอง เหล่าตัวตนทรงอำนาจจึงไม่มีใครมายุ่งวุ่นวายกับตลาดมืดของเขา
แถมด้วยการดำรงอยู่ของตลาดมืด ตัวตนทรงอำนาจที่เข้ามาตรวจสอบ ยังได้รับการสนับสนุน ในแง่ของทรัพยากรและสถานที่พักผ่อนอีกด้วย
เป็นผลให้ตลาดมืดเกรย์แฮนด์แห่งนี้ได้รับการยอมรับจากคนส่วนใหญ่
เมื่อเวลาผ่านไป ตลาดมืดก็เริ่มเจริญรุ่งเรืองมากขึ้น มากขึ้นเรื่อยๆ
นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงหนึ่งพันปีที่ผ่านมา
กู่ฉิงซานปิดหนังสือและปล่อยให้มันลอยกลับข้นไปบนท้องฟ้าอีกครั้ง
แต่คราวนี้เขาหยุดที่จะถามหาหนังสือเล่มต่อไป
เพราะในที่สุด หลังจากที่รอคอยมานาน ก็เหลือเพียงสองคนเท่านั้นที่อยู่ตรงหน้า แล้วจากนั้นมันก็จะเป็นตาของกู่ฉิงซานที่ได้เข้าเมือง
ในขณะนี้ ตรงบริเวณทางเข้าเมือง
ชายคนหนึ่งที่สะพายปืนไรเฟิลไว้บนหลัง ก็ได้ยื่นมือกดทับลงบนหน้าปกของ ‘ผู้ตรวจสอบสิ่งมีชีวิต’
เขากำลังถูกทดสอบโดยหนังสือปกเงินเล่มนี้
“โดดเด่นในด้านเทคโนโลยี เป็นสิ่งมีชีวิตรูปร่างเหยี่ยว อนุญาตให้ผ่านได้” ผู้ตรวจสอบสิ่งมีชีวิตตะโกนด้วยความเหนื่อยหน่าย
ชายคนนั้นเดินเข้าเมืองไป ภายใต้สายตาของทหารรักษาการณ์มากมาย
เบื้องหน้าของกู่ฉิงซานเหลืออีกแค่คนเดียว
เป็นผู้ชายร่างผอมสูง
เขาเดินไปที่ปากทางเข้าประตู และวางมือลงบนหนังสือปกเงิน
ผู้ตรวจสอบสิ่งมีชีวิตนิ่งไปครู่หนึ่ง เอ่ยด้วยน้ำเสียงเกียจคร้าน
“โดดเด่นในด้านธาตุทั้งห้า เป็นสิ่งมีชีวิตธาตุมืด ทุกอย่างปกติดี”
ชายร่างผอมสูงพอได้ฟัง ก็คลายใจลงเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม เขาไม่ทันสังเกตเห็นเลยว่า เมื่อสมุดปกเงินกล่าวคำ ‘ทุกอย่างปกติดี’ ทหารรักษาการณ์ทั้งหมดต่างก็หันขวับมามองเขาเป็นสายตาเดียว
ชายผอมสูง เดินเข้ามาในเมือง
เบื้องหลังเขา ผู้ตรวจสอบสิ่งมีชีวิตแผดเสียงกะทันหัน “จังหวะนี้แหละ ฆ่ามันซะ!”
ทหารรักษาการณ์ที่เตรียมพร้อมอยู่ก่อนแล้ว ได้สาดการโจมตีอย่างเต็มรูปแบบเข้าใส่ทันที
ใบหน้าของชายผอมสูงแปรเปลี่ยนไป
เขามีเวลาแค่เพียงเรียกกลุ่มสสารสีทะมึนในมือเท่านั้น ยังไม่ทันใช้ออกด้วยเทคนิคมนตรา ก็ถูกฆ่าตายลงซะแล้ว
เงาแห่งความมืดผุดออกมาจากร่างเขา ราวกับสายลม แตกกระจัดกระจายออกไปทุกทิศทาง
เมื่อเห็นกับตาว่าสัตว์ประหลาดถูกสังหารลง ทหารรักษาการณ์ทั้งหมดก็ค่อยๆ ถอยกลับไปอย่างช้าๆ
หัวหน้าทหารถามผู้ตรวจสอบสิ่งมีชีวิต “ท่านครับ ช่วยอธิบายถึงสถานการณ์ด้วย”
ผู้ตรวจสอบสิ่งมีชีวิตกล่าว “ชายคนเมื่อครู่ ได้ดาวน์โหลดเกมหมื่นสวรรค์สิ้นโลกาออนไลน์ ต้นกำเนิดมา ฉันได้กลิ่นอายของระบบจากตัวเขามาตั้งแต่ในระยะไกล”
หัวหน้าทหารแสดงออกถึงความวิตกกังวลเล็กน้อย “ในช่วงเวลาสั้นๆ นี่ก็เป็นคนที่สิบห้าแล้ว…ระบบของราชามารต้องการจะทำอะไรกันแน่นะ?”
“ไม่สำคัญหรอก เพราะยังไงซะ ไม่ว่าระบบใดก็ตาม มันย่อมไม่สามารถหลบซ่อนไปจากสายตาของฉันได้” ผู้ตรวจสอบสิ่งมีชีวิตกล่าว
มันตะโกนหากู่ฉิงซาน “อย่ามัวชักช้า! ถึงตาแกแล้ว”
ทหารทั้งหมดมองมายังกู่ฉิงซานเป็นสายตาเดียว
ทาสของราชามารได้ปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน เช่นนั้นแล้วคนตรงหน้าผู้นี้จะเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดด้วยหรือไม่?
เหล่าทหารกุมอาวุธในมือของพวกเขาอีกครั้ง
กู่ฉิงซานก้าวตรงไปข้างหน้าอย่างสงบ และวางมือลง
เขาจะกลัวไปทำไม ในเมื่อตนไม่ได้มีระบบของราชามารอยู่ในตัว
แต่เอ…เขาก็เคยดาวน์โหลดระบบของราชามารมาก่อนนะ แถมยังเคยดาวน์โหลดระบบของเทพสวรรค์ และระบบชีวิต มาก่อนด้วย
แล้วหนังสือเล่มนี้จะตรวจพบถึงมันได้รึเปล่า?
ถึงจะไม่ถึงขั้นกลัว แต่กู่ฉิงซานก็เริ่มรู้สึกประหม่าเล็กน้อย
ไม่ช้า เขาก็สัมผัสได้ถึงพลังบางอย่างผุดออกมาจากหนังสือ เข้าโอบรอบตัวเขา
นี่อาจจะเป็นการตรวจสอบของผู้ตรวจสอบสิ่งมีชีวิตก็ได้
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ผู้ตรวจสอบสิ่งมีชีวิตไม่เอ่ยคำใดเลย
นี่มันชักจะเริ่มผิดปกติแล้ว
เจตนาฆ่าของทหารรักษาการณ์ค่อยๆ พวยพุ่งขึ้น
กู่ฉิงซานเองแม้จะสงบเงียบ แต่เขาก็ได้แอบทำการกระตุ้นพลังวิญญาณในร่างกาย ตระเตรียมรับมือถึงสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นล่วงหน้า
ทว่าทันใดนั้นเอง ผู้ตรวจสอบสิ่งมีชีวิตก็หัวเราะลั่น
“ก๊ากฮ่าๆๆๆ”
มันตะโกน “เจ้ามนุษย์ผู้ฝึกยุทธ์นี่โคตรจะโชคร้ายเลย เขาอย่างไรจะสามารถข้ามผ่านอาณาเขตของหน้าใหม่มาได้ แต่ระหว่างเดินทางในกระแสมิติ ระบบชีวิตก็พังทลายลง เขาเลยติดแหง็กอยู่ในกระแสมิติ ช่างโชคร้ายจริงๆ!”
กู่ฉิงซานหันไปมองดูรอบๆ อย่างลับๆ
เขาพบว่าทหารรักษาการณ์ระบายลมหายใจ มือที่กุมอาวุธแน่นหลวมลงเล็กน้อย
แถมทั้งหมดยังแทบจะกลั้นยิ้มเอาไว้ไม่อยู่
ต้องไม่ลืมนะว่าระบบชีวิตน่ะสามารถช่วยส่งเสริมให้ผู้คนได้รับความแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็วได้
แต่ช่างน่าเสียดาย ที่เส้นทางสู่การเป็นทวยเทพดันถือกำเนิดขึ้นมา จนทำให้ระบบชีวิตถูกทำลายลงโดยเจ็ดเทพ และดึงพลังไปสร้างร่างมนุษย์แสงขึ้น
ช่างนับว่าเป็นเรื่องที่โชคร้ายจริงๆ สำหรับหน้าใหม่ที่ดันเข้าสู่ดินแดนชิงอำนาจช้าจนเกินไปแบบนี้
การที่เขาไม่มีระบบ แต่สามารถรอดพ้นจากการถูกกินของมอนสเตอร์มิติได้ก็นับว่าเก่งแล้ว
ยังไงก็ตาม หากเป็นแบบนี้ มนุษย์ตรงหน้าก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
เพราะในแผนกอาชีพของสหพันธ์โลกเก้าร้อยล้านชั้น การตรวจสอบจะเป็นไปอย่างเข้มงวดมาก หน้าใหม่คนนี้จึงย่อมไม่สมควรที่จะมีความผิดปกติใดๆ
กู่ฉิงซานหันไปมองฝูงชนรอบๆ และพบว่าทั้งหมดกำลังหัวเราะ
เขาผายมือออก แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มขมขื่น “โชคร้ายจริงๆ นั่นแหละ พวกคุณพอจะมีหนทางอื่นที่จะช่วยให้ผมไล่ตามคนอื่นทันบ้างไหมเนี่ย?”
ผู้คนโดยรอบพอได้ฟังก็หัวเราะหนักยิ่งกว่าเดิม
“เฮ้อ เข้าไปเถอะ เจ้าคนโชคร้าย หวังว่าจากนี้ไปแกจะโชคดีกับเขาบ้างนะ” ผู้ตรวจสอบสิ่งมีชีวิตกล่าว
“เข้าใจแล้ว ขอบคุณมากๆ”
กู่ฉิงซานเดินผ่านเข้ามา
แต่ขณะเดียวกัน เขาก็ปลดปล่อยจิตสัมผัสเทวะ เฝ้าตรวจสอบท่าทีของผู้คนอย่างระแวดระวัง
เมื่อเห็นว่าตนเข้ามาในเมืองแล้ว พวกทหารรักษาการณ์ก็ถอนสายตา และหันไปสนใจคนอื่นต่อไป
ดูเหมือนว่าเขาจะสามารถผ่านมาได้อย่างปลอดภัยแล้วจริงๆ
………………………………….