ทันทีที่เข้ามาในเมือง หนังสือชำรุดเก่าๆ ก็ลอยมาปรากฏต่อหน้ากู่ฉิงซาน
มันจ้องมองกู่ฉิงซาน กล่าวด้วยน้ำเสียงแหบห้าว “อันที่จริงแล้ว แขกผู้มีเกียรติทุกคนสามารถเข้าสู่ตลาดมืดได้เลยโดยตรง แต่เฉพาะเจ้าเท่านั้น เจ้าหน้าใหม่ ที่เราผู้ชราต้องเบี่ยงเบนความสนใจมา”
“อาวุโสมีเรื่องอะไรจะถามไถ่?” กู่ฉิงซานกล่าว
หนังสือเก่าแกว่งไปมาสองสามเที่ยวและกล่าว “นี่คืองานของข้า ฉะนั้นเจ้าไม่จำเป็นต้องสุภาพจนเกินไป มาเถอะ มาเริ่มกันเลย”
มันกลั้วคอเพื่อจะเปล่งเสียงได้ชัดเจน “เป็นกลุ่มอิทธิพลใดที่เจ้าจากมา?”
“…ผมไม่ได้สังกัดกลุ่มไหนเลย”
“เราผู้ชรารู้แล้วนะว่ามันเกิดอะไรขึ้นที่ทางเข้านั่น” หนังสือเก่ากล่าว “หมายความว่าเจ้ามิใช่เพียงไม่มีกลุ่มอิทธิพลคอยคุ้มหัว แต่ยังเป็นเจ้าหนุ่มที่แสนจะโชคร้ายอีกด้วย ช่างน่าสมเพชซะจริง”
“…”
“นี่หมายความว่าเจ้าเดินทางมายังตลาดมืดแห่งนี้เพียงลำพัง แล้วเจ้าใช้เหรียญอะไร พกเงินมาทั้งหมดเท่าไหร่กัน?”
“ผม…”
กู่ฉิงซานนิ่งงันไปชั่วคราว
ก็แล้วเขาจะไปมีเงินได้อย่างไร?
กล่องเก็บเงินเลขเจ็ดเพียงหนึ่งเดียวของเขาก็ได้จ่ายมันเป็นค่าโดยสารยานอวกาศไปแล้ว
ตอนนี้เขาหมดตูด ไม่มีเงินเลย
ถึงตอนโยนเงินทิ้งมันจะรู้สึกยอดเยี่ยมมากเลยก็เถอะ แต่ตอนนี้ชักจะรู้สึกเสียใจขึ้นมาซะแล้ว
และดูท่าทีของหนังสือเล่มนี้ น่ากลัวว่าถ้าเขาบอกออกไปว่าไม่มีเงิน คงจะถูกมันไล่ตะเพิดไปแน่ๆ
กู่ฉิงซานเกาหัวและกล่าว “ผมใช้เหรียญเลขเจ็ดส่วนจำนวนก็…น่าจะซักกล่องเต็มกล่องเล็กๆ ใบหนึ่ง”
หนังสือเก่าถอนหายใจ ก่นด่าดูถูก “เหรียญเลขเจ็ด? เหอะ ตัวก็โต แต่กลับใช้แค่เหรียญระดับต่ำ ช่างน่าสมเพชจริงๆ”
“เพราะฉะนั้นผมเลยไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากมาที่ตลาดมืดแห่งนี้เพื่อแสวงหาโอกาส” กู่ฉิงซานพูดสนับสนุนความคิดอีกฝ่าย
หนังสือเก่า “เราผู้ชราจะแนะนำเคล็ดลับอะไรให้สักสองข้อนะ ก่อนอื่นเจ้าจงไปเดินสำรวจรอบเมือง แล้วหาซื้อสิ่งที่จำเป็น ใช้จ่ายเงินทั้งหมดที่เก็บเอาไว้ซะ”
“สอง จงตรงไปทางซ้ายมือราวๆ หกร้อยเมตร ที่นั่นมีศูนย์ส่งเสริมแรงงานประจำตลาดมืดของพวกเราอยู่ เจ้าสามารถรับภารกิจมาทำจากที่นั่นได้ แต่เราผู้ชราไม่เห็นด้วยกับการที่เจ้าต้องต่อสู้เพียงลำพัง เพราะโลกใบนี้มันกว้างใหญ่เกินไป และงานส่วนมาก ระหว่างกระบวนการมันมักจะเป็นไปอย่างเชื่องช้า และพวกเราเองก็หวังว่าจะได้มืออาชีพที่สามารถดำเนินงานให้เป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ”
“ดังนั้น ถ้าเจ้าต้องการมีส่วนร่วมในการใช้แรงงานเพื่อแลกกับเงินค่าจ้าง การไปที่นั่นแล้วหาสมาชิกร่วมทีมสักสองสามคนจะเป็นอะไรที่ดีที่สุด จากนั้นก็รับภารกิจในแบบทีมจากทางตลาดมืดซะ”
กู่ฉิงซานเอ่ยถามด้วยความสงสัย “ทำไมท่านถึงไม่ให้ผมรับภารกิจแบบเดี่ยวตั้งแต่แรกไปเลยล่ะ? ไหนบอกว่าต้องการคนที่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพไม่ใช่หรือ? ถ้าอย่างนั้นผมคนเดียวก็พอแล้วที่จะสามารถทำภารกิจต่างๆ ให้สำเร็จได้”
หนังสือเก่าถาม “เหอๆ ถ้าเจ้าเป็นผู้ทรงพลังจริง คงจะมีเงินดีๆ ติดตัว และไม่ต้องมาทำงานง่อยๆ รายได้ต่ำแบบนี้หรอก ถูกไหม?”
“…”
กู่ฉิงซานถูกหยุดไว้ด้วยประโยคเดียว
“มันไม่มีตัวตนที่ทรงพลังถึงขนาดนั้นอยู่ในเมืองแบบนี้หรอก” หนังสือเก่าอธิบาย “เว้นแต่เจ้าจะสามารถทำภารกิจของที่นี่ได้มากพอ ตรงตามเงื่อนไขของตลาดมืด ซึ่งงานพวกนั้นมันจะถูกสงวนไว้ให้กับมืออาชีพที่ทำภารกิจเพียงลำพัง แม้งานจะยาก แต่เงินที่ได้รับก็จะสูงเช่นกัน”
กู่ฉิงซานถอนหายใจ “โอเค ขอบคุณมากจริงๆ ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวผมจะไปลองดู”
“ไปเถอะ แต่ตอนที่เราผู้ชราเห็นว่าเจ้าอ่านหนังสือแนะนำตั้งหลายเล่มตลอดเวลาที่ต่อแถวเข้าเมือง เลยอยากจะแนะนำอะไรสักหน่อย”
“เชิญชี้แนะ”
“จงอย่าไว้ใจใคร”
“ผมเข้าใจแล้ว ขอบคุณมาก”
กู่ฉิงซานหันกลับ และเดินตรงไปยังศูนย์แรงงานในตลาดมืด
ในเวลานี้ กู่ฉิงซานเริ่มมีความกังวลเล็กน้อย
หยุนจีกำลังอาศัยอำนาจเทวะจากผลึกน้ำแข็ง เพื่อรักษาชีวิตของเธอเอาไว้ชั่วคราว
ไม่รู้ว่าเธอจะตายลงเมื่อไหร่
ตนเองจึงต้องเข้าสู่ตลาดมืด เพื่อค้นหาวิธีรักษาเธอ
แต่ถึงจะเข้ามาได้ เขากลับมีสถานะเป็นแค่เพียงคนยากจนที่น่าสงสารคนหนึ่งเท่านั้น
ตามความทรงจำของวังเฉิง ตลอดทั้งหมื่นโลกา สมบัติที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย ก็มีความเป็นไปได้ที่จะสามารถแลกเปลี่ยนเป็นเหรียญเงินได้เช่นกัน
แต่ที่พอจะรู้จักกันอย่างกว้างขวางก็มีแค่ศิลาวิญญาณ ทว่าศิลาวิญญาณของเขา มันไม่มีคุณสมบัติมากพอที่จะใช้แลกเปลี่ยนเป็นเหรียญเงินได้
แต่หากต้องการได้รับเงินมากพอ เขาสามารถนำกิ่งไม้สีดำไปขายได้ แต่น่าเสียดาย ที่ตัวเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะได้เป็นจำนวนเงินเท่าใด มันถึงจะสอดคล้อง ตรงตามการแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียม
กิ่งไม้สีดำนี้ได้ช่วยชีวิตตนเองจากหายนะโทษทัณฑ์ กู่ฉิงซานไม่มีความคิดที่จะสัมผัสมันด้วยตัวเอง ไม่อย่างนั้นถ้ามันซ่อนลูกเล่นอะไรเอาไว้แล้วล่ะก็ หากเขาคิดเสียใจ มันคงจะสายเกินไปแล้ว
ขณะเดียวกัน หากไม่สัมผัสโดยตรง เขาก็จะไม่สามารถใช้พลังเพื่ออ่านคำอธิบายสิ่งของจากระบบเทพสงครามได้
ดังนั้น ในตอนนี้เขาจึงยังเป็นเพียงคนยากจน
กู่ฉิงซานอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจอีกครั้ง
เขามาถึงจุดนี้ได้อย่างไรกันนะ?
ระหว่างขบคิด ตนก็เดินเข้าไปยังศูนย์แรงงาน
ทุกอย่างที่นี่ค่อนข้างชัดเจนมาก ภารกิจทั้งหมดได้ถูกเขียนแล้วแปะเอาไว้บนผนังนอกศูนย์แรงงาน
กู่ฉิงซานเดินไปตรงส่วนแนะนำ กวาดสายตาอ่านมันอย่างละเอียด
ก็เหมือนกันกับที่หนังสือเก่าได้อธิบายเอาไว้ แต่เนื้อหามันกลับเฉพาะเจาะจงมากขึ้น
และไม่มีภารกิจเดี่ยวเลย
ส่วนแบบทีมชั่วคราว สามารถรับได้แต่งานง่ายๆ เท่านั้น
ขณะที่ระดับภารกิจแบบทีมถาวร แน่นอนว่ายิ่งยาก รางวัลที่ได้ก็จะยิ่งเยอะ
อย่างไรก็ตาม ในฐานะหน้าใหม่ คุณจะต้องทำภารกิจแบบทีมชั่วคราวเสียก่อน จึงจะสามารถเข้าร่วมภารกิจแบบทีมถาวรได้
นี่นับว่าเป็นการทดสอบสำหรับหน้าใหม่
เพราะถ้าหากคุณไม่แม้จะสามารถบรรลุภารกิจง่ายๆ ของทีมชั่วคราวได้ ก็อย่าคิดฝันว่าจะได้รับภารกิจอื่น หรือกลับมาเสนอหน้าที่นี่อีก
กู่ฉิงซานกำลังอ่านรายละเอียดต่างๆ อยู่ ทันใดนั้นเอง เสียงเสียงหนึ่งก็ดังเข้ามาในหูของเขา
“สวัสดี นายเป็นหน้าใหม่ใช่หรือเปล่า?”
เขาหันไปตามเสียง
เห็นแค่เพียงเด็กหนุ่มหล่อเหลา มองมาทางเขาด้วยรอยยิ้ม
“นายรู้ได้อย่างไรกัน?” กู่ฉิงซานถาม
“ก็เพราะนอกไปจากหน้าใหม่แล้ว มันไม่มีใครหรอกที่จะมายืนอ่านคำแนะนำภารกิจที่ศูนย์แรงงานแบบนี้” เด็กหนุ่มกล่าว
“แล้วอย่างไร มันเกี่ยวอะไรกับนาย?”
“ก็เกี่ยวนะ เพราะพวกเรากำลังหาคนเพื่อจัดตั้งทีมชั่วคราวอยู่ จะได้ไปทำภารกิจเพื่อแลกเงินรางวัลกัน”
“ทางนายมีอยู่กี่คน?”
“สาม”
“แค่สามก็เพียงพอแล้วสำหรับพวกนายที่จะสามารถรับภารกิจแบบทีม”
“แต่ว่าพวกเราต้องการที่จะทำงานให้มันเต็มประสิทธิภาพและสูงยิ่งกว่านี้ไง พวกเราถึงได้อยากจะรับเพิ่มอีกคนหนึ่ง”
“จะทำภารกิจอะไร?”
“เก็บรวบรวมวัสดุชั้นผิวดินในตำแหน่งที่กำหนด”
กู่ฉิงซานมองไปยังผนังอีกด้านหนึ่ง
บริเวณผนังอีกด้าน เบื้องหน้ามันแออัดไปด้วยกลุ่มฝูงชนที่กำลังจ้องมอง เฝ้ารอภารกิจใหม่ๆ ที่จะแปะลงมาอยู่ตลอดเวลา
กู่ฉิงซานเหลือบมองผ่านคนเหล่านั้น
แล้วเขาก็สามารถค้นพบภารกิจเก็บรวบรวมชั้นผิวดินได้อย่างง่ายดาย
นี่ไม่เพียงเป็นภารกิจทีมชั่วคราว แต่ยังเป็นภารกิจที่ง่ายที่สุดอีกด้วย
มันเป็นภารกิจที่ไม่อันตราย หรือว่าต้องใช้ความพยายามมากมายอะไร
แต่ค่าตอบแทนก็น้อยมากเช่นกัน
ดังนั้น แม้ว่านี่จะเป็นภารกิจของทีมชั่วคราว แต่ก็ไม่มีทีมใดยินดีที่จะเสียเวลาทำภารกิจนี้
กู่ฉิงซานขบคิดเกี่ยวกับมัน และตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว
…อืม ในเมื่อตัวเขาเพิ่งจะเริ่มทำภารกิจแรก ถ้าอย่างนั้นเอาเป็นภารกิจนี้ก็ดีเหมือนกันนะ
เพราะอีกอย่าง ภารกิจทีมชั่วคราวมันยังสามารถช่วยให้เขาคุ้นเคยกับกระบวนการภารกิจได้อย่างรวดเร็ว
เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจ เขาก็จะมีคุณสมบัติได้เข้าร่วมทีมประจำ และสามารถใช้ความสามารถในการต่อสู้เพื่อค้นหาทีมที่มั่นใจว่าสามารถมีรับภารกิจที่ยากที่สุด และได้รับผลตอบแทนก้อนใหญ่ได้
ด้วยเงินนี้ เข้าก็จะสามารถเข้าสู่ตลาดมืดได้เร็วขึ้น
“แล้วเพื่อนคนอื่นๆ ของนายอยู่ที่ไหน?” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม
ชายหนุ่มหันกลับ โบกไม้โบกมือไปทางฝูงชน
ไม่นานนัก วัยรุ่นสาวสวยและชายหนุ่มที่ดูองอาจก็เดินเข้ามา
พวกเขาหยุดอยู่ต่อหน้ากู่ฉิงซาน
กู่ฉิงซานมองดูพวกเขา และอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ
‘นี่มันเด็กเกินไป’
น่ากลัวว่าวัยรุ่นสามคนนี้ จะไม่ได้มีความแข็งแกร่งมากเท่าใด มิฉะนั้นพวกเขาคงจะไม่เลือกรับภารกิจที่ง่ายที่สุดแบบนี้หรอก
วัยรุ่นสองชายหนึ่งหญิงเหมือนจะเข้าใจความหมายที่สื่อออกมาผ่านทางสายตาของเขา
ชายหนุ่มอีกคนกล่าว “นายอย่ามาดูถูกพวกเราเชียวนะ พวกเราแข็งแกร่งจริงๆ แต่ภารกิจนี้มันต้องมีสี่คนถึงจะเร่งเวลาให้เร็วขึ้นได้ พวกเราเลยต้องการนาย”
“เออๆ ก็ได้ๆ ฉันเอาด้วย” กู่ฉิงซานตอบ
สองชายหญิงหนึ่งมองหน้ากันและกัน ในแววตาแสดงออกถึงความสุข
จากนั้นพวกเขาก็รีบพาตัวกู่ฉิงซานไปลงทะเบียนทีมชั่วคราวทันที และเลือกภารกิจที่จะรับ
ในไม่ช้า ทั้งสี่ก็ตระเตรียมสัมภาระจนเสร็จ
ในตอนแรกพวกเขาต้องการที่จะเช่าเรือเหาะราคาถูก แต่กู่ฉิงซานกลับชี้ให้เห็นว่า เงินตอบแทนของภารกิจนี้ มันได้ไม่คุ้มเสียกับการเช่าเรือเหาะ
ต่อมา วัยรุ่นชายหนึ่งก็เริ่มทะเลาะกันเรื่องอาหารค่ำ
กู่ฉิงซานจึงอธิบายไปว่าภารกิจนี้มีเวลาจำกัด และมันก็เขียนบอกอยู่ในใบภารกิจ ฉะนั้น สมควรรีบไปจัดการให้ลุล่วงก่อนจะดีกว่า ค่อยกลับมากิน!
ก่อนจะออกเดินทางวัยรุ่นสาวก็พบว่าดาบสั้นของเธอหายไป
หลายคนช่วยกันย้ำเตือนเธอว่าให้ลองนึกดูดีๆ และในที่สุดก็ค้นพบว่าดาบสั้นมันก็ถูกวางไว้ตรงต้นไม้ ข้างๆ กับเธอนั่นแหละ
ในระยะเวลาสั้นๆ สุดท้ายทั้งสี่ก็ออกจากเมืองมาได้ และมุ่งหน้าสู่ปลายทางของภารกิจ
กู่ฉิงซานรู้สึกเสียใจเล็กน้อยในเวลานี้ ที่ตัดสินใจเลือกมากับพวกวัยรุ่นเจ้าปัญหากลุ่มนี้
อย่างไรก็ตาม เขาก็ได้รับภารกิจมาแล้ว ดังนั้นถ้ายอมแพ้จะกลางคัน เดี๋ยวเขาคงถูกตีตราว่าเป็นหน้าใหม่ที่ไม่มีความน่าเชื่อถืออีก
กู่ฉิงซานจึงเลือกไม่ออกจากทีม และดำเนินภารกิจต่อไป
จากนั้น หนึ่งในวัยรุ่นชายที่ดูองอาจก็เดินนำทุกคนไปได้ประมาณยี่สิบนาที กู่ฉิงซานจึงตระหนักได้ว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง
เขาขอให้ทุกคนหยุดก่อน จากนั้นก็เริ่มวิเคราะห์แผนที่อย่างรอบคอบ และพบว่าพวกตนเดินไปอีกทิศทางหนึ่ง ที่ผิดไปจากปลายทางจริงๆ
ต่อมา ทุกคนจึงเห็นพ้องต้องกันว่ากู่าฉิงซานสมควรจะเป็นผู้นำทีม
และในที่สุดก็มาถึงบริเวณเก็บสะสมพื้นผิวดินสักที
โชคดีจริงๆที่มันเป็นงานง่ายๆ
ศูนย์แรงงานได้มอบไพ่จัดเก็บวัสดุสี่ใบให้แก่พวกเขา แบ่งให้ถือคนละหนึ่ง เพื่อใช้แยกกันตรวจสอบและเก็บรวบรวมวัสดุ
และเมื่อภารกิจเสร็จสิ้น ไพ่วัสดุในมือของแต่ละคนก็จะบังเกิดเสียงนุ่มนวลดังออกมา
หลังจากที่ไพ่ทั้งสี่ใบเก็บรวบรวมวัสดุจนเสร็จสิ้นแล้ว พวกเขาก็จะสามารถกลับไปรับเงินรางวัลได้
กู่ฉิงซานถือไพ่ที่ได้รับมอบหมายของตน แล้วเดินข้ามผ่านทะเลทรายอันกว้างใหญ่ตามภารกิจที่ได้รับ
เมื่อเขามาถึงปลายทางของภารกิจ ไพ่ในมือของเขาก็ส่งเสียงเบาๆ
กู่ฉิงซานพลิกไพ่ วางมันไว้เสมอดวงตา เพื่อสังเกตมันอย่างระมัดระวัง
เห็นแค่เพียงบนไพ่ที่แต่เดิมเคยว่างเปล่า บัดนี้ถูกเติมเต็มไปด้วยเม็ดทราย
สองบรรทัดตัวอักษรเล็กๆ ปรากฏใต้เนินทราย
“เนินเขาทางตะวันออกส่วนที่สองของการตัดแบ่งเขตแดนทิศตะวันออกเฉียงเหนือ เขตที่ยี่สิบสอง”
“คุณสมบัติทางธรณีวิทยาของพื้นดินได้ถูกเก็บรวบรวมแล้ว”
หลังจากนั้นไม่นาน
คนอื่นๆ ก็เดินเข้ามาหาเขา ดูเหมือนว่าจะเก็บรวบรวมวัสดุเสร็จสิ้นแล้วเช่นกัน
ทั้งสี่รวมตัวกัน และส่งไพ่ให้แก่กู่ฉิงซาน
กู่ฉิงซานรับเอาไพ่มา และเตรียมที่จะพาทุกคนกลับไป
แต่เขากลับพบว่าไพ่สามในสี่ใบยังคงว่างเปล่าอยู่
หลังจากที่ได้ลองถามไถ่อย่างรอบคอบ กู่ฉิงซานก็ตระหนักได้ว่าทั้งสามคนคิดใช้ทางลัด
เหตุผลของพวกเขาก็คือ วิธีนี้ถือว่ามีประสิทธิภาพกว่า
กู่ฉิงซานไม่ได้แสดงออกถึงความเหนื่อยล้า เขาเพียงเก็บมันไว้ในหัวใจ และพยายามอธิบายต่อทั้งสามอย่างอดทนว่าทำไมพวกเขาถึงใช้ทางลัดไม่ได้
ทั้งสามคนจึงยอมรับในที่สุด
แต่กว่าที่พวกเขาจะยอมรับได้ และทำงานจนลุล่วง ท้องฟ้ามันก็มืดลงซะแล้ว
และเวลาจำกัดของภารกิจก็ได้ล่วงเลยไปแล้วเช่นกัน
นี่หมายความว่าภารกิจล้มเหลว
กู่ฉิงซานยืนนิ่งอยู่ในที่เดิม
เขาไม่คาดคิดเลยว่าแค่ภารกิจง่ายๆ แต่ผลลัพธ์กลับออกมาแบบนี้
แต่เมื่อเห็นท่าทีเศร้าๆของสมาชิกทีมคนอื่นๆ กู่ฉิงซานจึงค่อยสงบอารมณ์ลง และกล่าวสอนสั่งไป “เอาเถอะ ถึงจะไม่ทันเวลาแต่ก็ถือว่าได้ปฏิบัติภารกิจจนเสร็จสิ้นลงแล้ว อย่างไรก็จำเอาไว้เป็นบทเรียนในครั้งต่อไปก็แล้วกัน จะได้ทำให้มันดีกว่านี้”
ถัดมา เขาก็กล่าวให้กำลังใจอยู่หลายคำ ทั้งสามจึงค่อยๆ สลัดความผิดหวังออกไป
ในที่สุด ก็ถึงเวลากลับ
กู่ฉิงซานระบายลมหายใจอย่างเงียบๆ ในหัวใจ และก้าวนำไปตามทิศทางที่ต้องเดินกลับ
ทว่าเดินไปได้ไม่กี่ก้าว เขาก็ต้องหยุดลง เพราะพบว่าคนอื่นๆ กลับไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ
เขาหันกลับไปมองเบื้องหลัง
เห็นแค่เพียงวัยรุ่นทั้งสามยังคงยืนนิ่งอยู่ในจุดเดิม เฝ้ามองดูเขาอย่างเงียบๆ
“มีอะไรหรือ?” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม
ในเวลานี้ ตัวกู่ฉิงซานได้ละทิ้งเรื่องภารกิจที่ล้มเหลวไปแล้ว เขาจึงกล่าวด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน
เห็นแค่เพียงวัยรุ่นหญิงสาวสวยก้าวออกมาข้างหน้า
เธอจ้องมองกู่ฉิงซานที่กำลังยิ้มด้วยความวิตกและหวาดกลัว
“ฉัน…” สาวสวยพูดด้วยความลังเล
กู่ฉิงซานกระตุ้น “ไม่เป็นไรหรอก ถ้ามีปัญหาอะไรสามารถบอกฉันมาได้เลยตรงๆ”
“จริงๆหรือ?” วัยรุ่นสาวมองเขาด้วยความหวัง
“อืม เธอต้องกล้าเข้าไว้นะ ในความเป็นจริงการสื่อสารก็เป็นสิ่งจำเป็น ไม่อย่างนั้นถ้าเธอไม่พูดอะไรเลย ฉันก็จะไม่รู้นะว่าเธอคิดอะไรอยู่” กู่ฉิงซานค่อยๆ ลดเสียงลง
ผ่านไปนาน…
ในที่สุดวัยรุ่นสาวก็รวบรวมความกล้าของเธอ
เจ้าตัวยกดาบสั้นขึ้น ชี้ไปทางกู่ฉิงซาน ปากเอ่ยกล่าว “ถ้าเช่นนั้นก็หยุดอยู่เฉยๆ…แล้วยอมให้ปล้นซะดีๆ!”
………………………………….