เสี่ยวเชี่ยนเจอศาสตราจารย์ชี รู้สึกเหมือนเจอตัวพ่อยังไงไม่รู้
ใครจะไปคิดว่าศาสตราจารย์ชีที่มีชื่อเสียงระดับโลกจะมีนิสัยแบบนี้ ท่าทีที่เขามีต่อคนไข้ดูคล้ายเธอมาก
แม้แต่ตอนที่พูดเรื่องฆ่าแกะยังเหมือน
ศาสตราจารย์หลิวยืนอยู่ด้านข้างมองศาสตราจารย์ชีกับเสี่ยวเชี่ยนจากด้านข้าง ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกว่าทำไมสองคนนี้ดูคล้ายกัน?
ไม่ใช่เรื่องหน้าตา แต่เป็นความรู้สึก ถึงเสี่ยวเชี่ยนจะดูสุขุมกว่า แต่ศาสตราจารย์ชีเหมือนเสี่ยวเชี่ยนเวลาได้ใจเว่อร์ชั่นอัปเกรดแล้ว
เสี่ยวเชี่ยนหมดหนทางกับความหน้าด้านของคนๆนี้ คนที่พร้อมท้าชนทุกเมื่อยังต้องแพ้ให้คนหน้าด้าน
“ฉันพอใจกับชีวิตความเป็นอยู่ในตอนนี้มากค่ะ ไม่ได้อยากเปลี่ยนอะไร” เสี่ยวเชี่ยนยังคงปฏิเสธ เธอตัดสินใจแล้วว่า กลับไปเธอจะไปบอกเสี่ยวเฉียงว่าสาดตาจานชีคนนี้ยุให้เธอเปลี่ยนผู้ชาย
หึหึ ถึงตอนนั้นก็ให้ราชาจอมหึงแห่งเอเชียมาจัดการ อัดเขาให้ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้อีกเลย
“ถ้าไม่ลองไปสัมผัสคุณจะไม่มีทางรู้หรอกว่าตัวเองต้องการอะไร สิ่งที่ผมให้คุณได้มีมากกว่าที่คุณคิด”
“ฉันขอปฏิเสธค่ะ”
ศาสตราจารย์หลิวเห็นแล้วก็ร้อนใจ ทำไมเด็กคนนี้มันดื้อแบบนี้
ถึงเธอจะรู้สึกว่าชีอวี่เซวียนคนนี้ทำตัวไม่สุขุมเท่าไร แต่ถ้าเสี่ยวเชี่ยนมีอาจารย์ที่ปรึกษาปริญญาเอกเก่งๆก็จะเป็นผลดีต่อความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน เสี่ยวเชี่ยนที่ปกติฉลาดมากทำไมถึงได้เลอะเลือนเรื่องแบบนี้นะ?
ขณะที่ศาสตราจารย์หลิวกำลังคิดจะกล่อมเสี่ยวเชี่ยน แต่โทรศัพท์ที่อยู่บนโต๊ะทำงานกลับดังขึ้นเสียก่อน
“ฮัลโหล หลิวหลินหลินพูดค่ะ…อะไรนะ?” ศาสตราจารย์หลิวทำสีหน้าตกใจ
เสี่ยวเชี่ยนกับชีอวี่เซวียนหยุดคุยกันแล้วหันไปมองศาสตราจารย์หลิวอย่างไม่ได้นัดหมาย
“ได้ค่ะ ทางเราจะส่งเด็กไปเข้าร่วม…เฉินเสี่ยวเชี่ยนเหรอคะ?” ศาสตราจารย์หลิวมองเสี่ยวเชี่ยน
เสี่ยวเชี่ยนพอได้ยินชื่อตัวเองก็เอานิ้วดันแว่น
เรื่องอะไรกัน มีกำหนดชื่อด้วย?
“ได้ค่ะ พวกเราจะจัดการให้นะคะ” ศาสตราจารย์หลิววางสายแล้วแสดงสีหน้าสงสัยออกมา
“มีอะไรเหรอคะ?” เสี่ยวเชี่ยนถาม
“เบื้องบนจัดการแข่งขันทักษะนักจิตวิทยาบำบัด เป็นการแข่งขันระดับประเทศ เขาสั่งให้เธอเข้าร่วมด้วย”
“หนู? หนูกลายเป็นคนดังตั้งแต่เมื่อไรคะขนาดเบื้องบนยังรู้จัก?” เสี่ยวเชี่ยนไม่คิดว่าตัวเองจะดังขนาดนี้
ประธานเชี่ยนคิดมาตลอดว่าตัวเองร่ำรวยแบบเงียบๆ รับเคสรักษาแบบไม่ประกาศให้โลกรู้ แล้วทำไมถึงได้ถูกเบื้องบนสั่งให้เธอเข้าร่วมการแข่งขันบ้าบออะไรนี่ได้?
“เขาบอกว่าเมื่อหลายปีก่อนเบื้องบนเคยเห็นข่าวตอนที่เธอเจรจากับคนร้ายที่เมืองQ เลยอยากเห็นความก้าวหน้าของเธอในช่วงหลายปีนี้” ศาสตราจารย์หลิวเองก็รู้สึกว่าเรื่องนี้กะทันหันไปหน่อย
อันที่จริงการแข่งขันนี้เบื้องบนเคยแจ้งลงมาแล้ว เธอเองก็ส่งรายชื่อคนเข้าร่วมไปแล้ว แต่วันนี้เบื้องบนกลับโทรมาบอกให้เสี่ยวเชี่ยนเข้าร่วม มันน่าแปลกอยู่นะ…
เรื่องที่เสี่ยวเชี่ยนเคยช่วยคนเมื่อหลายปีก่อนมันก็ผ่านไปนานแล้ว ทำไมถึงได้ถูกเบื้องบนให้ความสนใจได้? ต่อให้สนใจจจริงๆ แล้วรู้ได้อย่างไรว่าตอนนี้เสี่ยวเชี่ยนเป็นเด็กในสังกัดของเธอ?
ชีอวี่เซวียนครุ่นคิด จากนั้นก็ทำหน้าเหมือนรู้อะไรขึ้นมา
“ฝ่ายจัดงานคือใคร?” ชีอวี่เซวียนถามศาสตราจารย์หลิว
ศาสตราจารย์หลิวบอกชื่อฝ่ายจัดงานไป ศาสตราจารย์ชีลองคิดดู แค่ครู่เดียวเขาก็วิเคราะห์ปัญหาให้ฟังได้
“เบบี๋เชี่ยนเคยช่วยเด็กผู้หญิงคนหนึ่งไว้ในตอนนั้น ซึ่งน้าของเด็กคนนั้นเป็นผู้สนับสนุนการแข่งขัน ครั้งนี้คิดจะมาจ้องจับผิด” คำพูดของชีอวี่เซวียนดึงดูดความสนใจของเสี่ยวเชี่ยน
ทำไมตานี่ถึงได้รู้เรื่องของเธอดีนัก? แล้วสมองเนี่ยประมวลผลเร็วขนาดไหนกัน? แค่เวลาไม่นานก็สามารถเอาเรื่องที่ดูเหมือนไม่เกี่ยวกันหาจุดที่เกี่ยวข้องกันได้?
เรื่องตั้งเมื่อหลายปีก่อน ขนาดตัวเธอยังลืมไปแล้ว ทำไมสาดตาจานชีถึงรู้?
เหตุการณ์ครั้งนั้น เด็กที่ถูกจับเป็นตัวประกันเป็นลูกของครูที่ปรึกษาตอนมอปลายของเธอพอดี เด็กผู้หญิงคนนั้นเป็นโรคลักเล็กขโมยน้อย เสี่ยวเชี่ยนเคยบอกแม่เด็กไปแต่ไม่ได้รักษาให้ ต่อมาเด็กคนนั้นดวงซวยถูกจับเป็นตัวประกัน แต่แล้วก็ได้เสี่ยวเชี่ยนร่วมมือกับอวี๋หมิงหลางช่วยออกมาได้
ไม่คิดว่าไม่กี่ปีต่อมาน้าของเด็กคนนั้นจะมาเล่นงานลับหลัง
แต่สิ่งที่เสี่ยวเชี่ยนนึกไม่ถึงยิ่งกว่าก็คือ ศาสตราจารย์ชีรู้เรื่องของเธอดีทุกอย่าง มันเพราะอะไรกันแน่?
สายตาที่เสี่ยวเชี่ยนมองชีอวี่เซวียนมีความระแวงเพิ่มมากขึ้น
“จุดประสงค์ที่พวกเขาทำแบบนี้เพราะจ้องจับผิด?” ศาสตราจารย์หลิวเริ่มเข้าใจบ้างแล้ว
แบบนี้มันไม่ประสงค์ดีชัดๆ
ข้อมูลส่วนตัวของเสี่ยวเชี่ยนถูกเก็บไว้เป็นความลับ พวกเขาไม่มีทางสืบได้ คงเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาตอนมอปลายนั่นที่รู้ว่าเสี่ยวเชี่ยนสอบติดมหาวิทยาลัยไหนถึงได้เอาเรื่องนี้ไปบอกน้องชาย แล้วใช้อำนาจที่มีคิดจะทำเรื่องเลวร้าย
“น้องชายของเขาหนูจำได้ว่าเหมือนจะเป็นคนงานที่ตกงานไม่ใช่เหรอคะ?” เสี่ยวเชี่ยนจำได้ลางๆว่าครอบครัวของอดีตอาจารย์ที่ปรึกษาเธอฐานะไม่ดี ยังพักหอพักของทางโรงเรียนด้วยซ้ำ
“ประเทศเราอยู่ในช่วงเศรษฐกิจพัฒนาอย่างรวดเร็ว มีเศรษฐีใหม่ผุดขึ้นมากมาย ช่วงที่เธอเรียนมหาลัยน้องชายของเขาไปทำธุรกิจเล็กๆจนร่ำรวยขึ้นมา เห็นได้ชัดว่าความร่ำรวยไม่เดี๋ยวกับเรื่องความฉลาดสักเท่าไร ดวงหรอกที่สำคัญกว่า”
“ยุคสมัยดีๆสร้างคนส่วนหนึ่งให้เป็นเศรษฐี แต่อยากรักษากิจการให้คงอยู่ก็ต้องใช้สมอง เห็นพวกเขาทำเรื่องที่ไร้สมองแบบนี้แล้ว หนูเดาได้เลยว่ารวยได้อีกไม่กี่ปีหรอก” เสี่ยวเชี่ยนสบประมาท
เธอยังไม่เป็นฝ่ายไปหาเรื่อง แต่คนพวกนี้กลับคิดแค้นเธอ น่าขยะแขยงจริงๆ
“คุณจัดการได้ไม่มีจุดบกพร่องดีมาก แต่บางครั้งยังโหดไม่มากพอ อาจเป็นเพราะด้วยสถานภาพของสามีคุณที่ทำให้คุณต้องเหลือทางไว้บ้าง ผมคิดว่าคุณยังโหดได้มากกว่านี้อีก”
คำพูดของชีอวี่เซวียนไม่ได้หมายถึงแค่เรื่องอาจารย์ที่ปรึกษาตอนมอปลาย ยังหมายถึงเรื่องผู้อำนวยการโรงเรียนเวยเวยด้วย
“งั้นคุณคิดว่าฉันควรจะทำตัวโหดยังไง?” เสี่ยวเชี่ยนถามกลับ
“ทำไมพวกเขาถึงได้เว้นช่วงหลายปีไม่มาหาเรื่องคุณ? มันก็คงเป็นเพราะอาการลักเล็กขโมยน้อยของเด็กคนนั้นรักษาไม่หายแถมยังเป็นหนักขึ้น พ่อแม่เห็นเด็กคนนี้แล้วก็หงุดหงิด และพ่อแม่ที่ล้มเหลวก็มักจะหาเหตุผลเพื่อให้ตัวเองสบายใจ โดยเฉพาะการเอาความโกรธไปลงกับคนอื่น ดังนั้นคนแบบนี้ควรทำให้บ้าตั้งแต่แรกจะได้จบๆไป”
เป็นบ้า…ในสมองของเสี่ยวเชี่ยนเหมือนมีข้อมูลบางอย่างผ่านเข้ามา สายตาของเธอมองชีอวี่เซวียนด้วยความสงสัย ยากที่จะเชื่อมโยงคนที่มีใบหน้าดูใจดีแบบนี้กับคำพูดโหดร้ายเมื่อครู่
“การลงโทษก็เพื่อให้เกิดการปรับปรุงตัว คุณจัดการอาจารย์ที่จิตใจบิดเบี้ยวคนนึงก็เท่ากับได้ช่วยชีวิตนักเรียนหลายคน”
เสี่ยวเชี่ยนหันไปพูดกับอาจารย์ตัวเองทันที “อาจารย์ดูสิคะ เขาดูเหมือนคนที่อคติหรือเปล่า อาจารย์จะปล่อยให้หนูไปเรียนกับคนแบบนี้เหรอคะ?”
“…” ชีอวี่เซวียนทำสีหน้าจนปัญญา ว่าช่องทางวกเข้าเรื่องนี้เก่งนะเนี่ย
ขณะที่พวกเสี่ยวเชี่ยนกำลังวิเคราะห์เรื่องนี้อยู่นั้น อาจารย์ที่ปรึกษาตอนมอปลายของเธอก็กำลังคุยโทรศัพท์อยู่กับน้องชาย
“หลานถูกพาตัวเข้าสถานพินิจแล้ว ครั้งนี้จบเห่แน่ เล่นไปขโมยโทรศัพท์มือถือในห้าง ทำไงดี… เห็นทางนั้นบอกว่าต้องขังไว้หกเดือนด้วย แกต้องช่วยเราสองแม่ลูกด้วยนะ พ่อมันก็จะหย่ากับฉันแล้ว ตอนนี้ฉันเลี้ยงมันคนเดียว มันไม่เชื่อฟังฉันเลย”
“ตอนนี้เบื้องบนเข้มงวดมาก มีเงินก็ใช่ว่าจะทำได้ทุกอย่าง ปล่อยให้สถานพินิจเขาสั่งสอนบ้าง พี่เองก็จะได้เหนื่อยน้อยลงหน่อย”
“ฮือๆ ฉันไม่ยอมนะ” เธอสอนเด็กมาตั้งมากมาย แต่ทำไมลูกตัวเองกลับมีปัญหา น่าปวดหัวจริงๆ
“ผมสืบได้แล้ว นักเรียนที่ชื่อเฉินเสี่ยวเชี่ยนคนนั้นตอนนี้เป็นนักจิตวิทยาบำบัดระดับสาม ผมติดต่อคนอื่นเตรียมทำลายมันไว้แล้ว…”
“เขาน่ะเหรอ? เกี่ยวอะไรกับเขาด้วย?” ผู้เป็นพี่สาวหยุดร้องไห้ เธอนึกถึงช่วงเวลาเก่าๆที่เสี่ยวเชี่ยนให้เธอคัดบทความส่ง
เธอทั้งกลัวทั้งเกลียดเสี่ยวเชี่ยนบวกกับความรู้สึกอื่นๆอีกที่บอกไม่ถูก เพราะรู้สึกผิดต่อเสี่ยวเชี่ยนจนถึงตอนนี้เธอเลยไม่กล้าไปเจอหน้าเสี่ยวเชี่ยน
แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น เธอก็ไม่คิดว่าการที่ลูกสาวเป็นโรคลักเล็กขโมยน้อยจะเกี่ยวข้องกับเสี่ยวเชี่ยน แล้วทำไมน้องชายเธอต้องไปเล่นงานเสี่ยวเชี่ยนด้วย?