“ถ้าไม่ใช่เพราะเฉินเสี่ยวเชี่ยนหยาหย่าจะถูกลักพาตัวไหม? ก็เพราะหลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้นอาการหยาหย่าถึงได้หนักขึ้นทุกวันไง”
“แต่หยาหย่าก่อนหน้านั้นก็มีนิสัยลักเล็กขโมยน้อยไม่ใช่หรือไง? เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเฉินเสี่ยวเชี่ยนเลยนะ…ทำไมแกต้องไปเล่นงานเขาด้วย?”
“อย่าถามมากเลยน่า ครั้งนี้ผมจะสั่งสอนมันให้รู้ซะบ้าง”
คำพูดของน้องชายทำให้ผู้เป็นพี่สาวถึงกับตกใจ เธอพูดอย่างกล้าๆกลัวๆ “แกคิดจะทำอะไร?”
“ได้ยินว่ามันรักษาคนไข้ราคาแพงมาก กล้าไม่รักษาหยาหย่าของเรา งั้นผมก็จะฟ้องมันที่คิดเงินเกินราคาท้องตลาด เก็บค่ารักษาเกินจริง ถึงตอนนี้จะไม่มีหน่วยงานที่ดูแลจริงจัง แค่คนไข้ไม่ไปฟ้องร้องมันใครก็ทำอะไรไม่ได้ แต่ผมมีวิธี”
ในยุคที่สังคมเป็นสีเทาแบบนี้ ใครอยากทำอะไรก็ได้
คนไข้ของเสี่ยวเชี่ยนล้วนไม่มีใครออกมาฟ้องร้องเสี่ยวเชี่ยน เธอรู้จักแต่คนรวยที่ให้ความสำคัญเรื่องความเป็นส่วนตัว ใช้เงินมากหน่อยแต่รักษาให้หายขาดได้ก็ไม่เห็นต้องแคร์เรื่องเงิน จะมีคนรวยที่ไหนบ้างวิ่งโร่ออกมาบอกว่าตัวเองเป็นโรคจิตเวชเพียงเพราะเงินหมื่นเดียว?
“แกคิดหาวิธีช่วยหยาหย่าออกมาก็พอ ทำไมต้องไปเล่นงานนักเรียนฉันด้วย?” แม่หยาหย่าตอนนั้นถูกเสี่ยวเชี่ยนให้คัด ‘คำสอนของตระกูลจู’ตั้งหลายรอบ เธอคัดไประยะหนึ่งแล้วก็รู้สึกว่าความคิดเปลี่ยนไป
น่าเสียดายที่ต่อมาเธอทะเลาะกับสามีจนถึงขั้นจะหย่ากันเธอก็เลยไม่มีอารมณ์คัดอีก เรื่องสั่งสอนลูกเลยมีละเลยไปบ้าง ด้วยเหตุนี้จึงทำให้อาการหยาหย่าหนักขึ้นเรื่อยๆ
แต่อันที่จริงในใจของเธอไม่ได้เกลียดเสี่ยวเชี่ยน รู้สึกกลัวกับรู้สึกผิดในใจมากกว่า ไม่เข้าใจว่าทำไมน้องชายต้องเล่นงานคนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องด้วย?
“ถึงตอนนี้จะยังหาลูกค้ามันที่จะมาช่วยเราแฉไม่ได้ แต่เราเก็บมันทางอื่นได้ เบื้องบนจะจัดการแข่งขันจิตวิทยาใช่ไหมล่ะ? ผมใช้ความเป็นสปอนเซอร์ไปสั่งให้มันมาเข้าร่วม ถ้ามันเกิดผิดพลาดในการแข่งขึ้นมาก็จะให้กรมแรงงานพักใบอนุญาตของมันซะ ถึงตอนนั้นก็หาแนวร่วมกดดันกรมแรงงานอีกทาง แล้วพวกคนที่เคยถูกมันเก็บค่ารักษาแพงๆยังจะทำเงียบแบบตอนนี้ได้เหรอ”
น้องชายพูดเล่าเป็นฉากๆ แม่หยาหย่าฟังแล้วก็หวั่นใจ
“นายคงไม่ได้…ไปรับปากอะไรใครไว้นะ?” ถ้าไม่ใช่อย่างนั้นแล้วทำไมต้องจ้องจะเล่นงานเฉินเสี่ยวเชี่ยนที่ไม่ได้เกี่ยวอะไรตั้งแต่แรกด้วย?
“เลิกถามเถอะ พี่รู้แค่ว่าถ้าเรื่องนี้สำเร็จพวกเราก็จะรวยมหาศาล ถึงตอนนั้นพวกเราก็จะส่งหยาหย่าไปเรียนเมืองนอก แล้วพี่ยังจะต้องกลุ้มเรื่องหยาหย่าไม่เชื่อฟังอีกเหรอ?”
พอวางสายแม่หยาหย่าร้อนใจ
ฟังจากที่น้องชายพูด เขาน่าจะไปรับปากอะไรใครไว้ มีคนคิดจะเล่นงานเสี่ยวเชี่ยน จากนั้นก็ให้ผลประโยชน์บางอย่างกับน้องชายเธอ
เธอนั่งบนโซฟามองกรอบรูปบนกำแพงที่แตกที่ไม่ได้รับการซ่อมมาตลอด เสี่ยวเชี่ยนเป็นคนทำ
คุณธรรมค้ำจุนโลก ตรงคำว่าคุณธรรมถูกฟาดจนแตก เสี่ยวเชี่ยนไม่ให้เธอซ่อม เธอก็ไม่ได้ซ่อมปล่อยมันไว้แบบนั้น
ช่วงหลายปีมานี้เธอไม่ได้รับเงินจากบรรดาผู้ปกครองของนักเรียนอีก เวลาว่างๆก็นั่งจ้องคำว่าคุณธรรมที่แตกนั่น
ครั้งก่อนที่เสี่ยวเชี่ยนช่วยหยาหย่าเอาไว้ เดิมทีเธอคิดจะไปขอบคุณ แต่ก็ยังรู้สึกผิดต่อเสี่ยวเชี่ยน ไม่มีหน้าไปพบเธอ
ตอนนี้น้องชายเธอจ้องจะเล่นงานเสี่ยวเชี่ยน แล้วเธอ…ควรทำไงดี?
แม่หยาหย่านึกถึงเรื่องที่น้องชายอยากส่งลูกสาวเธอไปเรียนเมืองนอก รวมถึงเรื่องที่ตอนนั้นเสี่ยวเชี่ยนมาหาเธอที่บ้านเพื่อถามเรื่องทำไมเอาหนังสือตอบรับการเข้ามหาวิทยาลัยไปซ่อน สองเรื่องนี้กำลังรบกวนจิตใจเธออยู่ จิตใจส่วนดีกับผลประโยชน์เริ่มส่งผลต่อความคิด เธอลังเลไม่รู้ควรไปทางไหนดี
ทางด้านน้องชายหลังจากวางสายแล้วก็กดโทรไปเบอร์หนึ่ง ท่าทางอวดดีมาก
“ใช่ครับทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ผมทำตามที่คุณต้องการไปเป็นสปอนเซอร์ให้การแข่งขันนี้ ต่อให้ครั้งนี้พวกเราเล่นงานเฉินเสี่ยวเชี่ยนไม่สำเร็จ แต่อย่างน้อยๆก็น่าจะจับผิดอะไรได้บ้างในระหว่างการแข่งขัน ทำให้มันสอบใบอนุญาตนักจิตวิทยาบำบัดระดับสองไม่ได้ ถึงตอนั้น หึหึ…”
“ทำได้ไม่เลว ถ้าเรื่องนี้สำเร็จนายได้รางวัลอย่างงามแน่ เพียงแต่ปากนายต้องปิดให้สนิทเข้าใจไหม?”
“ครับ รับรองเลยว่าจะไม่มีใครรู้ว่าท่านเป็นคนสั่ง ครับ”
…
“เสี่ยวเชี่ยน เธอไม่ต้องเข้าร่วมการแข่งครั้งนี้หรอก” ศาสตราจารย์หลิวพูด
ส่วนชีอวี่เซวียนก้มหน้าไม่พูดอะไร
อีกฝ่ายคงนึกไม่ถึงว่าเสี่ยวเชี่ยนจะรู้จักกับชีอวี่เซวียนที่สามารถบอกเบาะแสบางอย่างให้เสี่ยวเชี่ยนได้ พวกเขายังคงคิดว่าตัวเองทำได้อย่างแนบเนียน
ศาสตราจารย์หลิวไม่ต้องการให้เสี่ยวเชี่ยนเข้าร่วมการแข่งขัน ทางนั้นเจตนาไม่ชัดเจน หากไปเข้าร่วมอาจเป็นหลุมพรางได้ ถ้าเสี่ยวเชี่ยนเลี่ยงได้ก็ย่อมเป็นการดีกว่า
แบบนี้หมัดที่ทางนั้นปล่อยมาก็คล้ายกับชกลงบนปุยนุ่น อ่อนนุ่มไร้เรี่ยวแรง ไม่มีความรุนแรงอะไร
การแข่งขันแบบนี้ไม่ได้ถือเป็นการบังคับว่าเสี่ยวเชี่ยนต้องเข้าแข่งขัน ทางนั้นก็แค่หย่อนเบ็ดลงมาหวังจะให้เสี่ยวเชี่ยนงับ ขอแค่เสี่ยวเชี่ยนไม่เข้าไปงับก็จะไม่เข้าทางฝ่ายนั้น
“หนูจะเข้าร่วมค่ะ”
คำตอบของเสี่ยวเชี่ยนทำให้ศาสตราจารย์หลิวอึ้ง แม้แต่ชีอวี่เซวียนก็เงยหน้ามอง เลิ่กคิ้ว มองเสี่ยวเชี่ยนด้วยความสนใจ
เสี่ยวเชี่ยนเชิ่ดหน้าเล็กน้อยแล้วแสดงสีหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจออกมา
ชีอวี่เซวียนยิ้ม เห็นเธอเป็นแบบนี้แล้วเขามีความสุขจริงๆ นี่เป็นเด็กที่มีความพร้อมมาก สีหน้าของเธอบอกชีอวี่เซวียนว่า เธอมั่นใจเต็มร้อย
เห็นได้ชัดว่าศาสตราจารย์หลิวไม่ได้เข้าใจเสี่ยวเชี่ยนแบบชีอวี่เซวียน มุมมองในการมองปัญหาของผู้หญิงกับผู้ชายไม่เหมือนกัน
“เสี่ยวเชี่ยน เธอพูดอะไรน่ะ? รู้ทั้งรู้ว่านั่นอาจเป็นแผนเล่นงานเธอ ยังจะไปตามเกมอีกเหรอ? เดี๋ยวฉันจะปฏิเสธไป บอกว่าเธอต้องกลับบ้านไปแต่งงาน”
ศาสตราจารย์หลิวยังอยากปกป้องเสี่ยวเชี่ยนไว้ภายใต้ปีกของตัวเอง เพื่อไม่ให้เธอได้รับบาดเจ็บ
“หนูจะเข้าร่วมค่ะ”
แววตาของเสี่ยวเชี่ยนแน่วแน่เต็มไปด้วยความมั่นใจ
“อาจารย์คะ อาจารย์ช่วยหนูปฏิเสธครั้งนี้แล้วครั้งหน้าล่ะคะ? หนูปิดเทอมกลับบ้านไปแต่งงาน แล้วปิดเทอมครั้งหน้าล่ะคะ? ปีนี้เลี่ยงไปได้แล้วปีหน้าล่ะคะ? นับตั้งแต่ตอนที่หนูไปล่วงเกินคนพวกนั้นหนูก็เตรียมใจไว้แล้วว่าพวกเขาต้องไม่ปล่อยหนูแน่ ถ้าเทียบกับการบอกปัดไม่สู้ก้าวออกไปเผชิญอย่างผึ่งผาย คนพวกนั้นอยากทำอะไรก็ปล่อยไป”
ณ สนามฝึกในเวลานี้ อวี๋หมิงหลางที่สวมชุดฝึกยืนอย่างองอาจกำลังสรุปเรื่องที่เขาไปเข้าร่วมคลาสระดับนานาชาติมาให้ลูกน้องของเขาฟัง
น้ำเสียงของเขาหนักแน่นมีพลังคล้ายกับว่าผสานเป็นหนึ่งเดียวกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยความมั่นใจของเสี่ยวเชี่ยนที่อยู่กันคนละที่
“การป้องกันศัตรูที่มีประโยชน์ที่สุดก็คือการโจมตี ผมต้องการให้สมาชิกในทีมผมมุ่งหน้าออกไปดุจคมดาบ รับมือกับศัตรูที่อยู่ในมุมมืดมีแค่สามคำเท่านั้น ลุย ลุย ลุย”
คลาสนานาชาติในครั้งนี้อวี๋หมิงหลางได้จัดการเอาชนะทหารต่างชาติพวกนั้นที่เคยฝึกด้วยกันเมื่อไม่กี่ปีก่อนได้อีกครั้ง ใช้วิธีงัดข้อจนอีกฝ่ายต้องยอมแพ้ โดยเฉพาะการสู้แบบตัวต่อตัวในตอนท้ายสุด เขาใช้ความสามารถทางการทหารอันโดดเด่นเอาชนะแบบขาดลอย สร้างเกียรติยศอันน่าภาคภูมิใจให้กับประเทศชาติได้อีกครั้ง
และจากผลงานยอดเยี่ยมในครั้งนี้ เบื้องบนเห็นแก่ความดีความชอบจึงยกเลิกการลดตำแหน่งของเขา อวี๋หมิงหลางในเวลานี้กำลังภาคภูมิใจเป็นอย่างมาก เขาจึงนำความคิดการป้องกันโดยการโจมตีมาถ่ายทอดให้กับสมาชิกในทีม
สามีภรรยาที่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันบ่อยๆย่อมมีทัศนคติที่คล้ายกัน
การตัดสินใจของเสี่ยวเชี่ยนในเวลานี้เข้ากันกับสิ่งที่ที่อวี๋หมิงหลางกำลังพูดอยู่ในตอนนี้