การตัดสินใจของเสี่ยวเชี่ยนทำให้ศาสตราจารย์ทั้งสองท่านมีปฏิกิริยาตอบรับที่ต่างกัน สีหน้าของศาสตราจารย์ชีเต็มไปด้วยความพอใจ ส่วนศาสตราจารย์หลิวกลับเป็นกังวล
“ในเมื่อเป้าหมายของอีกฝ่ายคือหนู งั้นหนูก็จะออกไปเผชิญหน้า พวกเขาอยากให้หนูเข้าร่วมไม่ใช่เหรอคะ? งั้นหนูก็จะเข้าร่วม การแข่งขันแบบนี้จัดโดยหน่วยงานที่ทรงอิทธิพล ต่อให้พวกเขามีเส้นสายก็ไม่น่าใหญ่คับฟ้า จุดประสงค์ของพวกเขาที่แท้จริงก็คงหนีไม่พ้นใช้การถ่ายทอดทางโทรทัศน์ทดสอบหนูต่อหน้าสาธารณะชน แล้วรอดูหนูทำพลาด จากนั้นก็เล่นกระแสวิพากษ์วิจารณ์”
ถ้าเสี่ยวเชี่ยนทำได้ไม่ดีคอนพวกนั้นก็จะใช้อิทธิพลจากสื่อ แล้วขุดเคสรักษาคนไข้ในอดีตของเธอ เสี่ยวเชี่ยนพอจะนึกพาดหัวข่าวออก
เบื้องหลังค่ารักษาแพงมหาโหดที่ไม่มีใครรู้
ตลาดนักจิตวิทยาบำบัดต้องสั่นคลอน นักจิตวิทยาขั้นสามเรียกราคาสูงลิ่ว
แฉความลับเบื้องหลังนักจิตวิทยาบำบัดขั้นสามที่ไม่มีใครรู้ รู้แล้วจะต้องตะลึง
คนที่อยู่นอกวงการไม่ได้เข้าใจวงการนี้ ต่อให้เสี่ยวเชี่ยนเจอคำถามที่ยากมากคนนอกก็ไม่มีทางเข้าใจ พวกเขาแค่เห็นว่าเธอทำไม่ได้ จากนั้นก็ให้สื่อเล่นข่าว ต่อไปอนาคตทางด้านการงานของเสี่ยวเชี่ยนก็จะถึงทางตัน
คนพวกนี้คิดว่าตัวเองทำได้รอบคอบไม่มีช่องโหว่ แต่เสี่ยวเชี่ยนกลับมองทุกอย่างทะลุปรุโปร่ง
“เธอรู้ว่าพวกนั้นมีเจตนาไม่ดียังจะพาตัวเองเข้าไปหาอีก?” ตอนนี้ศาสตราจารย์หลิวไม่เข้าใจเสี่ยวเชี่ยน เด็กคนนี้นับวันจะยิ่งมั่นใจในตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ
“ตกปลาก็ต้องมีเหยื่อ พวกเขากล้าเอาหนูเป็นปลาก็อย่ามาโทษที่หนูจะกินเหยื่อแล้วหนีไป เฉินเสี่ยวเชี่ยนเมื่อไม่กี่ปีก่อนสามารถใช้สื่อโทรทัศน์เป็นโฆษณารับงานให้ตัวเองได้ ตอนนี้ก็ยังทำได้ การแข่งขันระดับนี้อย่างน้อยๆต้องออกอากาศช่องวิถีชีวิตของสถานีโทรทัศน์กลางกับช่องท้องถิ่นหรือเปล่า? พวกเขากล้าหยิบยื่นเวทีมาให้หนู งั้นหนูก็จะแสดงความสามารถอย่างเต็มที่”
กำลังกลุ้มอยู่ว่าจะทำให้ตัวเองมีชื่อเสียงเพิ่มขึ้นอย่างไร นี่โอกาสมาถึงที่แล้วเสี่ยวเชี่ยนจะปล่อยไปได้อย่างไร
ไม่รอให้ศาสตราจารย์หลิวแสดงความคิดเห็น ศาสตราจารย์ชีก็หัวเราะออกมา
“เยี่ยม ทำได้เยี่ยมมาก”
ถ้าต้องเทียบกับให้นิ่งเฉยรอถูกรังแก ไม่สู้ออกไปเผชิญหน้าให้เต็มที่ ความคิดของเสี่ยวเชี่ยนเหมือนกับชีอวี่เซวียนอย่างไม่ได้ตั้งใจ ความเด็ดเดี่ยวของเสี่ยวเชี่ยนทำให้ชีอวี่เซวียนยิ่งชอบเธอมากขึ้น มองเธอก็เหมือนมองตัวเองสมัยหนุ่มๆ
เสี่ยวเชี่ยนมุมปากกระตุก เธอเกือบลืมตานี่ไปแล้วเชียว
“ส่วนเรื่องคุณ…”
ศาสตราจารย์ชีขัดจังหวะเสี่ยวเชี่ยน
“เรื่องของพวกเรารอคุณแข่งเสร็จแล้วค่อยว่ากัน เสี่ยวหลิว การแข่งขันนี้เริ่มเมื่อไร?”
“อีกสี่วัน” ศาสตราจารย์หลิวยังคงเป็นห่วงศิษย์รัก
เวลากระชั้นชิดแบบนี้เสี่ยวเชี่ยนไม่มีเวลาได้เตรียมตัวเลย
“งั้นก็ยังทัน”
ยังทันที่เสี่ยวเชี่ยนว่าก็คือการรวมกิจกรรมบนเตียงกับเสี่ยวเฉียงเข้าไปด้วยแล้ว
ไม่ได้เจอเสี่ยวเฉียงตั้งนานก็คงต้องจัดเต็มทั้งวันทั้งคืน พรุ่งนี้คงปวดร่างไปทั้งตัวรวบรวมสมาธิไม่ได้แน่ วันมะรืนนอนพักผ่อนหนึ่งวันตอนเย็นค่อยออกไปนวด เตรียมพร้อมทั้งจิตใจและร่างกายมีเวลาเหลือเฟือ
ส่วนการฝึกซ้อมก่อนแข่งนั้น…ในพจนานุกรมของเด็กเนิร์ดไม่มีคำว่าฝึกซ้อม
“เย็นนี้ไม่ต้องกลับแล้ว ไปที่บ้านฉัน เดี๋ยวฉันติวให้ ขัดปืนตอนนี้ก็พอจะเงาได้บ้าง” ถึงจะรู้ว่าศิษย์รักของตัวเองความสามารถมาก แต่อีกฝ่ายแสดงออกอย่างชัดเจนว่ามีกับดัก ศาสตราจารย์หลิวจึงอยากฝึกเสี่ยวเชี่ยนให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
เวลานี้สมองเสี่ยวเชี่ยนคิดเอาไว้เรียบร้อยแล้วว่าคืนนี้จะป้อนอาหารเสี่ยวเฉียงน้อยยังไง รวมถึงท่าที่ใช้ พอได้ยินศาสตราจารย์หลิวพูดแบบนี้เธอเลยทำตาตี่ใส่
“อาจารย์มาขัดตอนนี้ก็ไม่ทันแล้วค่ะ มันจะยิ่งถลอกนะคะ”
ถลอก…เสี่ยวเชี่ยนเผลอคิดเยอะไปอีกแล้ว จึ๊ๆๆ
“เด็กคนนี้นี่ เวลาแบบนี้ยังจะมาเถียงอีก” ศาสตราจารย์หลิวไม่รู้จะขำหรือร้องไห้ดี
สายตาของเสี่ยวเชี่ยนเหลือบมองระยะห่างของประตู จากนั้นก้ค่อยๆขยับเข้าไปหาอย่างเงียบๆ
“คืองี้นะคะอาจารย์ อยู่ๆหนูก็นึกขึ้นมาได้ว่าลืมปิดหน้าต่าง หนูขอกลับไปปิดก่อนนะคะ~ เดี๋ยววันมะรืนหนูมาเลี้ยงข้าวนะคะ”
“กลับมาเดี๋ยวนี้นะ” ศาสตราจารย์หลิวโมโหแทบควันออกหู เสี่ยวเชี่ยนใส่รองเท้าส้นสูงระดับกลาง เธอรีบสับขาวิ่ง กลัวว่าถ้าช้าจะถูกจับตัวไว้
“เสี่ยวหลิวใจเย็นๆน่า ผมว่าเขารู้ว่าต้องทำไง คุณก็อย่าไปกดดันเขาเลย” ศาสตราจารย์ชีห้ามศาสตราจารย์หลิวไว้ได้ทัน ไม่ให้วิ่งไปจับเสี่ยวเชี่ยน
ศาสตราจารย์หลิวโมโหมาก “ตอนนี้เขายังไม่ได้เป็นเด็กของคุณ อย่าเพิ่งมายุ่งเรื่องของพวกเรา จะเข้าข้างอะไรนักหนา”
เธอพาลไปทั่ว
เพราะแคร์เสี่ยวเชี่ยน กลัวว่าจะทำพลาด เป็นห่วงอนาคตของเสี่ยวเชี่ยน ดังนั้นพูดจาเลยไม่เกรงใจ
ชีอวี่เซวียนไม่ได้โกรธ ยิ้มพลางพูด “คุณน่าจะรู้จักเขาดีกว่าผม เรื่องไหนที่เขาไม่มั่นใจคงไม่ตัดสินใจแบบนี้ เขามีวิธีรับมือแน่นอน”
กล้าเล่นเกมตกปลากับประธานเชี่ยนก็เท่ากับรนหาที่ตาย
นิสัยของเฉินเสี่ยวเชี่ยนก็คืองับทั้งเหยื่อทั้งตะขอเอาให้ละเอียด จากนั้นก็ฉวยโอกาสกัดคนตกเล็กน้อยแล้วดอดหนีไป ใครมายุ่งกับเธอก็ถือว่าซวย
“ไม่ใช่เด็กของคุณ คุณก็ไม่ได้รักเหมือนฉันนี่” ท่าทีของศาสตราจารย์หลิวที่มีต่อเสี่ยวเชี่ยนก็เหมือนกับลูกคนหนึ่ง ดอกไม้ที่เธอทะนุถนอมปลูกมาอย่างดียังไม่ทันจะได้เบ่งบาน แล้วจะปล่อยให้ออกไปเผชิญลมพายุได้อย่างไร
“สำหรับผมเขาไม่ได้เป็นแค่นักศึกษาจริงๆนั่นแหละ…” ชีอวี่เซวียนมองไปทางประตู ไม่เห็นแม้แต่เงาของเสี่ยวเชี่ยนแล้ว แต่สายตาของเขาที่มองไปยังคงอบอุ่น
“คุณว่าอะไรนะ?” ศาสตราจารย์หลิวได้ยินไม่ค่อยชัด
“ผมบอกว่า คุณรอดูผลงานอันเยี่ยมยอดของเขาได้เลย ถ้าคุณไม่ให้เขาร่วมแข่งแล้วจะรู้ได้ไงว่าเขามีความสามารถมากแค่ไหน?”
ศาสตราจารย์ชีพูดจบก็โบกมือให้ศาสตราจารย์หลิวแล้วเดินออกไปอย่างสบายๆ
ศาสตราจารย์หลิวกลับไปนั่งที่เก้าอี้ ยังคงรู้สึกไม่วางใจ ขณะที่กำลังจะโทรไปถามเรื่องเกี่ยวกับการแข่งเธอก็ได้รับข้อความจากเสี่ยวเชี่ยน
ข้อความสั้นๆ
เชื่อใจหนูนะคะ
ศาสตราจารย์หลิวจ้องข้อความนั้นอยู่หนึ่งนาที มือที่จับหูโทรศัพท์ของโต๊ะทำงานก็คลายออก เธอไม่โทรไปสืบเรื่องการแข่งแล้ว เธอโทรหาเสี่ยวเชี่ยน ปลายสายรับทันที
“อาจารย์ หนูจริงจังนะคะ”
“ก็ได้ ฉันเชื่อเธอ แต่ว่านะเสี่ยวเชี่ยน เธอไม่อยากเป็นศิษย์เหล่าชีมากเลยเหรอ?” คำถามนี้ศาสตราจารย์หลิวเก็บไว้มานานแล้ว วันนี้เห็นท่าทางของเสี่ยวเชี่ยนที่มีต่อศาสตราจารย์ชี ในที่สุดเธอจึงได้ถามออกมา
“ไม่อยากค่ะ อาจารย์คะ รู้ไหมคะช่วงสองสามวันนี้หนูออกไปทำอะไรมา? หนูไปช่วยเพื่อนมา เพื่อนหนูมีอาการผิดปกติในกระบวนการรับรู้เรื่องเพศ พ่อเขาจับเขาขังไว้ด้วยความหวังดี…สิ่งที่หนูอยากบอกก็คือ หนูรู้ว่าอาจารย์ทำเพื่อหนู แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่หนูต้องการค่ะ”
“…” ปลายสายเงียบไป
“อาจารย์คะ ความรู้ของหนูทั้งหมดได้มาจากอาจารย์ หนูรู้ว่าอาจารย์เป็นอาจารย์ที่ดีที่สุดในโลก ถ้าอาจารย์คิดว่าการเป็นลูกศิษย์ศาสตราจารย์ชีมันดีกับหนู ถ้าอย่างนั้นหนูจะยอมไปก็ได้ แต่หนูคงไม่มีความสุข”
คำพูดอาจฟังดูโหดร้าย เดิมเสี่ยวเชี่ยนไม่อยากพูด นี่คือบุคคลที่เธอเคารพมากที่สุด แต่บางเรื่องถ้าไม่พูดให้ชัดเจนก็คงไม่ดี
“ในสายตาของเธอ ฉันเหมือนผู้ปกครองที่จับเพื่อนเธอไปขังคนนั้นเหรอ?”
“เอ่อ…ก็ดีกว่าพวกเขานิดหน่อยค่ะ อย่างน้อยอาจารย์ก็ไม่ได้ช็อตไฟฟ้าหนู…”
“ยัยเสี่ยวปืนเหล็กนี่…เอาล่ะ กลับไปเตรียมแข่งให้ดี ฉันรอชมผลงานเธออยู่” ศาสตราจารย์หลิววางสายแล้วถอนหายใจด้วยความปวดใจเล็กๆ
ยัยเสี่ยวปืนเหล็กของเธอโตแล้วสินะ
เด็กคนนี้อยู่กับเธอมาตั้งหลายปี แต่นิสัยหัวรั้นเด็ดเดี่ยวไม่สนอะไรแบบนี้ทำไมมันถึงได้เหมือนเหล่าชีนัก?
ศาสตราจารย์หลิวมองไปนอกหน้าต่างพลางครุ่นคิดคำถามที่ไร้คำตอบนี้